The Dark King – Chapter 519 โชคลาภ
เทียนนึกถึงข่าวที่เขาเคยเห็นทางโทรทัศน์ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของเอียน ในระยะแรกที่เกิดภัยพิบัติรัฐบาลทั่วโลกต่างระดมกำลังสร้างที่หลบภัยขึ้นมา เด็กและผู้หญิงได้รับการช่วยเหลือในการอพยพไปยังศูนย์หลบภัย นอกจากนี้ยังมีนักวิทยาศาสตร์และบุคคลสำคัญอื่นๆอีกด้วย
มีคนจำนวนมากไม่พอใจในการคัดเลือกผู้ที่สามารถเข้าไปยังสถานที่หลบภัย พวกเขากล่าวหาว่ารัฐบาลไม่ให้ความเป็นธรรมกับทุกๆคน มีกลุ่มคนหลายกลุ่มรวมตัวกันเพื่อประท้วงต่อมาการประท้วงก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีการปล้นและก่อเหตุทำลายทรัพย์สินทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมาย แต่ก็มีตำรวจติดอาวุธและทหารเข้ามาปราบปรามโดยการฆ่าพวกเขาทันที
กฎหมายของประเทศต่างๆได้เปลี่ยนไปแล้ว บางประเทศใช้มาตรการที่โหดเหี้ยมโดยใช้กองกำลังติดอาวุธเข้าไปฆ่าล้างกลุ่มประท้วงในทันทีโดยไม่มีการเตือนใดๆทั้งสิ้น
“โบราณสถาน…พวกเขาหมายถึงที่หลบภัยเหล่านั้นเหรอ?” ดวงตาของเทียนเบิกกว้าง เขาจำได้ว่าสถานีโทรทัศน์บางแห่งออกอากาศข่าวเกี่ยวกับที่ตั้งของศูนย์หลบภัยเหล่านั้น ศูนย์หลบภัยที่ตั้งอยู่กลางแจ้งต่างถูกทำลายเกือบหมด มีศูนย์หลบภัยน้อยมากที่สามารถอยู่รอดจากภัยพิบัติได้
เทียนไม่รู้ว่าหลังจากเกิดภัยพิบัติมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่หลังจากที่ตื่นขึ้นมาเขาก็ได้พบกับโลกที่พ่อของเขาเคยเล่าให้ฟังถึงภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่งั้นท้องฟ้าคงไม่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นนิวเคลียร์ แม้แต่ฝนที่ตกโปรยปรายลงมาก็เต็มไปด้วยกัมมันตรังรังสี! เทียนนอนหลับมากว่าสามร้อยปีแล้วแต่เขาไม่รู้เลยว่าได้เกิดภัยพิบัติขึ้นหลังจากที่เขาจำศีลไป
แต่เขาก็ได้เห็นซากปรักหักพังด้านนอกกำแพงยักษ์และดูเหมือนว่าภัยพิบัติได้เกิดขึ้นหลังจากเขาจำศีลไปได้ไม่นานนัก
รังศีนิวเคลียร์ไม่ได้จางหายไปแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตามและสิ่งแวดล้อมก็ได้รับผลกระทบทำให้มีมลพิษมากมาย มันแสดงให้เห็นว่าเกิดการระเบิดของนิวเคลียร์มากมายแค่ไหน!
“ถ้าภัยพิบัติเกิดขึ้นจากระเบิดนิวเคลียร์คนที่ซ่อนตัวอยู่ในศูนย์หลบภัยควรจะรอดชีวิตมาได้” เทียนครุ่นคิด “แต่การอยู่ในศูนย์หลบภัยก็เหมือนกับการรอความตายที่กำลังมาเยือน การออกจากศูนย์หลบภัยหมายความว่าผู้คนจะต้องเผชิญกับ ‘โลกใบใหม่’ ที่เกิดขึ้นหลังจากการระเบิดของนิวเคลียร์ มันเป็นโลกที่ไม่เหมาะกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ แม้เวลาผ่านไปหลายปีค่ารังสีก็ยังคงสูงมากและแม้ว่าระบบนิเวศจะสามารถฟื้นตัวมันเองได้ รังสีนิวเคลียร์ที่อยู่นอกกำแพงยักษ์นั้นก็ยังคงเพียงพอในการฆ่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปได้อีกหลายศตวรรษ
“แต่ถ้าคนเหล่านั้นสามารถอยู่รอดได้ อารยธรรมก็จะไม่สูญสลายไป!”
เทียนกำลังคิดถึงที่มาของกำแพงยักษ์ ในความรู้สึกเขาคิดว่าภายในกำแพงยักษ์เองนั้นก็คงเป็นที่หลบภัย เขาเคยเห็นที่หลบภัยทางทีวีดังนั้นจึงอาจเรียกได้ว่ามันเป็นแนวกำแพงป้องกัน!
เขาไม่รู้ว่ากำแพงยักษ์ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลโลกหรือผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ
แต่ภารกิจพิเศษจากตระกูลดราก้อนแสดงให้เห็นว่า ‘โบราณสถาน’ ที่หลงเหลือจากอารยธรรมยุคก่อนมีความสำคัญกับพวกเขามากแค่ไหน!
“ตระกูลดราก้อนจะต้องมีความสนใจในโบราณสถานอย่างมาก” เทียนรู้ว่าหากตระกูลดราก้อนไม่ได้ลิ้มรส “อันหอมหวาน” ของวัตถุโบราณพวกเขาก็จะไม่เพิ่มภารกิจพิเศษอื่นๆมาแทนที่อย่างแน่นอน!
เทียนรู้สึกมีแรงกระตุ้นในการหาที่หลบภัยและการตรวจสอบสถานที่แห่งนั้น
ยูจินถามด้วยความอยากรู้ “แล้วเรื่องรางวัลสำหรับการค้นหาวัตถุโบราณพวกนี้ล่ะครับ?”
เอียนพยักหน้า “รางวัลนั้นสูงมากแต่การค้นหามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่าไปความคาดหวังกับมันมากนัก! ถ้านายได้เจอกับวัตถุโบราณแสดงว่านายต้องโชคดีมากๆ! ถ้านายคิดจะตามหาพวกมันฉันจะบอกว่านายจะไม่พบอะไรเลยแม้ว่านายจะตรวจสอบพื้นที่ในแดนรกร้างเป็นเวลาหนึ่งปีโดยไม่หยุดพักก็ตาม! ยิ่งไปกว่านั้นการเอาชีวิตรอดในการทำภารกิจก็เป็นปัญหาใหญ่มากพอแล้ว!”
ยูจินหัวเราะ “คงต้องพึ่งโชคอย่างมากเลย”
“โชคเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีมัน” โรสแมรี่พูดต่อ “แต่ความแข็งแกร่งสามารถควบคุมได้และเชื่อถือได้มากกว่า!”
เอียนกล่าวว่า “เตรียมตัวให้พร้อมพวกเราเกือบจะถึงกำแพงยักษ์แล้ว!”
ลูน่าหัวเราะ “พวกเราจะสามารถเก็บพลังงานไว้ได้มากหากรู้จักพูดให้น้อยลง! ผมทองนายควรดูเทียนไว้เป็นตัวอย่าง!”
ยูจินยิ้มอย่างหงุดหงิด “มันฟังดูแปลกมากอย่าเรียกผมว่าผมทองเลยครับ”
“แต่ฉันชอบเรียกนายว่าผมทอง” ลูน่าหัวเราะ
ดวงตาของยูจินเบิกบานเมื่อเขามองเธอ
ลูน่ายิ้ม “พี่สาวคนนี้จะยอมเล่นด้วยกับนายถ้านายสามารถรอดชีวิตกลับมาได้”
ยูจินรู้สึกตื่นเต้น “อย่าลืมสิ่งที่พูดกับผมหล่ะครับ”
ใช้เวลาไม่นานในที่สุดพวกเขาก็มาถึงกำแพงยักษ์
ดินแดนของตระกูลดราก้อนตั้งอยู่ในที่ห่างไกล แต่ม้าทำให้พวกเขาเดินทางไปยังกำแพงยักษ์ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
รอยยิ้มของทุกๆคนค่อยๆจางหายไปจากใบหน้าของพวกเขาเมื่อพวกเขามองไปที่กำแพงยักษ์
ทางเดินดูคล้ายกับกำแพงชั้นนอก มีนักรบสองคนสวมตราประจำตระกูลดราก้อนยืนอยู่บริเวณทางเดิน
เอียนเป็นคนแรกที่ลงจากหลังม้าจากนั้นเขาก็หยิบเหรียญออกมา “พวกเราคือทีมที่ 7 จากตระกูลดราก้อน! พวกเราจะออกไปทำภารกิจเปิดประตูให้พวกเราด้วย”
นักรบทั้งสองตรวจสอบเหรียญของเอียน พวกเขายืนยันในเหรียญของเอียนว่าถูกต้องและเปิดประตูให้กับพวกเขา
เอียนขี่ม้าออกนำไปข้างหน้า
มาร์ติน รูบี้ โรสแมรี่และคนอื่นๆตามเขาไปอย่างติดๆ
พวกเขาเดินผ่านทางเดินยาวที่มืดมิดและมาถึงอีกด้านหนึ่งของทางเดิน
เทียนประหลาดใจที่พบว่ามีทหารจากตระกูลดราก้อนอยู่อีกด้านหนึ่งของทางเดิน พวกเขามีกันประมาณสี่คนที่สวมชุดลายพราง ชุดนั้นทำให้พวกเขากลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทำให้มองเห็นได้ยากมาก
เอียนทักทายผู้พิทักษ์ทั้งสี่และพูดคุยกับพวกเขาในเวลาอันสั้น หลังจากนั้นเขาก็นำเทียนและคนอื่น ๆ เข้าไปในถิ่นทุรกันดาร