หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1525 หนึ่งหมัด

บทที่ 1525 หนึ่งหมัด

“ทักษะเหยินฝ่าเหอยี—คนวิทยายุทธรวมเป็นหนึ่ง!”

เสียงดังก้องภายในหัวใจของมู่เฉิน ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็สวมเข้ามาในร่างของมู่เฉิน อึดใจต่อมารัศมีก็ระเบิดออก

ทุกเกลียวรัศมีบรรจุด้วยพลังน่ากลัว

ตู้ม ตู้ม!

มหาสมุทรพลังพวยพุ่งขึ้นรอบๆ มู่เฉินพร้อมกับแรงกดดันน่ากลัวซึ่งทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลังงานหลิงทรงประสิทธิภาพอย่างยิ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางปลายสุดก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

ที่ด้านนอกขอบเขตค่ายกลดับแสงพันปีศาจ ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็สัมผัสได้เช่นกัน พวกเขาลดศีรษะลงมองไปที่ดินแดนวั้นมู่ จากนั้นสายตาก็หยุดลงชั่วครู่อยู่ที่มู่เฉินด้วยความตกใจ

“เขากำลังจะใช้ทักษะเหยินฝ่าเหอยี…เขากล้าหาญเกินไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นของร่างมหาเทพนิรันดร์ด้วย! หลังจากได้รับการขัดเกลาตามกาลเวลาและบรรจุด้วยพลังนิรันดร์ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ยังไม่กล้าที่จะใช้ทักษะนี้สักนิด”

สีหน้าของทั้งสามเปลี่ยนไปเป็นความกังวล พวกเขารู้ว่าร่างมหาเทพนิรันดร์ทรงพลังเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงรู้โดยธรรมชาติว่าแม้แต่กายาเซิ่งของมู่เฉินก็ยังยากลำบากมากในการแบกรับต่อสิ่งนี้

ตู้ม ตู้ม!

ภายใต้สายตาเป็นกังวลของทุกคน คลื่นหลิงภายในร่างกายของมู่เฉินก็พวยพุ่งรุนแรง ในขณะเดียวกันร่างกายเขาก็เริ่มขยายขนาดขึ้นพร้อมกับมัดกล้ามบนร่างกายโป่งนูนออกมา ตอนนี้เขาดูน่าสะพรึงกลัวมาก

ปัง!

เมื่อมัดกล้ามเหล่านั้นปริออก เลือดสดก็หยดแหมะ ร่างกายถูกย้อมด้วยเลือดทันที

รอยแตกเริ่มกระจายออกไปบนร่างกายราวกับเขาเป็นกระเบื้องเคลือบที่แตกร้าว

นั่นเป็นเพราะร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อการขยายตัวของคลื่นหลิงได้

“เฉินเอ๋อ!”

ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งซีดขาวกับภาพเบื้องหน้า คลื่นหลิงรอบตัวผันผวนไปหมด

“ชิงเหยี่ยนจิ้งตั้งสมาธิ! อย่าเพิ่งผลีผลาม!” ไท่หมิงตะเบ็งเสียงลั่น พวกเขาทั้งห้าเป็นเสาหลักของเหล่าจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพเพื่อทำลายล้างพลังชีวิตของเทพปีศาจจักรพรรดิ หากชิงเหยี่ยนจิ้งออกไปในเวลานี้ละก็ จะทำให้เกิดช่องโหว่ในการหมุนเวียนค่ายกลอย่างแน่นอน

ในเวลาแบบนี้ช่องโหว่เพียงเล็กน้อยก็ทำให้สถานการณ์พลิกผันได้

ชิงเหยี่ยนจิ้งตระหนักได้เช่นกัน ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงกัดฟันบังคับตัวเองเบี่ยงเบนความสนใจจากมู่เฉิน

ปัง ปัง!

ร่างกายของมู่เฉินยังคงระเบิดต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าถ้าไม่ปริแตกออกทั้งร่าง การขยายตัวของพลังงานภายในร่างกายก็จะไม่หยุดนิ่ง

ยามนี้หัวใจของเขาผันผวนเนื่องจากคลื่นหลิงรุนแรงในร่างกาย เขาไม่สามารถควบคุมพลังได้ ดังนั้นเขาทำได้เพียงกัดฟันและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมคลื่นหลิงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหมุนเวียนทักษะนี้

ฟิ้ว!

ขณะที่มู่เฉินพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ภายในร่างกาย เจียงหยาก็สังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน พร้อมกับรอยยิ้มน่ากลัว ร่างสัตว์ประหลาดก็ทะยานเข้ามา

“ทุกคนกันไว้หน่อย”

เมื่อเจียงหยาพุ่งเข้ามา จอมยุทธ์สิบกว่าคนก็ทะยานออกไปโดยมีลั่วหลีนำทัพ นางหันไปกล่าวกับคนอื่นๆ

“ได้ แต่พวกเราคงไม่สามารถรั้งไว้ได้นาน ดังนั้นช่วยราชันมู่ฟื้นตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้” เหล่าจอมยุทธ์ไม่ลังเลเลย เนื่องจากมีเพียงมู่เฉินเท่านั้นที่สามารถเผชิญหน้ากับประมุขเผ่าเสียหลิงได้ในขณะนี้

ลั่วหลีพยักหน้าไปปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ฝ่ามือเรียวผสานกัน แผนภาพโบราณเผยขึ้น นี่ก็คืออาวุธมหสวรรค์ของเผ่าไท่หลิง—แผนภาพวิญญาณโบราณ

ลั่วหลีบอกได้ว่าตอนนี้มู่เฉินกำลังสูญเสียการควบคุมคลื่นหลิงในร่างกาย แผนภาพวิญญาณโบราณสามารถจัดระเบียบคลื่นหลิงได้ ภายใต้แผนภาพแม้แต่คลื่นหลิงรุนแรงก็จะเชื่องลง

ทว่าคลื่นหลิงของร่างมหาเทพนิรันดร์มาจากแก่นอมตะ ดังนั้นแม้แต่แผนภาพวิญญาณโบราณก็ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้มู่เฉินคลายความกดดันลงได้บ้าง

ลั่วหลีฉายท่าทางเคร่งเครียด รีบสร้างตราประทับขึ้น แผนภาพวิญญาณโบราณคลี่ออกก่อนที่จะลอยอยู่เหนือศีรษะของมู่เฉิน ความอบอุ่นส่องลงมาปกคลุมร่างกายของมู่เฉินเอาไว้

ภายใต้รัศมีกระจ่างใส คลื่นหลิงรุนแรงภายในร่างกายของมู่เฉินก็เริ่มอ่อนลง มีไออากาศเย็นที่ไหลเข้ามาลบล้างคลื่นหลิงที่รุนแรง

มู่เฉินรีบคว้าโอกาสเทพลังงานลงไปในทักษะเทพทันที

วิชาสามพิสุทธิ์!

พริบตาร่างรองสองร่างก็ปรากฏออกมา พวกเขายื่นมือไปแตะไหล่มู่เฉินราวกับสะพาน เชื่อมโยงให้คลื่นหลิงที่ระเบิดภายในร่างกายของมู่เฉินไหลมาสู่ร่างรองทั้งสอง

ร่างรองทั้งสองมีต้นกำเนิดมาจากมู่เฉิน ดังนั้นจึงสามารถรับคลื่นหลิงแก่นนิรันดร์ได้เช่นกัน มิฉะนั้นแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ไม่กล้าดูดซับคลื่นหลิงเข้าสู่ร่างกายพวกเขาได้

ตู้ม ตู้ม!

เมื่อมีร่างรองทั้งสองช่วยเหลือ การอาละวาดภายในร่างกายมู่เฉินก็เริ่มนิ่งลง แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย แต่ก็ไม่มีการระเบิดอีกต่อไป

ขณะที่รัศมีเริ่มไหลเวียนบนพื้นผิวร่างกายของมู่เฉิน แม้แต่เส้นผมก็เริ่มโปร่งใส

เพียงสิบกว่าลมหายใจร่างกายของมู่เฉินก็คล้ายกับกระจกใสขณะเขายืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า เอิบอาบด้วยแรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้ประหนึ่งพระพุทธรูปโบราณ

ร่างกายเริ่มเปล่งประกายความโบราณ ราวกับว่าเขาผ่านยุคดั้งเดิมและรอดพ้นจากการกัดกร่อนของกาลเวลา

ชิงเหยี่ยนจิ้งและจอมยุทธ์คนอื่นๆ มองไปที่ฉากนี้ด้วยความตะลึงงัน ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะบรรลุเป้าหมายนี้

“เป็นเช่นนี้เอง… เขาใช้วิชาสามพิสุทธิ์ซับพลังของร่างมหาเทพนิรันดร์ แม้ว่าจะเป็นแค่ชั่วคราว แต่เขาก็ยังทำได้…”

“ตอนนี้เขาคงสามารถสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลย”

พวกเขาสบตากันและอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชม มิน่าล่ะมู่เฉินถึงกล้าทำเช่นนี้ ที่แท้ก็มีแผนอยู่แล้ว แต่วิธีนี้ก็น่าตกใจอย่างยิ่ง

บนท้องฟ้า มู่เฉินลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ม่านตาสีดำก็เปลี่ยนเป็นโปร่งใสลึกซึ้ง ราวกับว่ากินลึกยิ่งกว่าท้องฟ้าแห่งทางช้างเผือก

มู่เฉินหันหน้าไปมองร่างรองทั้งสอง ตอนนี้พวกเขาก็มีร่างโปร่งใส แต่ไม่สามารถขยับได้เนื่องจากพลังภายในร่างกายรุนแรงเกินไป เมื่อเคลื่อนไหวอาจระเบิดได้เลยทีเดียว

ทว่ามู่เฉินกลับมองไปที่ร่างรองทั้งสองด้วยดวงตาวูบไหว เนื่องจากเมื่อสักครู่เขาเหมือนจะเกิดความเข้าใจบางอย่าง…

ซึ่งก็คือขั้นสามของวิชาสามพิสุทธิ์—สามพิสุทธิ์ในตำนาน

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่จักรพรรดิฟ้าก็ยังแตะไปไม่ถึง

ตอนแรกมู่เฉินก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่เมื่อเขาเทพลังของร่างมหาเทพนิรันดร์ให้กับร่างรองทั้งสอง ทั้งสามคนก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้งแผ่วเบา

มู่เฉินครุ่นคิด แต่ก็ระงับใจไว้ชั่วคราวก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกายของเขามองไปที่เจียงหยาที่กำลังโรมรันพันตูกับการขัดขวางของจอมยุทธ์สิบกว่าคน แต่ช่างดูดุร้ายเหมือนเสือในฝูงแกะ เพียงโบกมือเบาๆ คนอื่นๆ ก็ถูกซัดกระเด็นจนต้องถอยออกไป

แต่ขณะที่เจียงหยากำลังจะเริ่มลงมือสังหารร่างกายก็ต้องแข็งทื่อ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกจ้องมองโดยยมทูต ทำให้เขารู้ว่าตัวเองจะต้องทนทุกข์จากการทำลายล้างหากเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

เขาเงยหน้าขึ้น ม่านตาสีม่วงดำก็มองไปเห็นม่านตาโปร่งใส ดวงตาเขาหดลงทันใดและรู้สึกถึงอันตรายที่เกิดขึ้นในใจ

มู่เฉินซึ่งอยู่ภายใต้สภาวะนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว

เมื่อมองไปที่เจียงหยามู่เฉินก็ยิ้มอ่อน ก่อนที่เขาจะวับหายไปในช่วงเวลาต่อมา

เจียงหยาตัวแข็งทื่อก่อนที่จะถอยออกไปโดยไม่ลังเล ในเวลาเดียวกันคลื่นหลิงสีม่วงดำก็กวาดออกก่อตัวเป็นชั้นการป้องกันรอบตัว

วาบ!

ร่างของมู่เฉินปรากฏต่อหน้าเจียงหยา เขามองไปที่การป้องกันอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะกำหมัดชกลงมา

ปัง!

เมื่อหมัดชกลงมา รัศมีโปร่งใสก็รวมตัวกัน ท้องฟ้าพังทลายลงขณะคลื่นหลิงเพิ่มพูนในทิศทางของหมัดมู่เฉิน

หมัดพุ่งลงมาราวกับเป็นดวงอาทิตย์ดวงใหญ่

ปัง ปัง ปัง!

การป้องกันของเจียงหยาพังพินาศลงทันที เขาส่งเสียงร้องโหยหวน หมุนเวียนคลื่นพลังทั้งหมดไปที่แขน ลวดลายน่ากลัวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น

ตึง!

ดวงอาทิตย์คล้อยลงปะทะกับแขนปีศาจ

เกลียวแสงนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน มากจนแม้แต่ฉิงเทียนและจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ยังต้องหันไปจับจ้อง

ปัง!

ขณะที่การปะทะยิ่งใหญ่ดังกึกก้อง ท้องฟ้าก็ถล่มลง ทุกคนเห็นดวงอาทิตย์ตกลงมาบดบังรัศมีปีศาจสีม่วงดำ แขนทั้งข้างของเจียงหยาระเบิดออก…

อ๊าก!

เสียงร้องดังสะท้อนก้อง เจียงหยากระเด็นกลับ ร่างกระแทกลงบนภูเขาหลายลูกที่ขวางทาง ภูเขาเหล่านั้นพังทลายลงก่อนที่เจียงหยาจะถูกฝังลงไปในภูเขาห่างไกลซึ่งร่างปกคลุมไปด้วยเลือด ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขาแหลกเหลวไปหมด…

ทุกคนสูดลมหายใจเย็นกับฉากนี้ โดยเฉพาะหมัวเฮอเทียน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจหวาดหวั่นกับหมัดของมู่เฉินที่ทรงพลังปานนี้

ถ้าเขาไม่ได้ใช้ขวดมหาเพลิงวารี เขาอาจจะถูกฆ่าตายทันทีด้วยหมัดนั่น

“ไอ้หนูนี่…”

หมัวเฮอเทียนมองไปที่ร่างเคลือบแก้วบนท้องฟ้าโดยที่มุมริมฝีปากกระตุกไม่หยุด เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากเขารู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับมู่เฉินที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่มีโอกาสที่เผ่าหมัวเฮอจะได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์คืน…

เพราะชายหนุ่มคนนี้กำลังเข้าใกล้ตำนานแล้ว

ตำนานเทพจอมยุทธ์ที่เคยแข็งแกร่งที่สุดแห่งมหาพันภพ—เทพจักรพรรดินิรันดร์

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท