“ก็คือแก…ฉิงเทียน!”
เสียงของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดังสะท้อนก้อง ทำให้ทุกคนตกใจ เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าคำพูดนี้หมายถึงอะไร
วังมหาพันภพก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ โดยปกติวังไม่มีประมุข แต่ด้วยสงครามที่ใกล้เข้ามาฉิงเทียนจึงได้รับเลือกให้เป็นเจ้าวังโดยไม่มีข้อกังขา
ด้วยสถานะนี้เขาจึงมีส่วนในการควบคุมค่ายกล แต่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกงุนงงก็คือคำพูดของจอมปีศาจเซิ่งเทียน
มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนหมายถึงอะไร แต่ก็ต้องมีเหตุผลในคำพูดนั่นแน่
ภายใต้สายตาสับสนของทุกคน คิ้วของฉิงเทียนก็ขมวดแน่นขณะมองไปที่จอมปีศาจเซิ่งเทียนอย่างเย็นชา “แกหมายถึงอะไร?”
เซิ่งเทียนฉายแววตาลึกลับพลางยิ้มส่งไปในทิศทางของฉิงเทียน “ตอนนั้นที่แกบุกเข้าไปในดินแดนของพวกข้า สังหารเหล่านักรบราชันปีศาจไปตั้งมากมาย กระทั่งสังหารจอมปีศาจไปคนหนึ่งก่อนที่จะหลบหนีกลับมาที่มหาพันภพใช่ไหม? เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ในชีวิตของแกเลยทีเดียว”
จอมปีศาจเซิ่งเทียนเอี้ยวศีรษะเล็กน้อย รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก “แต่แกคิดว่าจะหนีรอดไปจากพวกข้าคนเดียวแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ? ตอนนั้นแกยังไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก”
ทันใดนั้นฉิงเทียนก็รู้สึกเย็นเยือกลงกระดูกสันหลัง
จอมปีศาจเซิ่งเทียนโบกมือรัศมีปีศาจพวยพุ่งขึ้นก่อเป็นร่างปีศาจ ร่างนั้นซีดเซียวมองมาที่ฉิงเทียนด้วยรอยยิ้มไม่เชิงยิ้ม
“ฉิงเทียน แกจำเขาได้ไหม?”
เมื่อฉิงเทียนจ้องมองไปที่ร่างปีศาจนั่น ม่านตาก็หดลง เนื่องจากพบว่านี่คือจอมปีศาจที่เขาได้ฆ่าไปในตอนนั้น
“เป็นไปได้ยังไง?! มันยังมีชีวิตอยู่เรอะ?!” หัวใจของฉิงเทียนเต้นไม่เป็นส่ำไปหมดแล้ว
“เขาเป็นประมุขเผ่าซินหมัวสามสิบสองเผ่าปีศาจใหญ่ ต่อให้เป็นแกในตอนนี้ต่อสู้กับเขาก็ได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แกคิดว่าด้วยพลังน้อยนิดตอนนั้นแกสามารถฆ่าเขาได้จริงๆ เหรอ?” จอมปีศาจเซิ่งเทียนหัวเราะเยาะ
“เผ่าซินหมัว?!” ใบหน้าของฉิงเทียนเปลี่ยนไปรุนแรง รีบหันไปมองชิงซันและปู้สื่อ “เร็วเข้า ผนึกข้าเดี๋ยวนี้!”
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่ชิงซันและปู้สื่อไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล
ชิงซันสะบัดแขนเสื้อกระบี่เขียวฉีกขาดมิติทะยานเข้าไปหาฉิงเทียน ส่วนปู้สื่อปล่อยลำแสงสีดำห่อหุ้มไปยังฉิงเทียน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉิงเทียน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง
“ฮ่าๆ ฉิงเทียน แกเป็นคนไร้หัวใจจริงๆ คิดแม้แต่จะผนึกตัวเอง” แต่เมื่อแสงทั้งสองพุ่งลงมา เสียงหัวเราะเบาๆ ของจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ดังขึ้น
ฟู่ ฟู่!
ในเวลาเดียวกันเพลิงสีดำและสีขาวก็พุ่งลงมาจากขอบฟ้าปะทะกับลำแสงทั้งสอง ขณะที่เกิดเสียงดังฉ่าเพลิงสีดำขาวก็เผาผลาญทุกอย่าง
ชิงซันและปู้สื่อฉายแสงเย็นวูบไหวในดวงตา
“กระบี่เทพเขียว!”
ชิงซันแผดเสียงเย็นชา กระบี่เขียวในมือก็ทะยานขึ้น เมื่อรัศมีกวาดออกไปก็กลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นลำแสงที่ดูเหมือนว่าสามารถทะลุผ่านสวรรค์และโลกได้ พริบตาก็พุ่งไปหาจอมปีศาจเซิ่งเทียนเสือกแทงลงไปเบื้องล่าง
ปู้สื่อประสานมือเข้าด้วยกันวาดตราประทับขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่นหลิงสีดำพุ่งออกมาก็กลายเป็นลูกปัดสีเทาดำขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นด้านข้างจอมปีศาจเซิ่งเทียน
“สายฟ้าวิญญาณอเวจี!”
ทั้งสองคนนำทักษะแข็งแกร่งที่สุดออกมาทันที แม้แต่จอมปีศาจชั้นสูงก็ถูกสังหารได้หากประมาท
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีสองสาย ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ฉายความไม่แยแส เพลิงสีดำขาวพวยพุ่ง “เกราะเพลิงเทพปีศาจ!”
ขณะที่เขาตะโกนเพลิงสีดำขาวก็ลุกโชนขึ้นบนร่างกายกลายเป็นชุดเกราะ
ปัง!
เมื่อชุดเกราะถูกสวมเข้าเรียบร้อย กระบี่ก็ทะยานเข้ามา ส่วนลูกปัดระเบิดขึ้นพร้อมกับสายฟ้าสีเทาดำไร้ขอบเขต
โดยมีจอมปีศาจเซิ่งเทียนเป็นศูนย์กลาง รัศมีหลายหมื่นจั้งพังทลายเป็นสีดำพร้อมกับสะเก็ดมิตินับไม่ถ้วนบินว่อนออกไป
เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ใบหน้าก็ฉายแววตกใจ การโจมตีจากสองยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพนับว่าทำลายล้างจริงๆ
แต่ไม่รู้ว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนที่รับการโจมตีจะเป็นอย่างไร
ภายใต้การจ้องมองวิตกกังวลนับไม่ถ้วน มิติที่พังทลายก็ค่อยๆ กลับมาอยู่ในสภาพปกติ ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นเพลิงสีดำขาวพลุ่งพล่านขึ้นพร้อมกับร่างปีศาจยืนอหังการอยู่ข้างใน แม้ว่ารัศมีของชุดเกราะจะจางลง แต่เขาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการโจมตี
ซื้ด
ในดินแดนวั้นมู่ ทุกคนหายใจเข้าลึกพร้อมกับความหวาดผวาฉายบนใบหน้า ไม่มีใครคิดว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนจะทรงพลังขนาดนี้
แม้แต่ชิงซันและปู้สื่อรวมพลังกันก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“เจ้าสองคนทรงพลังก็จริง แต่ยังเทียบกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามไม่ได้” เซิ่งเทียนชำเลืองมองทั้งสองคนอย่างไม่แยแส “การแสดงเพิ่งเริ่มต้น ดูอยู่เงียบๆ ไปเถอะ”
ขณะที่พูดเพลิงสีดำขาวก็พลุ่งพล่านออกมาเป็นวงรัศมี ปรากฏเหนือร่างชิงซันและปู้สื่อ
เมื่อวงรัศมีเพลิงสีดำขาวไหลเวียน เสียงดังฉ่าพร้อมด้วยเปลวไฟก็ขังจอมยุทธ์ทั้งสองไว้ภายใน
“ซินหมัวจัดการซะ แสดงให้ฉิงเทียนเห็นหน่อยว่าข้าวางแผนมานานแค่ไหนสำหรับวันนี้” จอมปีศาจเซิ่งเทียนยิ้มขณะมองไปที่ประมุขเผ่าซินหมัว
ประมุขเผ่าซินหมัวพยักหน้าพลางคลี่รอยยิ้มแปลกๆ ให้ฉิงเทียน “เงาปีศาจที่ถูกแกฆ่าในตอนนั้นก็คือเมล็ดหัวใจปีศาจของข้า แม้ว่าการฝึกฝนของข้าจะถูกทำลายไปพร้อมกับการทำลายมัน แต่แกก็ไม่รู้ว่าเมล็ดหัวใจปีศาจได้ซ่อนอยู่ในหัวใจตัวเองแล้ว หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน ต่อให้บรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว แกก็ไม่สามารถรับรู้ได้หรอก”
“ในตอนนั้นแกฆ่าอย่างบ้าคลั่งในดินแดนของเรา แม้จะหลบหนีก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงแผนการของเผ่าปีศาจ แต่สุดท้ายแกก็สร้างประหลาดใจให้พวกข้า ไม่คิดว่าแกจะขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขวังมหาพันภพได้ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“แต่วันนี้ถึงเวลาที่แกต้องแสดงคุณค่าของตัวเองแล้ว”
เสียงหัวเราะของซินหมัวดังขึ้น จากนั้นก็วาดตราประทับในฝ่ามือ ลำแสงสีดำนับล้านๆ สายพุ่งออกมาจากร่าง
ลำแสงเหล่านั้นหลอมรวมกับมิติไม่รู้ว่าเชื่อมต่อไปที่ใด
ทันใดนั้นร่างกายของฉิงเทียนก็สั่นสะท้าน เขาตกใจเมื่อรู้สึกถึงพลังแปลกประหลาดเริ่มไหลเวียนอยู่ในหัวใจของตนเอง
คลื่นหลิงในร่างกายเขากำลังถูกยับยั้งด้วยพลังนั้น
เสียงคำรามลึกดังก้องจากลำคอของฉิงเทียน ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เขาพยายามไหลเวียนคลื่นหลิงเต็มกำลัง แต่ยิ่งต่อต้านก็ยิ่งสูญเสียการควบคุมตัวเอง
“ฮ่าๆ เมล็ดหัวใจปีศาจเปิดค่ายกลดับแสงพันปีศาจซะ!”
ซินหมัวส่งเสียงร้องแหลมคม
ภายใต้สายตาที่มองมาอย่างตกตะลึงของจอมยุทธ์ทั้งหลาย มือของฉิงเทียนก็ค่อยๆ ยกขึ้นเริ่มสร้างตราประทับ ม่านแสงใต้เท้าเขาเริ่มผันผวนแล้วจางหายไป
เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นฉากนี้ก็รู้สึกสั่นสะท้านไปถึงสันหลัง ไม่มีใครคิดว่าฉิงเทียนจะมี ‘เมล็ดพันธุ์ปีศาจหัวใจ’ ปลูกอยู่ในหัวใจตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน!
ขบวนแถวแสงที่สร้างขึ้นจากค่ายกลดับแสงพันปีศาจเริ่มละลาย
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจขบวนแถวแสงก็สลายลงไปหลายสิบชั้น
เมื่อเหล่าจอมปีศาจเห็นฉากนี้ดวงตาก็วาวโรจน์ เมื่อไรที่ค่ายกลชั้นสุดท้ายเปิดออกพวกเขาก็สามารถโจมตีดินแดนวั้นมู่ได้
อ๊าก!
ใบหน้าของฉิงเทียนบิดเบี้ยว เขารู้สึกได้ว่าตนเองกำลังทำอะไร แต่เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เลย ความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นในใจทำให้เขาคิดระเบิดตัวเองในขณะนี้
ขณะมองไปที่ขบวนแถวแสงที่กำลังละลาย สายตาเขาก็มีแต่ความสิ้นหวัง
แต่มือก็ยังคงวาดตราประทับไม่หยุด
ทว่าก่อนที่ตราประทับสุดท้ายจะเสร็จสิ้น ร่างกายเขาก็สั่นสะท้าน จากนั้นเพลิงงดงามและลึกลับก็ถูกจุดขึ้นจากภายในร่างกายเขา
เปลวไฟลุกโชนห่อหุ้มร่างฉิงเทียนไว้ เพลิงนี้ผิดแผกอย่างยิ่ง ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าเมื่อมันปกคลุมร่างฉิงเทียนก็มีเส้นสายสีดำแตกออกด้านนอกมิติ
ประมุขเผ่าซินหมัวตัวสั่น เลือดไหลออกมาจากปาก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน เขารู้สึกได้ว่าเมล็ดพันธุ์ที่เขาปลูกในร่างกายของฉิงเทียนถูกแผดเผาแล้ว
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนเปลี่ยนไป เขาจ้องเขม็งไปที่เพลิงลึกลับที่ลุกโชนจากร่างของฉิงเทียน พูดเน้นทีละคำด้วยน้ำเสียงน่าขนพองสยองเกล้า
“เพลิงจักรพรรดิ? ไอ้-เทพ-จักรพรรดิ-อัคคี บังอาจทำลายแผนของเรา!”