หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1520 คนคนนั้น

บทที่ 1520 คนคนนั้น

โฮก!

ชั้นรัศมีปีศาจถูกฉีกออกจากกัน มังกรสีม่วงทองขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเกล็ดสีทองเปล่งรัศมีสีทองสว่างจ้า เมื่อแผ่กระจายออกไปรัศมีปีศาจก็ถูกสลายไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว

เบื้องหลังมังกรสีม่วงทองยังมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ติดตามมา อึดใจต่อมาคลื่นหลิงทรงพลังก็กวาดออก ทำเอาแรงกดดันปีศาจถอยร่นกลับไปอีกหลายส่วน

“นั่นจักรพรรดิมังกรแท้จริง อดีตผู้อาวุโสใหญ่เผ่ามังกร!”

“จักรพรรดิหงส์ฟ้าแท้จริงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน!”

“ส่วนนั่นคือผู้อาวุโสคุนเผิงและราชันวานรทะลุฟ้า!”

“…”

เสียงโห่ร้องดังมาจากในดินแดนวั้นมู่ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาเหล่านั้นเป็นมหาเทพอสูรสูงสุดที่มีชื่อเสียงของมหาพันภพ

จอมยุทธ์ที่ถูกกล่าวถึงเหล่านี้เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลาย ซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าฉิงเทียน ชิงซันและปู้สือเลย

ท้ายที่สุดแล้วมีสิ่งมีชีวิตมากมายเกินคณนาในมหาพันภพ นอกเหนือจากเผ่ามนุษย์ยังมีเผ่าเทพอสูร และในบรรดาเผ่าเทพอสูรนี้ มหาเทพอสูรก็คือโอรสสวรรค์ ความแข็งแกร่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามนุษย์เลย

แม้ว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์มักจะมีข้อพิพาทกันเนืองๆ แต่ทุกคนก็เป็นส่วนหนึ่งของมหาพันภพ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจที่บุกรุกเข้ามาในบ้าน พวกเขาก็ต้องร่วมมือร่วมใจกันเอาชนะ

ทุกคนเข้าใจดีว่าหากมหาพันภพตกอยู่ในเงื้อมมือของจักรวรรดิปีศาจ ทุกสรรพสิ่งก็จะตกเป็นทาส

ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความสุขของทุกคน เหล่าเทพอสูรก็ย่อขนาดร่างกายลง คนนำเบื้องหน้าเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีม่วงทองดูแข็งกระด้าง ดวงตาของเขาราวกับทองที่เอิบอาบความกดดันน่ากลัว

ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็คือจักรพรรดิหงส์ฟ้าจากสองตระกูล เป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิง

มู่เฉินได้พบกับหวงจิงจักรพรรดิหงส์ฟ้าแท้จริงมาก่อนเมื่อในอดีต แม้ว่าพลังของเขาจะอยู๋ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลาง แต่ถ้าร่วมมือกับจักรพรรดิหงส์แท้จริงอีกคนก็สามารถเผชิญหน้ากับจอมปีศาจระยะปลายสุดสองคนได้เลยทีเดียว

ที่เบื้องหลังยังมีจอมยุทธ์เทพอสูรจากเผ่าต่างๆ ซึ่งดูเกรี้ยวกราดนัก

“พี่ฉิง พวกข้าคงไม่ได้มาสายใช่ไหม” จักรพรรดิมังกรแท้จริงประสานมือเข้าด้วยกันคารวะ

เมื่อเห็นกำลังเสริม ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนมากมายในดินแดนวั้นมู่ แต่ทุกคนก็จดจ่ออยู่กับค่ายกลไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้แค่พวกเขาสามคนก็ไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับจักรวรรดิปีศาจต่างมิติที่ยกพลกันมาที่นี่

ด้วยการมาถึงของเผ่าเทพอสูร ความกดดันที่มีก็คลายลงทันที

“ฮ่าๆ ไอ้พวกปีศาจเวรไม่เคยคิดยอมแพ้เลยใช่ไหม? โหยหามหาพันภพของเรายิ่งนัก!” ม่านตาสีทองของจักรพรรดิมังกรแท้จริงกะพริบอย่างเย็นชา ขณะที่มองไปที่ปีศาจที่น่ารังเกียจ

จอมปีศาจเซิ่งเทียนมองกลับมาอย่างไม่แยแส “ก็แค่พวกแมลงยังกล้าพูดเย่อหยิ่งเช่นนี้? เมื่อไรที่จักรวรรดิปีศาจครอบครองมหาพันภพ พวกข้าจะใช้เทพอสูรอย่างเจ้าเป็นพาหนะ”

“ไอ้เวรรนหาที่ตาย!” ราชันวานรทะลุฟ้าคำรามรุนแรงขณะที่ม่านตาเปลี่ยนเป็นสีแดง มือเขากำแน่นไม้พลองก็ปรากฏขึ้น มิติแตกออกพร้อมกับการกวัดแกว่ง

“เผ่าอั้นหมัวกำจัดพวกมันซะ อย่าปล่อยให้แมลงเหล่านั้นเข้าใกล้” จอมปีศาจเซิ่งเทียนสั่งการอย่างไม่แยแส

“ฮี่ๆ แมลงเหล่านี้น่ารำคาญก็จริง แต่เนื้อหอมหวลเป็นยาบำรุงชั้นดีสำหรับเรา!” จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มขณะที่มองดูเหล่าเทพอสูรก่อนที่จะโบกมือ

ในมิติแตกร้าว รัศมีปีศาจรุนแรงพวยพุ่งออกมา สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่หลายร่างปรากฏขึ้น เมื่อพลังแผ่ซ่านออกมาทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ว่าพวกมันก็คือจอมปีศาจระดับเทียนทั้งหมด

แม้ว่าจะมีขอบเขตระนาบมิติในพิภพเขตล่าง แต่ครั้งนี้เผ่าปีศาจก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อนำกองทัพผ่านเข้ามาได้

“ฮ่าๆ พวกข้าเคยจับแมลงกินมาแล้ว เนื้อของมันหวานกรอบอร่อย แต่ข้าว่าพวกมันรสชาติน่าจะด้อยกว่าเมื่อเทียบกับแก” จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มพร้อมกับหรี่ตาขณะมองไปที่จักรพรรดิมังกรแท้จริง

ดวงตาของจักรพรรดิมังกรแท้จริงเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวตอบว่า “ข้าจะฉีกแกทีละชิ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยให้กับเผ่าพันธุ์เหล่านั้น!”

“ข้ากลัวว่าแกจะทำไม่สำเร็จนะสิ”

จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มขณะที่ดวงตามืดมนลงพลางประกาศอย่างไม่แยแส “ฆ่าพวกมัน!”

ตู้ม!

ที่ด้านหลังทันใดนั้นเหล่าปีศาจก็ระเบิดรัศมีปีศาจออกมาซึ่งสร้างหายนะไปทั่วภูมิภาค ห่อหุ้มไปทางกลุ่มจักรพรรดิมังกรแท้จริง พวกมันทั้งหมดก็คือจอมปีศาจระดับเทียน

“ฆ่า! ฆ่าไอ้พวกนั้นซะ!”

ราชาวานรทะลุฟ้าคำรามพลางซัดไม้พลองออกไป ฉีกแหวกมิติเหวี่ยงเข้าหาหนึ่งในจอมปีศาจ

คุนเผิง หวงจิงและจอมยุทธ์มหาเทพอสูรเผ่าอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตครางกระหึ่มพร้อมกับแรงกดดัน ขณะที่เข้าโรมรันไม่มีกลัวเกรง

ตู้ม ตู้ม!

การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้โลกโยกคลอนไปหมด คลื่นหลิงมหาศาลและคลื่นปีศาจปะทะกันแม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้าก็สั่นไหว

จักรพรรดิมังกรแท้จริงไม่ได้เคลื่อนไหว แต่สายตาจับจ้องไปที่จอมปีศาจอั้นเทียนที่ดูสบายใจ เขารู้สึกถึงรัศมีอันตรายอย่างยิ่งจากอีกฝ่าย

“เจ้าแมลง ยังไม่ลงมืออีกเหรอ?” จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มพร้อมกับหรี่ตาลงขณะมองไปที่จักรพรรดิมังกรแท้จริง

ดวงตาของจักรพรรดิมังกรดูน่าสะพรึงกลัวขึ้น ตัวเขาเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงสุดในมหาพันภพและไม่มีใครโอหังเรียกเขาในลักษณะนี้ แม้ว่าคนคนนี้จะทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคาม แต่ดวงตาของจักรพรรดิมังกรแท้จริงก็ยังคงเปล่งประกายด้วยความเย็นชา

“ในเมื่อไม่คิดขยับตัวก็ตายซะ” จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มขณะที่กระแสคลื่นในม่านตาหมุนคว้างกลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งออกมา

ลำแสงสีดำนั้นเต็มไปด้วยรัศมีแห่งการทำลายล้าง ในเส้นทางพาดผ่านพลังทั้งหมดถูกลบออก ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

เมื่อลำแสงสีดำปรากฏขึ้นจักรพรรดิมังกรก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่กล้าที่จะประมาท เสียงคำรามดุดันดังออกมาจากลำคอ

“กรงเล็บมังกรแท้จริง!”

เขายื่นมือออกมาก่อร่างเป็นกรงเล็บมังกรขนาดยักษ์ซึ่งปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีม่วงทอง เมื่อเหวี่ยงออกไปมิติก็ฉีกออกจากกัน แม้ว่าจะมีสะเก็ดมิติบินวนรอบกรงเล็บมังกร แต่ก็ไม่สามารถทิ้งรอยใดๆ ไว้บนเกล็ดได้ ในทางกลับกันยิ่งทำให้กรงเล็บนี้ดุร้ายมากขึ้น

กรงเล็บนี้สามารถฉีกทะลุร่างเวทสวรรค์ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดาได้เลยทีเดียว

ชี่!

กรงเล็บมังกรพุ่งหวือออกไปชนเข้ากับลำแสงสีดำ ทว่าความปั่นป่วนขนาดใหญ่ที่คาดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น แต่มิติก็ยังยุบลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่

เมื่อกรงเล็บมังกรหายไปจักรพรรดิมังกรแท้จริงก็ตัวสั่นสะท้าน เกิดรอยเลือดไหลลงที่กรงเล็บของเขา

จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มให้จักรพรรดิมังกรแท้จริง อึดใจต่อมาก็สร้างภาพมายาทะยานออกไปพร้อมกับกระแสคลื่นวนในดวงตาเขาหมุนคว้างเร็วขึ้น

โฮก!

จักรพรรดิมังกรแท้จริงเปล่งเสียงคำราม ร่างกายก็เริ่มขยายขนาดพร้อมกับเกล็ด ดูเหมือนมนุษย์มังกรพุ่งเข้าปะทะกับจอมปีศาจอั้นเทียน

ปัง ปัง ปัง!

ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ทุกกระบวนท่าก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน

เมื่อมองไปที่เหล่าจอมยุทธ์ที่ช่วยซื้อเวลาไม่ให้พวกเขาเข้าสู่ดินแดนวั้นมู่ได้ จอมปีศาจเซิ่งเทียนก็หันกลับไปมองฉิงเทียน ชิงซันและคนอื่นๆ “เมื่อพวกข้าปรากฏตัว จักรวรรดิปีศาจก็ได้เริ่มบุกโจมตีมหาพันภพทุกหัวระแหงแล้ว ดังนั้นอย่าหวังว่าจะได้รับกำลังเสริมใดอีก”

ฉิงเทียนตอบอย่างเย็นชา “นั่นก็หมายความว่ากำลังของเผ่าปีศาจถูกรั้งไว้มากเช่นกัน”

ฉิงเทียนเอี้ยวหน้ามองไปที่ดินแดนวั้นมู่ ขณะนี้มีหอกมากกว่าสี่สิบเล่มสร้างขึ้นโดยค่ายกล หลังจากนี้อีกประมาณห้าสิบครั้งพลังชีวิตของเทพปีศาจจักรพรรดิก็จะถูกลบออกตลอดกาล

พวกเขาต้องลากเวลาออกไป

“ถ้าพี่เซียวและพี่หลินอยู่ที่นี่ ไอ้พวกปีศาจเหล่านี้จะหยิ่งยโสได้ยังไง?” ฉิงเทียนถอนหายใจ กระทั่งเขาเองยังรู้สึกชื่นชมคนทั้งสอง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายเหมือนกัน แต่ฉิงเทียนมีความรู้สึกที่คลุมเครือว่าตนเองไม่สามารถเทียบเคียงกันเทพจอมยุทธ์ทั้งสองได้

ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมามีอัจฉริยะมากมายนับไม่ถ้วนในมหาพันภพ ซึ่งเขาก็ได้พบมามาก แต่ไม่เคยมีใครที่สามารถให้ความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน

“พวกมันสองคนเป็นตัวปัญหาจริงๆ พวกข้าถึงกับต้องแยกกองทัพสูงสุดออกจากกัน” จอมปีศาจเซิ่งเทียนทอดถอนหายใจ “ถ้าพวกมันมีเวลามากกว่านี้ ข้ากลัวว่าทั้งสองคนนั่นจะไปถึงในระดับของเทพจักรพรรดินิรันดร์ แต่ช่างน่าเสียดาย…”

รอยยิ้มผิดแผกปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของจอมปีศาจเซิ่งเทียน “พวกเจ้าไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”

สายตาของฉิงเทียนเย็นชาลง “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกแกสามารถทำลายค่ายกลได้หรือไม่!”

จอมปีศาจเซิ่งเทียนมองไปที่ฉิงเทียน สายตาก็ดูแปลกประหลาดยิ่งขึ้น รอยยิ้มยิ่งดูน่ากลัว “ฉิงเทียน ข้าไม่สามารถทำอะไรกับค่ายกลย์นี้ได้ก็จริง”

“แต่คนอื่นทำได้…”

ม่านตาของฉิงเทียนหดลงขณะแลกเปลี่ยนสายตากับชิงซันและปู้สื่อ พวกเขาเร้าคลื่นหลิงปกคลุมรอบตัวทันที ตั้งระวังสูงสุด

“ข้าจะดูว่าใครสามารถทำลายค่ายกลได้!” ฉิงเทียนยิ้มเย็น

จอมปีศาจเซิ่งเทียนคลี่ยิ้ม ทว่ารอยยิ้มดูพิลึกนัก เขาจ้องมองไปที่ฉิงเทียนและพูดช้าๆ

“ในเมื่อเจ้าอยากรู้ งั้นข้าจะบอกให้เอาบุญว่า… คนคนนั้น…”

“ก็คือแก…ราชัน-สังหาร-ปีศาจ—ฉิงเทียน!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท