The Dark King – Chapter 574 การจัดอันดับ
“เรามาถึงแล้ว” ไอช่ารีบก้าวเท้าเดินออกไปตรงที่ปากหลุมใหญ่ เธอมองลงไปและพูดว่า “ตามที่คิดเอาไว้เลยพวกเขาเอาไข่ออกไปหมดแล้ว”
เทียนนั่งลงที่ปากหลุม เหมือนที่ไอช่าพูดเอาไว้ตอนนี้เหลือเพียงรังที่ว่างเปล่าเท่านั้น ไข่ทุกใบถูกนำออกไปแล้ว
“ฉันเกรงว่าพวกเขาย้ายไปที่อื่นแล้ว” ไอช่ามองมาที่เทียนแล้วพูดต่อไปว่า “น่าเสียดายที่นายอยู่ในผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของมนุษย์แล้วในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วด้วยจิตใจอันเข้มแข็งของนายอาจจะทำให้นายเปลี่ยนไปใช้สัญลักษณ์เวทมนตร์ของเพรชฆาตเงาอสูรได้อย่างแน่นอน ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วนายจะแข็งแกร่งขึ้นทันตาเห็นแน่นอน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะเสนอชื่อนายต่อหน้าทุกๆคนของตระกูล ฉันแน่ใจว่านายจะได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นพิเศษแน่นอน” เธอพูดออกมาจากนั้นก็ถอนหายใจ
เทียนรู้สึกประทับใจและตื่นเต้นเล็กน้อย “แล้วคุณเองก็มีสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานด้วยหรอครับ?” ตอนที่เขาพูดคำว่า “ด้วยหรอครับ” เสียงของเขาเบาลงไปมาก
ไอช่าตอบกลับมาว่า “สัญลักษณ์เวทมนตร์ของฉันถูกเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะเกิดมา มันคือ ‘มังกรอสูรบรรพกาล’ ที่อยู่ในอันดับ 3 ในอันดับของสัตว์ร้ายระดับตำนานทั้ง 8 ตัว นี่เป็นสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่บรรพบุรุษของตระกูลดราก้อนได้สืบทอดกันมา”
เทียนรู้สึกสงสัย “สืบทอดกันมาเหรอครับ? นี่หมายความว่าคุณมีหนอนวิญญาณกาฝากของมังกรอสูรบรรพกาลเป็นจำนวนมากเลยหรอครับ?”
“แล้ว… ตระกูลดราก้อนมีการเพาะเลี้ยงมังกรอสูรบรรพกาลขึ้นมาหรอครับ?”
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากยิ่งกว่านั้นก็คือมีการจัดอันดับสัตว์ร้ายระดับตำนานด้วยเช่นกัน
เพียงแค่มองจากสีหน้าของเทียน ไอช่าก็รู้ทันทีว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอยิ้มและพูดออกมาว่า “สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้มีทั้งผู้ที่แข็งแกร่งและผู้ที่อ่อนแอ แม้ว่าพวกมันจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน สัตว์ร้ายระดับตำนานก็เช่นเดียวกัน อย่างเช่น เพรชฆาตเงาอสูร ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 7 แม้ว่าความสามารถในการหลบซ่อนตัวของพวกมันจะยอดเยี่ยม ความสามารถในการต่อสู้ของมันเหนือกว่าพวกสัตว์ร้ายระดับหายากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
“แล้วแมลงอสูรโลกันต์ล่ะครับ?” เทียนถามออกมา
ไอช่ายิ้มและพูดต่อไปว่า “แมลงอสูรโลกันต์เป็นสัตว์ร้ายที่มีความดุร้ายเป็นอย่างมาก มันถูกจัดอยู่ในอันดับ 4 และเป็นสัตว์ร้ายระดับตำนานที่หาตัวได้ยากมากในตอนนี้”
เทียนรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเพราะยังไงมันก็ยังไม่ใช่ที่สุดท้าย ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “แล้วตระกูลแฟเทอร์และตระกูลร็อคก็มีสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานที่สืบทอดกันมาเหมือนกับคุณด้วยหรอครับ? หรือว่าสัญลักษณ์เวทมนตร์จะเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2?”
“ไม่ใช่แน่นอน” ไอช่าพูดต่อไปว่า “พวกเขาย่อมมีสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานที่สืบทอดกันมาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาคงไม่สามารถอยู่มานานจนถึงทุกวันนี้ และสัญลักษณ์เวทย์มนต์ของพวกเขาก็เทียบกับพวกเราไม่ได้ สัญลักษณ์เวทย์มนต์ระดับตำนานของตระกูลแฟเทอร์ก็คือ ค้างคาวนักบุญเทวะ ราชันย์แห่งกำแพงยักษ์เป็นผู้ที่ตั้งชื่อนี้เพราะพวกเขาเอาแต่พูดอะไรที่ฟังไม่รู้เรื่องและดูน่ารำคาญตลอดเวลา”
“และสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานของตระกูลร็อคถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 6 เหนือกว่าเพรชฆาตเงาอสูร ดังนั้นสัญลักษณ์เวทมนตร์จากแมลงอสูรโลกันต์ของนายเหนือกว่าตระกูลแฟเทอร์และตระกูลร็อคอย่างแน่นอน แต่ถ้าไม่ใช่สัตว์ร้ายระดับตำนานที่อยู่ 3 อันดับแรกของการจัดอันดับความแข็งแกร่งก็ไม่ได้แตกต่างกันต้นชัดเจน”
เทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สัญลักษณ์เวทมนตร์ของแมลงอสูรโลกันต์ที่เขาได้รับโดยบังเอิญยังเหนือกว่าสัญลักษณ์เวทย์มนต์ระดับตำนานของตระกูลปีศาจที่อยู่ในกำแพงชั้นในด้วยซ้ำ!
เมื่อรวมกับอาวุธเวทย์มนต์ชิ้นใหม่ของเขามันจะทำให้เขาเหนือกว่าคนเหล่านั้น
“แต่อันดับก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง” ไอช่าพูดต่อไปว่า “สัตว์ร้ายระดับตำนานแต่ละชนิดล้วนได้เปรียบเมื่อได้อยู่ในอาณาเขตของตนเอง และพวกมันจะไม่ยอมออกจากอาณาเขตของตนเองไปง่ายๆ เมื่อมีสัตว์ร้ายระดับตำนานอีกตัวหนึ่งเข้ามาในอาณาเขตของมันจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องตายไป บางครั้งเพรชฆาตเงาอสูรที่อยู่ในอันดับ 7 ก็อาจสามารถฆ่าแมลงอสูรโลกันต์หรือค้างคาวนักบุญเทวะได้
“แต่ปัจจัยภายนอกพวกนี้ไม่ได้ส่งผลต่อสัตว์ร้ายระดับตำนาน 3 อันดับแรก”
ไอช่าพูดต่อไปว่า “แม้ว่าพวกมันจะถูกเรียกว่าจัดระดับตำนานทั้ง 8 ตัว แต่ความแตกต่างระหว่างสัตว์ระดับตำนาน 3 อันดับแรกและสัตว์ร้ายระดับตำนานอีก 5 ตัวที่เหลือนั้นมีมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรกลืนกินความฝันที่อยู่ในอันดับ 1 พลังของมันอยู่เหนือขอบเขตของสัตว์ระดับตำนานตัวอื่นๆ ไม่ว่างมันจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนมันก็สามารถฆ่าสัตว์ร้ายระดับตำนานตัวอื่นๆได้อย่างง่ายดายรวมถึงเทพสังหารด้วยเช่นกัน”
“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย?” เทียนรู้สึกสงสัย
ไอช่าพยักหน้าและพูดต่อไปว่า “ฉันได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากท่านยายของฉันแต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองนะ อสูรกลืนกินความฝันไม่เคยปรากฏตัวออกมาเป็นเวลากว่าร้อยปี ครั้งที่แล้วที่มันปรากฏตัวก็มากกว่า 100 ปีมาแล้วและสิ่งที่เห็นได้มีเพียงรอยเท้าของมันเท่านั้น แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนั้นก็ไม่สามารถหาตัวมันได้ ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือไม่มีใครได้เป็นเจ้าของสัญลักษณ์เวทย์มนต์ของอสูรกลืนกินความฝัน พวกเราคิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงนิทานที่เล่าต่อกันมาเท่านั้น”
ดวงตาของเทียนเป็นประกายขึ้นมา เขารู้สึกกระหายในพลังขึ้นมาทันที แต่เหมือนที่ไอช่าได้พูดเอาไว้เรื่องนี้อาจเป็นเพียงนิทานเท่านั้น เพียงแค่สัตว์ร้ายระดับตำนานก็ยากที่จะพบเจอได้ไม่ต้องพูดถึงอสูรกลืนกินความฝันเลย
“ไปกันเถอะเราต้องไปหาที่พักกันก่อน” ไอช่ากล่าวออกมา
เทียนพยักหน้า
หลังจากออกมาจากถ้ำเทียนก็ได้พบกับที่ๆรูบี้ได้ซ่อนกระเป๋าสัมภาระเอาไว้ แต่กระเป๋าไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกต่อไปมีเพียงรอยเท้ามากมายเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนเหล่านั้นคงจะพบเจอกับกระเป๋าสัมภาระใบนี้ด้วยเช่นกัน
เขายิ้มเจื่อนๆออกมาจากนั้นก็หันไปมองไอช่าที่ยืนอยู่บนถนน เขาใช้กิ่งไม้และขนสัตว์มาทำเป็นเตียงนอนเพราะตอนนี้ไอช่ายังไม่หายดีและพวกเขาทำได้เพียงสร้างที่พักชั่วคราวขึ้นมาในพื้นที่เขตสีส้มของแดนรกร้างนี้เท่านั้น
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเทียนและไอช่าออกไปล่าสัตว์ด้วยกันทุกๆวัน ขอบคุณการรับรู้ขั้นสุดยอดของไอช่าที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องปะทะกับสัตว์ร้ายระดับสูงเลย นอกจากนี้ยังทำให้พวกเขาล่าสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการออกมาล่าสัตว์และจะรีบกลับไปยังที่ซ่อนของตนเองอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ทานอาหารจนเสร็จสิ้น เทียนก็เริ่มออกกำลังกายกล้ามเนื้อหัวใจของเขา
เมื่อไอช่าไม่มีอะไรทำ เธอก็คอยสอนเคล็ดวิชามังกรทะลวงจันทราทั้งหมดให้กับเทียนอีกครั้ง
เหมือนที่ไอช่าได้พูดเอาไว้ เคล็ดวิชาโลหิตมังกรคือพื้นฐานของทุกๆเคล็ดวิชา
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในตอนนี้เทียนและไอช่าอยู่ด้วยกันในพื้นที่เขตสีส้มของแดนรกร้างมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว นี่ยังไม่รวมกับเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในถ้ำน้ำแข็ง
“นายเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง?” ไอช่าหยิบเพียงดาบใหญ่สีแดงเลือดของเธอขึ้นมาเท่านั้นและหันไปมองเทียนที่กำลังจัดเตรียมกระเป๋าสัมภาระของเขา
เทียนสวมชุดเกราะที่เขาได้เช็ดทำความสะอาดด้วยขนของหนูกระดูกไปแล้ว ไอช่ามองไปยังกระเป๋าของเขาและจากนั้นก็หันไปมองรอบๆสถานที่ที่เหมือนถ้ำแห่งนี้ที่เธอใช้ชีวิตมานานกว่าครึ่งเดือน ก่อนจะพูดออกมาว่า “ฉันหายดีแล้วพวกเราไปกันเถอะ”