หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1519 กองหนุน

บทที่ 1519 กองหนุน

รัศมีปีศาจดังก้องไปทั่วทั้งภูมิภาค

ไอเชี่ยวกรากพรั่งพรูออกมาไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้พื้นที่ในดินแดนวั้นมู่ราวกับดินแดนปีศาจ

เมื่อรัศมีปีศาจเพิ่มขึ้นก็สามารถมองเห็นร่างทรงพลังท่ามกลางพวกมัน ดวงตาแต่ละคู่เย็นเยือกขณะมองเหล่าจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนที่อยู่ภายในราวกับกำลังมองเหยื่อ

ในดินแดนวั้นมู่เหล่าจอมยุทธธ์ก็มองไปที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากด้วยความตื่นตระหนกแฝงความวิตกกังวลบนใบหน้า เพราะที่สุดแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นพวกปีศาจเต็มๆ นอกจากนี้ที่มาที่นี่ทั้งหมดก็เป็นสุดยอดนักรบอีกด้วย

สีหน้าของฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อเย็นชาลง พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างปีศาจเหล่านั่นพลางเอ่ยเสียเย็น “จักรวรรดิปีศาจต่างมิติกล้าหาญแท้จริงที่บุกลึกเข้ามาในมหาพันภพ ไม่กลัวที่จะถูกสังหารโดยกองทัพพันธมิตรมหาพันภพรึ?”

เมื่อรัศมีปีศาจพวยพุ่งก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ร่างสวมชุดคลุมสีดำก็ก่อตัวขึ้น ร่างนั้นถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีน่ากลัวไร้ขอบเขตราวกับว่าเป็นผู้นำหมู่มวลปีศาจ ทว่ารูปลักษณ์เขาดูเป็นมิตรมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตา เมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นก็ไม่มีใครสามารถเกิดความเกลียดชังในหัวใจและรู้สึกถึงความเคารพ

“ฮ่าๆ เมื่อพวกข้าปรากฏตัว ดินแดนวั้นมู่ก็ถูกปิดผนึกหมดแล้ว ดังนั้นต่อให้เกิดความวุ่นวายที่นี่ ภายนอกก็ไม่มีทางรับรู้” ร่างชุดดำยิ้มขณะที่จ้องมองไปที่ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อพลางพูดอย่างเป็นมิตร “สหายถ้าพวกเจ้ายอมปล่อยเทพปีศาจจักรพรรดิ จักรวรรดิปีศาจต่างมิติสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับมหาพันภพได้”

“จอมปีศาจเซิ่งเทียน…”

ฉิงเทียนมองไปที่ร่างชุดดำก็จำตัวตนนั่นได้ทันที นี่คือผู้นำของจักรวรรดิปีศาจ ตำแหน่งของเขาอยู่ภายใต้เทพปีศาจจักรพรรดิเท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกปีศาจจะนำพลังทั้งหมดออกมาเพื่อช่วยเหลือเทพปีศาจจักรพรรดิแล้ว

“เผ่าปีศาจโหดเหี้ยม มองว่าทุกชีวิตในมหาพันภพเป็นเหมือนวัชพืช คงเป็นเรื่องตลกมากที่ได้ยินคำว่า ‘สันติ’ จากปากเจ้า” ปู้สื่อตอบอย่างเย็นชา

เมื่อได้ยินคำตอบจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ยิ้มอย่างสบายๆ “กฎการล่าเป็นความจริงทั่วทุกที่ ในเมื่อจักรวรรดิปีศาจต้องการดำรงอยู่ก็ต้องบุกมหาพันภพและเปลี่ยนคลื่นหลิงที่น่าขยะแขยงให้กลายเป็นคลื่นปีศาจ ตราบใดที่พวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์ ข้าก็ยินดีจะแปลงร่างกายทั้งหมดของพวกเจ้าเพื่อปรับแต่งให้เข้ากับมหาพันภพใหม่นะ”

“สามหาว บังอาจกล้าทำให้คลื่นหลิงแปดเปื้อน!” ใบหน้าของเหล่าจอมยุทธ์เปลี่ยนไปขณะร้องลั่น คลื่นหลิงเป็นรากฐานของมหาพันภพ หากถูกแปรเปลี่ยนพวกเขาจะพบกับการขาดพลังงาน นั่นหมายความว่าการฝึกฝนมาทั้งหมดจะสูญสิ้นไป

พวกปีศาจมีเป้าหมายต้องการลบรากฐานของคลื่นหลิงในมหาพันภพ

ชิงซันกุมกระบี่มองไปที่เซิ่งเทียนพลางยิ้ม “ไอ้เผ่าปีศาจหยุดฝันเฟื่องได้แล้ว ไสหัวกลับไปในที่ที่แกมา เราจะไม่ปล่อยให้แกทำให้มหาพันภพแปดเปื้อน”

จอมปีศาจเซิ่งเทียนถอนหายใจด้วยความเสียใจ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่สนคำแนะนำของข้านะ งั้นแบบนี้…”

หลังจากหยุดชั่วครู่สายตาที่เป็นมิตรก็เพิ่มขึ้นด้วยความเย็นชา “ถ้างั้นพวกข้าก็ต้องล้างบางพวกเจ้าทั้งหมดออกไปแล้ว”

“ฮ่าๆ เจ้าก็น่าจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ ทำไมต้องไปเสวนากับพวกพื้นเมืองมหาพันภพ แค่เอาชนะพวกมันบีบให้ยอมจำนนและเปลี่ยนให้เป็นทาสซะก็หมดเรื่อง”

รัศมีปีศาจพุ่งขึ้นรอบๆ จอมปีศาจเซิ่งเทียนก่อตัวเป็นปีศาจที่ทรงอำนาจรุนแรง รูม่านตาคล้ายกับกระแสน้ำวนสีดำ เขาก็คือประมุขเผ่าเทียนหมัว

เวลานี้เขากำลังมองไปที่จอมยุทธ์ในดินแดนวั้นมู่ด้วยรอยยิ้มขณะเลียริมฝีปาก ราวกับหมาป่าหิวโหยที่เห็นกระต่าย

“ยโสจริง แกคิดว่าสามารถเข้าสู่ค่ายกลนี้ได้เหรอ?” หมัวเฮอเทียนเย้ยหยัน

เผ่าปีศาจต่างมิติเคลื่อนทัพมาในลักษณะยิ่งใหญ่ แต่กลับไม่เคลื่อนไหวอะไร ชัดว่ากำลังหวาดกลัวต่อค่ายกลดับแสงพันปีศาจที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกวางไว้โดยเทพจักรพรรดินิรันดร์ ค่ายกลนี้มีพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถสังหารสมาชิกของเผ่าปีศาจที่แหยมเข้ามาได้

จอมปีศาจเซิ่งเทียนก้มศีรษะมองไปที่ค่ายกลใหญ่ที่ล้อมรอบดินแดนวั้นมู่พร้อมกับแววตาสั่นไหวด้วยประกายบางอย่าง ครู่ต่อมาเขาก็ถอนหายใจ “พวกข้าไม่คิดมาก่อนว่ามหาพันภพจะมีคนอย่างเทพจักรพรรดินิรันดร์…”

เขาส่ายหัวพูดต่ออย่างไม่แยแส “แต่ต่อให้ค่ายกลนี้ทรงพลังก็ไม่มีชีวิต ถ้าเจ้าคิดว่าค่ายกลนี้สามารถปกป้องความสงบสุขของมหาพันภพได้ ข้าว่าพวกเจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”

หลังจากพูดจบมือเขาก็สะบัดออก จากนั้นประโยคไร้อารมณ์ก็ดังก้อง “เผ่าสือหมัวเคลื่อนพล”

ขณะที่เขาพูดรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากก็พวยพุ่งออกมาจากรอยร้าวมิติ ร่างปีศาจนั่งอยู่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ร่างกายของพวกมันมีของเหลวสีดำหยดแหมะซึ่งทิ้งร่องรอยการกัดกร่อนไว้ในมิติ

เผ่าสือหมัวมีความสามารถในการกัดกร่อนตั้งแต่กำเนิด ซึ่งมีความบีบคั้นอย่างมาก พลังใดที่ถูกแปดเปื้อนโดยพวกมันจะค่อยๆ สึกกร่อน

โฮก โฮก!

ปีศาจจำนวนมากส่งเสียงคำราม อึดใจรัศมีปีศาจก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของพวกมันราวกับกระบี่คม

ปัง!

เมื่อแสงปีศาจกวาดออก ร่างปีศาจร่างหนึ่งและร่างหนึ่งก็ระเบิดตัวกันเป็นทอด พร้อมกับการระเบิดร่างกายที่หยดด้วยของเหลวสีดำหนาแน่นก็ค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

ของเหลวนี้มีสีดำเข้มข้นมาก ไม่มีแม้แต่มิติสักริ้วจะยังรักษาลักษณะการกัดกร่อนได้ นอกจากนี้ยังมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวแทรกซึมออกมาราวกับว่าสามารถกัดกร่อนอะไรก็ได้

ซ่า ซ่า!

ขณะของเหลวรวมตัวกันก็กลายเป็นสายธารสีดำพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ตกลงไปบนขบวนแถวแสงของค่ายกลดับแสงพันปีศาจ

ชี่ ชี่!

เมื่อพลังงานสองชนิดปะทะกันและกัน ควันก็ลอยขึ้นและขบวนแถวแสงกระเพื่อมเป็นระลอก พลังลึกลับและน่าเกรงขามกวาดออกไปทำให้สายธารสีดำบริสุทธิ์อย่างรวดเร็ว

“ฮา”

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจเนื่องจากดูเหมือนว่าความสามารถในการป้องกันของค่ายกลดับแสงพันปีศาจเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกล

“ทำต่อไป!”

ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนไม่เปลี่ยนแปลง เสียงที่ไม่แยแสดังก้องอีกครั้ง

“เพื่อเผ่าพันธุ์!”

นักรบเผ่าสือหมัวคำราม คนแล้วคนเล่าระเบิดตัวเอง ทันใดนั้นของเหลวสีดำก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ารวมตัวกันเป็นสายธารไหลไปสู่ค่ายกล

ชี่ ชี่!

แต่ไม่ว่าพลังการกัดกร่อนจะน่ากลัวเพียงใดก็ยังคงถูกทำให้บริสุทธิ์โดยค่ายกลไม่มีร่องรอยของความเสียหาย

ทว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ยังเพิกเฉยต่อภาพนี้และสั่งการให้เผ่าสือหมัวทำลายตัวเองต่อไป

มู่เฉินขมวดคิ้วกับฉากนี้ ไม่นานดวงตาก็หดลง รีบตะโกนขึ้นว่า “พวกมันพยายามที่จะใช้พลังของค่ายกลเพื่อชะลอเวลาหอกก่อตัว”

เมื่อได้ยินเสียงของมู่เฉิน ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็หัวใจสั่นสะท้านขณะจ้องมองไป ภาพที่เห็นก็เป็นอย่างที่มู่เฉินพูด เวลาที่ใช้ในการสร้างหอกในค่ายกลเริ่มที่จะลากยาวออกไป!

ก่อนหน้านี้หอกใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป แต่ตอนนี้ลากออกไปเกือบครึ่ง

ชัดว่าพวกเผ่าปีศาจไม่ได้คาดหวังว่าค่ายกลจะหมดพลังอย่างสมบูรณ์ พวกมันแค่อยากให้เวลาเลื่อนออกไป

“ทุกคนเติมพลังลงไป!” ฉิงเทียนตะโกน

เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา เหล่าจอมยุทธ์ก็นั่งลงและหมุนเวียนคลื่นหลิงเทเข้าไปในโลงศพ

ปู้สื่อจ้องมองไปที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากน่ากลัว “ไอ้พวกปีศาจเป็นพวกบ้าอย่างแท้จริง เพื่อทำลายผนึกพวกมันเต็มใจที่จะเสียสละทั้งเผ่าพันธุ์”

เผ่าสือหมัวถูกทำราวกับเป็นเครื่องสังเวย ความเหี้ยมโหดนี้ทำให้หัวใจของทุกคนเย็นเยือกลง

“หากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไปก็จะกลายเป็นการต่อสู้ที่เหนื่อยยาก เผ่าปีศาจมาพร้อมกับความดุร้ายพยายามที่จะบุกมหาพันภพและเราก็ไม่มีกองกำลังแข็งแกร่งที่สุดมารวมอยู่ที่นี่” ชิงซันกล่าวต่อ “หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องเกิดช่องโหว่แน่ อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น”

ดวงตาของฉิงเทียนวูบไหว “ไม่ว่ายังไงก็ตามเราต้องรักษาสถานการณ์นี้ไว้จนกว่าหอกเล่มที่เก้าสิบเก้าจะลงมา พวกปีศาจก็จะจบสิ้นเมื่อชีวิตของเทพปีศาจจักรพรรดิดับสูญ”

“พวกมันพยายามทำให้ค่ายกลหมดพลังเพื่อถ่วงไว้ งั้นเราสามคนก็ผนึกกำลังซื้อเวลาให้ค่ายกลกัน”

“ได้เลย” ชิงซันและปู้สื่อพยักหน้า

ฟิ้ว!

ทันใดนั้นพวกเขาทั้งสามก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเข้าไปในขบวนแถวของค่ายกล

ตู้ม!

คลื่นหลิงเชี่ยวกรากกวาดออกราวกับคลื่นยักษ์ เป่ากระแสน้ำสีดำสามสายกระจายออกไป

“พวกแกสามคนคิดสู้กับเผ่าปีศาจรึ?” เสียงเยือกเย็นของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดังก้องพร้อมกับโบกมือลง

เมื่อมือของเขาโบกลง รัศมีปีศาจก็พุ่งพรวดออกมาเบื้องหลัง ร่างปีศาจหกร่างก้าวย่างออกมาพร้อมกับพลังไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อมู่เฉินและคนอื่นๆ เห็นปีศาจทั้งหกในดินแดนวั้นมู่แววตาของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ทั้งหกคนนั้นเป็นจอมปีศาจซึ่งเทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายสุด

“พวกเราไปช่วยด้วยกัน!” หมัวเฮอเทียนหันไปมองประมุขเผ่าโบราณอีกสี่เผ่าและเอ่ยออกมา

“ไม่ได้ เราต้องรักษาการเติมพลังคลื่นหลิงลงในค่ายกลไว้เพื่อให้หอกเล่มที่เก้าสิบเก้าก่อตัวขึ้นให้จงได้!” คิ้วของมู่เฉินขมวดเข้าหากัน

ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าเห็นด้วย “มู่เฉินพูดถูก เราผลีผลามไม่ได้!”

หลังจากลังเลวูบหนึ่งไท่หมิง เฮยเธียนและหวางฉิวก็พยักหน้าเช่นกัน ตอนนี้การสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิมีความสำคัญมากที่สุด

หมัวเฮอเทียนส่งเสียงขึ้นจมูก แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร เขารู้ว่าอะไรสำคัญกว่าในขณะนี้

“ฮ่าๆ พวกข้าจะใช้ชีวิตของแกทั้งสามต้อนรับการปรากฏตัวอีกครั้งของท่านเทพปีศาจ!” จอมปีศาจทั้งหกยืนอยู่ระหว่างฟ้าดิน ขณะที่เสียงคำรามนำพาพลังปีศาจไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งครอบคลุมไปยังฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อ

ที่เบื้องหลังนักรบปีศาจนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองยอดยุทธ์ทั้งสามอย่างเย็นชา

เมื่อเห็นนักรบเหล่านั้นสีหน้าของฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็กลายเป็นเย็นชาโดยไม่มีความหวาดเกรงพวกเขาทำเพียงหมุนเวียนคลื่นหลิง ทำให้ทั้งภูมิภาคสั่นสะเทือน

“ฆ่า!”

จอมปีศาจทั้งหกคำรามทะยานใส่ยอดยุทธ์ทั้งสาม

โฮก!

แต่ทันทีที่พวกเขาเคลื่อนไหว เสียงคำรามมังกรที่เสียดแก้วหูก็ดังก้อง มองเห็นแสงสีทองฉีกผ่านชั้นรัศมีปีศาจก่อตัวเป็นมังกรสีม่วงทองพร้อมกับความกดดันมังกรรุนแรงที่แทรกซึมไปทั่วทั้งภูมิภาค

“ฮ่าๆ พี่ฉิง เผ่าเทพอสูรก็เป็นสมาชิกมหาพันภพนะ ศึกนี้ลืมพวกข้าไปได้ยังไง?!”

ร่างมังกรสีทองปกคลุมดวงอาทิตย์ ที่เบื้องหลังรัศมีทรงพลังกระเพื่อมไหว ภาพเงาขนาดใหญ่จำนวนมากทะยานเข้ามา พวกเขาล้วนเป็นมหาเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาพันภพ

ในดินแดนวั้นมู่ เมื่อมู่เฉินและจอมยุทธ์คนอื่นเห็นร่างมหาเทพอสูร ความปีติยินดีก็ฉายในดวงตา ในที่สุดเหล่าเทพอสูรก็มาถึงแล้ว!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท