หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1548 สู้กับจอมปีศาจเฮยซือเทียนอีกครั้ง

บทที่ 1548 สู้กับจอมปีศาจเฮยซือเทียนอีกครั้ง

โห้!

เมื่อเสียงนั้นดังก้องความปั่นป่วนก็กวนตัวทั่วสำนักศึกษาเป่ยชางทุกคนมองไปที่ร่างเงานั้นด้วยความตกตะลึง

‘มู่เฉิน?!’

เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นก็เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะปรากฏตัวที่นี่หลังจากหายหน้าไปหลายปี

นอกจากนี้ที่น่าตกใจที่สดคือเขาสามารถแก้ไขการโจมตีของจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้อย่างง่ายดาย ต้องรู้ว่ากระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ง่าย

เห็นได้ชัดว่าพลังของมู่เฉินแกร่งกร้าวขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี

“พี่ใหญ่มู่เฉิน…”

เยี่ยสุนเอ๋อตกตะลึงไปเมื่อมองร่างเงานั้น ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยความตื่นเต้น นางกวาดมองไปรอบๆ เท้าเอวหัวเราะร่วนขณะประกาศเบื้องหน้าสมาชิกชุมนุมเทพธิดาลั่ว “เห็นไหม?! นั่นคือผู้ก่อตั้งอีกคนของชุมนุมเทพธิดาลั่ว—พี่ใหญ่มู่เฉิน!”

“เขา…เขาทรงพลังมาก!”

ทุกคนร้องออกมา พวกเขารู้สึกได้ว่าเมื่อร่างนั้นปรากฏขึ้น แรงกดดันที่น่ากลัวจากจอมปีศาจก็ถูกรับไว้โดยเขาคนเดียว ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอีกต่อไป

นั่นหมายความว่าพลังของศิษย์พี่มู่เฉินอยู่ในระดับที่น่ากลัวยากหยั่งถึงแล้ว

“ทุกคนไม่ต้องกลัวอีกต่อไป! ในเมื่อพี่ใหญ่มู่เฉินอยู่ที่นี่ ไอ้ปีศาจนั่นจะไม่สามารถแตะต้องสำนักศึกษาของเราได้! พี่ใหญ่มู่เฉินจะต้องสอนบทเรียนให้มันอย่างสาสม!”

เมื่อเหล่าศิษย์ได้ยินความเชื่อมั่นของเยี่ยสุนเอ๋อที่มีต่อมู่เฉิน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกาหัวและยิ้มอย่างขมขื่น ‘พี่สุนเอ๋อ เจ้าอย่าปฏิบัติต่อจอมปีศาจเฮยซือเทียนแบบอ่อนแอได้ไหม? ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็คือยอดนักรบของจักรวรรดิปีศาจ แม้แต่ในมหาพันภพ นอกเหนือจากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม ก็คงไม่มีใครไม่เห็นมันอยู่ในสายตามั้ง?’

แต่ไม่ว่าอย่างไรความกลัวที่ปกคลุมไปทั่วก็เบาบางลงเมื่อมู่เฉินปรากฏตัว

“มู่เฉิน?”

ลั่วหลีก็ตกตะลึงไปเช่นกันเมื่อมองไปร่างเงาสูงโปร่งด้วยความไม่เชื่อ

ท้ายที่สุดแม้แต่นางก็ไม่ได้รับข่าวสารใดๆ จากมู่เฉินในช่วงที่เขาเข้าเก็บตัวฝึกฝนวรยุทธ

พอได้ยินคำพูดของลั่วหลี รัศมีหลิงก็ถอยกลับ ร่างเงานั้นหันกลับมาเผยให้เห็นสีหน้าที่คุ้นเคย

“ข้ารีบสุดชีวิตตอนที่ได้รับข่าว โชคดีที่ไม่ได้มาสาย” มู่เฉินยิ้ม

เมื่อมองใบหน้าคุ้นเคยไหล่ที่ตึงเกร็งขึ้นของลั่วหลีก็คลายลงมา ร่างอดที่จะอ่อนยวบลงมาไม่ได้

เห็นได้ชัดว่านางทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากเมื่อเผชิญหน้ากับจอมปีศาจเฮยซือเทียน

มือข้างหนึ่งของมู่เฉินยื่นออกมาจับที่เอวบาง เขามองใบหน้าที่อ่อนล้าด้วยความปวดใจ “ข้าขอโทษที่ทิ้งเจ้าไว้คนเดียวตั้งหลายปี”

ลั่วหลีคลี่ยิ้มอ่อนโยนตอบว่า “เจ้าเลือกที่จะเข้าสู่สมาธิก็เพื่อทุกคนไม่ใช่หรือ? ข้าไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่านะ”

เหตุผลที่มู่เฉินเลือกปลีกตัวฝึกฝนก็เพื่อมหาพันภพ ในเวลาเดียวกันก็เพื่อปกป้องนางเช่นกัน

“เอาเถอะปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” มู่เฉินลูบไล้ใบหน้าลั่วหลีอย่างแสนรัก

ใบหน้าของลั่วหลีเห่อแดงจากท่าทางใกล้ชิดของเขา นางผลักเขาออกไปเบาๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงหวาน

“อย่าเพิ่งมายุ่มย่ามกับข้านะ อย่างน้อยก็จนกว่าจะจัดการปีศาจนั้นให้เสร็จก่อน”

มองไปที่ร่างเงาสะคราญโฉม มู่เฉินก็ไล้นิ้วเข้าด้วยกันขณะที่ระลึกถึงสัมผัสนิ่มนวล

“ถ้าพวกแกร่ำลากันเรียบร้อยก็มารับความตายซะ!”

เสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าดังก้องขณะที่มู่เฉินกำลังรำพึงรำพัน

เมื่อมู่เฉินหันกลับมาก็เห็นจอมปีศาจเฮยซือเทียนมองมาอย่างเย็นชาพร้อมกับจิตสังหารที่เอิบอาบทั่วร่างกาย

“จอมปีศาจเฮยซือเทียนเจอกันอีกแล้วนะ” มู่เฉินยิ้มบาง

ย้อนกลับไปตอนที่เขาบรรลุระดับเทียนจื้อจุนในพิภพเขตล่างก็ถูกจอมปีศาจเฮยซือเทียนไล่ล่า โชคดีที่เทพจักรพรรดิสงครามมาช่วยทันเวลา

“ตอนนั้นมีคนช่วยแก แต่ตอนนี้คงได้แต่ฝันเฟื่องแล้ว” เสียงน่าขนลุกของจอมปีศาจเฮยซือเทียนดังก้อง

“แกฆ่าลูกชายข้า ดังนั้นวันนี้ข้าจะฆ่าทุกคนรอบตัวแก!”

ภายในสำนักผู้คนอดไม่ได้ที่จะมีท่าทางเปลี่ยนไปจากไอสังหารของจอมปีศาจเฮยซือเทียน พวกเขาประหลาดใจที่ทั้งคู่มีความแค้นต่อกันในอดีต

เผชิญหน้ากับสายตาที่น่ากลัวของจอมปีศาจ มู่เฉินก็ยิ้มอ่อน “ข้าคิดว่าตอนนี้แกน่าจะคิดหาวิธีป้องกันชีวิตตัวเองไว้ซะก่อนดีกว่า”

“ฮ่าๆ ไอ้เวรปากดี!”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนเยาะเย้ยขณะที่จ้องมองมู่เฉิน “แกคิดว่าพอตัวเองบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว จะมีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับข้าเรอะ?!”

ตู้ม!

เมื่อพูดจบใบหน้าของจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็เปลี่ยนเป็นน่าขนพองสยองเกล้า สองมือประสานกัน รัศมีความตายที่ไร้ขอบเขตรวมตัวกันเป็นธงปีศาจสีดำเมื่อม

“ธงศพปีศาจ!”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนคำรามกร้าว ขณะที่ธงโบกสะบัดก็ปล่อยซากศพออกมาร้อยล้านศพ เมื่อศพรวมกันก็กลายเป็นแม่น้ำมรณะ

ภายในแม่น้ำมีซากศพส่งเสียงโหยหวนไม่หยุด

“แม่น้ำศพปีศาจ!”

แม่น้ำแผดเสียงคำรามราวกับมังกรขนาดใหญ่กวาดไปในทิศทางของมู่เฉิน ในเส้นทางที่พาดผ่านมิติก็พังทลายลงพร้อมกับคลื่นความตายพวยพุ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่กล้าที่จะแตะต้อง เนื่องจากสามารถกัดกร่อนคลื่นหลิงของพวกเขาจนสิ้นซากได้

ขณะที่แม่น้ำไหลบ่าปกคลุมลงมา มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่มีสีหน้าใด เขาเหยียดนิ้วออกมาแล้วเคาะลงไปเบาๆ

“แม่น้ำแรกนิรันดร์!”

ครืน

แม่น้ำโบราณพวยพุ่งออกมาจากนิ้วของมู่เฉิน ราวกับว่ามีการไหลเวียนของเวลาไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกสิ่งที่ตกลงไปภายในนั้นจะถูกกัดกร่อนจนสูญสิ้นโดยกาลเวลา

ครืนๆๆ!

เมื่อแม่น้ำสองสายปะทะกัน บนท้องฟ้ามิติก็พังทลายลงทีละชั้น…ละชั้นจากการเผชิญหน้า

ขณะที่เกิดการชนกันใบหน้าของจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็เปลี่ยนไป เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าไม่ว่าแม่น้ำปีศาจจะพยายามกัดกร่อนอย่างไรแม่น้ำโบราณก็ไม่ได้สูญสลายลง ในทางกลับกันแม่น้ำปีศาจกลับเป็นฝ่ายแหลกสลายลงไปเอง ศพที่อยู่ภายในร้องโหยหวนถูกกร่อนเซาะอย่างต่อเนื่อง

ตู้ม ตู้ม!

คลื่นกระแทกรุนแรงระเบิดออก แม่น้ำศพปีศาจก็พังทลายลงในช่วงสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ

“บ้าเอ้ย!”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนไม่สามารถรักษาสีหน้าสงบนิ่งได้อีกต่อไป ขณะที่ผุดลุกขึ้นยืนบนบัลลังก์มองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตามืดครึ้ม ดวงตาของเขาวูบไหวด้วยความประหลาดใจ

การเคลื่อนไหวของมู่เฉิน ทรงพลังเหนือล้ำเกินไป

นอกจากนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดเขายังรู้สึกได้ถึงรัศมีอันตรายที่มาจากมู่เฉิน

นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้สึกได้จากจอมยุทธ์สองคนในมหาพันภพเท่านั้น

ซึ่งก็คือเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

‘หรือว่ามู่เฉินก้าวไปถึงระดับนั้นได้ในเวลาเพียงห้าปี?!’

“เป็นไปได้ยังไง?!”

หัวใจของจอมปีศาจเฮยซือเทียนสั่นสะท้านก่อนที่แสงโหดเหี้ยมจะวูบไหวในดวงตา ดูเหมือนว่าหากเขาต้องการสู้กับไอ้หนูนี่ก็ต้องใช้ทักษะขั้นสูงสุดของตัวเองแล้ว

“ข้าจะดูสิว่าแกจะทำแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน!”

“ร่างอสูรศพปีศาจสวรรค์!”

ฝ่ามือของจอมปีศาจเฮยซือเทียนประสานกัน รัศมีปีศาจรุนแรงพุ่งออกมาก่อนจะค่อยๆ ก่อร่างเป็นอสูรปีศาจตัวมหึมาที่ด้านหลังเขา

ร่างอสูรปีศาจเต็มไปด้วยรัศมีความตาย มีใบหน้านับไม่ถ้วนบิดเบี้ยวอยู่บนร่างมันพร้อมกับส่งเสียงโหยหวนสะท้อนไปทั่วฟ้าดิน แค่เสียงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายจอมยุทธ์เปลี่ยนเป็นอาละวาดได้

เมื่อแรงกดดันปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไปพื้นที่ทั้งหมดในทวีปเป่ยชางก็โยกคลอน

ในสำนักผู้คนถึงกับหน้าถอดสีเมื่อมองไปที่ร่างอสูรปีศาจ พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าพลังของร่างอสูรปีศาจนี้จะสามารถฉีกพื้นทวีปออกเป็นชิ้นๆ ได้

พลังที่น่ากลัวนี้ทำให้กระทั่งลั่วหลี เซียวเซียวและหลินจิ้งยังรู้สึกหวาดหวั่น

จอมปีศาจเฮยซือเทียนมองไปที่มู่เฉิน ขณะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ค่อยๆ หลอมรวมร่างเข้ากับร่างอสูรปีศาจ

ฮึ่ม!

เมื่อดวงตาอสูรปีศาจเปิดขึ้น ลำแสงปีศาจก็แผ่วงรัศมีออกมาดูราวกับว่าสามารถฉีกโลกออกจากกันได้ มันแผ่เสียงกระหึ่มพร้อมกับจิตสังหารไร้ขอบเขต

“มู่เฉิน สังเวยชีวิตเซ่นไหว้ลูกชายข้าซะ!

“วันนี้แกต้องตาย!”

เผชิญหน้ากับเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของจอมปีศาจเฮยซือเทียน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างอสูรปีศาจพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนจะแฝงด้วยแววเหยียดหยาม

“นี่คือสุดยอดพลังของแกแล้วเรอะ?”

เขาพึมพำพลางก้าวย่างออกไป

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถึงวาระที่จะตายได้แล้ว…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท