เสียงดังก้องพร้อมกับพลังลึกลับสะท้อนไปทั่วทุกมุมมหาพันภพ
ในเวลาเดียวกันทุกคนก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่กระดานสูงตระหง่านด้วยความตกใจ
กระดานนี้ทั้งลึกลับและโบราณนำพาแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้ ราวกับน้ำหนักของโลก
ที่ทวีปหลิงหมัวจอมยุทธ์ทุกคนก็ตัวสั่น พวกเขารู้ว่าทำเนียบเหนือภพเป็นตัวแทนของอะไร
นั่นหมายความว่านอกเหนือจากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามแล้ว มหาพันภพจะมีเทพจอมยุทธ์ทำเนียบเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง
นี่เป็นข่าวดีสำหรับมหาพันภพ
หลินต้งและเซียวเหยียนรู้สึกพอใจกับภาพเบื้องหน้า เนื่องจากมู่เฉินปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญ นอกจากนี้ขวัญกำลังใจของเหล่าจอมยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
“ทำเนียบเหนือภพ?!”
การปรากฏขึ้นของกระดานโบราณขับไล่ความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด เทพปีศาจกวาดมองไปที่ร่างสูงโปร่งที่เบื้องล่างนั่นด้วยสายตาโหดร้าย
“ที่แท้มหาพันภพพยายามจะสร้างจอมยุทธ์เหนือภพขึ้นมาใหม่ในช่วงห้าปีนี้นี่เอง!”
เทพปีศาจหรี่ตาลงเยาะเย้ย “แต่ถึงพลังของไอ้หนูนี่จะค่อนข้างดี แต่ก็ยังขาดไปส่วนหนึ่งที่จะเขียนชื่อของตนเองไว้บนกระดานบ้านั่น”
ด้วยสายตาเฉียบคม เทพปีศาจสามารถบอกได้เลยว่าขุมพลังของมู่เฉินอาจจะอยู่เหนือระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลาย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะจารึกชื่อไว้ได้
มู่เฉินได้ยินเสียงเยาะเย้ยอย่างชัดเจน ทว่าเขากลับไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมองกระดานโบราณด้วยแววตาลุกโชน
ในที่สุดเขาก็สามารถทำตามความปรารถนาที่ตั้งไว้ได้แล้ว
ตอนนี้เขาเริ่มวาดตราประทับ รัศมีระเบิดออก ทุกคนสามารถเห็นร่างโบราณที่เอิบอาบด้วยรัศมีนิรันดร์—ร่างมหาเทพนิรันดร์!
ภายใต้การควบคุมของมู่เฉิน ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ก้าวออกมารวมเข้ากับร่างกายเขา ขณะนี้รัศมีระเบิดออกมาจากมู่เฉิน ทำให้ทั้งร่างของเขาดูราวกับอัญมณีโปร่งแสง เมื่อคลื่นหลิงไหลเวียนก็เกิดแรงกดดันที่ไม่อาจจินตนาการได้
เวลานี้แม้แต่จอมยุทธ์อย่างฉิงเทียนยังรู้สึกกดดันอย่างมากจากมู่เฉิน
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนมู่เฉินค่อยๆ ยื่นนิ้วออกมา กดลงบนกระดานโบราณ
ฮึ่ม!
ในช่วงเวลาที่สัมผัสกันจักรวาลก็สั่นสะเทือน พลังลึกลับบนทำเนียบพยายามขัดขวางเขาจากการสร้างชื่อเอาไว้
“ยังขาดนิดหน่อย” หลินต้งและเซียวเหยียนแสดงความคิดเห็น เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินอาจจะสามารถกระตุ้นทำเนียบเหนือภพได้ แต่ก็ยังไม่พอที่จะเขียนชื่อตนเองลงไป
นี่มีสาเหตุมาจากรากฐานของเขา เพราะสุดท้ายเขาก็ยังอ่อนเยาว์ ต่อให้สืบทอดมรดกของเทพจักรพรรดินิรันดร์แล้ว แต่ก็ไม่น่าเชื่อสำหรับมู่เฉินที่จะบรรลุเป้าหมายนี้
“ดูเหมือนความหวังของพวกแกจะดับวูบลงแล้วใช่ไหม?” เทพปีศาจยิ้มตาหยี
เสียงหัวเราะระเบิดจากกองทัพจักรวรรดิปีศาจ ขณะตอกหน้าใส่มหาพันภพ
ทว่าหลินต้ง เซียวเหยียนและจอมยุทธ์สูงสุดคนอื่นๆ ไม่ได้รับผลกระทบอะไร เนื่องจากพวกเขาคาดการณ์เรื่องนี้มานานแล้ว มิหนำซ้ำมู่เฉินก็ไม่คิดจะพึ่งพาความสามารถของตัวเองอย่างเดียวในการเขียนชื่อไว้บนทำเนียบเหนือภพ
ท่าทางของมู่เฉินไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาไม่ได้ฝืนเมื่อพบสิ่งกีดขวาง แต่กลับหลับตาลง
การหลับตากินเวลาไปสิบกว่าลมหายใจ
ขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกงุนงง จู่ๆ มิติก็ฉีกออกจากกันด้านหลังมู่เฉิน ทุกคนเห็นเงาร่างสีดำและสีขาวมายืนอยู่ข้างๆ เขา
ภาพเงาทั้งสองสวมเสื้อคลุมสีดำและสีขาวตามลำดับ ดูเหมือนกันกับมู่เฉินมาก
“เรามาสายไปหน่อย” มู่เฉินชุดดำยิ้มแหย
“มาถูกเวลาเลยทีเดียว” มู่เฉินยิ้มขณะที่พูดต่อ “ลงมือเถอะ”
ร่างรองทั้งสองพยักหน้าพลางประสานมือ จากนั้นรัศมีหลิงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกที่เบื้องหลังพวกเขาราวกับกลายเป็นโลกแห่งพลังงานหลิง
ภายในโลกมีร่างเงาโบราณสองร่างปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ร่างหนึ่งดูเหมือนทำจากอัญมณีขาวใสซึ่งเอิบอาบด้วยความสว่างไม่มีที่สิ้นสุด ในเส้นทางของแสงกระทั่งมิติก็ยังทนทานขึ้นจนไม่สามารถทำลายได้
อีกร่างหนึ่งดูเหมือนไร้ตัวตน แต่กลับถูกห่อหุ้มด้วยพลังงานไร้ขอบเขต ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์อย่างฉิงเทียนยังรู้สึกว่าตัวตนอ่อนแอ
ร่างมหารัศมีอนันด์!
ร่างมหาปราชญ์วิญญาณ!
ทุกคนมองไปที่ร่างสองร่างพร้อมกับประกายไฟแล่นพล่านในดวงตา ทั้งสองร่างก็คือหนึ่งในร่างมหาเทพปฐมกาล ไม่คิดว่ามู่เฉินจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนจริงๆ
นั่นหมายความว่าเวลานี้มู่เฉินเป็นผู้สืบทอดร่างมหาเทพปฐมกาลสามร่าง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เขาทำได้จริงๆ” หลินต้งและเซียวเหยียนถอนหายใจ วิชาสามพิสุทธิ์มีความลึกซึ้งอย่างแท้จริง แต่นั่นก็เป็นโชคชะตาของมู่เฉินด้วย ซึ่งแปลว่าวิชาสามพิสุทธิ์เหมาะสมกับเขามาก กระทั่งพวกเขาเองยังไม่รู้สึกว่าจะทำได้ดีกว่าเขา
รอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าเทพปีศาจแข็งค้างขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างลึกล้ำ “ไม่คิดว่าจะมีคนสามารถรวมร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งสามไว้ในคนคนเดียวได้”
เขาสามารถบอกได้ว่ามู่เฉินทั้งสามเป็นร่างเดียวกัน นี่น่าจะเป็นทักษะพิมพ์ร่างที่ลึกซึ้ง ที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเองและฝึกฝนร่างมหาเทพปฐมกาลได้
จอมยุทธ์จะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตนเองที่เบื้องหน้าทำเนียบเหนือภพ แต่มู่เฉินทั้งสามเป็นคนเดียวกัน ดังนั้นจึงสามารถร่วมมือกัน
นั่นหมายความว่าไม่ยากแล้วที่มันจะเขียนชื่อไว้บนกระดานโบราณเส็งเคร็งนั่น
ดวงตาของเทพปีศาจวูบไหว คิดจะลงมือทำลายแต่สุดท้ายก็รั้งตัวเองไว้ เพราะการปรากฏขึ้นของทำเนียบเหนือภพทำให้เวลานี้พลังงานพิภพแข็งแกร่งอย่างที่สุด ดังนั้นหากเขาออกกระบวนท่าอะไรก็จะถูกโจมตีจากกระดานโบราณแทน
แม้ว่าอนาคตเขาจะจัดการกับกระดานนั่นเพื่อให้อยู่ในการควบคุม แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
ดังนั้นเขาจึงกดรัศมีปีศาจโดยรอบมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา
ฮึ่ม!
ในเวลาเดียวกันร่างมหารัศมีอนันด์และร่างมหาปราชญ์วิญญาณก็ได้หลอมรวมกับร่างรองของมู่เฉิน คลื่นหลิงของพวกเขาเพิ่มขึ้นในระดับที่น่ากลัว
“ให้เราช่วยเสริมแรงเจ้า!”
ร่างรองทั้งสองคำรามขณะที่ยื่นมือออกมาพร้อมกับกระแสพลังงานหลิงที่ไร้ขอบเขตสองสายระเบิดออกมาจากฝ่ามือพวกเขา
ตู้ม!
กระแสพลังทั้งสองรวมกันที่นิ้วของมู่เฉิน นิ้วก็โปร่งใสแบบคลุมเครือ
พร้อมกับท่าทางเคร่งเครียด นิ้วของมู่เฉินก็ค่อยๆ แตะลงไป
เมื่อนิ้ววาดลงไป แรงกีดขวางลึกลับก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดวงตาของมู่เฉินระเบิดด้วยแสงแหลมคมพลางกดลงไปอย่างแรง
ฮึ่ม!
ขณะนั้นระลอกคลื่นกระจายออกไปบนทำเนียบเหนือภพ ม้วนตัวไปทั่วมหาพันภพโลก
ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นเสียงโบราณในเวลานี้
แรงกีดขวางลึกลับถูกเจาะทะลุในเวลานี้ มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ว่านิ้วได้กดลงบนทำเนียบแล้ว จากนั้นก็ตวัดเส้นสายบนกระดานลึกลับ
พร้อมกับนิ้วของมู่เฉินพลิ้วไหว ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังลึกลับที่รวบรวมบนกระดานพร้อมกับเส้นสายที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
เมื่อเส้นสายสุดท้ายสะบัดลง พลังยิ่งใหญ่ก็กวาดออกมา คำว่า ‘มู่’ ถูกจารึกไว้บนทำเนียบเหนือภพเรียบร้อย
มู่!
เมื่อปลายตัวอักษรจบลง มู่เฉินก็ครุ่นคิดชั่วครู่และคิดดำเนินการต่อ ทว่าเขาก็ต้องหยุดลงเพราะรู้สึกได้ว่าตนเองยังไม่แข็งแกร่งพอ
“ทำเนียบเหนือภพแยกออกเป็นส่วนชื่อและแซ่ ตราบใดที่จารึกทั้งสองส่วนเสร็จถึงจะนับว่าได้จารึกชื่อไว้อย่างสมบูรณ์แบบ”
“แต่การพยายามทำส่วนที่สองให้เสร็จยากกว่าส่วนแรก ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมท่านเซียวเหยียนและท่านหลินต้งถึงติดอยู่ในขั้นตอนนี้”
มู่เฉินสั่นหัวอย่างเสียดาย ถ้าเขาจารึกชื่อทั้งหมดได้การจัดการกับเทพปีศาจจักรพรรดิก็จะไม่มีปัญหา
ขณะที่เขาถอนหายใจในหัวใจ มู่เฉินก็ถอนมือกลับ ขณะเดียวกันอักษรมู่ก็เปล่งประกายความสดใสราวกับว่าถูกตราตรึงในส่วนลึกของสุริยจักรวาลนี้แล้ว
พลังลึกลับพลิ้วลงมาห่อหุ้มมู่เฉินทั้งสาม
พวกมู่เฉินหลับตาลงเสื้อผ้ากระพือไหว ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่อาจต้านทานได้ค่อยๆ แทรกซึมออกจากร่างมู่เฉิน
นี่เกินขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว!
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
มู่เฉินทั้งสามสบตากันพลางยิ้ม พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานลึกลับในร่างกาย นี่คือพลังงานพิภพ
ตอนนี้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนยิ่งขึ้นไปอีก
“ยินดีกับการจารึกชื่อไว้บนทำเนียบเหนือภพได้” เซียวเหยียนกับหลินต้งยิ้มขณะประสานมือไปทางมู่เฉิน
ยามนี้มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ในระดับเดียวกับพวกเขาแล้ว
ทุกคนในมหาพันภพเฝ้ามองฉากนี้ด้วยความตื่นเต้นและเสียงดังก้องขึ้น
“ขอแสดงความยินดีกับเทพจักรพรรดิมู่ที่เขียนชื่อไว้บนทำเนียบเหนือภพได้!”
ฉิงเทียนและเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นปลายก็โค้งคำนับให้ น้ำเสียงพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความเคารพ ตอนนี้มู่เฉินมีคุณสมบัติที่จะยืนในระดับเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามแล้ว หลังจากจารึกชื่อไว้บนทำเนียบสำเร็จ
ด้วยสถานะของเขาสมควรได้การเรียกว่าเทพจักรพรรดิมู่แล้ว!
นั่นเป็นเพราะขณะนี้มู่เฉินคือเทพจอมยุทธ์อันดับสามของมหาพันภพ!