จักรวรรดิปีศาจปรากฏในมหาพันภพ
เมื่อสงครามอุบัติขึ้น ไฟแห่งการป้องกันของมหาพันภพก็จุดขึ้น…
เลือดและไฟกวนตัวในความสงบสุขตลอดสี่หมื่นเก้าพันปีจนหมดสิ้น
ราวกับว่าศัตรูพยายามระบายความโกรธที่เกิดขึ้นก่อนหน้าจากการปราบปรามของมหาพันภพ การรุกรานของเผ่าปีศาจดุเดือดเลือดพล่านราวกับฝูงตั๊กแตนกวาดผ่าน ครอบงำไปด้วยรัศมีปีศาจเหมือนต้องการเปลี่ยนโลกเลยทีเดียว…
เมื่อเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจที่รุกรานเข้ามา มหาพันภพที่เตรียมตัวมาหลายปีก็ระเบิดด้วยการตอบโต้รุนแรงหลังจากเงียบงันอยู่ชั่วครู่
สงครามแพร่กระจายออกไปในแนวป้องกัน คลื่นปีศาจและคลื่นหลิงปะทะกันสาดแสงราวกับดอกไม้ไฟงดงาม
ทว่าดอกไม้ไฟเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นด้วยเลือดและเนื้อ
ถัดจากชั้นแนวป้องกัน
มีเมืองที่ยิ่งใหญ่ตั้งตระหง่านพร้อมกับรัศมีที่แผ่ออกมาล้อมรอบแนวป้องกันไว้ภายใน ภายใต้รัศมีแม้แต่การฟื้นตัวของคลื่นหลิงก็รวดเร็วขึ้น
เมืองนี้เป็นป้อมปราการที่ถือได้ว่าเป็นค่ายหลักของกองทัพสมาพันธ์มหาพันธ์ภพโดยมีเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามรักษาการณ์เพื่อป้องกันการบุกเข้ามาของเทพปีศาจจักรพรรดิ
รอบเมืองเอิบอาบไปด้วยรัศมี นี่เป็นค่ายกลระดับต้าจงซือ ซึ่งรู้จักกันในชื่อค่ายกลหมุนฟ้าเปลี่ยนวิญญาณที่ชิงเหยี่ยนจิ้งและเหล่าหลิงเจิ้นซือทั่วสารทิศทำงานร่วมกันสร้างขึ้น ภายในขอบเขตของค่ายกลสิ่งมีชีวิตในมหาพันภพจะได้รับการฟื้นฟูคลื่นหลิงรวดเร็วขึ้น มิหนำซ้ำยังสามารถขยายความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นอาวุธสงครามชั้นยอด
เป็นเพราะค่ายกลนี้เองที่ชั้นแนวป้องกันสามารถต้านทานการโจมตีของเผ่าปีศาจได้
ที่จุดสูงสุดในเมืองเป็นวังงดงามที่เหล่าจอมยุทธ์อยู่ภายใน แต่ละร่างแผ่ซ่านไปด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลัง
ผู้นำทั้งสองนั่งบนบัลลังก์ พวกเขาก็คือเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม ตอนนี้พวกเขาเป็นผู้นำกองทัพวังมหาพันภพ แม้กระทั่งฉิงเทียนก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
ในวังใหญ่ ฉิงเทียน ชิงซัน จักรพรรดิมังกรแท้จริงและเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายคนอื่นๆ ก็รวมตัวกัน แสดงถึงพลังสูงสุดของมหาพันภพ
ภายในวังทุกคนแสดงสีหน้าหนักหน่วงพร้อมกับร่างกายตึงเครียดและพลุ่งพล่านไปด้วยพลังงานรอบตัว
เมื่อหลินต้งและเซียวเหยียนแลกสายตากันก็กล่าวว่า “ในเมื่อทุกคนทราบแล้วว่าจักรวรรดิปีศาจได้เปิดการโจมตี สงครามมหาพันภพก็จะเริ่มขึ้น…”
คำพูดของพวกเขาทำให้ม่านตาทุกคนหดลง แต่ละคนกำจายไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
“ท่านเทพจักรพรรดิอัคคี ท่านเทพจักรพรรดิสงครามโปรดออกคำสั่ง พวกข้ายินดีจะต่อสู้กับจักรวรรดิปีศาจจนตัวตาย!” ฉิงเทียนประสานมือเข้าด้วยกัน
ดวงตาของทุกคนเปี่ยมด้วยความแกร่งกร้าว นี่เป็นสงครามที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อปกป้องสำนัก ครอบครัวและสหาย พวกเขาต้องสู้ตายเท่านั้น
เซียวเหยียนพยักหน้าเสียงดังก้องด้วยจิตสังหาร “ฟังคำสั่ง นำผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าพุ่งไปเป็นแนวหน้า ทุกทวีปในแนวหน้าจะต้องมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายเป็นแม่ทัพเพื่อป้องกันจอมปีศาจของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ”
“รับทราบ!”
ฉิงเทียนและจอมยุทธ์คนอื่นๆ ตอบสนองทัน
“ไอ้พวกปีศาจยึดครองพิภพเขตล่างเอาไว้จำนวนมาก บางส่วนสามารถเชื่อมต่อกับดินแดนชั้นในของมหาพันภพ ดังนั้นให้จัดตั้งกลุ่มลาดตระเวนเพื่อตรวจตราดินแดนภายในและกวาดล้างเผ่าปีศาจที่บุกเข้ามา!”
“รับทราบ!”
ทุกคนร้องตอบรับอีกครั้ง
หลินต้งมองไปที่ทุกคนประกาศว่า “เซียวเหยียนและข้าจะบัญชาการอยู่ที่นี่ ครั้งนี้พวกเราไม่สามารถเข้าร่วมศึกโดยตรงได้ ดังนั้นขอฝากพวกเจ้าทำให้สถานการณ์มีเสถียรภาพขึ้นให้จงได้”
“ท่านเทพจักรพรรดิสงครามทำไมถึงเป็นเช่นนั้น” บางคนงงงวยเนื่องจากกลศึกสงครามจะต้องลำบากอย่างแน่นอนหากขาดเทพจักรพรรดิทั้งสอง
เซียวเหยียนเงยหน้าขึ้นดวงตาแล่นพล่านด้วยเปลวไฟขณะที่มองผ่านมิติตอบว่า “ไอ้เทพปีศาจเล็งเป้ามาที่พวกข้า ดังนั้นพวกข้าต้องจับตาดูมันไว้เช่นกัน”
แม้ว่าเทพปีศาจจักรพรรดิจะยังไม่ปรากฏตัว แต่เมื่อมาถึงระดับอย่างพวกเขา ต่อให้เป็นการโจมตีจากระยะไกลจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถรับมือได้
ดังนั้นทั้งสองกองทัพจึงคุมเชิงกันและกันไว้
หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านขณะรู้สึกไอเย็นเยือกพล่านไปในกระดูกสันหลัง ราวกับพวกเขาถูกจับตามองเอง
“ท่านเทพจักรพรรดิสงคราม ท่านเทพจักรพรรดิอัคคีโปรดมั่นใจ มหาพันภพคือบ้านของเรา เพื่อปกป้องจักรวาลนี้ เราจะต่อสู้จนถึงคนสุดท้าย” จอมยุทธ์คนหนึ่งตอบอย่างเคร่งขรึม
ภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากเผ่าปีศาจ มหาพันภพรวมเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว ความขัดแย้งทั้งหมดถูกระงับลง
เพราะตอนนี้ศัตรูใหญ่ของมหาพันภพคือจักรวรรดิปีศาจต่างมิติเท่านั้น
อีกด้านหนึ่งของวังร่างเงาสะคราญโฉมยืนอยู่ด้านข้าง พวกนางมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน แต่ก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนนัก
ทั้งสี่คนก็คือนายหญิงแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวู
“ฉากนี้คุ้นๆ นะ” ดวงตาของหลิงชิงจู๋วาบขึ้นด้วยไอสังหารขณะที่ถอนหายใจ ครั้งหนึ่งพวกนางก็เคยประสบกับสถานการณ์คล้ายคลึงกันในโลกของตัวเอง
อิ้งฮวนฮวนยืนอยู่ข้างหลิงชิงจู๋ เรือนผมทิ้งตัวลงรัศมีเย็นยะเยือกรวมตัวกันในม่านตา รูปลักษณ์ของนางยังเหมือนกับตอนที่พวกนางต่อสู้กับฮ่องเต้ยี่หมัวในอดีต
แต่ศัตรูครั้งนี้น่ากลัวกว่าเผ่ายี่หมัวหลายพันเท่า
“ในเมื่อเราขับไล่เผ่ายี่หมัวในอดีตได้ ครั้งนี้เราก็จะไล่จักรวรรดิปีศาจออกไปจากมหาพันภพได้เช่นกัน”
หลิงชิงจู๋พยักหน้ายิ้มให้อิ้งฮวนฮวน “แต่คราวนี้เจ้าห้ามเสียสละตัวเองนะ ไม่งั้นหลินต้งคงไม่รู้จะไปหาเจ้าจากที่ไหนอีก?”
ใบหน้าของอิ้งฮวนฮวนแดงระเรื่อ นายหญิงสองคนแห่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่วก็อมยิ้ม ทำให้นางถึงกับกลอกตากับคำพูดของหลิงชิงจู๋
“ท่านแม่ เราก็ควรทำอะไรบ้างไหม?”
เสียงดังสะท้อนมาจากเบื้องหลัง ร่างเพรียวบางปรากฏตัวที่ด้านหลังไฉ่หลิง
นี่ก็คือเซียวเซียว!
“ใช่ เราต้องทำอะไรสักอย่าง! จะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้!” ถัดจากเซียวเซียว เสียงกระจ่างใสก็ดังขึ้น หลินจิ้งเห็นด้วยและจ้องมองไปที่มารดาทั้งสองของตัวเอง
พอเห็นว่าลูกสาวมีความกระตือรือร้นกับสงคราม นายหญิงทั้งสี่ก็แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างจนใจ เซียวซุนเอ๋อยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไป ข้าบอกพ่อเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เริ่มตั้งแต่วันนี้เลยให้พวกเจ้าจัดตั้งหน่วยร่วมกับลั่วหลีออกลาดตระเวนเพื่อกวาดล้างเผ่าปีศาจที่บุกเข้ามาในดินแดน”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นดวงตาของหลินจิ้งก็กะพริบด้วยความผิดหวัง “งือ? รักษาความมั่นคงที่เบื้องหลังเหรอ? ข้าบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้วดังนั้นมีสิทธิ์ไปแนวหน้าได้!”
หลิงชิงจู๋ปรายตาตอบว่า “การทำให้เบื้องหลังมั่นคงก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนส่วนใหญ่ไปอยู่ในแนวหน้า ดังนั้นเราต้องช่วยปกป้องความปลอดภัยของสำนัก ครอบครัวและสหายของพวกเขา”
พอได้ยินคำพูดของมารดา หลินจิ้งก็ทำได้จือปาก ไม่เถียงต่อ
ส่วนเซียวเซียวก็พยักหน้ารับ
เมื่อนายหญิงทั้งสี่เห็นว่าทำให้นางมารน้อยทั้งสองสงบลงได้ก็สบตากันและรู้สึกโล่งใจ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ยังสิ้นชีพได้ในแนวหน้า บุตรสาวทั้งสองยังไม่มีประสบการณ์มากพอ ถ้าไปแนวหน้าพวกนางจะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแน่ ดังนั้นการส่งไประวังหลังเป็นหน้าที่ที่ดีที่สุดแล้ว
แม้ว่าพวกนางจะให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นตายของมหาพันภพเช่นกัน มิหนำซ้ำยังยอมไปเผชิญหน้ากับแนวหน้าด้วยตัวเอง แต่ในฐานะมารดาก็อยากให้ลูกๆ ปลอดภัยก่อน
“ใช่ท่านแม่ มู่เฉินล่ะ? ข้าไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเลย ช่างต่างจากนิสัยของเขามาก” หลินจิ้งกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยชื่อเสียงของมู่เฉินก็ควรจะอยู่ที่นี่ ไม่ต้องพูดถึงว่าความสามารถในการก่อปัญหาที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นไม่น่าเชื่อที่เขาจะหายตัวไป
เมื่อได้ยินคำถามของหลินจิ้ง เซียวเซียวก็จ้องมองมา นางก็กังวลเกี่ยวกับข่าวของสหายคนนี้เช่นกัน ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ข้อมูลของมู่เฉิน ข่าวลือในบางครั้งไม่อาจเชื่อได้เลย
นายหญิงทั้งสี่ฉายสีหน้าหนักใจ พวกนางรู้เรื่องมู่เฉินดี ดังนั้นจึงรู้ว่าตำแหน่งเขาสำคัญเพียงใดในสงครามครั้งนี้
“ไม่ต้องห่วงเขา ครั้งต่อไปที่เขาปรากฏตัวทั่วทั้งมหาพันภพจะมีแต่ขวัญและกำลังใจ… พวกเราล้วนภาวนาให้เขาจะประสบความสำเร็จ”
หลังจากแจ้งคำสั่งทั้งหมดออกไป
เซียวเหยียนและหลินต้งก็ลุกขึ้นยืนกวาดสายตาไปยังทุกคน
“จักรวรรดิปีศาจต้องการยึดครองบ้านของเรา…”
“และเราจะบอกพวกมันว่าสิ่งที่จะต้อนรับก็คือดาบ กระบี่ เลือดและไฟ!”
*****เข้าสู่โค้งสุดท้าย ศึกใหญ่ระเบิดแล้ว