หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1555 สู้กับเทพปีศาจจักรพรรดิอีกครั้ง

บทที่ 1555 สู้กับเทพปีศาจจักรพรรดิอีกครั้ง

เมื่อแสงหลิงพร่างพราวแทรกซึมจากทำเนียบเหนือภพ

มู่เฉินทั้งสามก็ยืนเคียงข้างกัน พร้อมกับอักขระลึกลับก่อตัวขึ้นที่กึ่งกลางคิ้วของพวกเขา

อักขระก่อตัวเป็นเครื่องหมายจุลภาคสามตัวซึ่งกำลังหมุนคว้างช้าๆ เอิบอาบด้วยความผันผวนแปลกประหลาดและแรงกดดันลึกลับ

นั่นเป็นเพราะอักขระเหล่านั้นมีเพียงจอมยุทธ์ที่จารึกชื่อไว้บนทำเนียบเหนือภพเท่านั้นจึงจะมีได้

ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง รัศมีสดใสบนกระดานโบราณก็คงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงและหายไปในที่สุด

“ในที่สุดก็สำเร็จ…”

ฉิงเทียนและเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิงระยะปลายพากันตื่นเต้นไปกับฉากนี้ ขณะนี้แรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของมู่เฉินไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหลินต้งและเซียวเหยียนเลย

นอกจากนี้ที่ทำให้พวกเขาดีใจยิ่งขึ้นไปอีก คือมู่เฉินไม่ใช่คนเดียว แต่มีถึงสามคน!

พลังของมู่เฉินทั้งสามเหมือนกัน ซึ่งหมายความว่าการจารึกชื่อในครั้งนี้ได้สร้างเทพจอมยุทธ์เพิ่มถึงสามคน!

ถ้านับเช่นนี้มหาพันภพมีเทพจอมยุทธ์เหนือภพถึงห้าคนเลยทีเดียว!

กองกำลังเช่นนี้ทำให้มหาพันภพมาถึงจุดที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย

ด้วยจำนวนห้าต่อหนึ่ง แม้แต่เทพปีศาจจักรพรรดิก็คงต้องรู้สึกหนักใจแล้วมั้ง?

บนภูเขามู่เฉินเงยหน้าขึ้นจากนั้นทั้งสามก็ขยับไปปรากฏตัวข้างๆ หลินต้งและเซียวเหยียน

ขณะที่รัศมีที่ไร้ขอบเขตระเบิดออกจากร่างกายของพวกเขา ก็คล้ายกับดวงอาทิตย์สามดวงลุกโชติช่วง ซึ่งทำให้ทุกคนในมหาพันภพต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นว่าความมืดที่มาจากเทพปีศาจเริ่มล่าถอยออกไป…

สุดท้ายความมืดก็ไม่สามารถกัดกร่อนเข้ามาในครึ่งหนึ่งของทวีปหลิงหมัว

บัดนี้โลกเหมือนถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง

ขณะนี้ความแข็งแกร่งของมหาพันภพมาถึงระดับที่สามารถเผชิญหน้ากับเทพปีศาจจักรพรรดิได้!

“เทพจักรพรรดิมู่!”

“เทพจักรพรรดิมู่!”

ทุกคนในมหาพันภพเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกที่ถูกปราบปรามหายไป ขวัญกำลังใจพุ่งทะยาน เสียงโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วทุกมุมโลก

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องเผ่าปีศาจต่างๆ ก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่ได้โอหังเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป

“ให้ตายเถอะ ไม่คิดว่ามหาพันภพจะมีการเคลื่อนไหวเช่นนี้” ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดิ่งลงขณะมองไปที่มู่เฉินทั้งสาม

“ข้าจำเด็กนั่นได้แล้ว มันเอาชนะเจียงหยาเผ่าเสียหลิง แต่ตอนนั้นมันเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ไม่คิดว่าในเวลาเพียงห้าปีมันจะเติบโตรวดเร็วขนาดนี้ ใบหน้าของจอมปีศาจอั้นเทียนก็มืดมนลงเช่นกัน

จอมปีศาจคนอื่นๆ ก็แสดงความคิดเห็น ทำให้พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง

แต่ความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะรู้สึกถึงสายตาไม่แยแสกวาดมองมา แต่ละคนหนาวสั่นในหัวใจทันทีและเงียบเสียงลง

เทพปีศาจเหลือบมองพวกเขาอย่างไม่แยแสกล่าวว่า “ก็ยังคงเป็นกึ่งสำเร็จ แค่เพิ่มจำนวนขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นแล้วจะทำอะไรได้?”

พูดจบก็ไม่ใส่ใจพวกเหล่าปีศาจอีกต่อไป สายตามองไปที่ร่างเงาทั้งห้าที่เต็มไปด้วยแสงไร้ขอบเขต

“ดูเหมือนว่านี่เป็นไม้เด็ดที่พวกแกเตรียมมาตลอดห้าปีแล้วสินะ” เสียงที่ไม่แยแสของเทพปีศาจดังก้อง

“แต่…พวกแกคิดว่าจะเหนือกว่าด้วยจำนวนที่มากกว่าเรอะ?” มุมริมฝีปากของเทพปีศาจโค้งขึ้นเอ่ยเยาะเย้ย

หลินต้งหลุบตาลงตอกกลับว่า “จะชนะได้หรือไม่ ก็ต้องสู้ก่อนถึงจะรู้”

“ฮ่าๆ พูดถูก”

เทพปีศาจหัวเราะเบาๆ ดวงตาทั้งสามกะพริบด้วยแสงเย็นสร้างไอเย็นเยือกสะท้านกระดูกสันหลัง

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น… ก็เปิดสงครามได้เลย หากพวกแกพ่ายแพ้ในมือข้า ทุกสรรพชีวิตในระบบสุริยจักรวาลนี้จะถูกครอบครองโดยจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ เอาไว้ทำปศุสัตว์เพื่อเชือด”

รอยยิ้มที่เป็นมิตรสวมลงบนใบหน้าเทพปีศาจ ทว่าคำพูดที่ดังก้องพร้อมกับความดุร้ายทำให้ใบหน้าของผู้คนในมหาพันภพเปลี่ยนไป

ตู้ม!

รัศมีปีศาจระเบิดออกมาจากร่างเทพปีศาจ โดยทุกเส้นสายคล้ายกับมังกรปีศาจ ในเวลานี้รัศมีปีศาจโหมกระหน่ำไปทั่วพร้อมกับร่างเทพปีศาจคล้ายกับปีศาจร้ายอย่างไรอย่างนั้น

“ตะวันปีศาจเผาผลาญโลก”

เสียงของเทพปีศาจดังก้อง รัศมีปีศาจรวมตัวกันเป็นดวงอาทิตย์สีดำเก้าดวงที่เบื้องหน้าเขา

ทุกดวงลุกโชนด้วยเพลิงปีศาจพร้อมกับความผันผวนที่ทำให้ทวีปหลิงหมัวแสดงสัญญาณล่มสลาย

“ฮึ่ม!”

เมื่อดวงอาทิตย์สีดำทั้งเก้าดวงทะยานออกไปก็พุ่งไปที่มู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้ง

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเห็นฉากนี้ก็รู้สึกว่าหนังหัวลุกซู่ไปหมด ความกดดันที่ซึมผ่านจากดวงอาทิตย์ปีศาจทำให้พวกเขารู้สึกไร้พลัง

การเผชิญหน้าในระดับนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถแทรกแซงได้

เมื่อเห็นว่าในที่สุดเทพปีศาจก็เคลื่อนไหว ใบหน้าของมู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้งก็ดิ่งลง ขณะที่แลกเปลี่ยนสายตากันพลางพยักหน้า

ตู้ม!

เซียวเหยียนเป็นคนแรกที่เคลื่อนไหว ดาบใหญ่หัวตัดสีดำเมื่อมปรากฏขึ้นในมือพร้อมกับเพลิงจักรพรรดิ สายตาคมกริบกวาดออก เขาก็เหวี่ยงดาบลง

“สึนามิเพลิงแตก!”

ขณะที่ดาบใหญ่หัวตัดเหวี่ยงลง คลื่นเชี่ยวกรากก็ถาโถม ทว่าไม่มีหยดน้ำกระเด็น กลับถูกแทนที่ด้วยเปลวไฟที่รุนแรงซึ่งกลายเป็นลำแสงทะยานออกไป แผดเผามิติในกระบวนท่า

ทักษะดังกล่าวเป็นสิ่งที่เซียวเหยียนฝึกฝนตอนเยาว์วัย เพียงแต่ว่าเมื่อมาถึงระดับนี้ พลังที่สำแดงออกมาก็แข็งแกร่งกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดไร้ที่ติในมหาพันภพเสียอีก

หลินต้งก็เคลื่อนไหวตามติด สายฟ้าปกคลุมคทาจักรพรรดิสายฟ้า จากนั้นก็กระแทกลงอย่างจัง สายฟ้าสามสายพุ่งออกมา ก่อร่างเป็นมังกรขนาดมหึมา

การโจมตีจากเซียวเหยียนและหลินต้งจัดการดวงอาทิตย์ปีศาจได้คนละสามดวง เหลือสามดวงสุดท้ายเป็นหน้าที่ของมู่เฉิน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้น ดวงอาทิตย์ปีศาจสะท้อนในดวงตา จากนั้นเขาก็หันไปพยักหน้าให้มู่เฉินชุดขาว อีกฝ่ายยิ้มเยื้องย่างออกมา

ฮึ่ม!

มู่เฉินชุดขาวก้าวออกไป รัศมีไร้ขอบเขตก็รวมตัวกัน

“ปราการรัศมี!”

เสียงของมู่เฉินชุดขาวดังก้อง รัศมีเปล่งประกายรวมตัวกันเป็นปราการขนาดใหญ่ขวางกั้นดวงอาทิตย์ปีศาจทั้งสาม

นี่เป็นปราการที่ดูเหมือนว่าไม่สามารถสั่นคลอน แม้ว่าโลกจะพังทลายลงก็ตาม

ซึ่งเป็นพลังจากร่างมหารัศมีอนันด์ นี่เป็นร่างที่มีการป้องกันแข็งแกร่งที่สุด ความสามารถในการป้องกันนั้นไม่มีใครเทียบได้ในจักรวาลนี้

ตู้ม ตู้ม!

ขณะที่การโจมตีทำลายล้างปะทะกัน เสียงมโหฬารก็สร้างคลื่นกระแทกกวาดออกไป ทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ดีที่ทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงไม่ให้ผลพวงส่งผลกระทบต่อทวีปหลิงหมัว เนื่องจากมีกองทัพของฝ่ายอยู่

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ทวีปหลิงหมัวก็ยังโดนคลื่นกระแทกบางส่วน ทำให้พื้นสั่นสะเทือนเกิดรอยแตกกระจายออกไปราวกับเหว

สองกองทัพต่างจับจ้องไปที่การเผชิญหน้า

ประจันหน้ากับการขัดขวางของมู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้งดวงอาทิตย์ปีศาจก็พังทลายลง

“เพื่อทุกชีวิตในมหาพันภพ พวกเราก็ต้องใช้ข้อได้เปรียบจากจำนวนคน!” เซียวเหยียนกู่เสียงก้องขณะที่ดาบใหญ่หัวตัดระเบิดพุ่งไปยังทิศทางของเทพปีศาจ

ในเวลาเดียวกันหลินต้งก็เคลื่อนไหว สายฟ้าระเบิดออกจากคทา การสั่นไหวทุกครั้งมีพลังทำลายล้างที่ซัดเข้าใส่เทพปีศาจ

วาบ วาบ วาบ!

มู่เฉินทั้งสามเคลื่อนไหวด้วยความพร้อมเพรียง เทพจอมยุทธ์ทั้งห้ารวมตัวกันล้อมวงรอบตัวเทพปีศาจพร้อมกับการโจมตีทำลายล้างมุ่งเป้าไปที่ศัตรู

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เผชิญกับการโจมตีรุนแรงของฝั่งมหาพันภพ เทพปีศาจก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ แต่กลับคำรามด้วยเสียงหัวเราะ รัศมีปีศาจรวมตัวกันชนเข้ากับทั้งห้าจังใหญ่

ชุดเสียงระเบิดดังก้องอย่างต่อเนื่อง

ทุกเสียงทำให้หัวใจของทั้งสองฝ่ายสั่นสะท้าน พวกเขารู้ว่านี่คือการเผชิญหน้าครั้งยิ่งใหญ่ที่จะตัดสินชะตากรรมแล้ว

บนท้องฟ้าพลังไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกไปก่อตัวเป็นปราการกั้นเพื่อกักเก็บคลื่นกระแทกจากการต่อสู้นี้ ไม่ให้กระทบโดนภายนอก

เวลาหนึ่งก้านธูปเต็มๆ

ในช่วงเวลานี้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้แลกกระบวนท่ามากกว่าหมื่นท่าแล้ว ทุกการโจมตีของพวกเขาสามารถทำลายทวีปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นทุกคนบอกได้ว่าการต่อสู้รุนแรงเพียงใด

ตู้ม!

คลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวอีกระลอกพัดออกมา

เทพปีศาจยืนจังก้าบนท้องฟ้า มู่เฉินชุดดำและขาวถูกรัศมีปีศาจซัดกลับออกมา ยามนี้ผมของเทพปีศาจยุ่งเหยิง เสื้อผ้าส่วนบนขาดเป็นริ้วเล็กๆ พร้อมกับแสงน่ากลัวไร้ขอบเขตกำจายออกมาจากรูม่านตาชั่วร้าย

เทพปีศาจเหยียดคอท่าทางพอใจ

เขามองไปที่ทั้งสามพลางหัวเราะร่า “ไม่เลว นานแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อสู้เช่นนี้? พวกแกไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”

มู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้งไม่ตอบสนองขณะมองไปที่เทพปีศาจอย่างเย็นชา

เทพปีศาจก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาคำรามด้วยเสียงหัวเราะก้องออกมาเหมือนเสียงฟ้าร้อง ทว่าความดุร้ายไร้ขอบเขตที่แฝงอยู่กลับทำให้สวรรค์และโลกเปลี่ยนไป

“ฮ่าๆๆ! เข้ามาเลยให้ข้าดูสิว่าพวกเจ้าจะช่วยจักรวาลนี้จากมือข้าได้อย่างไร?!”

“ถ้าพวกเจ้าแพ้ ข้าก็ขอรับช่วงต่อมหาพันภพเอง!”

หัวเราะจบ เทพปีศาจก็วาดตราประทับขึ้นพร้อมกับเสียงน่าขนลุกสะท้อนออกมา ทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน

“เบิกเก้าเนตร!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท