รัศมีปีศาจไร้ขอบเขตพวยพุ่ง
ร่างปีศาจนั่งอยู่บนบัลลังก์ ม่านตาสีเทาคู่นั้นไม่มีอารมณ์ใด แรงกดดันปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวแทรกซึมเข้ามาทำให้สวรรค์และโลกเปลี่ยนเป็นสีดำและสีทอง
ภายในสำนักศึกษาเป่ยชาง สายตามากมายมองไปที่จอมปีศาจเฮยซือเทียนด้วยความขนพองสยองเกล้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ก็สามารถบอกได้จากความกดดันที่น่ากลัวว่าปีศาจคนนี้เอาคนอื่นๆ มาเทียบไม่ได้เลย…
นี่เป็นจอมปีศาจแท้จริง!
“จอมปีศาจ…”
ใบหน้าของเป่ยหมิงซีดขาวลงขณะที่ร่างกายสั่นเทา เขารับรู้ได้ว่าร่างปีศาจที่อยู่บนบัลลังก์เป็นยอดนักรบแท้จริงและเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงของเหล่าจอมปีศาจอีกด้วย
นั่นเป็นนักรบที่เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเลยทีเดียว!
ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิปีศาจหรือมหาพันภพ บุคคลเช่นนี้ก็ยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของพีระมิด
พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าหายนะของทวีปเป่ยชางจะมีการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ด้วย
บนท้องฟ้าลั่วหลี เซียวเซียวและหลินจิ้งฉายสีหน้าเคร่งเครียด พวกนางรู้ว่าความแข็งแกร่งของจอมปีศาจเฮยซือเทียนเทียบได้กับฉิงเทียนและชิงซันเลยทีเดียว
บนบัลลังก์จอมปีศาจเฮยซือเทียนมองไปที่หญิงสาวทั้งสามอย่างเย็นชา เสียงดังกึกก้องพร้อมกับเจตนาฆ่ารุนแรง
“ราชันปีศาจทั้งเจ็ดของข้าตายในน้ำมือพวกเจ้า เพื่อเป็นการยกย่องพวกเขาข้าจะไม่เหลือใครสักคนไว้ในทวีปนี้”
เหล่าศิษย์ในสำนักศึกษาเป่ยชางตัวสั่น จิตสังหารที่พวยพุ่งทำให้พวกเขาแทบจะล้มลง เนื่องจากจิตสังหารเช่นนี้น่ากลัวเกินไปสำหรับพวกเขา
สายตาลั่วหลีสั่นไหวอย่างเย็นชาขณะตอบว่า “จอมปีศาจเฮยซือเทียนผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้ไปต่อสู้แนวหน้ากับจอมยุทธ์ในมหาพันภพ แต่กลับมาที่นี่เพื่อจัดการกับคนอ่อนแอ เจ้าไม่ลดตัวมากไปหน่อยเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น จอมปีศาจเฮยซือเทียนก็ยกดวงตาขึ้นอย่างไม่แยแส “นี่คือสงคราม การพูดถึงความยุติธรรมเป็นเรื่องน่าหัวเราะนัก”
เมื่อเห็นว่าคำพูดของตัวเองไม่ได้ส่งผลกระทบกับอีกฝ่าย แววตาของลั่วหลีก็เย็นเยือกลงก่อนที่แผนภาพวิญญาณโบราณจะปรากฏขึ้นในมือซึ่งเอิบอาบไปด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงไม่รู้จบ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ทำได้แค่หยุดแกไว้ตรงนี้” น้ำเสียงของลั่วหลีสะท้อนด้วยความหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูก ปราศจากความกลัวใดๆ
จอมปีศาจเฮยซือเทียนเหลือบตาขึ้นมองไปที่ลั่วหลีด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “แค่เจ้านะเหรอ?”
ลั่วหลีตอบสนองต่อคำพูดด้วยสีหน้าสงบ “ข่าวที่นี่ถูกส่งออกไปแล้ว ดังนั้นแค่ขัดขวางแกไว้ เดี๋ยวกำลังเสริมก็มา”
จอมปีศาจเฮยซือเทียนหรี่ตาลงขณะสาดยิ้มเย็นชา “ข้ากลัวว่าต้นไม้เล็กๆ อย่างเจ้าไม่สามารถหยุดข้าไว้ได้เลยสักนิดนะสิ!”
ตู้ม!
รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากไหลบ่าออกมาจากร่างจอมปีศาจเฮยซือเทียนกลายเป็นมือขนาดใหญ่บีบลงมาจากท้องฟ้าพุ่งไปยังลั่วหลี
มือมหึมานี้เต็มไปด้วยรัศมีความตายที่กัดกร่อนและลบพลังงานหลิงเมื่อถูกโจมตี
เผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวของจอมปีศาจเฮยซือเทียน แม้แต่ท่าทางของเซียวเซียวและหลินจิ้งก็เปลี่ยนไป เนื่องจากระดับของพวกนางยังไม่สามารถปะทะกับอีกฝ่ายได้
แม้แต่ลั่วหลียังต้องใช้อาวุธมหสวรรค์ของเผ่าไท่หลิงเสริมกำลังเพื่อต่อสู้
ดังนั้นลั่วหลีจึงก้าวออกไปครึ่งก้าว แผนภาพวิญญาณโบราณในมือก็กางออกพร้อมกับลำแสงหลิงพวยพุ่งออกมา เมื่อมันลอยขึ้นก็กลายเป็นร่มขนาดใหญ่
ร่มกางออก ลวดลายโบราณถูกสลักไว้พร้อมกับพลังงานหลิงไร้ขอบเขต ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งยังต้องให้ความสนใจ
ตึง!
เมื่อมือปีศาจกระแทกเข้ากับร่มวิญญาณเสียงระเบิดดังก้อง ความผันผวนของพลังงานมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระเพื่อมออกไปเป็นวงกว้างหมื่นลี้
เผชิญหน้ากับฝ่ามือดุร้ายนี้ ร่มก็แกว่งไปมารุนแรงก่อนที่จะแตกเป็นประกายแสง
แม้ว่าร่มจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็ยังสามารถต้านทานการโจมตีที่น่ากลัวจากจอมปีศาจเฮยซือเทียนไว้ได้
เมื่อทุกคนในสำนักศึกษาเป่ยชางได้เห็นภาพนี้ก็รู้สึกโล่งใจ ตอนนี้มีเพียงลั่วหลีเท่านั้นที่สามารถปะทะกับจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้ ถ้านางพ่ายแพ้ พวกเขาทั้งหมดก็คงต้องตายตกตามกันไป…
แม้ว่าลั่วหลีจะสามารถรับการโจมตีจากจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้ แต่ใบหน้าก็ดูเคร่งขรึมลงหลายส่วน มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าการโจมตีนั้นน่ากลัวเพียงใด แม้จะมีแผนภาพวิญญาณโบราณก็ยังแทบทนไม่ไหว
“ไม่เลว…” จอมปีศาจเฮยซือเทียนประหลาดใจไปเล็กน้อยพลางยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
“ในเมื่อเจ้าต้องการปกป้องคนเหล่านี้ ข้าจะฆ่าพวกมันต่อหน้าเจ้าให้สิ้นซาก”
รอยยิ้มโหดร้ายโค้งขึ้นบนมุมปากจอมปีศาจเฮยซือเทียน จากนั้นก็หายใจเข้าลึก รัศมีปีศาจพล่านเข้ามาในนาสิกประสาทก่อนที่จะถูกปล่อยออกไปในไม่กี่อึดใจต่อมา
ซ่า ซ่า!
เมื่อรัศมีปีศาจแผ่ซ่านออกไปก็กลายเป็นพายุสีดำโปรยปรายฝนลงมาพร้อมกับรัศมีความตายที่บรรจุอยู่ในทุกหยาดหยด
ชี่ ชี่!
ขณะที่พายุพุ่งลงมาสู่พื้นดิน ก็ทำให้ดินเป็นสีดำทันทีพร้อมกับพลังทั้งหมดถูกลบออกไป ภูเขาเริ่มเหือดแห้งและถล่มลงมา
ใบหน้าของลั่วหลีเปลี่ยนไป นางรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพายุ ถ้ามันเทลงมาศิษย์สำนักศึกษาเป่ยชางทุกคนจะต้องเสียชีวิตทันที
วิธีการของจอมปีศาจคนนี้โหดเหี้ยมมาก
ยามนี้ลั่วหลีไม่กล้าที่จะละเลย ฝ่ามือวาดตราประทับอย่างเร็วรี่ แผนภาพวิญญาณโบราณค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงหลิงยิงออกมาก่อตัวเป็นเมฆลอยอยู่เหนือสำนักศึกษา
กลุ่มเมฆหนาแน่น ประกอบด้วยคลื่นหลิงนับไม่ถ้วน
ชี่ ชี่!
เมื่อสายฝนโปรยปรายลงมาก็ปะทะกับเมฆ เสียงดังฉ่าสะท้อนทั่วขณะที่เมฆสึกกร่อนอยู่ตลอดเวลา
คราวนี้ไม่มีการเผชิญหน้าที่น่าตกใจ แต่อันตรายยิ่งกว่า ทุกคนในสำนักเฝ้าดูฉากนี้อย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาทราบดีว่าหากเมฆล่มสลายลง สำนักก็จะเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพ…
เมื่อพลังงานทั้งสองปะทะกันบนท้องฟ้า คลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตกลับหมดลงอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของลั่วหลีมืดครึ้มลง นางรู้สึกได้ว่าคลื่นหลิงภายในแผนภาพวิญญาณโบราณกำลังหมดลงอย่างรวดเร็ว ทว่านางก็ไม่กล้าถอยหลังแม้แต่ครึ่งก้าว ทำได้เพียงพยายามควบคุมแผนภาพวิญญาณโบราณเอาไว้เท่านั้น
แต่ทุกคนก็บอกได้ว่าคลื่นหลิงจากแผนภาพหมดลงรวดเร็วเกินกว่าที่จะเติมเต็มได้
ดังนั้นเมฆหนาทึบจึงค่อยๆ เบาบางลงเรื่อยๆ
เฝ้ามองฉากนี้อย่างเฉยเมย รอยยิ้มประดับบนริมฝีปากจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็กลายเป็นเยาะเย้ยมากขึ้น
ขณะที่ฝนปีศาจโปรยปรายลงมา เมฆก็บางลง…บางลง
ใบหน้าของลั่วหลีเริ่มซีดขาว แต่นางก็ยังขบฟันข่มกลั้นไว้
ภายในสำนักทุกคนล้วนมีความกลัวบนใบหน้าขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน เด็กน้อยที่ขี้กลัวเริ่มสะอื้นไห้ด้วยความสิ้นหวัง
เป่ยหมิงและไท่ชางสบตากันก็สามารถมองเห็นความขมขื่นในดวงตาของกันและกัน ความหวังที่พวกเขารู้สึกได้จากการมาถึงของลั่วหลีสลายหายไปทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับหนึ่งในจอมปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาไม่สามารถแม้แต่ปลุกความปรารถนาที่จะหลบหนีได้
ถังเชี่ยนเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ เวินชิงเฉวียน ดวงหน้าก็หม่นจางลงขณะที่เฝ้าดูการเผชิญหน้านี้ ทันใดนั้นนางก็หยิบเครื่องรางที่แขวนไว้บนคอออกมากำแน่นเอาไว้
มู่เฉินเคยบอกให้นางบดขยี้วัตถุนี้หากพบอันตรายใดๆ
เป็นเวลานานแล้วที่นางได้ยินอะไรเกี่ยวกับมู่เฉินและนางก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ดังนั้นนางจึงไม่กล้าที่จะใช้ง่ายๆ
“เมฆกำลังหายไป!”
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนออกมาด้วยความกลัว
บนท้องฟ้าเมฆบางลงเรื่อยๆ ก่อนที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์ ภายใต้สายตาของทุกคนที่จ้องมองด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อเมฆหายไปจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็มองไปที่สายตาสิ้นหวังเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มไร้ปรานีก่อนที่จะโบกมือ ฝนปีศาจไร้ขอบเขตรวมตัวกัน ก่อร่างเป็นลูกทรงกลมสีดำขนาดร้อยจั้ง
ภายในบรรจุด้วยรัศมีความตายที่น่ากลัว
“พวกแกได้มีโอกาสตายด้วยกันแล้ว…”
จอมปีศาจเฮยซือเทียนยิ้มก่อนที่จะสะบัดนิ้วออก ลูกทรงกลมสีดำพุ่งออกมาแทรกซึมไปด้วยรัศมีความตายที่สามารถทำลายล้างสิ่งมีชีวิตในทวีปนี้ได้
ถังเชี่ยนเอ๋อตัวสั่นขบฟันก่อนที่จะกำมือบดขยี้เครื่องราง
ลั่วหลีฉายสีหน้าซีดขาวมองไปที่ลูกทรงกลมสีดำและกัดฟัน นางยืนกรานที่จะไม่ถอย มือของนางสั่นสะท้านขณะที่จับแผนภาพวิญญาณโบราณต้องการที่จะกระตุ้นพลังอีกครั้ง
แม้ว่านางรู้ดีที่ไม่สามารถต่อสู้กับจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้ถึงจะมีอาวุธมหสวรรค์ก็ตาม
นางยืนอยู่เบื้องหน้า ร่างบอบบางช่างดูเศร้าสร้อยและงดงามเกินพรรณนา
ในสำนักทุกคนต่างพากันปิดตารอความตาย
เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นๆ ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหดหู่
“ทุกอย่างจบสิ้นแล้วเรอะ…” ไท่ชางกล่าวเสียงอ่อนแรง
ตู้ม!
เมื่อลูกทรงกลมสีดำกำลังจะมาถึง ทันใดนั้นมันก็ระเบิดกลายเป็นมหาสมุทรแห่งความตายพรั่งพรูลงมา
ขณะเดียวกันแผนภาพวิญญาณโบราณในมือลั่วหลีก็เปล่งแสงออกมา นางต้องการที่จะต่อต้านเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ทันใดนั้นลั่วหลีก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างร่างนางสั่นสะท้าน นางเห็นแสงหลิงไร้ขอบเขตบรรจบกันที่เบื้องหน้าครรลองสายตาแล้วถักทอเป็นร่างสูงโปร่ง
ร่างนั้นยื่นมือออกกำไปในทิศทางของมหาสมุทรแห่งความตาย ทันใดนั้นมหาสมุทรก็ถูกดูดเข้าสู่ฝ่ามือของเขากลายเป็นผลึกแก้วสีดำ
เขายื่นมือทั้งสองข้างออกจับผลึกแก้วเอาไว้อย่างง่ายดาย แตกสลายมันเป็นผุยผง
มหาสมุทรปีศาจที่ทำลายล้างถูกลบออกทันทีในมือของเขา
ภายในสำนักศึกษาเป่ยชางทุกคนมองไปที่ฉากเบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง ตอนแรกพวกเขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่ใครจะไปคิดว่าสถานการณ์จะพลิกผันในทันใด…
ขณะที่สายตาอัศจรรย์ใจทั้งหลายมองไปที่ร่างเงาที่ยืนอยู่เบื้องหน้าลั่วหลี พวกเขาก็ได้แต่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของผู้มาใหม่ที่สามารถจัดการการโจมตีของจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้อย่างง่ายดาย…
“ใคร?!” จอมปีศาจเฮยซือเทียนหดตาลงขณะมองไปที่ร่างนั้น
ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน เสียงหัวเราะก็ดังก้องระหว่างผืนฟ้าและผืนดิน
“จอมปีศาจเฮยซือเทียน แกเคยถามว่าข้ามู่เฉินรึยังว่าจะให้แกมายุ่มย่ามกับสำนักศึกษาเป่ยชางได้หรือไม่?!”