เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดทั้งอัลเบอัสตกอยู่ท่ามกลางงานรื่นเริงที่อบอุ่นและมีชีวิตชีวา
เหล่าตัวตนทรงอำนาจจากโลกต่างๆเดินทางกลับมาด้วยชัยชนะ เกือบทั้งหมดต่างชูแขนสูง และเปล่งเสียงโห่ร้องไชโยอึกทึก
แน่นอน ว่ายังมีตัวตนทรงอำนาจบางคนที่เลือกจะปิดปากเงียบ และเผยแค่เพียงรอยยิ้มจางๆออกมาอยู่เช่นกัน
แต่ไม่ว่าทุกคนจะแสดงออกแตกต่างกันอย่างไร สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ในจิตใจของทุกคนต่างฟุ้งไปด้วยความยินดี
นี่คือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายพันปี!
สงครามครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจและความเชื่อมั่นที่เพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งคนกลางที่ยังลังเล ก็เริ่มกระซิบกระซาบถึงการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของระบบราชามาร
ตลอดทั้งอัลเบอัสจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ฟุ้งไปด้วยความปีติยินดี
ทุกสถานที่จะได้ยินถึงเสียงของความสุขแห่งชัยชนะ
ในวันนี้
สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นที่จดจำ
แม้ว่าจะผ่านพ้นไปอีกสิบปี หนึ่งร้อยปี หรือ หลายหนึ่งพันปีก็ตาม
อัลเบอัสจะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการเผชิญหน้าระหว่างตัวตนทรงอำนาจจากอาณาจักรทั้งปวงและระบบของราชามาร…เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะครั้งสำคัญของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล เหตุการณ์นี้จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของทุกคนไปชั่วกาล!
ณ ส่วนลึกที่สุดของโรงแรมอัลเบอัส
ภายในโซนที่นั่งพิเศษ
ทุกชนิดของเสียงแห่งความตื่นเต้นและวุ่นวายจากภายนอก ทั้งหมดถูกตัดขาด
มีเพียงความเงียบอยู่ในสถานที่แห่งนี้
อีเลียผลักประตูเข้ามา
“ฝ่าบาท ตอนนี้เรากำลังทำการเลือกรางวัลที่จะมอบให้แก่ตัวตนทรงอำนาจจากอาณาจักรทั้งปวงอยู่ ท่านต้องการมาเลือกด้วยหรือไม่?” เธอเอ่ยถาม
“ไม่ดีกว่า เรื่องนี้เป็นเจ้าที่ทำการเลือกสรรย่อมดีอยู่แล้ว เพราะเจ้าย่อมรู้จักพวกเขาดีกว่าเรา” ลอร่าตอบกลับไป
อีเลียพยักหน้า ก้าวถอยหลัง และปิดประตู
โซนที่นั่งพิเศษเงียบลงอีกครั้ง
กู่ฉิงซานดื่มแชมเปญในแก้วจนหมด และลุกขึ้น
“กระหม่อมต้องไปแล้ว” เขากล่าว
“ไป? ตอนนี้เลยหรือ?” ลอร่าถาม
“ใช่ เพราะหากในกรณีที่มีคนเห็นกระหม่อมอยู่ที่นี่ พวกเขาจะเกิดความสงสัย และมันจะนำปัญหามากมายตามมาได้”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดจะทำอะไรต่อไป?”
“กลับไปยังโลกของตัวเอง ที่นั่นกำลังเกิดสงคราม แล้วยังมีปัญหาอีกมากมายที่จะต้องจัดการ…ไหนจะเรื่องฝึกยุทธ์ เรื่องไปพบหน้าสหายเก่า เรื่องแฟนอีก…ตอนนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่กำลังเฝ้ารอให้กระหม่อมไปลงมือทำ”
ลอร่าตั้งใจฟังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่เมื่อได้ยินถึงสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องทำ ในหัวใจของเธอก็บังเกิดความรู้สึกเจ็บจี๊ดน้อยๆขึ้นมา
“แต่เจ้าเป็นคนกำจัดระบบของราชามารลงได้นะ เจ้า…ไม่ต้องการชื่อเสียงจริงๆ หรือ?” เธอถาม
“ย่อมไม่ เพราะด้วยอายุในปัจจุบันของกระหม่อม ชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่มันจะส่งผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม”
ไม่ทราบว่ากู่ฉิงซานกำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่ เขาถอนหายใจ “ความแข็งแกร่งของกระหม่อมยังอ่อนแอเกินไป หากกลับไปแล้วหมดเรื่องที่จะต้องจัดการ กระหม่อมอาจจะเก็บตัวสักพักหนึ่ง เพื่อทำการฝึกยุทธ์ให้แกร่งขึ้น”
ลอร่าเฝ้ามองเขา และกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน “กู่ฉิงซาน”
“มีอะไรหรือฝ่าบาท”
“เจ้าไม่คิดว่าชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันช่างหนักหนาสาหัสเกินไปเลยหรือ?”
ลอร่าถามเบาๆ ด้วยความสับสนเล็กน้อย
กู่ฉิงซานตกใจ แต่เขาก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่ไม่ลำบากหรอก ทุกคนเองก็ย่อมมีช่วงเวลาที่หนักหนากันทั้งนั้น”
ลอร่าไม่เข้าใจ “แต่หญิงสูงศักดิ์จากหลากหลายอาณาจักรและพันธมิตรรอบตัวเรา หลังจากที่พวกเธอก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว พวกเธอก็ล้วนแต่ใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปอย่างเรียบง่าย สนุกสนานไปกับมันในทุกๆวัน”
กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ท่าทีของเขาก็เริ่มกลายเป็นจริงจังขึ้นมา
เขาตระหนักได้ว่าเวลานี้ ลอร่ากำลังอยู่ในทางแยกแห่งการเลือกเดิน
และคำตอบต่อไปนี้ของเขา จะเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ
กู่ฉิงซานกล่าว “สำหรับเรื่องนี้ ฝ่าบาทต้องถามตัวเองก่อนว่า ท่านจะตัดสินใจเลือกเส้นทางใด”
เขากล่าวต่อ “หากฝ่าบาทเต็มใจที่จะใช้ชีวิตเหมือนกันกับพวกหญิงสูงศักดิ์ เพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งของโลก ก็ไม่มีใครสามารถห้ามปรามท่านได้”
“แต่ถ้าหากฝ่าบาทไม่ยินดีที่จะเลือกหนทางนั้น แต่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตเหมือนดั่งเช่นกระหม่อม เผชิญกับความท้าทายมากมาย และทุ่มเททำงานอย่างหนัก ฝ่าบาทก็จะสามารถไขว่คว้าข้อได้เปรียบเพิ่มขึ้นมาอีกข้อหนึ่ง”
“ข้อได้เปรียบอะไร?” ลอร่าเอ่ยถาม
“จะไม่มีใครสามารถควบคุมฝ่าบาทได้”
“ฝ่าบาทสามารถตัดสินใจทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แม้กระทั่งในยามวิกฤต”
“ฝ่าบาทจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ได้เรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความลึกลับของโลกและชีวิต มีพลังอำนาจในการปกป้องผู้คนที่ท่านรัก ปกป้องทุกสิ่งที่ท่านหวงแหน”
“ฝ่าบาทจะกลายเป็นเทพสงครามแห่งโชคชะตาของตนเอง”
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไป และสัมผัสกับหัวของลอร่าอย่างอ่อนโยน
ลอร่าเอ่ยถาม “แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นเทพหรือไม่?”
“หากสิ่งที่กระหม่อมต้องเผชิญหน้าคือโชคชะตาและความใฝ่ฝันแล้วละก็…ใช่ กระหม่อมเป็นเทพสำหรับพวกมัน”
“กู่ฉิงซาน เจ้าต้องการให้เราเลือกเส้นทางสายนี้อย่างงั้นหรือ?”
“ไม่หรอก ฟังนะลอร่า ความคิดเห็นของกระหม่อมไม่สำคัญ สุดท้ายแล้วท่านต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางด้วยตัวเอง – และเมื่อตัดสินใจแล้วห้ามมาเสียใจทีหลังเป็นอันขาด เพราะนั่นคือสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน”
ลอร่าตกลงสู่ความเงียบ
ผ่านไปนาน
เธอก็ถอนหายใจและกล่าว “ปรากฏว่าหลังจากที่ได้เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงสถานการณ์ยากลำบากไปได้เลยสินะ”
กู่ฉิงซานหัวเราะเบาๆ
เพราะบทสนทนาดังกล่าวนี้ ระหว่างทั้งสอง มันเคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว
ในเวลานั้น พวกเขาเพิ่งจะขึ้นไปถึงยอดภูเขาน้ำแข็งของทวยเทพ ห่างจากพื้นน้ำแข็ง และพบเจอกับศพของสายพันธุ์เทพ
แม้ว่าจะหวนกลับมาคิดถึงฉากดังกล่าวในตอนนี้ มันก็ยังรู้สึกน่าหวาดกลัวอยู่ดี
ด้วยลอร่าที่เป็นเด็กสาวในวัยเจ็ดขวบ แต่แล้วกลับต้องเอาชนะเรื่องกลัวความสูง เอาชนะเรื่องมอนสเตอร์ และปีนขึ้นไปเผชิญหน้ากับเหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารมากมายพร้อมกันกับเขา
ในเวลานั้น ครั้งหนึ่งลอร่าก็เคยเอ่ยถามประโยคที่คล้ายกับคำถามนี้ออกมาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในวันนี้ น้ำเสียงที่เธอใช้ถามออกมา มันหนักแน่น แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เด็กสาวได้ตัดสินใจเลือกแล้ว
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะย้อนนึกไปถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
แน่นอน ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ในที่สุด
เขาถอนหายใจเล็กน้อย บรรเทาความตึงเครียดในจิตใจของตน
ลอร่าก็เหมือนจะย้อนนึกไปถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองอยู่ร่วมกันเหมือนกัน
ครั้งแรกที่พบกัน เป็นกู่ฉิงซานที่พ่นไวน์ใส่หน้าเธอ
จากนั้นก็ทำความรู้จักกัน
เข้าสู่โลกของทริสเต้ ข้ามผ่านทุกประเภทของปัญหา อุปสรรค…ความสิ้นหวังและยากลำบากต่างๆ สำรวจความลับของโลกไปทีละขั้นๆ สังหารหนึ่งแสนกองทัพผี และสองร้อยล้านผู้เข้าสู่วิถีมาร สุดท้ายก็จบลงด้วยการทำลายระบบของราชามาร
ดวงตาของลอร่าเริ่มแดงเรื่อ
ภาพความทรงจำที่ผ่านร้อนหนาวมาด้วยกัน นั้นอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ราวกับว่าหากจะกลับไปยังจุดจุดนั้น เพียงแค่หันมองกลับไปก็ได้แล้ว
แต่เวลานี้…กู่ฉิงซานกำลังจะจากไป
เธอไม่สามารถรั้งตัวเขาไว้ที่นี่ได้อีกต่อไป
เพราะเขามีเรื่องมากมายที่จะต้องไปทำ เขามีความคิดและความตั้งใจเป็นของตัวเอง
“เรามีคำเป็นร้อยพันอยู่ในใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเอ่ยมันออกมาบอกลาเจ้าอย่างไรดี”
ลอร่าก้มหน้าลง และกล่าวเบาๆ
กู่ฉิงซานหัวเราะ “กระหม่อมไม่ได้ออกจากโลกเก้าร้อยล้านชั้นไปเสียหน่อย เดี๋ยวในงานมอบรางวัลกระหม่อมก็จะไปอยู่ด้วยกันกับแบรี่และเสี่ยวเหมียวนั่นแหละ”
ในเวลานั้นเอง อีเลียก็ผลักประตูเข้ามา
“ฝ่าบาท พวกเราพร้อมแล้ว งานจะเริ่มต้นขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมง” เธอกล่าว
ทหารพิทักษ์หญิงหลายคนเดินตามอีเลียเข้ามา โดยแต่ละคนถือเสื้อคลุม มงกุฎ คทา รองเท้าส้นสูง และเครื่องประดับมากมาย
กู่ฉิงซานไม่พูดอะไรอีกต่อไป
เขามองลอร่าและเตรียมที่จะจากไป
“อืม…”
ลอร่าเผยอปาก กระซิบเสียงต่ำโดยไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายก็ปิดปากแน่น
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน กู่ฉิงซานจู่ๆก็เผยท่าทีลังเลเล็กน้อยออกมา –
วันคืนที่ได้ต่อสู้เคียงข้างกัน ย่อมไม่มีทางลืมเลือน และเขาจะจดจำมันไว้ตลอดไป
มองไปยังเด็กสาวตัวน้อย กู่ฉิงซานคล้ายกับว่ากำลังเห็นถึงตัวเองในครั้งอดีต
ตามสามัญสำนึกแล้ว ด้วยอายุของลอร่า เธอควรที่จะอยู่ภายใต้อ้อมอกของพ่อแม่ และเพลิดเพลินไปกับความสุขในการใช้ชีวิต
แต่ตอนนี้ เธอเป็นกำพร้าที่ไร้ซึ่งครอบครัว
เธอกลายเป็นราชินีและกำลังจะปกครองทุกสิ่งในประเทศ
วันเดือนปีนับจากนี้ เธอจะต้องพบเจอกับเรื่องยากลำบากอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
และเธอจะต้องรับมือกับมันทั้งหมดด้วยตัวเอง
ในเรื่องนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้
เพราะตำแหน่งกษัตริย์ มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นจึงจะได้ครอบครอง
ดังนั้นทุกสิ่งอย่าง เธอจะต้องเป็นคนตัดสินใจมันด้วยตัวเอง
นี่เป็นวิธีเดียวที่จะเติบโตขึ้นได้
กู่ฉิงซานยิ้ม กล่าวเสียงกระซิบ “ลอร่า กระหม่อมคงต้องขอตัวก่อน แล้วไว้พบกันใหม่ในห้องโถงนะ”
เขาโบกมือลา และเดินออกจากห้องโซนพิเศษไป
ขณะที่ลอร่าไม่ได้ตอบอะไรเขา
ทหารพิทักษ์ค่อยก้าวเข้ามา และเริ่มแต่งตัวให้แก่ลอร่าอย่างเบามือ
เหลือเวลาอีกเพียงแค่ชั่วโมงเดียว ดังนั้นพวกเธอคงจะต้องเร่งมือหน่อยแล้ว
ผ่านไปพักหนึ่ง
ทหารพิทักษ์หญิงก็เอ่ยเสียงกระซิบ
“ฝ่าบาท โปรดเงยหน้าขึ้นเถอะ มิเช่นนั้นมงกุฎที่สวมอยู่อาจจะร่วงตกลงมาได้นะเพคะ”
………………………………………………