The Dark King – Chapter 579 วิวัฒนาการ
“เธอยังผิดหวังไม่พอหรือยังไง?” หลังจากที่พวกชายหนุ่มออกไปแฟนนี่ก็หันมาพูดกับไอช่าว่า “น้องสาวของเธอวิปริตยิ่งกว่าคนอื่นๆ สิ่งที่นังนั่นต้องการไม่ใช่แค่ตำแหน่งแต่คือพลัง! ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่นังนั่นต้องหาวิธีกำจัดเธออย่างแน่นอน ความเมตตาไม่เคยมีอยู่แล้ว เธอจะต้องเสียใจแน่นอนที่ตัดสินใจให้เขาอยู่ข้างๆ”
ไอช่าเดินไปนั่งลงบนเตียงและพูดออกมาช้าๆว่า “แล้วเขาจะไปที่ไหนได้?”
แฟนนี่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“มันอันตรายเกินไปที่เขาจะกลับไปที่กำแพงชั้นในเพียงคนเดียว” ไอช่าพูดต่อไปว่า “คนในตระกูลของฉันหลายคนเริ่มหันมาจงรักภักดีต่อเฮลี่ย์ และน้องสาวของฉันก็เริ่มหาความได้เปรียบให้มากที่สุด เขาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีครอบครัวไม่มีพี่น้อง เขาจะไปไหนได้ มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่เขาจะสามารถรอดชีวิตได้”
“เด็กกำพร้า?” แฟนนี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอเห็นว่าสายตาของไอช่าดูอ่อนลงเล็กน้อย หลังจากที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งเธอก็พูดออกมาว่า “ไม่มีตระกูล ไม่มีผู้ที่คอยหนุนหลัง ไม่มีพลัง เขาไม่มีอะไรเลย! เขาไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องกับโลกของเธอเลยด้วยซ้ำ คนแบบนี้ควรอยู่แต่ในโลกของคนธรรมดาเท่านั้น เธอไม่ควรเอาเขามาเกี่ยวข้องด้วย แม้ว่าเขาจะรอดชีวิตไปได้แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายนั้น…ก็เกือบเท่าชีวิตของเขา!”
“อยู่ที่นี่ฉันจะปกป้องเขาเอง” ไอช่านอนตะแคงไปด้านข้าง “นอกจากนี้อย่าเพิ่งดูถูกเขา ถ้าเธอเป็นเขาเธออาจจะไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้เขายังมีสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานด้วยนะ!”
“สัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนาน?” แฟนนี่รู้สึกประหลาดใจ “เอิ่ม เธอหมายความว่าเด็กคนนั้นมี…สัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานหรอ?”
ไอช่ายิ้มออกมาเล็กน้อยและตอบกลับมาว่า “ใช่สิ?”
“ตามที่ฉันรู้มาเขามาจากกำแพงชั้นนอกใช่ไหม? นอกจากนี้แล้วเขายังเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีที่พึ่งพิงและเธอยังบอกว่าเขามีสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนาน?” แฟนนี่แทบจะไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “แม้ว่าเขาจะโชคดีพอที่จะได้รับหนอนวิญญาณกาฝากระดับตำนานมา แต่การไม่มี…ผู้เชี่ยวชาญมาคอยแนะนำเรื่องนี้ เขารอดชีวิตมาได้ยังไงกัน?”
“อย่างที่ฉันพูดไปอย่าเพิ่งดูถูกเขา” ไอช่ายิ้ม “ฉันเชื่อว่าในสักวันหนึ่ง เขาจะสามารถโบยบินไปบนท้องฟ้าเหมือนกับนกอินทรีย์ได้!”
แฟนนี่นิ่งเงียบไปทันทีด้วยความตกตะลึง หลังจากนั้นเธอจึงสงบจิตใจของตัวเองได้อีกครั้ง เธอส่ายศีรษะเบาๆและพูดออกมาว่า “มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกแม้ว่าเขาจะมีสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนานก็ตาม ยังไงเขาก็ต้องตายถ้าน้องสาวของเธอรู้เรื่องนี้ รวมทั้งเขายังไม่ได้พัฒนาอย่างเต็มที่ แม้ว่าในอนาคตเขาก็คงเป็นได้เพียงนักบุกเบิกเท่านั้น ซึ่งก็มีอยู่ที่นี่มากมาย นอกจากนี้เขายังไม่มีพลังสายเลือดและไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาอะไรเลย เมื่อเทียบกับผู้บุกเบิกคนอื่นที่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาต่างๆมาตั้งแต่ยังเด็กแล้วเขาอาจจะเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
ไอช่ายิ้มพร้อมกับส่ายศีรษะเบาๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอไม่ได้บอกแฟนนี่ว่าจริงๆแล้วเทียนได้ฝึกฝน เคล็ดวิชาโลหิตมังกรสำเร็จแล้ว ในเวลาเพียงครึ่งเดือนเขาสามารถสำเร็จขั้นแรกของเคล็ดวิชานี้ได้ ตามที่เธอรู้มาแม้แต่คนที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่เธอรู้จักก็ยังต้องใช้เวลามากกว่า 1 เดือนในการสำเร็จขั้นแรกของเคล็ดวิชานี้
“หวังมากเกินไปหรือเปล่า!” แฟนนี่ถอนหายใจออกมา “นี่มันอะไรกัน! ถ้าเธอไม่ได้รู้จักเขา เขาก็คงเป็นแค่ใครสักคนที่อยู่ในโลกใบนี้เท่านั้น ฉันว่าเธอสูงส่งเกินกว่าที่จะไปข้องเกี่ยวกับเขา เธอกับเขาเป็นเหมือนนกกับปลา แม้ว่าเขาจะสามารถวิวัฒนาการได้แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นปลา ปลาอาศัยอยู่ได้แค่ในน้ำเท่านั้นไม่มีทางบินขึ้นมาบนฟ้าได้”
ไอช่าพูดออกมาเบาๆว่า “ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็จะลงไปในน้ำเอง”
นี่ทำให้แฟนนี่ต้องรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง
…
“นี่คือที่อยู่ของนาย” ยูเรก้าพาเทียนเดินมาที่คฤหาสน์หลังหนึ่งและชี้ไปที่อาคารสูงที่อยู่ด้านหลัง “นายอยู่ที่นั่น นี่คือคฤหาสน์ของฉัน ท่านหญิงเฮลี่ย์ไม่กล้าเข้ามาในที่ของฉันหรอก”
“ขอบคุณครับ” เทียนพยักหน้า
ยูเรก้าถอนหายใจออกมาจากนั้นก็ตบไปที่ไหล่ของเทียนเบาๆ “ถ้านายเป็นเพื่อนของไอช่าจริงๆ ฉันแนะนำให้นายอยู่ห่างจากเธอเอาไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วนายจะเป็นคนที่นำภัยพิบัติมาให้เธอ”
เทียนส่ายศีรษะเบาๆ “ผมทำแบบนั้นไม่ได้”
ยูเรก้ารู้สึกสงสัยเล็กน้อย “นายกับเธอแตกต่างกันจนเกินไป แม้ว่าเธอจะบอกว่านายเป็นเพื่อนของเธอแต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่มันเกินกว่าที่นายคิดเอาไว้ ในโลกใบนี้คนส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ แต่ความจริงแล้วพวกเขากำลังทำตามสิ่งที่คนอื่นบอกให้ทำเพื่อชีวิตของตนเอง”
“ผมรู้ดีครับ” เทียนยังคงสงบนิ่ง “แต่ผมยังไปตอนนี้ไม่ได้”
“นายหมายความว่ายังไง?” ยูเรก้าดูหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
เทียนมองไปที่เขา “คุณน่าจะบอกเรื่องนี้ให้เราทราบตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เฮลี่ย์คงรู้แล้วว่าผมอยู่ที่นี่ ถ้าผมออกไปจากที่นี่ตอนนี้เธอคงส่งคนไปฆ่าผมแน่นอนหรือไม่ก็จับตัวผมไว้เพื่อเป็นประโยชน์ ดังนั้นผมจึงยังออกจากที่นี่ไปไม่ได้ คุณเข้าใจหรือเปล่า?”
ยูเรก้ารู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากที่คิดครู่หนึ่งเขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจและพูดออกมาว่า “นายไปพักผ่อนก่อน” จากนั้นเขาก็เดินออกไปทันที
เมื่อเห็นว่าเขาเดินหายไปเทียนก็เดินเข้าไปยังที่อยู่ของตนเอง
“ฉันต้องหาทางออกจากที่นี่ พวกเขาพูดถูก ถ้าฉันอยู่ที่นี่ต่อไปฉันจะเป็นภาระของเธอ” เขาคิดกับตัวเอง เขาต้องยอมรับความจริงว่าตนเองอ่อนแอมากแค่ไหน
มีคนรับใช้ที่ยืนรอเขาอยู่ที่หน้าอาคาร ทุกๆคนต่างก็ทำความเคารพเทียนเมื่อเห็นเขา
คนรับใช้เหล่านี้มีความแข็งแกร่งเทียบได้กับพวกนักล่าพวกเขามีหน้าที่รับใช้พวกผู้บุกเบิกที่อยู่ที่นี่
แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจแต่ทุกอย่างต้องมีทางออก! มันทำให้เทียนมีเวลาได้อยู่กับตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่อยู่ในแดนรกร้างมากกว่า 40 วัน เส้นผมและความสะอาดของเขาก็เหมือนกับอยู่ในนรก จากนั้นเขาก็ไปทานอาหาร เขาเดินไปรอบ ๆ อาคารขณะที่พยายามหาทางออก ตั้งแต่เขาเข้ามาที่นี่เขาก็เห็นว่ามีหนังสืออยู่ทุกๆแห่ง
ในห้องสมุดของกำแพงชั้นนอกมีเพียงพวกขุนนางและชนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปอ่านหนังสือหรือยืมหนังสือออกมาได้ นอกจากนี้ห้องสมุดพวกนั้นก็มีหนังสือจำนวนไม่มากนัก พวกคนธรรมดาถูกจำกัดเอาไว้ไม่ให้รับรู้ข้อมูลมากเกินไป หนังสือทุกเล่มที่อยู่ที่นี่ยังดูใหม่ หนังสือพวกนี้น่าจะเป็นของตระกูลดราก้อนซึ่งจะวางเอาไว้ที่นี่เพื่อให้บริการพวกผู้บุกเบิก
“เวทมนตร์และศาสนวิทยา วิเคราะห์การต่อสู้บนอากาศของตระกูลแฟเทอร์…”
เทียนอ่านชื่อหนังสือไปเรื่อยๆทันใดนั้นสายตาของเขาก็หันไปสนใจหนังสือที่มีชื่อว่าการวิวัฒนาการของสัญลักษณ์เวทมนตร์
เขารู้สึกสนใจเล็กน้อยและหยิบหนังสือเล่มนี้ออกมาทันที จากนั้นเขาก็ลองเปิดอ่านดูคร่าวๆ “สัญลักษณ์เวทมนตร์สามารถวิวัฒนาการได้เหมือนกับการวิวัฒนาการของพวกสัตว์ร้าย แล้วยังเหมือนกับการวิวัฒนาการของผู้ใช้สัญลักษณ์เวทมนตร์”
“ร่างกายของมนุษย์เป็นเหมือนกับลูกโป่งและพลังเป็นเหมือนกับอากาศ เมื่อสูบลมเข้าไปในลูกโป่งจนเต็มและไม่สามารถขยายต่อไปได้อีก การที่จะเพิ่มลมเข้าไปในลูกโป่งได้นั้นมีเพียงการเปลี่ยนลูกโป่งใบใหม่เท่านั้นหรือไม่ก็ทำให้ลูกโป่งแตกออก เหมือนกับร่างกายของมนุษย์….”
“เหมือนกับอสูรกลืนกินความฝันที่อยู่ในจุดสูงสุดของเหล่าสัตว์ร้ายในตำนาน มันวิวัฒนาการมาจาก มัจจุราชทมิฬ หนึ่งในสัตว์ร้ายระดับหายาก”