หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1527 เทพปีศาจจักรพรรดิเผยตัว

บทที่ 1527 เทพปีศาจจักรพรรดิเผยตัว

เสียงคำรามดังก้อง

ราวกับพายุโหมกระหน่ำออกมา ทำให้หมู่เมฆแตกสลาย ขณะที่บดบังแสง

ในดินแดนวั้นมู่จอมยุทธ์ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว เมื่อมองไปที่เทพปีศาจ พวกเขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวสุดพรรณนาจากอีกฝ่าย

แม้แต่จอมยุทธ์ระดับหมัวเฮอเทียนและชิงเหยี่ยนจิ้งยังมีสีหน้าซีดขาวด้วยความครั่นคร้าม

เนื่องจากชื่อเสียงของเทพปีศาจจักรพรรดิยิ่งใหญ่เกินไป ในสมัยโบราณจักรวรรดิปีศาจต่างมิติภายใต้การนำทัพของเขาทำให้มหาพันภพพ่ายแพ้ยับเยิน หากไม่ใช่เพราะเทพจักรพรรดินิรันดร์จักรวาลแห่งนี้คงตกอยู่ในความทุกข์ทรมาน…

ย้อนกลับไปตอนนั้นเทพจักรพรรดินิรันดร์ได้สละชีวิตเพื่อผนึกเทพปีศาจจักรพรรดิ แต่ใครจะคิดว่าสี่หมื่นเก้าพันปีต่อมา เทพปีศาจคนนี้จะได้รับการปลดปล่อยในช่วงเวลาสุดท้าย

“เหลือหอกอีกสามเล่มเท่านั้นเอง!” เสียงของไท่หมิงสั่นพร่าด้วยความไม่เต็มใจ พวกเขารอเพียงหอกอีกสามเล่มเท่านั้นก็จะดับชีวิตเทพปีศาจจักรพรรดิได้ แต่ความพยายามทั้งหมดกลับสลายกลายเป็นอากาศธาตุในเวลานี้

“หรือว่านี่เป็นชะตากรรมของมหาพันภพจริงๆ?”

จอมยุทธ์หลายคนออกอาการเศร้าสลด

ที่ด้านนอกดินแดนวั้นมู่ ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็รู้สึกได้ถึงรัศมีปีศาจน่าสะพรึงกลัว สีหน้าของพวกเขาก็ดูน่าเกลียดลงเช่นกัน

“สี่หมื่นเก้าพันปี! การทำงานหนักกว่าสี่หมื่นเก้าพันปีของผู้พิทักษ์หมื่นสุสานหมดสิ้นกันแล้ว!” จักรพรรดิอมตะตัวสั่นสะท้านขณะกู่ร้อง

เขารู้สึกไม่เต็มใจ เนื่องจากอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น หากพวกเขาสามารถยืนหยัดได้จนถึงหอกเล่มสุดท้ายซัดลงมา ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมหาพันภพก็จะถูกทำลายไปตลอดกาล

แต่ตอนนี้เทพปีศาจจักรพรรดิเผยตัวใต้หล้าอีกครั้ง แล้วมหาพันภพจะใช้อะไรในการหยุดปีศาจตัวนี้ได้?

สีหน้าของฉิงเทียนและชิงซันก็มืดมนลงพร้อมกับแสงอ่อนจางวูบไหวในดวงตา พวกเขาได้ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่ใครจะคิดว่ากองทัพปีศาจจะมีแผนสำรองมากมายในวันนี้…

ทว่าฉิงเทียนไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงสงบอารมณ์อย่างรวดเร็ว เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วดินแดนวั้นมู่ “ทุกคนฟังคำสั่ง เข้าควบคุมค่ายกลดับแสงพันปีศาจเพื่อฆ่าไอ้ปีศาจนี่ซะ! มันเพิ่งหลุดออกมา ยังอ่อนแออยู่มาก!”

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ผู้สิ้นหวังได้ยินเสียงของเขา พวกเขาก็ตื่นจากภวังค์พลางสบตากันก่อนที่จะกัดฟันและหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายเทลงไปในโลงศพ

จากบันทึกโบราณต่างๆ พวกเขารู้ว่าเทพปีศาจจักรพรรดิน่ากลัวเพียงใด ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ห้ามปล่อยให้ไอ้ปีศาจตัวนี้รอดไปได้ มิฉะนั้นจะเป็นการทำลายล้างมหาพันภพหากมันฟื้นขึ้นมา

ตู้ม ตู้ม!

ควบคู่กับการหมุนค่ายกล อักขระโบราณนับไม่ถ้วนก็รวมเข้าด้วยกันก่อนที่จะกลายเป็นลวดลายโบราณที่เต็มไปด้วยพลังลึกลับ

เทพปีศาจเงยหน้าขึ้นพร้อมกับความชั่วร้ายสุดพรรณนาในแววตา เมื่อมองไปที่ค่ายกลเสียงคำรามก็สะท้อนก้องขึ้นอีกครั้ง “ไอ้เทพจักรพรรดินิรันดร์ตายไปนานแล้ว พวกแกคิดว่าสามารถผนึกข้าด้วยค่ายกลกระจอกที่มันทิ้งไว้ข้างหลังเรอะ? ปัญญาอ่อนเกินไปแล้ว!”

เขาลอยตัวขึ้นไปในอากาศ รัศมีปีศาจแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็จะถูกฆ่าตายทันทีหากไปติดอยู่ในนั้น

“หยุดมัน!”

หมัวเฮอเทียนและคนอื่นๆ ร้องลั่น

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ลวดลายโบราณถูกกระตุ้นพุ่งเข้าไปล้อมรอบตัวเทพปีศาจที่พยายามหลบหนีจากดินแดนวั้นมู่

“ไสหัวไป!” เมื่อเห็นลวดลายโบราณกำลังพล่านเข้ามา เทพปีศาจก็แผดเสียงตะโกนพร้อมกับซัดรัศมีปีศาจที่สามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้อย่างง่ายดาย

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ลวดลายโบราณเปล่งประกายแวววาวกลายเป็นม่านแสงทรงกลมห่อหุ้มเทพปีศาจเอาไว้

ชี่ ชี่!

รัศมีปีศาจปะทะเข้ากับม่านแสง เกิดเสียงดังฉ่าคล้ายกับหิมะต้องลาวา สลายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นผลลัพธ์นี้ หม้วเฮอเทียนและคนอื่นๆ ก็เร้าพลังขึ้นมาทันที เนื่องจากดูเหมือนว่าค่ายกลดับแสงพันปีศาจจะมีผลกับเทพปีศาจจักรพรรดิมาก

แสงเย็นเยือกวูบวาบไปทั่วดวงตาเทพปีศาจขณะที่เสียงดังก้อง “ต่อให้ตอนนี้เป็นสภาพที่อ่อนแอที่สุดของข้า แต่คิดว่าจะสามารถดักข้าไว้ได้ด้วยลวดลายเหล่านี้เรอะ?

“ลำแสงปีศาจโลกาวินาศ!”

เสียงคำรามดังก้องระหว่างฟ้าดิน เทพปีศาจอ้าปากปล่อยลำแสงปีศาจพวยพุ่งออกมา ลำแสงปีศาจนี้มีขนาดประมาณร้อยจั้ง เมื่อปรากฏขึ้นสวรรค์และโลกก็แยกออกจากกันพร้อมกับคลื่นหลิงถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเจอสิ่งน่ากลัว

ลำแสงปีศาจปะทะเข้ากับม่านแสงเบื้องบน พลังงานสองสายชนกันจังใหญ่ ลำแสงปีศาจกระจายความผันผวนที่ไม่สามารถอธิบายได้ มิติแตกออก กระทั่งเวลายังเฉื่อยลงภายใต้ลำแสงปีศาจนี้

ลวดลายโบราณเปล่งรัศมีออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่เสริมความแข็งแกร่งของม่านแสงพยายามที่จะต้านทาน

ทว่าลำแสงปีศาจน่ากลัวเกินไป หลังจากสิบกว่าลมหายใจม่านแสงก็เริ่มจางหายไปพร้อมกับรอยแตกปรากฏขึ้นบนลวดลาย

“ต่อให้ไอ้เทพจักรพรรดินิรันดร์ฟื้นขึ้นมาในวันนี้ มันก็อย่าคิดจะได้หยุดข้า!” เทพปีศาจคำรามเสียงดัง ลำแสงปีศาจขยายออก พริบตาก็ทะลุผ่านปราการม่านแสง

ลำแสงปีศาจนำพาร่างเทพปีศาจลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพุ่งออกจากดินแดนวั้นมู่

ที่ด้านนอกปราการดินแดนวั้นมู่ แถวแสงที่สร้างขึ้นจากค่ายกลก็เหลือชั้นสุดท้ายเท่านั้น ขณะนี้ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อมองไปที่ร่างเทพปีศาจด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ หากพุ่งผ่านปราการนี้ไปได้ เทพปีศาจจักรพรรดิก็จะเป็นอิสระแล้ว

“เราต้องหยุดมัน มิฉะนั้นเมื่อไรที่ไอ้เทพปีศาจนั่นหลุดไปได้ ก็จะไม่มีใครสามารถปราบปรามมันได้อีกต่อไป!” ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน

“ฮ่าๆ พวกข้าจะยอมให้พวกแกขัดขวางท่านเทพได้อย่างไร? อยู่ตรงนี้และดูเฉยๆ!” แต่เมื่อทั้งสามกำลังจะทะยานออกไป เสียงหัวเราะก็ดังก้องขึ้น จอมปีศาจเซิ่งเทียนสาดสายตามองมาอย่างเย็นชา พร้อมกับการโบกมือ เขานำประมุขเผ่าปีศาจส่วนหนึ่งพุ่งเข้ามา

รัศมีปีศาจรุนแรงพวยพุ่งขึ้นกวาดเข้าใส่ยอดยุทธ์ทั้งสาม

ทว่าพวกฉิงเทียนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากหยุดและเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจ

ตู้ม ตู้ม!

ในเวลาเดียวกันร่างเงาของเทพปีศาจจักรพรรดิก็ปรากฏขึ้นใต้ขบวนแถวแสง ลำแสงปีศาจพุ่งออกมา เมื่อสัมผัสก็ทำให้เกิดความผันผวนรุนแรง แต่ไม่สามารถทะลุผ่านและค่อยๆ จางหายไป

“ถ้าข้าฟื้นเต็มกำลังก็สามารถทำลายได้ด้วยฝ่ามือเดียว แต่ตอนนี้คงต้องใช้พลังแก่นปีศาจแล้วเท่านั้น” ดวงตาเทพปีศาจไม่มีการกระเพื่อมใดๆ ขณะที่มองปราการชั้นสุดท้าย

พูดจบ รัศมีสีดำก็แยกออกจากร่างกายก่อร่างเป็นผลึกสีดำขนาดเท่ากำปั้นที่เบื้องหน้า

แม้ว่าผลึกสีดำจะไม่ได้เด่นตาอะไร แต่กลับมีความผันผวนของการทำลายล้างก่อตัวขึ้น

ที่ด้านหลังผลึกสีดำร่างเทพปีศาจก็หดตัวลงจนเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง ชัดว่าได้เร้าพลังงานส่วนใหญ่ไปแล้ว

“ไป”

เทพปีศาจสะบัดนิ้ว ผลึกก็พุ่งออกไปปะทะกับขบวนแถวแสง

ขณะที่ประสานงากันก็ไม่มีความวุ่นวายใดๆ แต่ผลึกสีดำกลับแผ่ซ่านด้วยวงรัศมีดำมืดที่ผันผวน…

ความผันผวนดูเหมือนจะบรรจุด้วยพลังลึกลับ เมื่อกวาดออกขบวนแถวแสงที่ไม่ได้รับผลกระทบใดจากจอมปีศาจทั้งหลายก็เริ่มปรวนแปรแล้ว

เมื่อการสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น แถวแสงก็เริ่มบางลง

ผลึกสีดำอ่อนกำลังและหดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อมีขนาดเท่ากับเมล็ดพืชในที่สุดแถวแสงก็สลายหายไป กลายเป็นวงรัศมีว่างเปล่า

เมื่อมองไปที่วงรัศมีว่างเปล่าบนอากาศ เหล่าจอมยุทธ์ในดินแดนวั้นมู่ก็มีสีหน้าซีดขาวสุดขีด

ขณะมองไปที่วงรัศมีว่างเปล่า ดวงตาไม่แยแสของเทพปีศาจจักรพรรดิก็วูบไหว ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองดินแดนวั้นมู่ “ปู้ซิ่ว แกสละชีวิตเมื่อสี่หมื่นเก้าพันปีก่อนเพื่อผนึกข้า แต่คราวนี้ใครหน้าไหนในมหาพันภพจะหยุดข้าได้? ข้าเคยพูดไว้แล้วว่ามหาพันภพจะต้องเป็นของข้า…”

เพียงแค่เคลื่อนไหว รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากก็พุ่งออกมาจากวงรัศมี ทันใดนั้นรัศมีปีศาจก็เริ่มกระจายออก หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการของค่ายกลดับแสงพันปีศาจ

ขณะนี้ทุกคนในมหาพันภพรู้สึกถึงความกลัวพลุ่งพล่านในหัวใจ

ยามนี้เทพปีศาจจักรพรรดิชั่วร้ายเผยตัวแล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท