เมื่อแสงหลิงพร่างพราวแทรกซึมจากทำเนียบเหนือภพ
มู่เฉินทั้งสามก็ยืนเคียงข้างกัน พร้อมกับอักขระลึกลับก่อตัวขึ้นที่กึ่งกลางคิ้วของพวกเขา
อักขระก่อตัวเป็นเครื่องหมายจุลภาคสามตัวซึ่งกำลังหมุนคว้างช้าๆ เอิบอาบด้วยความผันผวนแปลกประหลาดและแรงกดดันลึกลับ
นั่นเป็นเพราะอักขระเหล่านั้นมีเพียงจอมยุทธ์ที่จารึกชื่อไว้บนทำเนียบเหนือภพเท่านั้นจึงจะมีได้
ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง รัศมีสดใสบนกระดานโบราณก็คงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงและหายไปในที่สุด
“ในที่สุดก็สำเร็จ…”
ฉิงเทียนและเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิงระยะปลายพากันตื่นเต้นไปกับฉากนี้ ขณะนี้แรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของมู่เฉินไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหลินต้งและเซียวเหยียนเลย
นอกจากนี้ที่ทำให้พวกเขาดีใจยิ่งขึ้นไปอีก คือมู่เฉินไม่ใช่คนเดียว แต่มีถึงสามคน!
พลังของมู่เฉินทั้งสามเหมือนกัน ซึ่งหมายความว่าการจารึกชื่อในครั้งนี้ได้สร้างเทพจอมยุทธ์เพิ่มถึงสามคน!
ถ้านับเช่นนี้มหาพันภพมีเทพจอมยุทธ์เหนือภพถึงห้าคนเลยทีเดียว!
กองกำลังเช่นนี้ทำให้มหาพันภพมาถึงจุดที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยจำนวนห้าต่อหนึ่ง แม้แต่เทพปีศาจจักรพรรดิก็คงต้องรู้สึกหนักใจแล้วมั้ง?
บนภูเขามู่เฉินเงยหน้าขึ้นจากนั้นทั้งสามก็ขยับไปปรากฏตัวข้างๆ หลินต้งและเซียวเหยียน
ขณะที่รัศมีที่ไร้ขอบเขตระเบิดออกจากร่างกายของพวกเขา ก็คล้ายกับดวงอาทิตย์สามดวงลุกโชติช่วง ซึ่งทำให้ทุกคนในมหาพันภพต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นว่าความมืดที่มาจากเทพปีศาจเริ่มล่าถอยออกไป…
สุดท้ายความมืดก็ไม่สามารถกัดกร่อนเข้ามาในครึ่งหนึ่งของทวีปหลิงหมัว
บัดนี้โลกเหมือนถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง
ขณะนี้ความแข็งแกร่งของมหาพันภพมาถึงระดับที่สามารถเผชิญหน้ากับเทพปีศาจจักรพรรดิได้!
“เทพจักรพรรดิมู่!”
“เทพจักรพรรดิมู่!”
ทุกคนในมหาพันภพเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกที่ถูกปราบปรามหายไป ขวัญกำลังใจพุ่งทะยาน เสียงโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วทุกมุมโลก
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องเผ่าปีศาจต่างๆ ก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่ได้โอหังเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
“ให้ตายเถอะ ไม่คิดว่ามหาพันภพจะมีการเคลื่อนไหวเช่นนี้” ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดิ่งลงขณะมองไปที่มู่เฉินทั้งสาม
“ข้าจำเด็กนั่นได้แล้ว มันเอาชนะเจียงหยาเผ่าเสียหลิง แต่ตอนนั้นมันเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ไม่คิดว่าในเวลาเพียงห้าปีมันจะเติบโตรวดเร็วขนาดนี้ ใบหน้าของจอมปีศาจอั้นเทียนก็มืดมนลงเช่นกัน
จอมปีศาจคนอื่นๆ ก็แสดงความคิดเห็น ทำให้พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง
แต่ความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะรู้สึกถึงสายตาไม่แยแสกวาดมองมา แต่ละคนหนาวสั่นในหัวใจทันทีและเงียบเสียงลง
เทพปีศาจเหลือบมองพวกเขาอย่างไม่แยแสกล่าวว่า “ก็ยังคงเป็นกึ่งสำเร็จ แค่เพิ่มจำนวนขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นแล้วจะทำอะไรได้?”
พูดจบก็ไม่ใส่ใจพวกเหล่าปีศาจอีกต่อไป สายตามองไปที่ร่างเงาทั้งห้าที่เต็มไปด้วยแสงไร้ขอบเขต
“ดูเหมือนว่านี่เป็นไม้เด็ดที่พวกแกเตรียมมาตลอดห้าปีแล้วสินะ” เสียงที่ไม่แยแสของเทพปีศาจดังก้อง
“แต่…พวกแกคิดว่าจะเหนือกว่าด้วยจำนวนที่มากกว่าเรอะ?” มุมริมฝีปากของเทพปีศาจโค้งขึ้นเอ่ยเยาะเย้ย
หลินต้งหลุบตาลงตอกกลับว่า “จะชนะได้หรือไม่ ก็ต้องสู้ก่อนถึงจะรู้”
“ฮ่าๆ พูดถูก”
เทพปีศาจหัวเราะเบาๆ ดวงตาทั้งสามกะพริบด้วยแสงเย็นสร้างไอเย็นเยือกสะท้านกระดูกสันหลัง
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น… ก็เปิดสงครามได้เลย หากพวกแกพ่ายแพ้ในมือข้า ทุกสรรพชีวิตในระบบสุริยจักรวาลนี้จะถูกครอบครองโดยจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ เอาไว้ทำปศุสัตว์เพื่อเชือด”
รอยยิ้มที่เป็นมิตรสวมลงบนใบหน้าเทพปีศาจ ทว่าคำพูดที่ดังก้องพร้อมกับความดุร้ายทำให้ใบหน้าของผู้คนในมหาพันภพเปลี่ยนไป
ตู้ม!
รัศมีปีศาจระเบิดออกมาจากร่างเทพปีศาจ โดยทุกเส้นสายคล้ายกับมังกรปีศาจ ในเวลานี้รัศมีปีศาจโหมกระหน่ำไปทั่วพร้อมกับร่างเทพปีศาจคล้ายกับปีศาจร้ายอย่างไรอย่างนั้น
“ตะวันปีศาจเผาผลาญโลก”
เสียงของเทพปีศาจดังก้อง รัศมีปีศาจรวมตัวกันเป็นดวงอาทิตย์สีดำเก้าดวงที่เบื้องหน้าเขา
ทุกดวงลุกโชนด้วยเพลิงปีศาจพร้อมกับความผันผวนที่ทำให้ทวีปหลิงหมัวแสดงสัญญาณล่มสลาย
“ฮึ่ม!”
เมื่อดวงอาทิตย์สีดำทั้งเก้าดวงทะยานออกไปก็พุ่งไปที่มู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้ง
เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเห็นฉากนี้ก็รู้สึกว่าหนังหัวลุกซู่ไปหมด ความกดดันที่ซึมผ่านจากดวงอาทิตย์ปีศาจทำให้พวกเขารู้สึกไร้พลัง
การเผชิญหน้าในระดับนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถแทรกแซงได้
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเทพปีศาจก็เคลื่อนไหว ใบหน้าของมู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้งก็ดิ่งลง ขณะที่แลกเปลี่ยนสายตากันพลางพยักหน้า
ตู้ม!
เซียวเหยียนเป็นคนแรกที่เคลื่อนไหว ดาบใหญ่หัวตัดสีดำเมื่อมปรากฏขึ้นในมือพร้อมกับเพลิงจักรพรรดิ สายตาคมกริบกวาดออก เขาก็เหวี่ยงดาบลง
“สึนามิเพลิงแตก!”
ขณะที่ดาบใหญ่หัวตัดเหวี่ยงลง คลื่นเชี่ยวกรากก็ถาโถม ทว่าไม่มีหยดน้ำกระเด็น กลับถูกแทนที่ด้วยเปลวไฟที่รุนแรงซึ่งกลายเป็นลำแสงทะยานออกไป แผดเผามิติในกระบวนท่า
ทักษะดังกล่าวเป็นสิ่งที่เซียวเหยียนฝึกฝนตอนเยาว์วัย เพียงแต่ว่าเมื่อมาถึงระดับนี้ พลังที่สำแดงออกมาก็แข็งแกร่งกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดไร้ที่ติในมหาพันภพเสียอีก
หลินต้งก็เคลื่อนไหวตามติด สายฟ้าปกคลุมคทาจักรพรรดิสายฟ้า จากนั้นก็กระแทกลงอย่างจัง สายฟ้าสามสายพุ่งออกมา ก่อร่างเป็นมังกรขนาดมหึมา
การโจมตีจากเซียวเหยียนและหลินต้งจัดการดวงอาทิตย์ปีศาจได้คนละสามดวง เหลือสามดวงสุดท้ายเป็นหน้าที่ของมู่เฉิน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้น ดวงอาทิตย์ปีศาจสะท้อนในดวงตา จากนั้นเขาก็หันไปพยักหน้าให้มู่เฉินชุดขาว อีกฝ่ายยิ้มเยื้องย่างออกมา
ฮึ่ม!
มู่เฉินชุดขาวก้าวออกไป รัศมีไร้ขอบเขตก็รวมตัวกัน
“ปราการรัศมี!”
เสียงของมู่เฉินชุดขาวดังก้อง รัศมีเปล่งประกายรวมตัวกันเป็นปราการขนาดใหญ่ขวางกั้นดวงอาทิตย์ปีศาจทั้งสาม
นี่เป็นปราการที่ดูเหมือนว่าไม่สามารถสั่นคลอน แม้ว่าโลกจะพังทลายลงก็ตาม
ซึ่งเป็นพลังจากร่างมหารัศมีอนันด์ นี่เป็นร่างที่มีการป้องกันแข็งแกร่งที่สุด ความสามารถในการป้องกันนั้นไม่มีใครเทียบได้ในจักรวาลนี้
ตู้ม ตู้ม!
ขณะที่การโจมตีทำลายล้างปะทะกัน เสียงมโหฬารก็สร้างคลื่นกระแทกกวาดออกไป ทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ดีที่ทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงไม่ให้ผลพวงส่งผลกระทบต่อทวีปหลิงหมัว เนื่องจากมีกองทัพของฝ่ายอยู่
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ทวีปหลิงหมัวก็ยังโดนคลื่นกระแทกบางส่วน ทำให้พื้นสั่นสะเทือนเกิดรอยแตกกระจายออกไปราวกับเหว
สองกองทัพต่างจับจ้องไปที่การเผชิญหน้า
ประจันหน้ากับการขัดขวางของมู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้งดวงอาทิตย์ปีศาจก็พังทลายลง
“เพื่อทุกชีวิตในมหาพันภพ พวกเราก็ต้องใช้ข้อได้เปรียบจากจำนวนคน!” เซียวเหยียนกู่เสียงก้องขณะที่ดาบใหญ่หัวตัดระเบิดพุ่งไปยังทิศทางของเทพปีศาจ
ในเวลาเดียวกันหลินต้งก็เคลื่อนไหว สายฟ้าระเบิดออกจากคทา การสั่นไหวทุกครั้งมีพลังทำลายล้างที่ซัดเข้าใส่เทพปีศาจ
วาบ วาบ วาบ!
มู่เฉินทั้งสามเคลื่อนไหวด้วยความพร้อมเพรียง เทพจอมยุทธ์ทั้งห้ารวมตัวกันล้อมวงรอบตัวเทพปีศาจพร้อมกับการโจมตีทำลายล้างมุ่งเป้าไปที่ศัตรู
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เผชิญกับการโจมตีรุนแรงของฝั่งมหาพันภพ เทพปีศาจก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ แต่กลับคำรามด้วยเสียงหัวเราะ รัศมีปีศาจรวมตัวกันชนเข้ากับทั้งห้าจังใหญ่
ชุดเสียงระเบิดดังก้องอย่างต่อเนื่อง
ทุกเสียงทำให้หัวใจของทั้งสองฝ่ายสั่นสะท้าน พวกเขารู้ว่านี่คือการเผชิญหน้าครั้งยิ่งใหญ่ที่จะตัดสินชะตากรรมแล้ว
บนท้องฟ้าพลังไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกไปก่อตัวเป็นปราการกั้นเพื่อกักเก็บคลื่นกระแทกจากการต่อสู้นี้ ไม่ให้กระทบโดนภายนอก
เวลาหนึ่งก้านธูปเต็มๆ
ในช่วงเวลานี้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้แลกกระบวนท่ามากกว่าหมื่นท่าแล้ว ทุกการโจมตีของพวกเขาสามารถทำลายทวีปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นทุกคนบอกได้ว่าการต่อสู้รุนแรงเพียงใด
ตู้ม!
คลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวอีกระลอกพัดออกมา
เทพปีศาจยืนจังก้าบนท้องฟ้า มู่เฉินชุดดำและขาวถูกรัศมีปีศาจซัดกลับออกมา ยามนี้ผมของเทพปีศาจยุ่งเหยิง เสื้อผ้าส่วนบนขาดเป็นริ้วเล็กๆ พร้อมกับแสงน่ากลัวไร้ขอบเขตกำจายออกมาจากรูม่านตาชั่วร้าย
เทพปีศาจเหยียดคอท่าทางพอใจ
เขามองไปที่ทั้งสามพลางหัวเราะร่า “ไม่เลว นานแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อสู้เช่นนี้? พวกแกไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”
มู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้งไม่ตอบสนองขณะมองไปที่เทพปีศาจอย่างเย็นชา
เทพปีศาจก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาคำรามด้วยเสียงหัวเราะก้องออกมาเหมือนเสียงฟ้าร้อง ทว่าความดุร้ายไร้ขอบเขตที่แฝงอยู่กลับทำให้สวรรค์และโลกเปลี่ยนไป
“ฮ่าๆๆ! เข้ามาเลยให้ข้าดูสิว่าพวกเจ้าจะช่วยจักรวาลนี้จากมือข้าได้อย่างไร?!”
“ถ้าพวกเจ้าแพ้ ข้าก็ขอรับช่วงต่อมหาพันภพเอง!”
หัวเราะจบ เทพปีศาจก็วาดตราประทับขึ้นพร้อมกับเสียงน่าขนลุกสะท้อนออกมา ทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน
“เบิกเก้าเนตร!”