หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1521 เมล็ดหัวใจปีศาจ

บทที่ 1521 เมล็ดหัวใจปีศาจ

“ก็คือแก…ฉิงเทียน!”

เสียงของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดังสะท้อนก้อง ทำให้ทุกคนตกใจ เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าคำพูดนี้หมายถึงอะไร

วังมหาพันภพก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ โดยปกติวังไม่มีประมุข แต่ด้วยสงครามที่ใกล้เข้ามาฉิงเทียนจึงได้รับเลือกให้เป็นเจ้าวังโดยไม่มีข้อกังขา

ด้วยสถานะนี้เขาจึงมีส่วนในการควบคุมค่ายกล แต่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกงุนงงก็คือคำพูดของจอมปีศาจเซิ่งเทียน

มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนหมายถึงอะไร แต่ก็ต้องมีเหตุผลในคำพูดนั่นแน่

ภายใต้สายตาสับสนของทุกคน คิ้วของฉิงเทียนก็ขมวดแน่นขณะมองไปที่จอมปีศาจเซิ่งเทียนอย่างเย็นชา “แกหมายถึงอะไร?”

เซิ่งเทียนฉายแววตาลึกลับพลางยิ้มส่งไปในทิศทางของฉิงเทียน “ตอนนั้นที่แกบุกเข้าไปในดินแดนของพวกข้า สังหารเหล่านักรบราชันปีศาจไปตั้งมากมาย กระทั่งสังหารจอมปีศาจไปคนหนึ่งก่อนที่จะหลบหนีกลับมาที่มหาพันภพใช่ไหม? เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ในชีวิตของแกเลยทีเดียว”

จอมปีศาจเซิ่งเทียนเอี้ยวศีรษะเล็กน้อย รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก “แต่แกคิดว่าจะหนีรอดไปจากพวกข้าคนเดียวแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ? ตอนนั้นแกยังไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก”

ทันใดนั้นฉิงเทียนก็รู้สึกเย็นเยือกลงกระดูกสันหลัง

จอมปีศาจเซิ่งเทียนโบกมือรัศมีปีศาจพวยพุ่งขึ้นก่อเป็นร่างปีศาจ ร่างนั้นซีดเซียวมองมาที่ฉิงเทียนด้วยรอยยิ้มไม่เชิงยิ้ม

“ฉิงเทียน แกจำเขาได้ไหม?”

เมื่อฉิงเทียนจ้องมองไปที่ร่างปีศาจนั่น ม่านตาก็หดลง เนื่องจากพบว่านี่คือจอมปีศาจที่เขาได้ฆ่าไปในตอนนั้น

“เป็นไปได้ยังไง?! มันยังมีชีวิตอยู่เรอะ?!” หัวใจของฉิงเทียนเต้นไม่เป็นส่ำไปหมดแล้ว

“เขาเป็นประมุขเผ่าซินหมัวสามสิบสองเผ่าปีศาจใหญ่ ต่อให้เป็นแกในตอนนี้ต่อสู้กับเขาก็ได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แกคิดว่าด้วยพลังน้อยนิดตอนนั้นแกสามารถฆ่าเขาได้จริงๆ เหรอ?” จอมปีศาจเซิ่งเทียนหัวเราะเยาะ

“เผ่าซินหมัว?!” ใบหน้าของฉิงเทียนเปลี่ยนไปรุนแรง รีบหันไปมองชิงซันและปู้สื่อ “เร็วเข้า ผนึกข้าเดี๋ยวนี้!”

การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่ชิงซันและปู้สื่อไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล

ชิงซันสะบัดแขนเสื้อกระบี่เขียวฉีกขาดมิติทะยานเข้าไปหาฉิงเทียน ส่วนปู้สื่อปล่อยลำแสงสีดำห่อหุ้มไปยังฉิงเทียน

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉิงเทียน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง

“ฮ่าๆ ฉิงเทียน แกเป็นคนไร้หัวใจจริงๆ คิดแม้แต่จะผนึกตัวเอง” แต่เมื่อแสงทั้งสองพุ่งลงมา เสียงหัวเราะเบาๆ ของจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ดังขึ้น

ฟู่ ฟู่!

ในเวลาเดียวกันเพลิงสีดำและสีขาวก็พุ่งลงมาจากขอบฟ้าปะทะกับลำแสงทั้งสอง ขณะที่เกิดเสียงดังฉ่าเพลิงสีดำขาวก็เผาผลาญทุกอย่าง

ชิงซันและปู้สื่อฉายแสงเย็นวูบไหวในดวงตา

“กระบี่เทพเขียว!”

ชิงซันแผดเสียงเย็นชา กระบี่เขียวในมือก็ทะยานขึ้น เมื่อรัศมีกวาดออกไปก็กลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นลำแสงที่ดูเหมือนว่าสามารถทะลุผ่านสวรรค์และโลกได้ พริบตาก็พุ่งไปหาจอมปีศาจเซิ่งเทียนเสือกแทงลงไปเบื้องล่าง

ปู้สื่อประสานมือเข้าด้วยกันวาดตราประทับขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่นหลิงสีดำพุ่งออกมาก็กลายเป็นลูกปัดสีเทาดำขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นด้านข้างจอมปีศาจเซิ่งเทียน

“สายฟ้าวิญญาณอเวจี!”

ทั้งสองคนนำทักษะแข็งแกร่งที่สุดออกมาทันที แม้แต่จอมปีศาจชั้นสูงก็ถูกสังหารได้หากประมาท

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีสองสาย ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ฉายความไม่แยแส เพลิงสีดำขาวพวยพุ่ง “เกราะเพลิงเทพปีศาจ!”

ขณะที่เขาตะโกนเพลิงสีดำขาวก็ลุกโชนขึ้นบนร่างกายกลายเป็นชุดเกราะ

ปัง!

เมื่อชุดเกราะถูกสวมเข้าเรียบร้อย กระบี่ก็ทะยานเข้ามา ส่วนลูกปัดระเบิดขึ้นพร้อมกับสายฟ้าสีเทาดำไร้ขอบเขต

โดยมีจอมปีศาจเซิ่งเทียนเป็นศูนย์กลาง รัศมีหลายหมื่นจั้งพังทลายเป็นสีดำพร้อมกับสะเก็ดมิตินับไม่ถ้วนบินว่อนออกไป

เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ใบหน้าก็ฉายแววตกใจ การโจมตีจากสองยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพนับว่าทำลายล้างจริงๆ

แต่ไม่รู้ว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนที่รับการโจมตีจะเป็นอย่างไร

ภายใต้การจ้องมองวิตกกังวลนับไม่ถ้วน มิติที่พังทลายก็ค่อยๆ กลับมาอยู่ในสภาพปกติ ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นเพลิงสีดำขาวพลุ่งพล่านขึ้นพร้อมกับร่างปีศาจยืนอหังการอยู่ข้างใน แม้ว่ารัศมีของชุดเกราะจะจางลง แต่เขาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการโจมตี

ซื้ด

ในดินแดนวั้นมู่ ทุกคนหายใจเข้าลึกพร้อมกับความหวาดผวาฉายบนใบหน้า ไม่มีใครคิดว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนจะทรงพลังขนาดนี้

แม้แต่ชิงซันและปู้สื่อรวมพลังกันก็ไม่สามารถทำอะไรได้

“เจ้าสองคนทรงพลังก็จริง แต่ยังเทียบกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามไม่ได้” เซิ่งเทียนชำเลืองมองทั้งสองคนอย่างไม่แยแส “การแสดงเพิ่งเริ่มต้น ดูอยู่เงียบๆ ไปเถอะ”

ขณะที่พูดเพลิงสีดำขาวก็พลุ่งพล่านออกมาเป็นวงรัศมี ปรากฏเหนือร่างชิงซันและปู้สื่อ

เมื่อวงรัศมีเพลิงสีดำขาวไหลเวียน เสียงดังฉ่าพร้อมด้วยเปลวไฟก็ขังจอมยุทธ์ทั้งสองไว้ภายใน

“ซินหมัวจัดการซะ แสดงให้ฉิงเทียนเห็นหน่อยว่าข้าวางแผนมานานแค่ไหนสำหรับวันนี้” จอมปีศาจเซิ่งเทียนยิ้มขณะมองไปที่ประมุขเผ่าซินหมัว

ประมุขเผ่าซินหมัวพยักหน้าพลางคลี่รอยยิ้มแปลกๆ ให้ฉิงเทียน “เงาปีศาจที่ถูกแกฆ่าในตอนนั้นก็คือเมล็ดหัวใจปีศาจของข้า แม้ว่าการฝึกฝนของข้าจะถูกทำลายไปพร้อมกับการทำลายมัน แต่แกก็ไม่รู้ว่าเมล็ดหัวใจปีศาจได้ซ่อนอยู่ในหัวใจตัวเองแล้ว หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน ต่อให้บรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว แกก็ไม่สามารถรับรู้ได้หรอก”

“ในตอนนั้นแกฆ่าอย่างบ้าคลั่งในดินแดนของเรา แม้จะหลบหนีก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงแผนการของเผ่าปีศาจ แต่สุดท้ายแกก็สร้างประหลาดใจให้พวกข้า ไม่คิดว่าแกจะขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขวังมหาพันภพได้ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“แต่วันนี้ถึงเวลาที่แกต้องแสดงคุณค่าของตัวเองแล้ว”

เสียงหัวเราะของซินหมัวดังขึ้น จากนั้นก็วาดตราประทับในฝ่ามือ ลำแสงสีดำนับล้านๆ สายพุ่งออกมาจากร่าง

ลำแสงเหล่านั้นหลอมรวมกับมิติไม่รู้ว่าเชื่อมต่อไปที่ใด

ทันใดนั้นร่างกายของฉิงเทียนก็สั่นสะท้าน เขาตกใจเมื่อรู้สึกถึงพลังแปลกประหลาดเริ่มไหลเวียนอยู่ในหัวใจของตนเอง

คลื่นหลิงในร่างกายเขากำลังถูกยับยั้งด้วยพลังนั้น

เสียงคำรามลึกดังก้องจากลำคอของฉิงเทียน ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เขาพยายามไหลเวียนคลื่นหลิงเต็มกำลัง แต่ยิ่งต่อต้านก็ยิ่งสูญเสียการควบคุมตัวเอง

“ฮ่าๆ เมล็ดหัวใจปีศาจเปิดค่ายกลดับแสงพันปีศาจซะ!”

ซินหมัวส่งเสียงร้องแหลมคม

ภายใต้สายตาที่มองมาอย่างตกตะลึงของจอมยุทธ์ทั้งหลาย มือของฉิงเทียนก็ค่อยๆ ยกขึ้นเริ่มสร้างตราประทับ ม่านแสงใต้เท้าเขาเริ่มผันผวนแล้วจางหายไป

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นฉากนี้ก็รู้สึกสั่นสะท้านไปถึงสันหลัง ไม่มีใครคิดว่าฉิงเทียนจะมี ‘เมล็ดพันธุ์ปีศาจหัวใจ’ ปลูกอยู่ในหัวใจตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน!

ขบวนแถวแสงที่สร้างขึ้นจากค่ายกลดับแสงพันปีศาจเริ่มละลาย

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจขบวนแถวแสงก็สลายลงไปหลายสิบชั้น

เมื่อเหล่าจอมปีศาจเห็นฉากนี้ดวงตาก็วาวโรจน์ เมื่อไรที่ค่ายกลชั้นสุดท้ายเปิดออกพวกเขาก็สามารถโจมตีดินแดนวั้นมู่ได้

อ๊าก!

ใบหน้าของฉิงเทียนบิดเบี้ยว เขารู้สึกได้ว่าตนเองกำลังทำอะไร แต่เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เลย ความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นในใจทำให้เขาคิดระเบิดตัวเองในขณะนี้

ขณะมองไปที่ขบวนแถวแสงที่กำลังละลาย สายตาเขาก็มีแต่ความสิ้นหวัง

แต่มือก็ยังคงวาดตราประทับไม่หยุด

ทว่าก่อนที่ตราประทับสุดท้ายจะเสร็จสิ้น ร่างกายเขาก็สั่นสะท้าน จากนั้นเพลิงงดงามและลึกลับก็ถูกจุดขึ้นจากภายในร่างกายเขา

เปลวไฟลุกโชนห่อหุ้มร่างฉิงเทียนไว้ เพลิงนี้ผิดแผกอย่างยิ่ง ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าเมื่อมันปกคลุมร่างฉิงเทียนก็มีเส้นสายสีดำแตกออกด้านนอกมิติ

ประมุขเผ่าซินหมัวตัวสั่น เลือดไหลออกมาจากปาก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน เขารู้สึกได้ว่าเมล็ดพันธุ์ที่เขาปลูกในร่างกายของฉิงเทียนถูกแผดเผาแล้ว

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนเปลี่ยนไป เขาจ้องเขม็งไปที่เพลิงลึกลับที่ลุกโชนจากร่างของฉิงเทียน พูดเน้นทีละคำด้วยน้ำเสียงน่าขนพองสยองเกล้า

“เพลิงจักรพรรดิ? ไอ้-เทพ-จักรพรรดิ-อัคคี บังอาจทำลายแผนของเรา!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท