หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1523 เจียงหยา

บทที่ 1523 เจียงหยา

บนท้องฟ้า

ร่างหลายสิบร่างยืนอหังการอยู่พร้อมกับคลื่นหลิงสีเทาดำครางกระหึ่มที่ด้านหลัง ช่างราวกับมหาสมุทรเอิบอาบด้วยแรงกดดันทรงพลัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาในฝ่ามือเหล่านั้นกำจายความผันผวนแปลกประหลาดออกมา

“เผ่าเสียหลิง…”

สายตาของมู่เฉินดูเคร่งเครียดขณะมองไปที่ร่างหลายสิบร่างเหนือดินแดนวั้นมู่ ฉากนี้ช่างเกินความคาดหมายของทุกคน ไม่มีใครคิดว่าพวกจักรวรรดิปีศาจจะสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่ผสมกันระหว่างเผ่าปีศาจกับเผ่ามหาพันภพเข้าด้วยกัน

พวกเผ่าพันธุ์ใหม่นี้ ไม่เพียงแต่พวกมันจะสามารถเพาะบ่มคลื่นปีศาจ แต่ยังเพาะบ่มคลื่นหลิงของมหาพันภพได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ทว่าความจริงก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขาแล้ว ไม่ว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะไม่เชื่ออย่างไรก็ตาม

“จอมยุทธ์ทุกคนฟังคำสั่ง! ฆ่าผู้บุกรุกให้หมด!” ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อฉายสีหน้าเขียวคล้ำ ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ในตอนนี้ เนื่องจากกำลังป้องกันการโจมตีจากเผ่าปีศาจ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงตะโกนก้องในดินแดนวั้นมู่

ขณะนั้นจอมยุทธ์ห้าเผ่าโบราณแลกเปลี่ยนสายตากันพลางกล่าวว่า “เราไม่สามารถออกไปได้ในตอนนี้เนื่องจากการสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิมีความสำคัญสูงสุด”

พวกเขาเห็นแล้วว่าในบรรดาผู้ที่รุกรานเหล่านี้ นักรบปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลาง ส่วนที่เหลือก็อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นต่างๆ

มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “เรื่องเผ่าเสียหลิงปล่อยเป็นหน้าที่พวกข้าเอง ทุกคนจัดการเรื่องผนึกต่อไปเถอะ”

จังหวะที่เขาลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างแสงร่างหนึ่งก็ทะยานมาข้างๆ ลั่วหลีคลี่ยิ้มให้ “ข้าจะสู้กับเจ้าด้วย”

มู่เฉินพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ ลั่วหลีครอบครองแผนภาพวิญญาณโบราณซึ่งสามารถพึ่งพาสิ่งนี้เพื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นได้

ฟิ้ว ฟิ้ว!

ในเวลาเดียวกันร่างแสงหลายสายก็ทะยานเข้ามารวมตัวกันรอบๆ ทั้งสอง “พวกเรายินดีที่จะติดตามราชันมู่เพื่อฆ่าเหล่าปีศาจ!”

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ไม่พูดอะไรอีกต่อไป พวกเขาเคลื่อนไหวไปปรากฏตัวเบื้องหน้าเผ่าเสียหลิง ขัดขวางเส้นทางการรุกรานเอาไว้

“ทุกคนกลับไปยังที่ที่เจ้ามาเถอะ ร่างกายของพวกเจ้าไหลเวียนด้วยสายเลือดมหาพันภพ ดังนั้นจงอย่าได้ทำในเรื่องไม่ควร!” ดวงตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นเฉียบคมเมื่อมองไปที่ผู้นำเผ่าเสียหลิง เขาเป็นชายที่มีผมสีเทาท่าทางเผด็จการ

“สายเลือดมหาพันภพ?” เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำพูดของมู่เฉินก็เยาะเย้ย “ถ้าเป็นเช่นนั้น ตอนที่พวกข้าถูกเลี้ยงดูอย่างปศุสัตว์ ผู้คนในมหาพันภพอยู่ที่ไหน?”

มู่เฉินขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเผ่าเสียหลิงไม่ได้มีสถานะสูงในจักรวรรดิปีศาจ คงมีเรื่องราวบางอย่างอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาขุดค้น ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องขับไล่เผ่าเสียหลิงออกไปก่อน

“เผ่าปีศาจโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วทำไมถึงยังรับใช้พวกมัน?”

ชายผมเทาพูดอย่างเย็นชา “ไม่รับใช้พวกเขาแล้วจะมารับใช้เจ้ารึไง? ถ้าเป็นแบบนั้นสมาชิกเผ่าเสียหลิงจะถูกสังหารจนหมด เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะช่วยพวกข้าได้ไหมล่ะ?”

มู่เฉินหลุบตาลงตอบว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้เสียเวลา”

คลื่นหลิงทรงพลังพวยพุ่งขึ้นรอบตัว พื้นที่ใต้เท้าก็แสดงให้เห็นถึงการยุบตัว

“ข้าเป็นประมุขเผ่าเสียหลิงชื่อว่าเจียงหยา วันนี้ให้ข้าได้สัมผัสหน่อยว่ามหาพันภพอ่อนแอเพียงใด ถึงได้ล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยของตนจนปล่อยให้จักรวรรดิปีศาจเข้ามาทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ต้องแปดเปื้อนและถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี!” เจียงหยาคำรามด้วยความเกลียดชัง

ที่ด้านหลังมู่เฉินเหล่าจอมยุทธ์ได้แต่เงียบงันไปและรู้สึกละอายใจ การปรากฏขึ้นของเผ่าเสียหลิงก็มาจากจำนวนดินแดนที่เผ่าปีศาจยึดครองไปจากมหาพันภพ ทำให้สิ่งชีวิตของมหาพันภพได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้าย

“อย่าคิดฟุ้งซ่าน จงต่อสู้กับศัตรู!”

เสียงของมู่เฉินดังก้อง เผ่าเสียหลิงอาจน่าสงสาร แต่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะแสดงความเห็นอกเห็นใจในตอนนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะยืนหยัดร่วมกับเผ่าปีศาจ นั่นก็หมายความว่าเป็นศัตรูกับมหาพันภพ เมื่อไรที่เป้าหมายนี้บรรลุผล ทั้งมหาพันภพก็จะกลายเป็นขุมนรกปีศาจแล้ว

ในเวลาแบบนี้พวกเขาต้องละทิ้งความเมตตาไปเท่านั้น

“ฆ่า!”

เจียงหยาตะโกนลั่นขณะที่ร่างเงาหลายสิบร่างทะยานออกมาพร้อมกับคลื่นหลิงสีเทาดำพลุ่งพล่าน แม้ว่าจะเป็นคลื่นหลิง แต่ก็ผิดแผกนัก มันมีความสามารถในการกัดกร่อนที่ทรงพลัง ซึ่งคล้ายคลึงกับคลื่นปีศาจ

ดวงตาของมู่เฉินพวยพุ่งด้วยไอเย็นเยือกขณะที่โบกมือสั่งการเหล่าจอมยุทธ์ออกไปห้ำหั่น พวกเขาแยกตัวประกบเผ่าเสียหลิงไว้แบบตัวต่อตัว

ส่วนมู่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเจียงหยา จากนั้นก็ซัดหมัดออกไปโดยไร้ซึ่งอารมณ์บนใบหน้า

ตู้ม!

หมัดนี้แตกมิติออกจากกัน ด้วยกายาเซิ่งของมู่เฉินการชกสบายๆ ก็แฝงพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งไว้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดายังสะบักสะบอม

“ชายคนนี้มีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเท่านั้น ทำไมความแข็งแกร่งของเขาจึงทรงพลังเช่นนี้?”

มองหมัดที่พุ่งเข้ามาในทิศทางของตนเอง เจียงหยาก็หดดวงตา เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังกำปั้นนี้ เขาไม่กล้าลังเลเปิดฝ่ามือออก ดวงตาบนฝ่ามือกลายเป็นสีดำแฝงริ้วสีม่วง ทำให้ดูไม่ธรรมดา

ฮึ่ม!

แสงพุ่งออกมาจากม่านตาสีม่วงดำห่อหุ้มฝ่ามือของเจียงหยา จากนั้นก็แข็งตัวก่อร่างเป็นชั้นๆ ทันที

ชั้นนั้นคล้ายกับเหล็กดำมะเมี่ยมดูน่ากลัว ประหนึ่งอาวุธสังหารแหลมคม

ตู้ม!

เมื่อหมัดของมู่เฉินและเจียงหยาปะทะกัน ความผันผวนที่มองเห็นได้ก็กวาดออก ทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ

ทั้งสองคนตัวสั่นสะท้านก่อนที่จะถอยไปหลายก้าว

“เพลิงม่วงกลืนวิญญาณ!”

ดวงตาของมู่เฉินกะพริบขณะที่อ้าปาก เปลวไฟสีม่วงพุ่งออกมาปกคลุมไปทางเจียงหยา

เปลวไฟสีม่วงที่ร้อนระอุลุกโชนด้วยอุณหภูมิสูงราวกับว่าต้องการเผาเจียงหยาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่มิติก็บิดเบี้ยวจากอุณหภูมิสูง

ปัง!

แต่ขณะที่เปลวไฟสีม่วงเต้นระริก เงาสีม่วงดำก็ทะยานออกมาราวกับยักษ์ปักหลั่น เขาเคลื่อนย้ายไปเบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมกับเสียงคำราม หมัดที่ปกคลุมไปด้วยชั้นสีม่วงดำก็วูบไหวซัดใส่แขนของมู่เฉินที่ไขว้กันเป็นกากบาท

ตึง!

พร้อมกับการปะทะกันรุนแรงทำให้มู่เฉินพัดกลับออกไปหนึ่งพันจั้ง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็ฉายสีหน้าเคร่งเครียด เขาเห็นยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยชั้นสีม่วงดำยืนตระหง่านบนท้องฟ้า

ร่างนั้นราวกับมีชั้นเกราะบนร่างกายพร้อมกับกลืนกินทุกตารางนิ้ว เดือยแหลมยื่นออกมาวูบไหวด้วยกลิ่นอายแหลมคม

ยามนี้เจียงหยาคล้ายกับสัตว์ร้าย ทุกตารางนิ้วบนร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยความตาย

“ช่างเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างพลังปีศาจกับพลังหลิง” สายตาของมู่เฉินวาวโรจน์ขณะมองไปที่เจียงหยาผู้ดูดุร้าย

“เป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนคิดจะขัดขวางข้าเหรอ? ไม่มีใครอื่นในมหาพันภพที่แน่กว่านี้แล้วใช่ไหม?” ภายใต้การห่อหุ้มของชั้นสีม่วงดำ สายตาเย็นชาของเจียงหยาก็จับจ้องไปที่มู่เฉิน

“หืม ดูเหมือนว่าข้าจะถูกมองข้ามอีกแล้วนะเนี่ย”

มู่เฉินยิ้มก่อนที่ใบหน้าจะเย็นเยือกลง เขาวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ทันใดนั้นรัศมีก็ระเบิดออกจากร่างกาย

ร่างโบราณก็ก่อตัวขึ้นที่ข้างหลังเขา

จากการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่มู่เฉินรู้สึกได้ว่าเจียงหยาทรงพลังและไม่ได้ด้อยไปกว่าหมัวเฮอเทียน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดออมมืออีกต่อไป เขาเรียกร่างมหาเทพนิรันดร์ออกมาทันที

“ฝ่ามือนิรันดร์!”

เมื่อร่างมหาเทพเผยขึ้นก็ฟาดฝ่ามือออกไปทันที ทันใดนั้นรัศมีก็ระเบิดออกมาพร้อมกับลวดลายโบราณพุ่งผ่านมิติปรากฏเหนือร่างเจียงหยา

เมื่อฝ่ามือเคลื่อนลงมา แม่น้ำโบราณก็ปรากฏขึ้นซึ่งมีพลังความเป็นนิรันดร์พวยพุ่งอยู่

เมื่อฝ่ามือปรากฏขึ้นใบหน้าของเจียงหยาก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างชัดเจน เขาถอยกลับทันที สร้างภาพมายาไว้นับไม่ถ้วนด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามหลบอย่างไร ฝ่ามือก็จะปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ ราวกับว่าการเคลื่อนลงมาของฝ่ามือหมายชีวิตของเขาเอาไว้แล้ว

ตู้ม!

ในที่สุดฝ่ามือก็กระแทกลงบนร่างเจียงหยา การระเบิดน่ากลัวดังขึ้น เขาถูกพัดกลับไปเหมือนแมลงวันโดนตบชนเข้ากับภูเขาจังใหญ่

ภูเขาถล่มลง เศษกรวดหินปลิวว่อน มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้ามองไปที่ภูเขาด้วยสายตาเย็นชา

“ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะยืนข้างเผ่าปีศาจ ดังนั้นเพื่อสรรพชีวิตในมหาพันภพ ข้าจะเริ่มล้างบางตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปและฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด-ที่-นี่”

ตู้ม!

ทันใดนั้นก้อนหินน้อยใหญ่ก็ระเบิดออก ลำแสงสีม่วงดำทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าขยายขนาดอย่างรวดเร็ว ในพริบตาก็ก่อตัวเป็นปีศาจน่าสะพรึงกลัวพร้อมกับแรงกดดันสูงตระหง่านแผ่ซ่านออกมา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งบางคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

ในเวลาเดียวกันน้ำเสียงของเจียงหยาที่แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าก็สะท้อนออกมา

“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแกยังกล้ามาพูดโอหังเช่นนี้เรอะ วันนี้ข้าจะใช้หัวแกต้อนรับการกลับมาของเทพปีศาจจักรพรรดิ!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท