“เนตรที่สิบ!”
ใต้หล้าเงียบงัน ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อมองไปที่ร่างเทพปีศาจ ขณะนี้ดวงตาทั้งเก้าถูกลบหายไปแม้แต่ดวงตาปกติก็ถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า มีเพียงดวงตาชั่วร้ายที่หน้าผากหนึ่งเดียวเท่านั้น
ดวงตาที่ชั่วร้ายนั้นมืดมนอย่างไม่น่าเชื่อราวกับว่าทำให้โลกแปดเปื้อนด้วยความชั่วร้าย
แรงกดดันปีศาจจางๆ ค่อยๆ กระจายออกจากร่างกายของเทพปีศาจพร้อมกันนั้นก็ทำให้พิภพเขตล่างแห่งนี้เริ่มสั่นสะเทือนและล่มสลาย
มากจนมีแม้แต่ริ้วแรงกดดันปีศาจที่เล็ดลอดออกไปจนทำให้ทวีปหลิงหมัวแตกร้าว
ทั่วมหาพันภพเริ่มโยกคลอนทีละน้อย
“ดวงตาที่สิบ…ที่แท้สถานะเก้าเนตรไม่ใช่ขีดจำกัดของมัน”
ใบหน้าของฉิงเทียนและจอมยุทธ์คนอื่นๆ ในมหาพันภพซีดขาว ภายใต้สถานะเก้าเนตรเซียวเหยียน หลินต้งและมู่เฉินก็ต้องทำงานร่วมกัน แล้วพวกเขาจะต่อสู้กับสิบเนตรได้อย่างไร?
ดังนั้นเมื่อทุกคนมองกันและกันก็ต่างเห็นความสิ้นหวังในดวงตา
“หรือมหาพันภพจะถึงวาระจริงๆ” เริ่มมีบางคนคร่ำครวญออกมา พวกเขาต่อสู้อย่างขมขื่นห้าปี แต่สุดท้ายก็ไร้ผลหรือ?
ทั่วทั้งมหาพันภพกวาดตัวด้วยความเงียบงัน ทุกคนตกตะลึงกับร่างเทพปีศาจจนพูดไม่ออก มีเพียงความสิ้นหวังเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นในแววตา
ในพิภพเขตล่างสีหน้าของมู่เฉิน หลินต้งและเซียวเหยียนก็เปลี่ยนไปรุนแรง พวกเขาขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่สบายใจ
ฉากนี้เกินความคาดหมายของพวกเขาเช่นกัน
ตัดสินจากแรงกดดันปีศาจที่เอิบอาบจากร่างกายเทพปีศาจ พวกเขาก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเพิ่มมากกว่าแต่ก่อนมาก
“จะต่อยังไงดี?” หลินต้งถาม แต่ในเวลานี้เขายังสงบสติอารมณ์ใจเย็นอยู่
เซียวเหยียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ตอบว่า “จะทำอะไรได้อีก?”
มู่เฉินตอบเสียงเบา “ทำได้เพียงสู้ด้วยชีวิต”
ทั้งสามคนแลกเปลี่ยนสายตากันพร้อมกับแววตาแน่วแน่ พวกเขาไม่ลังเลอีกต่อไป เร้ากระบวนท่าการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา
“มหาเพลิงเทวะ!”
“มหาจักรวาล!”
“ลูกแก้วมหาดารา!”
ทั้งสามคนปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดไปที่เทพปีศาจอีกครั้ง
แต่คราวนี้เทพปีศาจไม่มีระลอกคลื่นบนใบหน้าเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเหล่านั้น ส่วนโค้งเย้ยหยันแย้มขึ้นบนริมฝีปาก จากนั้นลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากดวงตาที่สิบ
ลำแสงสีดำช่างมืดมิดสามารถกลืนกินแสงสว่างทุกชนิดได้
เมื่อลำแสงสีดำส่องไปยังการโจมตีทั้งสาม เซียวเหยียน หลินต้งและมู่เฉินก็รู้สึกว่าหัวใจสั่นสะท้าน เพราะเห็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดอ่อนแอลงเรื่อยๆ ที่เบื้องหน้าก่อนที่จะสลายหายไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถทำให้เทพปีศาจเกิดการบาดเจ็บเมื่อครู่ได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย
ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบงัน
เทพปีศาจแตะดวงตาชั่วร้ายที่หน้าผากก็ยิ้มบาง “ข้าเสียสละดวงตาเก้าดวงเพื่อสร้างดวงตาที่สิบ ราคาที่ต้องจ่ายก็คืออายุขัยของตัวเอง ถ้าข้ายังไม่สามารถทำลายมหาพันภพได้อีก ไม่เท่ากับข้าสูญเสียครั้งใหญ่เหรอ?”
แสงสีดำไหลเวียนอยู่ในดวงตา เขามองไปที่ทั้งสามคนพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้าให้โอกาสพวกแกไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกแกไม่รับไว้”
เซียวเหยียนหรี่ตาลงไตร่ตรองชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ เพลิงร้อนระอุพุ่งขึ้นบนร่างกายพร้อมกับสีหน้าช่วยไม่ได้
“แม้ว่ามหาพันภพจะกว้างใหญ่ไพศาล แต่เราไม่มีทางหนีพ้น”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น… การลากมันลงนรกไปพร้อมกับเราก็อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย”
เสียงของเซียวเหยียนดังก้องด้วยความแน่วแน่ขณะที่หลินต้งพยักหน้าเบาๆ เมื่อมาถึงจุดนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถคิดมากได้แล้ว เพราะพวกเขาเป็นแนวป้องกันสุดท้ายของมหาพันภพ หากพวกเขาล้มเหลวทุกคนที่รักก็จะดับสูญ
เวลาเดียวกันรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าหลินต้งก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองที่เมียรักทั้งสอง “ในอดีตเจ้าเต็มใจสละชีวิตเพื่อข้า วันนี้ข้าไม่กลัวที่จะปกป้องพวกเจ้า”
“ข้าเคยบอกไปแล้วว่าข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าเป็นอันตรายเว้นแต่ข้าจะตาย”
บนทวีปหลิงหมัวนายหญิงทั้งสี่ก็สัมผัสได้ถึงแรงจูงใจนั่น ใบหน้าของพวกนางเปลี่ยนไปรุนแรง
“หลินต้งไม่!”
ใบหน้าของอิ้งฮวนฮวนซีดลงพร้อมกับเสียงกรีดแหลมดังขึ้น ร่างนางสว่างวาบเตรียมจะพุ่งออกไป แต่กลับถูกหลิงชิงจู๋ที่ดวงตาแดงก่ำหยุดไว้
“เจ้าไปก็ได้แต่ขัดขวางพวกเขา” หลิงชิงจู๋กัดริมฝีปากพูดต่อว่า “ถ้าพวกเขาถูกบังคับให้ไปขั้นตอนนั้นไม่มีอะไรที่เราสามารถช่วยได้ อย่างมากเราก็ติดตามพวกเขาไปเท่านั้น”
“แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องลากพวกปีศาจลงนรกไปพร้อมกันด้วย!”
คำพูดของหลิงชิงจู๋เต็มไปจิตสังหาร
อิ้งฮวนฮวนสงบใจลงพร้อมกับสีหน้าเย็นชา ไอเย็นสุดขั้วแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายขณะที่สายตาจ้องเขม็งไปที่เทพปีศาจ
ใบหน้าของเซียวซุนเอ๋อก็ซีดเซียวขณะที่มองไปที่ไฉ่หลิงที่กำลังตัวสั่นเทิ้ม นางจับมืออีกฝ่ายไว้แน่น “พี่ไฉ่หลิง แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เซียวเซียวและเซียวหลิน พวกลูกยังต้องการการดูแลจากเจ้า”
ไฉ่หลิงกุมมือเซียวซุนเอ๋อตอบว่า “ซุนเอ๋อ เจ้าเห็นแก่ตัวไปกับเขาคนเดียวแบบนี้ไม่ได้ ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดที่หนักแน่นเซียวซุนเอ๋อก็ยิ้มอย่างขมขื่น
ในพิภพเขตล่างดวงตาที่สิบของเทพปีศาจก็กะพริบเมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีที่มาจากเซียวเหยียนและหลินต้ง “อะไรกัน? พวกแกคิดจะเขียนบทซ้ำกับไอ้เทพจักรพรรดินิรันดร์โดยการการฆ่าตัวตายหมู่เรอะ?
“แต่คราวนี้ข้าว่าคงไม่มีโอกาสสำหรับพวกแก”
หลินต้งและเซียวเหยียนตอกกลับอย่างไม่แยแส “ไม่ลองก็ไม่รู้”
พูดจบทั้งสองก็ก้าวออกไป
แต่ขณะนั้นเองก็มีมือยื่นออกมาจับแขนพวกเขาไว้
หลินต้งและเซียวเหยียนอึ้งไปก่อนที่จะหันกลับมา “มู่เฉิน?”
มู่เฉินเม้มริมฝีปากขณะที่มองทั้งสองคน “พวกท่านทั้งสองทรงคุณธรรม ข้าชื่นชมอย่างสุดซึ้ง แต่บางทีเราอาจยังไม่หมดหวังขนาดนั้น”
หลินต้งและเซียวเหยียนสบตากันด้วยความตกใจ การเผชิญหน้าครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงอำนาจของเทพปีศาจแล้ว นอกเหนือจากการจุดชนวนตัวเอง พวกเขาก็ไม่สามารถคิดหาวิธีอื่นได้แล้ว
“เจ้ามีวิธีอื่นเรอะ?” เซียวเหยียนถามด้วยความรู้สึกไม่น่าเชื่อ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งมู่เฉินก็ตอบว่า “ลองดูได้”
หัวใจของหลินต้งและเซียวเหยียนสั่นสะท้าน พวกเขารู้สึกว่านี่ไม่น่าเชื่อเกินไป แต่เนื่องจากความไว้วางใจที่มีต่อมู่เฉินในที่สุดพวกเขาก็พยักหน้า
“ได้ งั้นเจ้าลองดูเลย ถ้าไม่สำเร็จ พวกข้าค่อยใช้ชีวิตเพื่อกำจัดมัน”
มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ พลางพยักหน้า “ถ้าถึงตอนนั้นจริงข้าจะไปกับพวกท่านด้วย”
พูดจบเขาก็ค่อยๆ หลับตาลง ไม่นานกระดานลึกลับก็เคลื่อนลงมาจากขอบฟ้าลงมาสู่พิภพเขตล่างแห่งนี้
“ทำเนียบเหนือภพ?”
หลินต้งและเซียวเหยียนอึ้งไปกับภาพนี้พลางรู้สึกงุนงงไปหมด ‘มู่เฉินเรียกทำเนียบเหนือภพมาทำไม? เขาคิดจะเขียนชื่อเต็มลงไปเหรอ? แต่จะเป็นไปได้อย่างไร?’
ทุกคนในมหาพันภพก็งุนงงเมื่อเห็นฉากนี้
เผชิญกับสายตาเหล่านั้น มู่เฉินก็ไม่ได้สนใจ ขณะที่มู่เฉินอีกสองคนก็ทะยานเข้ามาหา
ยามนี้มู่เฉินทั้งสามหลับตาลงโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เมื่อดูฉากนี้หลายคนรู้สึกงงงวยมากขึ้น
“เฮ้ เวลานี้แล้วแกยังคิดเล่นกลอีกเหรอ? อย่างแกต้องใช้เวลาอีกนานแสนนานกว่าจะเขียนชื่อเต็มบนกระดานเส็งเคร็งนั่น!” เทพปีศาจหัวเราะเยาะ
ตอบสนองต่อคำเยาะเย้ย มู่เฉินก็ไม่สนใจ
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป ทันใดนั้นมู่เฉินก็ลืมตาขึ้นด้วยความโล่งใจ “ในที่สุดก็มาถึงแล้ว”
“อะไรรึ?” หลินต้งและเซียวเหยียนยังงงไม่หาย
โฮก!
กีด!
ทันทีที่สิ้นเสียงถาม เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก็ดังก้อง ทุกคนต้องตกใจเมื่อเห็นลำแสงสีทองสองสายพุ่งลงไปในพิภพเขตล่าง พวกเขาก็คือมังกรทองและหงส์ฟ้า
เมื่อมังกรทองและหงส์ฟ้าพลิ้วลงมา ก็ก่อตัวกันเป็นสองเงาร่างที่ทำให้ทุกคนตะลึงสุดขีด
ภาพเงาสีทองทั้งสองดูเหมือนกับมู่เฉินทุกประการ!
หลินต้งและเซียวเหยียนหดดวงตาด้วยความตกใจ เนื่องจากพวกเขาพบว่าร่างทั้งสองนั้นมีความผันผวนเช่นเดียวกับมู่เฉินและก็เป็นจอมยุทธ์เหนือภพเช่นกัน!
“นี่…เป็นไปได้ยังไง?”
เมื่อมู่เฉินเห็นมู่เฉินทั้งสองก็ยิ้ม ย้อนกลับไปตอนนั้นที่เขาได้รับคัมภีร์หลงเฟิ่งจากมิติหลงเฟิ่ง เขาก็เลี้ยงดูเทพอสูรทั้งสองด้วยเลือดกลั่นของเขาเอง ดังนั้นทั้งสองคนจึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเขาเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อเขาบรรลุขั้นสามพิสุทธิ์ ไม่เพียงแต่ร่างรองทั้งสองของเขาเปลี่ยนไป แม้แต่จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ยังได้รับโอกาสและแยกออกมา
ดังนั้นจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงจึงก่อร่างกลายเป็นสิ่งมีชีวิตและมุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรเทพสร้างในดินแดนเสิ่นโซ่เพื่อฝึกฝน
ในความเป็นจริงเมื่อเขาแยกมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง วิชาสามพิสุทธิ์ของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง แม้แต่ผู้คิดค้นทักษะนี้ก็คงไม่เคยคิดมาก่อนว่าสามพิสุทธิ์จะสร้างตัวตนได้ถึงห้าคน…
แต่ที่สุดแล้วก็น่าเป็นเพราะสถานการณ์พิเศษของมู่เฉินร่วมด้วย เนื่องจากเขาใช้แก่นโลหิตแท้ของตนเองในการเลี้ยงดูเทพอสูรทั้งสองมาหลายปี มิหนำซ้ำยังได้สร้างจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเอาไว้ซึ่งเต็มไปด้วยจิตสำนึกของตัวเอง
ยามนี้หลินต้งและเซียวเหยียนก็หายตกใจพลางถอนหายใจในใจ ‘แต่แม้จะมีร่างรองเพิ่มขึ้นอีกสองคน ก็คงไม่สามารถเขียนชื่อเต็มไว้บนทำเนียบเหนือภพได้’
“เจ้าสองคนคงลำบากมาก” มู่เฉินหันไปยิ้มให้กับร่างเทพอสูรทั้งสอง
“พวกเจ้าประสบความสำเร็จหรือไม่?” มู่เฉินชุดดำและชุดขาวถามขึ้น
“เมื่อครู่นี่เอง เราประสบความสำเร็จแบบโชคช่วย”
ร่างรองเทพอสูรทั้งสองพยักหน้า สร้างตราประทับขึ้น
ในเวลานี้รัศมีกระจ่างใสไร้ขอบเขตก่อตัวขึ้นเบื้องหลังทั้งสอง ความผันผวนโบราณก็ถูกปลดปล่อยออกมา หลังจากนั้นทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างเงาโบราณสองร่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้นด้านหลัง
นั่นเป็นความผันผวนเช่นเดียวกับสุดยอดร่างเทห์สวรรค์ในตำนาน!
“นั่นคือ…” หลินต้งและเซียวเหยียนหัวใจสั่นสะท้าน
ฉิงเทียนและทุกคนในทวีปหลิงหมัวต่างตกตะลึงขณะที่เขาอุทาน “ร่างมหาเทพปฐมกาลอีกสองร่างของมหาพันภพ—ร่างมหาเทพรัตติกาลและร่างมหาสุญตา!”
หมัวเฮอเทียนก็เกิดความไม่เชื่อบนใบหน้า ก่อนที่จะมองไปที่เฮยเธียนและหวางฉิว “เจ้าสองคนส่งร่างมหาเทพปฐมกาลให้ไอ้หนูนั่นตั้งแต่เมื่อไร?”
เฮยเธียนและหวางฉิวสบตากันก็ยิ้มอย่างขมขื่น “เมื่อไม่กี่ปีก่อน มู่เฉินแอบมาขอยืมร่างมหาเทพปฐมกาล แต่ว่าในตอนนั้นตัวเขาเองก็ไม่มั่นใจ ดังนั้นเขาจึงให้พวกข้าเก็บทุกอย่างเป็นความลับน่ะ”
ทุกคนตกตะลึงชั่วครู่ก่อนที่จะตื่นเต้น ไพ่ตายที่ซ่อนอยู่ของมู่เฉินนำพาสายแห่งความหวังกลับมาให้พวกเขาอีกครั้ง หากมู่เฉินสามารถใช้พลังของห้าร่างมหาเทพปฐมกาลได้ เขาอาจมีโอกาสที่จะเขียนชื่อเต็มไว้บนทำเนียบเหนือภพได้จริงๆ
“น่าเกรงขาม”
หลินต้งและเซียวเหยียนอดชื่นชมไม่ได้ ใครจะคาดเดาได้ว่ามู่เฉินจะสามารถสร้างแยกร่างออกได้ถึงสี่ร่าง!? ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาฝึกฝนร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งห้าด้วย นี่ถือเป็นประวัติการณ์แท้จริง!
มู่เฉินทั้งห้าเงยหน้าขึ้นมองไปกระดานลึกลับ
“ตอนนี้เรามาลองดูว่าจะสามารถฝากชื่อไว้ในทำเนียบเหนือภพและสร้างสุดยอดเทพจอมยุทธ์ที่เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมหาพันภพได้หรือไม่…”