หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1526 สังเวยเลือด

บทที่ 1526 สังเวยเลือด

บนท้องฟ้า

ร่างเคลือบแก้วของมู่เฉินยืนตระหง่านพลางมองไปที่เจียงหยาที่ฝังตัวอยู่ในภูเขาอย่างไม่แยแส แขนขวาของเจียงหยาระเบิดออก ท่าทางดูน่าสมเพชมาก

ทว่าเจียงหยาช่างอึดถึกยิ่งนัก แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดหลุดลอดออกมาจากลำคอ

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ในดินแดนวั้นมู่เห็นฉากนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจมากก่อนที่จะหันไปมองมู่เฉินด้วยความเคารพในแววตา

หมัดของมู่เฉินใกล้เคียงกับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลาย

นอกเหนือจากฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อแล้ว แม้แต่ประมุขและผู้อาวุโสใหญ่ของห้าเผ่าโบราณยังต้องใช้อาวุธมหสวรรค์ประจำเผ่าช่วยเพื่อต่อต้าน

ในสมรภูมิอื่นเหล่าจอมยุทธ์ก็ตีกรอบล้อมเผ่าเสียหลิงเอาไว้ คุมสถานการณ์ด้วยความได้เปรียบด้านจำนวน พวกเขาบีบให้นักรบเผ่าเสียหลิงจนมุม ป้องกันไม่ให้เข้าใกล้ดินแดนวั้นมู่ได้

เมื่อฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อเห็นสถานการณ์ถูกควบคุมไว้ได้ ท่าทางก็ดูผ่อนคลายลง

“ไอ้พวกสวะ” จอมปีศาจเซิ่งเทียนสบถอย่างเย็นชากับภาพนี้

“ข้าบอกไปแล้วว่า เผ่าชั้นต่ำเช่นนั้นวางใจไม่ได้” จอมปีศาจเฮยซือเทียนพูดต่อ “จบศึกครั้งนี้ก็ส่งไอ้พวกเผ่าเสียหลิง ให้ข้าเพื่อปรับแต่งเป็นศพปีศาจซะดีกว่า”

ดวงตาของจอมปีศาจเซิ่งเทียนวาบขึ้นด้วยความโหดร้าย “ตอนแรกยังคิดอยู่ว่าถ้าพวกมันบรรลุภารกิจได้สำเร็จ จะนับเผ่าเสียหลิงให้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิปีศาจ แต่ดูเหมือนพวกมันจะโชคไม่ดี”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้พวกมันช่วยเสียสละเพื่อจักรวรรดิปีศาจอีกนิดละกัน”

ทันใดนั้นรอยยิ้มโหดร้ายก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียน เขาวาดตราประทับด้วยมือเดียว

ขณะที่จอมปีศาจเซิ่งเทียนสร้างตราประทับ อักขระสีดำก็ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของเจียงหยา เมื่ออักขระเต้นยุบยับก็แทงเข้าไปในกะโหลกศีรษะของเจียงหยา

ความเจ็บปวดรุนแรงมาจากสมองเจียงหยา ทำให้ร่างกายเขาเริ่มสั่นเทิ้มเส้นเลือดพล่านขึ้นในนัยน์ตา ทว่าตอนนี้ความสยดสยองฉายบนใบหน้าของเขา เนื่องจากเขารู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

“เจียงหยาพานักรบเผ่าเจ้าเสียสละเพื่อจักรวรรดิปีศาจครั้งสุดท้าย ข้าจะจดจำการมีส่วนร่วมของพวกเจ้าไว้ ถ้าทำสำเร็จข้าสัญญาว่าเผ่าเสียหลิงจะไม่เป็นชนชั้นต่ำต้อยอีกต่อไป” เสียงไม่แยแสของเซิ่งเทียนดังก้องอยู่ในสมองของเจียงหยา

เจียงหยาพยายามดิ้นรน แต่สุดท้ายก็หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง เนื่องจากเขารู้ว่าเมื่อจอมปีศาจเซิ่งเทียนสร้างตราประทับปีศาจใส่ เขาก็หมดสิทธิ์ที่จะตอบโต้

แต่เขาจะทำอะไรได้? ด้วยความแข็งแกร่งของจักรวรรดิปีศาจการทำลายล้างเผ่าเสียหลิงก็เป็นเรื่องง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ เพื่อสมาชิกเผ่าคนอื่นๆ เขาได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมเท่านั้น

“ท่านจอมปีศาจเซิ่งเทียน หวังว่าท่านจะทำตามสัญญา” เจียงหยาตอบ

“แน่นอนอยู่แล้ว”

พร้อมกับเสียงไม่แยแสของเซิ่งเทียน ตราประทับปีศาจที่อยู่ตรงหว่างคิ้วของเจียงหยาก็ดิ้นราวกับว่าเป็นหนอนปีศาจนับไม่ถ้วนมุดเข้าไปในดวงตา

เพียงไม่กี่ลมหายใจดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีดำไร้ซึ่งสติปัญญาอีกต่อไป

ในเวลาเดียวกันนักรบเผ่าเสียหลิงก็ตัวแข็งทื่อ เนื่องจากผนึกปีศาจปรากฏขึ้นที่กลางคิ้วของพวกเขาเช่นกัน

ร่างของเจียงหยาเคลื่อนออกมาจากภูเขา เขาลอยอยู่บนท้องฟ้าโดยไม่มีความรู้สึกตัวใดๆ ในสายตา

เมื่อมองภาพนี้คิ้วของมู่เฉินก็ขมวดเข้าหากันพลางรู้สึกไม่สบายใจ รัศมีไร้ขอบเขตรวมอยู่ในหมัด เตรียมพร้อมที่จะทำลายเจียงหยา

แต่ขณะที่กำลังจะออกกระบวนท่า ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงลมกวาดผ่านจากทางด้านหลัง นักรบเผ่าเสียหลิงบินเข้าไปข้างเจียงหยา มือของพวกเขาจับกันเป็นวงกลมโดยมีเจียงหยายืนอยู่ตรงกลาง

“ทุกคนโจมตีพวกมันซะ!”

มู่เฉินหดตาขณะตะโกนไปทางเหล่าจอมยุทธ์ที่พุ่งเข้ามาโดยไม่ลังเลใดๆ

พูดจบ เขาก็เป็นคนแรกที่เคลื่อนไหวเหวี่ยงหมัดออกไป ดวงอาทิตย์พุ่งออกมาปกคลุมร่างนักรบเผ่าเสียหลิง

ขณะที่มู่เฉินปลดปล่อยการโจมตี ตราประทับปีศาจบนร่างนักรบเผ่าเสียหลิงก็ฝังเข้าไปในร่างกายของพวกเขา ร่างก็เริ่มขยายตัวอย่างรุนแรง

ในเวลาเดียวกันความผันผวนป่าเถื่อนก็แทรกซึมออกมาจากร่างกายของพวกเขา

“พวกมันกำลังจะระเบิดตัวเอง!”

บรรดาจอมยุทธ์ที่เข้าใกล้ต่างรู้สึกครั่นครามกับภาพนี้ นักรบเผ่าเสียหลิงล้วนเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุน มิหนำซ้ำยังมีเจียงหยาที่อยู่ในขั้นเซิ่งระยะกลาง

ถ้าพวกมันระเบิดตัวเองจะน่ากลัวขนาดไหน?

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ยังต้องเลี่ยงไปให้ไกล!

ดวงตาของมู่เฉินหดลง เขาไม่คิดว่าเผ่าเสียหลิงจะบ้าคลั่งถึงขนาดนี้

ตู้ม!

ทว่าไม่รอให้เขาได้มีความคิดอื่น ทันใดนั้นลำแสงปีศาจก็พุ่งออกมาจากร่างนักรบเผ่าเสียหลิง ร่างเหล่านี้ก็ระเบิดตัว…

เมฆสีดำขนาดมหึมาทรงคล้ายเห็ดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ปกคลุมผืนฟ้าและผืนโลกพร้อมกับคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึง แม้ว่ามู่เฉินกับคนอื่นๆ จะถอยออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังต้องกระเด็นออกไปจากแรงกระแทก

ฟิ้ว!

ขณะที่เมฆลอยขึ้น ลำแสงปีศาจก็ดิ่งลงมาบนพื้นเจาะทะลวงลงไป ปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกลัว ทำลายภูเขาลูกแล้วลูกเล่าให้กลายเป็นหน้ากลอง…

“นรกเอ้ย!”

หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านกับฉากนี้ เนื่องจากเขาเห็นลำแสงฉีกรูขนาดใหญ่บนตาข่ายและขวางไม่ให้ฟื้นตัว

ตู้ม ตู้ม!

ทั้งดินแดนวั้นมู่สั่นสะเทือนรุนแรง เสียงคำรามดุร้ายดังสะท้อนจากใต้พิภพ รัศมีปีศาจสีดำรวมตัวกันบริเวณรอยฉีกบนตาข่าย

“เร็ว! เร็วเข้า! หมุนค่ายกล เทพปีศาจจักรพรรดิกำลังจะหนีไปแล้ว!” เมื่อหมัวเฮอเทียนและจอมยุทธ์คนอื่นๆ เห็นภาพนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกเทลงในค่ายกล หอกก่อตัวขึ้นอีกครั้งพุ่งลงมาที่ช่องโหว่ของตาข่าย

โฮก!

เสียงปีศาจหอนก้อง หมอกปีศาจลอยขึ้นไปในอากาศ ขณะที่ผันแปรก็กลายเป็นกะโหลกขนาดใหญ่พลางปะทะกับหอก

ปัง!

การปะทะครั้งใหญ่ทำให้ภูมิภาคสั่นสะเทือน กะโหลกแตกร้าวแต่หอกก็โปร่งใสมากขึ้น แม้ว่าสุดท้ายจะซัดลงในใต้พิภพ ทว่าพลังอ่อนแอกว่าแต่ก่อนมาก

“หืม นั่นอะไรน่ะ?!”

มู่เฉินมองฉากนี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นม่านตาก็หดลง เพราะเห็นบนรอยแตกที่พื้นมีเลือดไหลลงสู่ใต้พิภพ

ภายในเลือดเอิบอาบด้วยรัศมีปีศาจ

“นั่นคือแก่นโลหิตปีศาจ! เวรเอ้ย บนร่างนักรบเผ่าเสียหลิงมีแก่นโลหิตจำนวนมาก!” เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ใบหน้าของเหล่าจอมยุทธ์ก็เขียวคล้ำพลางคำราม

“พวกมันพยายามใช้แก่นโลหิตเพื่อฟื้นฟูพลังของเทพปีศาจจักรพรรดิ!”

ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งขรึมอย่างน่ากลัวขณะพุ่งตัวลงไป ในเวลาเดียวกันเขาก็อ้าปาก เพลิงสีม่วงพุ่งออกมาก่อนที่จะเริ่มแผดเผาแก่นโลหิตเหล่านี้

แต่เมื่อมู่เฉินเคลื่อนไหว ดวงตาชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นในเหวจับจ้องไปที่มู่เฉิน

“กลิ่นแมลงสาบของแกทำให้ข้าขยะแขยง ไสหัวไป!”

เสียงปีศาจแหลมคมดังก้องออกมาพร้อมกับรัศมีปีศาจน่าสะพรึงกระทบบนร่างกายของมู่เฉิน

ปัง!

ด้วยแรงปะทะทุกข์ทรมาน มู่เฉินถลาออกไปพร้อมกับรอยเลือดที่มุมปาก ใบหน้าเขาฉาบความหวาดผวา เขาไม่คิดว่าหลังจากหลอมรวมกับร่างมหาเทพนิรันดร์แล้ว ก็ยังไม่สามารถรับลมหายใจปีศาจได้แม้แต่ครั้งเดียว

ฟู่ ฟู่

พายุปีศาจเย็นเยียบพัดมาดับเพลิงม่วงไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันแก่นโลหิตเหล่านั้นก็ฝังตัวลงไปในพื้นโลก เหมือนจะมีปากมหึมากลืนกินเข้าไปทั้งหมด

เมื่อเทพปีศาจจักรพรรดิกลืนกินเลือดกลั่นเข้าไป ดินแดนวั้นมู่ก็โยกคลอนรุนแรง ราวกับว่าใกล้จะพังทลาย

“เสริมคลื่นหลิงลงไป! อย่าปล่อยให้เทพปีศาจจักรพรรดิหนีพ้นไปได้!” หมัวเฮอเทียนคำรามขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ

ทว่าเมื่อสิ้นเสียงคำรามของพวกเขา เสาปีศาจขนาดมหึมาก็ทะยานขึ้นจากช่องโหว่ของตาข่าย รัศมีปีศาจสร้างหายนะพร้อมกับแรงกดดันปีศาจที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ออกมา

ปัง ปัง ปัง!

โลงศพสัมฤทธิ์บางส่วนถูกกระทบและระเบิดออก รัศมีปีศาจกวาดล้างเหล่าจอมยุทธ์ที่นั่งอยู่ ไม่รอให้พวกเขาร้องเสียงหลง เลือดของพวกเขาก็ถูกดูดจนแห้งกรัง ร่างสลายเป็นฝุ่น…

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

ใบหน้าเหล่าจอมยุทธ์ถอดสี รัศมีปีศาจในเสากลั่นตัวเป็นรูปร่างคลุมเครือ เมื่อยืนอยู่บนท้องฟ้าร่างพร่ามัวนั้นก็ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกมืดลงพร้อมกับแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้กลืนกินทุกสรรพสิ่ง เมื่อมองจากระยะไกลก็ประหนึ่งเทพปีศาจยาตรามาเลยทีเดียว

เสียงหัวเราะเสียดแทงดังก้องไปทั่วภูมิภาค ร่างนั้นมองไปที่ค่ายกลดับแสงพันปีศาจ เสียงของเขาดังก้องออกไปนอกดินแดนวั้นมู่ กระจายไปยังทวีปโดยรอบ…

“เทพจักรพรรดินิรันดร์ความพยายามทั้งหมดของแกล้มเหลวหลังจากผ่านไปสี่หมื่นเก้าพันปี สุดท้ายข้าคือผู้ชนะ!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท