หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1561 พลังแห่งชีวิต

บทที่ 1561 พลังแห่งชีวิต

ในทวีปเป่ยชาง

ทุกคนตกอยู่ในความปั่นป่วน ขณะที่มองไปยังกระแสปีศาจเชี่ยวกรากด้วยสีหน้าซีดขาว ดวงตาของพวกเขาเบิกขึ้นด้วยความกลัวลึกๆ

เผชิญหน้ากับพลังนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนอย่างเป่ยหมิงยังรู้สึกครั่นครามและอ่อนแอ

เมื่อแลกเปลี่ยนสายตากับไท่ชาง เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่คิดว่าสำนักศึกษาเป่ยชางของเราจะพบกับภัยพิบัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า…”

ไท่ชางถอนหายใจ “นี่คือภัยพิบัติยิ่งใหญ่ของมหาพันภพ ยากที่จะจินตนาการได้ว่าจักรวาลจะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดหากเทพปีศาจจักรพรรดิได้ในสิ่งที่ปรารถนา”

หัวใจของถังเชี่ยนเอ๋อ หลี่เฉวียนทง เวินชิงเฉวียนและคนอื่นๆ ก็จมลงเช่นกัน

“ยามนี้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความทุกข์ยากนี้ได้ แต่ต่อให้จะเป็นเพียงพลังน้อยนิด เราก็ต้องทำให้พวกปีศาจรู้ว่ามหาพันภพไม่เคยขี้ขลาด!”

เสิ่นชังเสิงคำราม หอกสีทองในมือควงไปมา

ภายใต้เสียงคำรามของเสิ่นชังเสิง ความกลัวของเหล่าศิษย์ทุกคนก็สงบลง พวกเขาร้องเสียงลั่นออกมา

“ร่วมมือกัน ต่อให้ต้องตายเราก็จะขัดขวางมันไว้ชั่วครู่!”

ในเมื่อพวกเขากำลังยืนบนปากเหวความตาย พวกเขาก็ไม่คิดยอมแพ้นั่งรอความตายหรอก

เป่ยหมิงและไท่ชางสบตากันก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้ “เยี่ยม พวกเด็กๆ ช่างเลือดร้อนดีจริงๆ พวกตาแก่แบบเราจะทำให้เขาตกต่ำไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จงมอบชีวิตของเราปกป้องสำนักศึกษาเป่ยชาง!”

คลื่นยิ่งใหญ่ของพลังงานหลิงระเบิดออกจากร่างกายพวกเขาพุ่งเข้าหากระแสปีศาจ

ตู้ม ตู้ม!

ท่ามกลางเสียงคำรามแผ่กระจายทั่วเส้นขอบฟ้า ร่างแสงนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะยานขึ้นจากสำนักศึกษาก่อตัวรัศมีน่าตื่นตาที่ด้านหลังเป่ยหมิงและไท่ชาง ขณะที่พุ่งเข้าไปยังกระแสปีศาจ

ถัดจากนั้นในพื้นที่อื่นบนทวีปเป่ยชางร่างแสงจำนวนมากก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ชัดว่าทุกคนได้ปลดปล่อยการตอบโต้ภายใต้ความสิ้นหวัง

ทวีปเทียนหลัว

“ทุกคน จัดทัพปกป้องตำหนักมู่!”

เสียงเยือกเย็นของมั่นถัวหลัวและจิ่วโยวดังก้องไปทั่วตำหนักมู่

พูดจบพวกนางก็เคลื่อนไหว พลังหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

วาบ วาบ!

อึดใจร่างแสงนับล้านๆ ก็ทะยานตามขึ้นมา พุ่งชนกระแสปีศาจ

ในเวลาเดียวกันทวีปอื่นๆ ในมหาพันภพก็ปลดปล่อยการตอบโต้ภายใต้ความกลัวของพวกเขาเช่นกัน

ยามนี้พลังงานหลิงมองเห็นได้จากทุกทวีป

“ฮี่ๆ ความพยายามที่ไร้ประโยชน์ รนหาที่ตาย!”

คำเยาะเย้ยดังก้องมาจากกระแสปีศาจปะทะกับพลังงานหลิงในอึดใจต่อมา

แต่จังหวะที่เกิดการปะทะกัน ทุกคนก็รู้สึกว่าหัวใจเย็นเยือกลง เพราะเห็นคลื่นหลิงคล้ายกับละอองฝนตกลงในมหาสมุทร หายไปในพริบตา พวกเขาไม่สามารถสร้างสิ่งกีดขวางใดๆ กับไอปีศาจได้

“ช่องว่าง…ใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ…?”

เสิ่นชังเสิงมองฉากนี้ด้วยดวงตาเบิกกว้าง ทั่วทั้งสำนักศึกษาตกอยู่ในความเงียบ ความกล้าหาญถูกเค้นออกมาใช้จนหมดแล้ว

“คิดว่าสามารถพึ่งพาจำนวนจ้อยร่อยเพื่อขัดขวางข้าเรอะ? เพ้อฝันไปแล้ว!”

เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเทพปีศาจดังก้องมาจากกระแสปีศาจ ดูเหมือนว่าเขากำลังจะระบายความโกรธทั้งหมดที่ได้จากมู่เฉินลงไปที่มหาพันภพ

ดังนั้นทุกคนจึงถูกห่อหุ้มด้วยความสิ้นหวังรุนแรง

“โอ้? ข้ากลับรู้สึกว่าแม้แต่มดก็มีพลังน่าเกรงขามเมื่อรวมตัวกัน” ขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกสิ้นหวัง ทันใดนั้นเสียงหัวเราะสดใสก็ดังก้อง

วาบ!

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความดีใจ คลื่นหลิงรวมตัวกันบนขอบฟ้า ร่างมู่เฉินค่อยๆ เผยออกมา

“ศิษย์พี่มู่เฉิน!”

เสียงโห่ร้องดังขึ้นจากสำนักศึกษาเป่ยชาง

ที่จริงแล้วไม่เพียงแต่ทวีปเป่ยชางเท่านั้น แต่ร่างของมู่เฉินไปปรากฏในทวีปอื่นๆ เช่นกัน

“ท่านประมุข!”

จอมยุทธ์ตำหนักมู่มองไปที่ร่างเงานั้นพร้อมกับเสียงโห่ร้อง กำลังใจล้นปรี่ออกมา

“ทุกคนฟังคำสั่งข้าเคลื่อนไหวอีกครั้ง ให้ปีศาจชั่วร้ายตัวนี้ได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของมหาพันภพ!” เสียงของมู่เฉินดังก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคน

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากัน เพราะก่อนหน้าพวกเขาได้ลองทำมาแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับน่าผิดหวัง

ทว่าด้วยเกียรติศักดิ์ของมู่เฉินมาถึงจุดสุดยอดและการปรากฏตัวของเขาก็ได้ขับไล่ความกลัวภายในใจของทุกคน ขณะนี้คลื่นหลิงไร้ขอบเขตทะยานสู่ขอบฟ้าอีกครั้ง

ตู้ม ตู้ม!

เมื่อเกลียวคลื่นหลิงเบาบางทะยานขึ้นสู่ขอบฟ้า ความเงียบก็คงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จักรวาลจะสั่นสะท้าน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพล่านไปสู่ขอบฟ้า

ทั่วทุกที่ทุกคนปลดปล่อยพลังงานโดยไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่งที่มี

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ยิ้มคลี่วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว จากนั้นเกลียวคลื่นหลิงทุกเส้นสายก็รวมตัวเข้าหาเขาผ่านร่างไป

ตู้ม ตู้ม!

แต่เมื่อเส้นพลังงานผ่านร่างเขาไป คลื่นหลิงก็กลายเป็นคลื่นพลังอื่น

นี่คือ—รัศมีจั้นยี่!

“เทพปีศาจ ข้าจะให้แกได้ดูพลังยิ่งใหญ่ของมหาพันภพ!” เสียงของมู่เฉินดังก้องพร้อมกับรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นก็ก่อร่างเป็นมังกรขนาดใหญ่พุ่งเข้าหากระแสปีศาจ

เวลาเดียวกันฉากที่คล้ายกันก็ปรากฏขึ้นทั่วทุกที่

ตู้ม!

ภายใต้สายตาวิตกกังวลของทุกคน รัศมีจั้นยี่ก็ปะทะกับกระแสปีศาจอีกครั้ง จักรวาลดูเหมือนจะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปเลยทีเดียว

แต่คราวนี้กระแสปีศาจไม่ได้บดขยี้ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลับถูกหยุดไว้โดยรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขต

ยิ่งกว่านั้นรัศมีจั้นยี่ยังทรงพลังขึ้น ค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าทำให้กระแสปีศาจเริ่มล่มสลาย ถูกลบออกไปโดยรัศมีที่ยิ่งใหญ่…

“อ้าก! มู่เฉิน ไอ้เวร แกต้องตาย!”

เสียงคำรามของเทพปีศาจดังก้องมาจากกระแสปีศาจ

“น่าเสียดายที่แกจะเป็นคนเดียวที่ตายในวันนี้!” แววตาของมู่เฉินเย็นชาขณะหายใจเข้าลึก ร่างเขาระเบิดออกกลายเป็นแสงพุ่งลงไปในรัศมีจั้นยี่

ตู้ม!

ด้วยการเพิ่มตัวเองลงไป รัศมีจั้นยี่ก็ขยายออกไปทันที มังกรปล่อยลมหายใจรุนแรงทำลายไอปีศาจ

“มหาเทพจักรพรรดิมู่! มหาเทพจักรพรรดิมู่!”

ฉากนี้ทำให้ผู้คนในจักรวาลส่งเสียงโห่ร้องดีใจ

เมื่อหลินต้งและเซียวเหยียนเห็นฉากนี้ ความตกใจชื่นชมก็วาบอยู่ในดวงตา “การใช้ชีวิตเป็นกองทัพ นี่คือวิถีของจั้นเจิ้นซือ…”

พวกเขาลืมไปว่ามู่เฉินเป็นจั้นเจิ้นซือด้วย

ทว่าจั้นเจิ้นซือธรรมดาสามารถบัญชาการได้แค่กองทัพที่มีจำกัด ขณะที่มู่เฉินใช้รูปแบบชีวิตทั้งหมดในมหาพันภพนับล้านๆ เป็นขุมกำลังของเขา พลังนั้นไม่อาจจินตนาการได้ในตอนนี้

ทั่วทั้งมหาพันภพส่งเสียงโห่ร้อง ขณะที่หัวใจของเหล่าปีศาจสั่นสะท้านพร้อมทั้งความกลัวฉายบนใบหน้า

เมื่อกระแสปีศาจแตกกระจายไปทั่วมหาพันภพ เสียงโกรธเกรี้ยวและไม่เต็มใจของเทพปีศาจก็ดังก้อง

“จักรวรรดิปีศาจถอย!”

พร้อมกับเสียงนั่นนักรบปีศาจต่างมิติก็เริ่มถอยหนี พวกเขาแยกย้ายจากกัน หนีเข้าไปในพิภพเขตล่างคนละทิศละทาง

“จอมยุทธ์มหาพันภพฟังคำสั่ง ติดตามพวกมัน! ขับไล่ปีศาจออกจากบ้านของเรา!” เสียงหลินต้งและเซียวเหยียนดังก้องเมื่อเห็นฉากนี้

“รับทราบ!”

จอมยุทธ์ทุกคนในทวีปหลิงหมัวคำราม ร่างแสงนับไม่ถ้วนทะยานออกไป

ยามนี้บอกได้ว่ามหาพันภพเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว

หลินต้งและเซียวเหยียนหันไปมองมู่เฉิน อีกฝ่ายก็ลืมตาขึ้นในตอนนี้

“รัศมีของเทพปีศาจหายไป มันคงหนีไปแล้ว” มู่เฉินกล่าว

สายตาของหลินต้งและเซียวเหยียนเปลี่ยนแปลงวูบไหวตอบว่า “เราปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้ มิฉะนั้นมันจะเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงในอนาคต”

เทพปีศาจอันตรายเกินไป หากพวกเขาปล่อยให้มันหนีไปก็จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อมหาพันภพอีกครั้ง

มู่เฉินพยักหน้าตอบว่า “สร้างความยุ่งเหยิงให้มหาพันภพมาหลายหมื่นปี จะปล่อยให้มันหนีไปได้ยังไง?”

ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะยื่นมือออกไป ทันใดนั้นมิติโดยรอบก็แตกสลาย รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตพวยพุ่งขึ้นมาก่อนที่จะรวมตัวกันที่นิ้วของมู่เฉินกลายเป็นลูกปัดแสง

ลูกปัดนี้ราวกับบรรจุโลกและรวบรวมเจตจำนงการต่อสู้ของทุกคนในมหาพันภพ

“ไป”

มู่เฉินสะบัดนิ้ว ลูกปัดทรงกลมก็ฉีกมิติทะยานออกไป

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท