หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1537 รับมรดก

บทที่ 1537 รับมรดก

ไม่กี่วันหลังจากศึกดินแดนวั้นมู่จบลง

ข่าวดังก็กวาดไปทั่วมหาพันภพราวกับพายุ ทำให้ทั่วหล้าสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

สงครามสมัยโบราณเนิ่นนานเกินไปสำหรับทุกคน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่รู้เกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัวของจักรวรรดิปีศาจ

แต่เมื่อความไม่รู้ถูกฉีกออก ความสยองขวัญที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็ค่อยๆ สัมผัสได้ในมหาพันภพ…

นั่นเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถล้างบางคนทั้งจักรวาลได้

ศึกที่เกิดขึ้นในดินแดนวั้นมู่ทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของจักรวรรดิปีศาจ แม้ว่าเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามจะเคลื่อนไหว พวกเขาก็ทำได้แค่บังคับให้เทพปีศาจจักรพรรดิต้องล่าถอยไปเท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงว่าห้าปีจากนี้ที่เทพปีศาจจักรพรรดิจะกลับมาอย่างทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในเวลานั้นคงถึงคราวที่มหาพันภพจะถูกทำลายล้าง

เมื่อนึกถึงวันนั้นทุกคนก็อกสั่นขวัญแขวนไปหมด

ทุกหัวระแหงถูกปกคลุมไปด้วยความสยองขวัญจากเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามความตื่นกลัวนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นนานก่อนที่จะถูกระงับไป นั่นเป็นเพราะแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูที่เป็นตัวแทนของมวลมนุษยชาติได้รวมกลุ่มกันก่อตั้งสมาพันธ์มหาพันภพขึ้น

สมาพันธ์มหาพันภพประกาศเชิญจอมยุทธ์ทุกคนที่อยู่เหนือระดับตี้จื้อจุนมารวมตัวกันที่ชายแดนมหาพันภพเพื่อเปิดการโจมตีและปกป้องจักรวาลแห่งนี้

จอมยุทธ์ทรงพลังนับไม่ถ้วนเคลื่อนพลไปยังชายแดน ความสยองขวัญที่จะเกิดขึ้นในอีกในห้าปีได้กระตุ้นความกล้าในตัวของทุกคน แทนที่พวกเขาจะนั่งซึมกระทือรอความตาย พวกเขาขอเปิดศึกดีกว่า บางทีอาจช่วยคว้าโอกาสให้กับมหาพันภพไว้ได้บ้าง

หากพวกเขาต้องตายก็ต้องตายอย่างสมเกียรติ

เมื่อมีความมุ่งมั่นในปณิธานนี้ จอมยุทธ์จำนวนมากก็มารวมตัวกันที่ชายแดนมหาพันภพ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนก็รวมตัวกันจัดตั้งกองทัพใหญ่พร้อมกับความผันผวนของคลื่นหลิงที่พลุ่งพล่านไปไกลนับล้านลี้เลยทีเดียว

ภายใต้กองทัพขนาดใหญ่เซียวเหยียนและหลินต้งก็ปรากฏตัวขึ้นสร้างความมั่นใจให้ทุกคน ขณะนี้สองเทพจักรพรรดิคือผู้นำแห่งสมาพันธ์มหาพันภพอย่างไม่ต้องสงสัย

สายตากร้าวแกร่งมองไปที่มิติปีศาจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย เซียวเหยียนและหลินต้งก็โบกมือส่งสัญญาณเสียงดังก้อง

“โจมตี”

ขณะที่กองทัพสมาพันธ์มหาพันภพเปิดฉากโจมตีมิติปีศาจ

มู่เฉินที่มีปู้สื่อนำทางก็เข้าไปยังส่วนลึกของดินแดนวั้นมู่

ณ หุบเหวมองเห็นห่วงขนาดใหญ่ที่มีอักขระปกคลุมไว้

แต่วันนี้ทั้งหมดเสียหายราวกับว่าถูกทำลายโดยสัตว์ร้าย

“นี่คือที่ที่เทพปีศาจจักรพรรดิเคยถูกปิดผนึก” เมื่อมองไปที่โซ่ใบหน้าของปู้สื่อก็กระตุกด้วยความไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตามเหล่าผู้พิทักษ์หมื่นสุสานของเขาใช้เวลาถึงสี่หมื่นเก้าพันปีในการปกป้องผนึกนี้ แต่สุดท้ายเทพปีศาจก็หลุดออกไปได้ ทั้งที่พวกเขาใกล้จะประสบความสำเร็จอยู่แล้ว

มู่เฉินพูดไม่ออกกับคำพูดดังกล่าว พวกเขาทำได้เพียงโทษการวางแผนซ้อนแผนหลายชั้นของเทพจักรพรรดิปีศาจ ในตอนนั้นเขาคงคิดแผนทุกอย่างและเตรียมการเพื่อหลบหนีไว้หมดแล้ว

ปู้สื่อรู้ดีว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เขาเผยรอยยิ้มขมขื่นก่อนที่จะก้าวเข้าไปในเหวก่อนที่พุ่งลงมาถึงก้น

มีบันไดที่ทอดยาวลงไปจากฝ่าเท้าของพวกเขา

เมื่อมองไปที่บันไดปู้สื่อก็ฉายสีหน้าเคร่งเครียดก่อนที่จะก้าวเดินลงมาด้วยความเคารพโดยมีมู่เฉินเดินตามอยู่ด้านหลัง

บันไดนี้มีเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบขั้น

เมื่อพวกเขามาถึงขั้นสุดท้าย แท่นบูชาก็ปรากฏเบื้องหน้าสายตามู่เฉิน สายตาเขาเพ่งไปที่ใจกลาง

มองเห็นแท่นกะพริบด้วยรัศมี ร่างชุดขาวนั่งบนเบาะอยู่เงียบๆ

ชายผู้นี้มีโครงร่างเพรียวบางพร้อมกับผมยาวแผ่กระจายออกไป รูปลักษณ์เต็มไปด้วยเสน่ห์ แต่น่าเสียดายที่ดวงตาทั้งสองปิดสนิท จินตนาการได้ว่าดวงตาคู่นั้นต้องพร่างพราวราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแน่

แรงกดดันที่น่าทึ่งแทรกซึมเข้ามาคล้ายกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

นี่คือเทพจักรพรรดิคนแรกแห่งมหาพันภพ—เทพจักรพรรดินิรันดร์

ปู้สื่อแสดงความเคารพสูงสุดขณะที่คุกเข่าลงที่เบื้องหน้าร่างเทพจักรพรรดินิรันดร์ จากนั้นก็ก้มลงคารวะราวกับว่ากำลังแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ

เมื่อมองไปที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ มู่เฉินก็ฉายสีหน้าเคร่งขรึมก่อนที่จะโค้งคำนับด้วยความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นพลังที่จอมยุทธ์ผู้นี้มีหรือการเสียสละเพื่อมหาพันภพก็ควรค่าแก่การเคารพยิ่ง

“กายานิรันดร์ที่แท้จริง แม้จะผ่านมาหลายหมื่นปีก็ยังไม่เกิดความเสียหายใดๆ” มู่เฉินถอนหายใจขณะจ้องมองไปที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ จากการรับรู้ของเขาแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายปล่อยพลังโจมตีเต็มกำลังก็ไม่สามารถทำลายร่างเบื้องหน้านี้ได้

ที่สำคัญที่สุดคือเขารู้ว่าร่างกายนี้บรรจุด้วยคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นนิรันดร์ มิฉะนั้นคงไม่อยู่ยืนยงหลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี

“ราชันมู่เตรียมตัวให้พร้อม” ปู้สื่อลุกขึ้นยืนมองไปที่ร่างเทพจักรพรรดินิรันดร์

มู่เฉินพยักหน้าไปปรากฏตัวเบื้องหน้าเทพจักรพรรดินิรันดร์พลางนั่งลง จากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างปล่อยคลื่นพลังดึงดูดออกมา ขณะเดียวกันฝ่ามือของเทพจักรพรรดินิรันดร์ก็ยกขึ้นตอบสนองช้าๆ

“ท่านผู้อาวุโส ขออภัยด้วย”

มู่เฉินหายใจเข้าสุดปอดขณะที่สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม นั่นเป็นเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะรับคลื่นหลิงของเทพจักรพรรดินิรันดร์ เนื่องจากพลังงานของเทพจอมยุทธ์ผู้นี้ทรงพลังมากเกินไป ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแบบเขา แม้แต่ขั้นเซิ่งก็ยังไม่กล้าดูดซับพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพเช่นนี้

ความประมาทเล็กน้อยจะคร่าชีวิตได้ทันที

แต่ในเวลานี้มู่เฉินกลัวไม่ได้ เพราะเขาต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ให้มากที่สุด หากต้องการก้าวไปสู่การเป็นจอมยุทธ์คนที่สามบนทำเนียบ

หากเขาต้องการได้รับบางสิ่งก็ต้องทำงานหนักในปริมาณที่เทียบเท่ากัน ถ้าเขาไม่กล้าที่จะลองก็คงต้องยอมแพ้ตลอดกาล

เมื่อความคิดนี้พล่านในหัวใจ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไปมือยื่นออกมาก่อนที่จะสัมผัสกับฝ่ามือของเทพจักรพรรดินิรันดร์

ตู้ม!

ทันทีที่เกิดการเชื่อมโยง ม่านตาของมู่เฉินก็หดแคบลง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายตนเองในขณะนี้

ชี่!

ทันใดนั้นผิวหนังบนแขนของเขาก็ฉีกออกเป็นชิ้นพร้อมกับเลือดสดไหลออกมา เลือดเนื้อสั่นสะท้านรุนแรงขณะที่เขาเริ่มดูดซับคลื่นพลังงาน

คลื่นหลิงเหล่านี้ได้สูญเสียความมุ่งมั่นตั้งใจหลังจากผ่านมาหลายหมื่นปีกลายเป็นบริสุทธิ์ แต่ยังคงแฝงไปด้วยรัศมีนิรันดร์ หากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดาต้องการดูดซับพลังงานนี้ ก็มีความเป็นไปได้หนึ่งเดียวที่ต้องหลอมรวมกับพลังงานอย่างสมบูรณ์ แต่จอมยุทธ์เหล่านั้นจะไม่สามารถใช้พลังงานภายในร่างกายได้หรืออาจจะถูกโจมตีโดยคลื่นพลังนี้…

แต่โชคดีที่มู่เฉินฝึกฝนร่างมหาเทพนิรันดร์ ดังนั้นคลื่นหลิงของเขาจึงคล้ายคลึงกับเทพจักรพรรดินิรันดร์

นี่ทำให้เขาสามารถดูดซับพลังงานที่ไร้ขอบเขตได้โดยตรง

ตู้ม ตู้ม!

เสียงฟ้าร้องดังก้องจากร่างกายของมู่เฉินอย่างต่อเนื่อง ในเวลาไม่กี่สิบวินาทีร่างมู่เฉินก็ถูกย้อมไปด้วยเลือดดูน่าสังเวชนัก ร่างกายของเขาแทบจะขาดออกจากกันด้วยคลื่นหลิงรุนแรง

แต่โชคดีที่เขามีกายาเซิ่ง ซึ่งมีผลสำหรับการฟื้นฟูที่ทรงพลังในการซ่อมแซมร่างกายอย่างรวดเร็ว

แม้จะเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นของมู่เฉินสั่นคลอน

เขากัดฟันสงบสติอารมณ์ ไม่ปล่อยให้ตัวเองวนเวียนไปกับแรงกดดันจากคลื่นหลิงขนาดใหญ่

บนแท่นบูชา ปู้สื่อก็ถูกคลื่นกระแทกซัดให้ถอยออกไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ออกจากรัศมีของแท่นบูชา

เขามองไปที่แท่นบูชาพร้อมกับท่าทางเคร่งเครียด พายุทอร์นาโดหลิงที่ก่อตัวห่อหุ้มร่างมู่เฉินและร่างเทพจักรพรรดินิรันดร์ไว้

พลังงานหลิงที่ระเบิดออกมาเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายอย่างเขาก็ไม่กล้าเผชิญ

ปู้สื่อหรี่ตาลงมองร่างกายที่สั่นเทาของมู่เฉิน เขาจินตนาการได้เลยว่ามู่เฉินกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ในขณะนี้

แต่ภายใต้ความเจ็บปวด ปู้สื่อก็สามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากร่างกายของมู่เฉินกำลังค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น

ตราบใดที่มู่เฉินอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง

“ราชันมู่ เจ้าต้องประสบความสำเร็จ ห้าปีจากนี้ความเป็นตายของมหาพันภพอยู่ในมือเจ้าแล้ว…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท