The Dark King – Chapter 644 เด็กหนุ่มผู้ไม่มีภูมิหลัง
ด้านบนของภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ตั้งของจัตุรัสเซนต์มาร์ค จัตรัสแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยพื้นหยกสีขาวสว่างไสวภายใต้แสงที่สาดส่องของดวงดาว รอบๆจัตุรัสเต็มไปด้วยอัศวินที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นหิน
ภายในวิหารแห่งแสงที่อยู่เหนือจัตุรัส มีตะเกียงน้ํามันแขวนอยู่ตามเสาวิหารเรียงรายอยู่ทั่วอาคารราคาของตะเกียงน้ํามันแต่ละอันนั้นเทียบเท่ากับรายได้ของพลเรือนที่หามาครึ่งชีวิตเปลวไฟร้อนระอุส่องสว่างไปทั่วทุกส่วนของห้องโถงไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความมืดมิดที่หลงเหลืออยู่
ริเชลนอนอยู่บนเตียงที่ตั้งอยู่ด้านหลังรูปปั้นเทพแห่งแสง ตั้งแต่เขาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาเมื่อสามสิบปีที่ผ่านมาเขาได้ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นอนหลับไปเคียงข้างรูปปั้นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าในทุกๆวันแสงไฟที่ส่องลงมาบนผมสีขาวของเขาทําให้เส้นผมเปล่งประกายสว่างไสว
ทันใดนั้นก็มีลมหนาวพัดมาจากทางหน้าต่างโดยที่ไม่มีหน้าต่างใดบานหนึ่งเปิดขึ้นมา
ร่างสีเทามาที่เตียงของเขาอย่างช้าๆด้วยความเงียบและคุกเข่าลง
ริเชลค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ เขาไม่ได้ลุกขึ้นและพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่แหบแห้งออกมาว่า“เกิดอะไรขึ้น?”
หากใครได้ยินเสียงของเขาในตอนนี้จะต้องรู้สึกประหลาดใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันช่างแตกต่างจากน้ําเสียงปกติทั่วไปของเขาที่อ่อนโยนนุ่มนวลอย่างมาก
“ท่านครับมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลมิลาน” ร่างสีเทาคุกเข่าลงบนพื้นฝ่ามือกดแนบหน้าอกของตนเองแล้วก้มศีรษะลง “มีรายงานว่ามีคนบุกรุกเข้าไปภายในปราสาทตระกูลมิลานและควบคุมผู้อาวุโสทั้งสิบสองคนเอาไว้”
“หืม?” ริเชลขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นนั่งจากเตียงอย่างช้าๆ “ควบคุมผู้อาวุโสทั้งสิบสองอย่างนั้นหรอ?กําแพงชั้นนอกมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ร่างสีเทาก้มศีรษะโค้งคํานับ “ตามที่สายลับที่แทรกซึมอยู่ในตระกูลมิลานรายงานมา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสของพื้นที่หมายเลข 9 ครับ”
“หรือว่าเขาจะเป็น…?” มีความประหลาดใจเกิดขึ้นในสายตาของเขา ผู้คนมากมายต่างไม่รู้จักตัวตนของผู้อาวุโสในพื้นที่หมายเลข 9 เท่าที่เขารู้มาชายคนนี้หายตัวไปเมื่อ 2 3 เดือนก่อน แต่ในตอนนี้เขากลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งและมีพลังมากมายมหาศาลพอที่จะทําเรื่องแบบนั้นได้เลยหรอ?
“ที่บอกฉันเกี่ยวกับเรื่องผู้อาวุโสทั้งสิบสองคน พวกเขาให้ความร่วมมือกับชายคนนั้นหรือเปล่า?” ริเชลมองไปที่ชายร่างเทาและจ้องไปที่เขาเพื่อรอคําตอบ
ร่างสีเทากําลังจะอ้าปากพูด ทันใดนั้นก็มีลมหนาวพัดมาจากหน้าต่างที่เปิดออกทําให้ผ้าม่านภายในห้องโถงกระพือเล็กน้อยไปตามสายลม ในเวลาเดียวกันก็มีน้ําเสียงไม่แยแสพูดออกมาว่า “ท่านสมเด็จพระสันตะปาปาอยากรู้สถานการณ์ภายในโบสถ์แห่งความมืดที่เกิดขึ้นทําไมท่านไม่ลองถามผมดูหล่ะครับ?”
ทันใดนั้นทั้งสองก็ตกใจและมองไปรอบๆ เมื่อพยายามกวาดสายตาไปทั่วห้องก็พบกับร่างของผู้บุกรุกทั้งสองที่ยืนอยู่เงียบๆบริเวณผ้าม่านราวกับภูตผีและดูเหมือนว่าทั้งสองจะยืนอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานานแล้ว
“ท่านสมเด็จพระสันตะปาปาระวังตัวด้วยครับ!” ร่างสีเทาตอบสนองอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นบุคคลทั้งสองเขารีบหยิบมีดสั้นขึ้นมาเพื่อปกป้องพระสันตะปาปา
เทียนพุ่งตัวไปประชิดร่างสีเทาอย่างฉับพลันจับมือที่ถือมีดแน่นและสบัดออก จากนั้นเทียนพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่เฉยเมยว่า”สมเด็จพระสันตะปาปาหากคุณไม่ต้องการเผชิญหน้ากับพลังของผู้บุกเบิกมันจะดีกว่าถ้า คุณให้ความร่วมมือแต่โดยดีเพราะผมไม่ต้องการฆ่าคุณในตอนนี้”
ร่างสีเทาสะบัดข้อมืออย่างหนักและดึงมีดสั้นอีกเล่มที่ซ่อนอยู่ออกมาในขณะที่ฝ่ามืออีกข้างเหวี่ยงกระแทกไปที่ใบหน้าของเทียน
เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาไม่คิดว่าชายคนนี้จะเก่งกว่านักล่าระดับสูงคนอื่นๆที่เขาพบ แต่ฝีมืออย่างห่างไกลจากเขามากนัก
ฉีก! ร่างสีเทาถูกนิ้วทั้งสองของเทียนเจาะเข้าไปที่ลําคอ
คําพูดสุดท้ายที่ออกมาจากปากของเทียนและการต่อสู้ก็สิ้นสุดลงในเวลาเดียวกัน นิ้วมือของเขาสัมผัสกับเลือดอันอบอุ่นและเนื้อเยื่อของร่างสีเทา เทียนกระชากสองนิ้วกลับมาอย่างไร้ความปราณีดึงเนื้อเยื่อที่ลึกลงไปในลําคอแล้วกระแทกคางด้วยหลังมือ
ร่างสีเทาจ้องมองอย่างไม่หยุดหย่อนดวงตาแดงก่ําเต็มไปด้วยความตกใจและร่างกายทรุดตัวลงช้าๆ ราวกับกําแพงที่ค่อยๆพังทลายลงมาเมื่อร่างสีเทาล้มลงก็เผยให้เห็นริเชลพร้อมใบหน้าที่ตกใจอยู่ข้างหลัง
ริเชลต้องการตะโกนขอความช่วยเหลือจากอัศวินแห่งแสงที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเมื่อเขาเห็นเทียน แต่คําว่า “ผู้บุกเบิก” ที่ชายคนนี้พูดออกมาทําให้เขากลืนคําขอความช่วยเหลือที่กําลังจะเปล่งเสียงออกมาลงไปในลําคอทันที
ถ้าเขาถูกเทียนคุกคามด้วยคําอื่นๆเขาจะไม่สนใจเลย แต่การมีอยู่ของ “ผู้บุกเบิก” นั้นเป็นข้อมูลระดับสูงของกําแพงชั้นในเท่านั้นและคนที่อาศัยอยู่ที่กําแพงชั้นนอกแทบจะไม่มีใครรู้จักเลย!
น้ําหนักของคําทั้งสามมีผลต่อเขาอย่างมาก มันได้แทรกซึมเข้าไปในหัวใจผ่านเข้าสู่ไขกระดูกสันหลัง เช่ นเดียวกับที่พลเรือนจะลดเสียงของพวกเขาลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนาง มันเป็น ความกลัวที่ฝังเข้าไปในจิตใต้สํานึก!
ในตอนนี้ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดของชายร่างเทาฟุ้งกระจายไปทั่ว
ริเชลหรี่ตาจ้องมองไปที่เทียน ยากที่จะเชื่อว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าซึ่งมีพละกําลังที่น่ากลัวนี้ก็คือเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่เป็นคนทั่วไปไม่มีภูมิหลังหรือยศถาบรรดาศักดิ์!
เมื่อเห็นว่าริเชลไม่ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ เทียนก็พูดอย่างเงียบๆออกมาว่า “ต้องขอชื่นชมในความฉลาดของคุณ”
ใบหน้าของริเชลหม่นหมอง หลังจากที่เขาจ้องเทียนอยู่ชั่วครู่ก็เหลือบมองไปยังร่างเพรียวบางที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าบนศีรษะสญชาตญาณบ่งบอกเขาว่าร่างที่ยืนนิ่งเงียบราวกับรูปปั้นหินนี้เป็นอันตรายอย่างมาก
“คุณต้องการอะไรกันแน่? เท่าที่จําได้ผมไม่เคยรุกรานอะไรคุณเลย คุณจะฆ่าผมและสถาปนาตัวเองเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาอย่างนั้นหรอ?” ริเชลพูดด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง
เทียนสบัดเลือดเหนียวที่ติดอยู่บนนิ้วของเขาออกแล้วพูดว่า “ผมต้องการที่จะเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาและผมไม่อยากลงมือฆ่าคุณในตอนนี้เพราะฉะนั้นให้ความร่วมมือกับผมซะ”
ดวงตาของริเชลเต็มไปด้วยความเย็นชาจากนั้นชายชราที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นก็พูดออกมาว่า”ถอดหน้ากากของคุณออกแล้วเรามาคุยกันคุณเทียน!”