The Dark King – Chapter 573 ระดับตำนาน
ท่ามกลางอาคารที่พังทลายลงมาเทียนมีความรู้สึกที่คุ้นเคยบางอย่าง เขาเดินไปที่ปลายสุดของถนนซึ่งเต็มไปด้วยโครงกระดูกของสัตว์ร้ายมากมายที่ทับถมมานานหลายปีและยังมีรอยเท้าขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำทุกๆที่ ช่วงเวลา 300 ปีแห่งความหายนะนี้ดูเหมือนว่าจะมีสัตว์ร้ายมากมายที่วิ่งผ่านที่นี่ไปมา
หลังจากที่เดินมาได้ประมาณ 2 กิโลเมตร ไอช่าก็พูดขึ้นมาว่า “เปลี่ยนเส้นทาง มีสัตว์ร้ายอยู่ด้านหน้า”
“รับทราบครับ” เทียนรีบเปลี่ยนเส้นทางทันที แม้ว่าไอช่าจะยังไม่หายดีแต่การรับรู้ของเธอก็เหนือกว่าเขาอยู่มาก
ทั้งสองคนเปลี่ยนไปใช้อีกเส้นทางหนึ่ง
ต้องขอบคุณไอช่าที่ทำให้เทียนไม่ต้องเจอกับสัตว์ร้ายระดับสูงเลยตลอดการเดินทาง สำหรับพวกซอมบี้และพวกสัตว์ร้ายตัวเล็กๆนั้นเขาสามารถฆ่ามันได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องหลบหนีหรือเปลี่ยนเส้นทาง
หลังจากผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงพวกเขาก็ได้มาถึงถ้ำที่เคยเป็นของเพรชฆาตเงาอสูร
“ใครมาที่นี่หรือเปล่า?” หลังจากที่เทียนได้เห็นรอยเท้าที่อยู่ด้านหน้าถ้ำสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที หลังจากที่ได้ตรวจสอบรอยเท้าพวกนี้แล้วเขาก็รู้สึกว่ารอยเท้าพวกนี้มีความเลอะเทอะและสกปรก แต่ดูจากความลึกตื้นของรอยเท้าเหล่านี้แล้วเขาบอกได้ทันทีว่านี่เป็นรอยเท้าของกลุ่มคนประมาณ 7 คนแน่นอน
นี่คือจำนวนคนในทีมนักล่าของตระกูลดราก้อน!
“เป็นรอยเท้าของผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อน” ไอช่ามองไปที่รอยเท้าพวกนี้จากนั้นก็หันมองเข้าไปในถ้ำ “ฉันเดาว่าน่าจะเป็นทีมสำรวจที่ได้พบร่องรอยของชายหนุ่มตระกูลแฟเทอร์กับฉัน พวกเขาพบที่นี่และได้แจ้งให้ผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนมาที่นี่เพื่อขนย้ายไข่ออกไป เข้าไปตรวจสอบดูกันเถอะ”
“ผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อน?” เทียนรู้สึกประหลาดใจ “คุณรู้ได้ไงครับ?”
“ฉันจำรอยเท้าพวกนี้ได้” ไอช่าพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในถ้ำ
ตอนนี้เทียนรู้สึกสับสนทันที เขาไม่เคยคิดว่ารอยเท้าจะสามารถใช้ระบุตัวตนได้ ตอนนี้เหมือนเขาได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นมา
หลังจากเข้าไปในถ้ำเทียนก็เห็นว่ารอยเท้าเดินลึกเข้าไปด้านในของถ้ำซึ่งทำให้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาคิดว่าตนเองจะสามารถขโมยไข่มาเก็บเอาไว้ได้มากกว่านี้ แต่ในตอนนี้มีคนอื่นๆมาขนย้ายพวกมันออกไปแล้ว
“ได้ไข่ของสัตว์ร้ายระดับตำนานไปมากขนาดนี้ ตระกูลดราก้อนน่าจะแข็งแกร่งขึ้นมากใช่ไหมครับ?” เทียนพูดต่อไปว่า “นี่น่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ถ้าอย่างนั้นแล้วผู้บุกเบิกทุกๆคนของตระกูลดราก้อนต่างก็มีสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานหรอครับ?”
ไอช่าส่ายศีรษะและพูดออกมาว่า “เหตุผลที่พวกมันถูกเรียกว่าสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานไม่ใช่เพราะว่าพวกมันมาจากหนอนวิญญาณกาฝากระดับตำนานแต่เพราะว่ามีน้อยคนนักที่จะสามารถครอบครองสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานได้”
“คุณหมายความว่ายังไง?” เทียนรู้สึกสงสัย
“การใช้หนอนวิญญาณกาฝากระดับตำนานนั้นแตกต่างจากหนอนวิญญาณกาฝากทั่วๆไป ผู้ใช้อาจสูญเสียสติปัญญาของตนเองและกลายเป็นมนุษย์วิญญาณกาฝากได้อย่างง่ายดาย” ไอช่าหันไปพูดกับเขาแล้วเดินต่อไป “นายอยู่ที่กำแพงชั้นนอกข้อมูลที่มีน่าจะถูกจำกัดเอาไว้ ดังนั้นนายคงไม่รู้ว่าสัญลักษณ์เวทมนตร์นั้นถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่มีเงื่อนไข ไม่ใช่ว่าทุกๆคนจะสามารถรับสัญลักษณ์เวทมนตได้”
เทียนรู้สึกตกตะลึงในตอนนี้ เขาจำได้ว่าเมื่อเขาใช้หนอนวิญญาณกาฝากที่ได้มาจากแมลงอสูรโลกันตร์มันพยายามที่จะเจาะขึ้นไปบนสมองของเขาหลังจากที่มันได้เข้าไปในร่างกายของเขาแล้ว โชคดีที่เขาบีบคอตนเองเอาไว้ ทำให้หนอนวิญญาณกาฝากต้องเปลี่ยนทางและทำได้เพียงไปอยู่ที่สัญลักษณ์เวทมนตร์บนหน้าอกของเขาเท่านั้น
ถือว่าเขาโชคดีมากไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงกลายเป็น “มนุษย์วิญญาณกาฝาก” อย่างที่ไอช่าพูดถึง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามนุษย์วิญญาณกาฝากเป็นยังไง แต่เขาก็รู้ได้ว่ามันต้องเลวร้ายมากแน่นอน
“สัญลักษณ์เวทมนตร์คือการแลกเปลี่ยนที่มีเงื่อนไขหรอครับ?” เทียนถามออกมาด้วยความสงสัย เขารู้ว่าข้อมูลของโลกในตอนนี้ต่างก็ถูกปิดกั้นเอาไว้มากมาย และบางครั้งข้อมูลที่เขาได้รับมาก็อาจไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง
“อย่างนั้นแหละ” ไอช่าตอบกลับมา “ตามที่นายรู้นั่นแหละยิ่งมนุษย์แข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ความเป็นมนุษย์ก็จะลดน้อยลงไปมากเท่านั้นเพราะสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่พวกเขามี เมื่อความเป็นมนุษย์ลดน้อยลงจนมากเกินไปและไม่สามารถรับสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่เข้ามาใหม่ได้หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือความตาย!”
“แม้ว่าคนคนนั้นจะโชคดีพอจนไม่ตายทันทีแต่ก็ต้องสูญเสียสติปัญญาไป ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างไป และกลายเป็นเพียงสัตว์ประหลาดกระหายเลือดเท่านั้น”
“ดังนั้นถ้าหากว่ามนุษย์คนหนึ่งแข็งแกร่งจนมากเกินไป สัญลักษณ์เวทมนตร์ของคนๆนั้นก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก” ไอช่าหันไปหาเทียนแล้วพูดว่า “นายโชคดีที่ได้รับสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นนักล่า พูดตามตรงโอกาสที่นายจะรับสัญลักษณ์เวทมนตร์อันใหม่ไม่สำเร็จมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นายคงไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้น”
เทียนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง
“ดังนั้นแม้ว่าเราจะมีไข่ของเพรชฆาตเงาอสูรมากสักแค่ไหนก็มีเพียงพวกมือใหม่เท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ ส่วนคนที่เป็นผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของมนุษย์หรือผู้บุกเบิกสัญลักษณ์เวทมนตร์ของพวกเขาต่างก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไปแล้ว”
ไอช่าพูดต่อไปว่า “นี่แหละคือปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อพวกมือใหม่เปลี่ยนสัญลักษณ์เวทมนตร์ของพวกเขา แม้ว่ามันจะค่อนข้างปลอดภัย แต่หนอนวิญญาณกาฝากระดับตำนานก็ยังอันตรายมากอยู่ดี มันไม่ใช่สิ่งที่นักล่าทั่วไปสามารถรับได้ แม้แต่นักล่าระดับสูงของตระกูลดราก้อนของพวกเราที่ฝึกฝนมาเป็นพิเศษก็ยังมีโอกาสมากที่จะต้องกลายเป็นมนุษย์วิญญาณกาฝาก”
“ดังนั้นแม้ว่าพวกเราจะได้รับไข่ของสัตว์ร้ายระดับตำนานมาเป็นจำนวนมาก แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์เวทมนตร์ของเหล่าผู้บุกเบิก”
เทียนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานจะเป็นอันตรายขนาดนี้ แม้แต่คนของตระกูลปีศาจที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีก็ยังมีโอกาสล้มเหลวสูงมาก แบบนี้แล้วสำหรับคนธรรมดาหนอนวิญญาณกาฝากระดับตำนานไม่ถือเป็นยาพิษหรอกหรอ?
“จะเกิดอะไรขึ้นครับ…ถ้าหากมีคนกลายเป็นมนุษย์วิญญาณกาฝาก?” เทียนถามขึ้นมา
ไอช่าขยี้ตาของเธอและตอบกลับมาว่า “คนคนนั้นจะต้องถูกกำจัด”
เป็นไปตามที่เทียนคิดเอาไว้
ไอช่าเดินช้าลงพร้อมกับเทียนที่เดินเคียงข้างเธอขึ้นมา เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองเขา “ฉันเห็นว่านายมีรอยแผลอยู่มากมายทั่วร่างกาย นายคงต้องผ่านอะไรมามากใช่ไหม?”
มันทำให้เทียนนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในคุก เขากระพริบตาและพูดออกมาเบาๆว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ อดีตก็คืออดีต แต่ก็เหมือนอย่างที่คุณพูดแหละ ผมต้องขอบคุณความทุกข์ทรมานพวกนั้นที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วผมคงตายหรือไม่ก็กลายเป็นมนุษย์วิญญาณกาฝากหลังจากที่ได้รับหนอนวิญญาณกาฝากของแมลงอสูรโลกันต์”
“เมื่อคนเราพบเจอความทุกข์ทรมานไม่ว่าใครต่างก็รังเกียจมัน แต่เมื่อเราผ่านมันไปได้ไม่ว่าใครต่างก็ยินดีที่ความทรมานเข้ามาในชีวิต” ไอช่าตอบกลับมา
เทียนมองไปที่เธอและพยักหน้า “เห็นด้วยครับ”