The Dark King – Chapter 646 ขอเวลาผมคิดสักครู่
ริเชลเงียบไปก่อนจะพูดออกมาเบาๆว่า “ที่คุณพูดมาคุณได้คิดบ้างหรือเปล่า คุณรู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่คุณทําจะต้องมีคนเสียชีวิตมากแค่ไหน? คุณไม่รู้สึกว่ามันผิดเลยหรอ? พวกเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาแต่ตอนนี้พวกเขากําลังจะตายก็เพราะคุณ!”
“ถ้าเป็นแบบนี้คุณก็ไปบอกกับเบื้องบนของคุณสิ” เทียนพูดต่อไปว่า “สันติภาพเกิดขึ้นได้หลังสงครามเท่านั้นแหละ เอาจริงๆผมก็ยินดีนะที่จะเปลี่ยนตําแหน่งกับพวกเขาเพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด”
“แก!” ริเชลอดที่จะตะโกนออกมาไม่ได้
เทียนพูดต่อไปว่า “แล้วคุณล่ะ คุณเลือกข้อไหน?”
ริเชลจ้องมองมาที่เขาและพูดว่า “ผมขอพูดอะไรก่อนที่ผมจะเลือกได้หรือเปล่า?”
“เชิญ” เทียนตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากนัก
ริเชลถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะแก่มากแล้วจริงๆ แม้ว่าเขาจะเผชิญกับศัตรูมาไม่มากนักและความคิดของเขาก็ไม่ได้ล้ําลึกเหมือนกับพวกนักปราชญ์แต่เขาก็ตอบกลับไปว่า “ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว คุณไม่สนใจชีวิตของคนอื่นๆแล้วคุณสนใจชีวิตของตัวเองบ้างหรือเปล่า? แม้ว่าคุณจะได้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปา และสามารถควบคุมโบสถ์แห่งความมืดได้ ผมเดาว่าเป้าหมายต่อไปของคุณคงเป็นการบุกยึดกองทัพของกําแพงชั้นนอกใช่หรือเปล่า? คุณอยากเป็นผู้ที่ได้ปกครองของกําแพงชั้นนอกหรอ?” ในขณะที่พูดอยู่นี้สายตาของเขาจ้องมองไปที่ดวงตาของเทียน
เทียนไม่ได้หลบตาและตอบกลับมาอย่างสงบนิ่งว่า “ใช่”
เมื่อเห็นว่าเทียนพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างง่ายดาย ริเชลก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเขารู้สึกตกตะลึงที่เป้าหมายของเด็กหนุ่มคนนี้คือการได้ครอบครองกําแพงชั้นนอกจริงๆด้วย!
อารมณ์ของเขากลับมาสงบนิ่งอย่างรวดเร็วและพูดต่อไปว่า “คุณคงเคยติดต่อกับมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์มาแล้วสินะ คุณเองก็น่าจะรู้ดีว่าพวกเขามีนักบุกเบิกมากมาย คุณน่าจะรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของกําแพงชั้นในนั้นมากแค่ไหน พื้นที่กําแพงชั้นนอกในสายตาของพวกเขานั้นมันก็แค่พื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีค่าที่พวกเขาจะมองมาเลยด้วยซ้ํา!”
“ผมทราบดี” เทียนตอบกลับไปอย่างสงบนิ่ง “ความแตกต่างระหว่างกําแพงชั้นนอกกับกําแพงชั้นในมันก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างชุมชนแออัดกับย่านการค้า ชุมชนแออัดก็แค่ที่ทิ้งขยะของพวกคนรวยเท่านั้น ในสายตาของพวกกําแพงชั้นในแล้วพวกเราก็คงไม่ต่างอะไรหรอก”
“ถ้าคุณรู้แล้ว…”
“คุณอย่าลืมสิว่าผมมาจากไหน?” เทียนพูดขัดจังหวะเขาทันที “ผมเองก็เป็นหนึ่งคนที่มาจากกองขยะตรงนั้น แต่ผมสามารถทําให้ตนเองอยู่เหนือกว่าพวกคนรวยๆทุกๆคนได้ ไม่ว่าผมสั่งอะไรไปพวกเขาก็พร้อมที่จะทําตามเสมอ แม้แต่พวกขุนนางก็ต้องเคารพผม! เรื่องแบบนี้ผมเคยทํามาครั้งนึงแล้วทําไมจะทําอีกสักครั้งไม่ได้!”
ริเชลรู้สึกตกตะลึง
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งประดิษฐ์ของเด็กหนุ่มคนนี้ขึ้นมาทันที เขาเคยเฝ้ามองเด็กหนุ่มคนนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กที่ไร้ค่าที่ทุกๆคนต่างก็ทอดทิ้ง แต่ในวันนี้เด็กหนุ่มที่เขาคิดว่าต่ําต้อยคนนั้นกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาที่เป็นเหมือนก้อนเมฆลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า
เขาจ้องหน้าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าและคิดอยู่นานก่อนจะตอบกลับไปว่า “ผมรู้ว่าคุณเก่งแค่ไหน แต่ความคิดและพฤติกรรมที่เลอะเทอะของคุณทําให้ผมคิดว่าจิตใจของคุณยังอยู่ที่ชุมชนแออัดอยู่เสมอ ผู้คนที่อยู่ในย่านการค้าต่างก็มีสิทธิพิเศษมากมายกว่าพวกเขาซึ่งมีตระกูลขุนนางอีกมากมาย คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าสามารถพาตนเองมาถึงจุดนี้ได้?”
“ที่คุณพูดมาก็ถูก” เทียนตอบกลับไปอย่างสงบนิ่ง “แต่พลังของเด็กที่ไร้ตัวตนคนหนึ่งสามารถทําลายทั้งกองทัพได้คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าผมจะมาถึงจุดนี้ได้?”
เมื่อได้ยินคําพูดของเด็กหนุ่มริเชลก็ตกตะลึงไปทันที จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นมาช้าๆสายตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา? แต่เขาสามารถต่อสู้กับกําแพงชั้นในต่อสู้กับมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆหรอ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ตกตะลึงไปทันทีและนึกถึงวิกฤตที่กําลังจะเกิดขึ้น
“คุณน่าจะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีนะ”
“โชคดีหรอ?” ริเชลขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เทียนพูดต่อไปว่า “ปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่ ผมชอบลงมือทํามากกว่า แต่คืนนี้ผมไม่ได้ฆ่าคุณ หรือไม่ได้บีบบังคับคุณเลยแต่ผมกลับพูดคุยกับคุณไปมากจริงๆ คุณรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร?”
สีหน้าของริเชลเปลี่ยนไปอีกครั้งขณะที่เขาจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้า “เพราะคุณรู้ว่าแม้ว่าคุณจะฆ่าผมคุณก็ไม่มีวันได้รับตําแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปา ผู้อาวุโสในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างหากที่จะเป็นผู้เสนอชื่อของสมเด็จ พระสันตะปาปาคนใหม่ และการจะได้เป็นพระสันตะปาปาป้องมีการตรวจสอบเงื่อนไขมากมาย ผลงานชื่อเสียง การจัดอันดับ เรื่องพวกนี้เราสามารถพูดคุยกันได้ ผมไม่เอาเปรียบคุณหรอก ถ้าคุณปล่อยผมไปคืนนี้ผมสามารถช่วยคุณเรื่องนี้ได้!”
เทียนไม่ได้ปฏิเสธหรือตกลงแต่ตอบกลับไปว่า “มีอีกหรือเปล่า?”
“ผมคิดว่าคุณยังอยากรู้เรื่องราวต่างๆจากปากของผม” ริเชลพูดต่อไปว่า “พวกเรื่องของมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นคุณเลยยังไม่ฆ่าผม”
เทียนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่เลวเลย”
เมื่อริเชลได้ยินแบบนี้เขาก็คิดว่าเทียนปฏิเสธข้อเสนอที่เขาให้ไปงั้นหรอ? ถ้าปฏิเสธนั่นหมายความว่าเทียนไม่ได้เห็นโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สําคัญในสายตาของเขาเลยงั้นหรอ?
เมื่อคิดแบบนี้ในหัวของเขาก็เต็มไปด้วยความคิดมากมายผุดขึ้นมาทันที นี่หมายความว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่เขาไม่รู้จากกเทียน!
“แล้วมืออีกหรือเปล่า?” เทียนพูดต่อ
ริเชลขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีและพูดว่า “หืม?”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเทียนก็ส่ายศีรษะเล็กน้อยและพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะแก่มากแล้วจริงๆ”
ริเชลหน้าซีดทันทีและตอบกลับมาว่า “คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
เทียนยกนิ้วของเขาขึ้นมาทันทีแล้วพูดว่า “จริงๆแล้วเหตุผลมีเพียงข้อเดียว คือผมต้องการให้คุณสวามิภักดิ์กับผม”
“สวามิภักดิ์หรอ?” ริเชลตกตะลึงไปทันทีและต่อจากนั้นเขาก็รีบถามกลับมาว่า “คุณต้องการให้ผมยอมทําตามคําสั่งของคุณ?!”
“ใช่”
ริเชลหัวเราะออกมาทันที “ให้ผมยอมสวามิภักดิ์กับคุณ? คุณเป็นใครกันที่ผมจะต้องยอมสวามิภักดิ์ด้วย?”
“คุณเป็นสุนัขรับใช้ของมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วทําไมจะเป็นสุนัขรับใช้ของผมไม่ได้?” เทียนมองมาที่เขาด้วยสีหน้าปกติราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร
สีหน้าของริเชลดูโกรธขึ้นมาทันทีเขาตอบกลับไปว่า “แม้แต่มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่กล้าพูดกับผมแบบนี้! คุณคิดจริงๆหรอว่าจะฆ่าผมได้ คุณไม่คิดบ้างหรอว่าผมจะปิดบังพลังของตัวเองเอาไว้” เมื่อพูดจบหลังที่งองุ้มของเขาก็ยืดตรงขึ้นมาทันทีเสียงของกระดูกที่ยืดตรงดังออกมาอย่างชัดเจน ตอนนี้เขาไม่ใช่ชายชราที่ดูสุภาพ ในชุดคลุมของสมเด็จพระสันตะปาปาอีกต่อไป แต่เป็นเหมือนอสูรกายที่พร้อมจะสังหารทุกๆคน!
เทียนไม่ได้ดูประหลาดใจเลยด้วยซ้ํา สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งขณะที่เขาพูดออกไปว่า “ผมรู้ดีว่านอกจากพระสันตะปาปาแล้วคุณยังเป็นผู้ส่งสารแห่งพระเจ้าของโบสถ์แห่งความมืดอีกด้วย แล้วผมจะประเมินคุณต่ําไปได้ยังไงกัน? ถ้าผมคิดไว้ไม่ผิดพลังของคุณน่าจะอยู่ในจุดสูงสุดที่มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์จะยอมให้ได้แล้วใช่ไหม? แต่ตอนนี้ผมคิดว่าคุณน่าจะแข็งแกร่งกว่าที่มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์คาดคิดเอาไว้แล้วล่ะ”
ริเชลตกตะลึงและไม่คิดว่าเทียนจะมองเขาออกตั้งแต่แรก เห็นได้ชัดว่าการรับรู้ของเด็กหนุ่มคนนี้นั้นแข็งแกร่งมาก! เขารู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที่นี้หมายความว่าความแข็งแกร่งของเทียนก็คงมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
“ถ้าคุณรู้แบบนี้ วันนี้ผมคงปล่อยคุณไปไม่ได้แล้ว” ริเชลพูดออกมาพร้อมกับพุ่งตัวออกไปทันที
เทียนก็ตอบกลับมาทันทีว่า “เดี๋ยวก่อน”
ริเชลหยุดทันทีแล้วตอบกลับมาว่า “จะร้องขอความเมตตาไง? ไม่สาย…”
“คุณหยุดพูดเถอะ ขอเวลาผมคิดสักครู่” เทียนขัดจังหวะคําพูดของเขาและใช้มือจับเอาไว้ที่คางของตนเอง ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนี้กําลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ “ระดับของคุณน่าจะเทียบได้กับพวกผู้บุกเบิกระดับกลางๆน่าจะสู้ด้วยไม่ได้…” เมื่อพูดออกมาเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
ริเชลคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้อยากจะพูดอะไรออกมา เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มกําลังพูดกับตัวเองเขาก็รู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะท่าทีของเทียนในตอนนี้ดูสงบนิ่งมากๆและเขาไม่เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะซ่อนเร้นพลังอะไรเอาไว้ เขามั่นใจว่าที่นี่ไม่มีใครฆ่าเขาได้แน่นอน นี่คือสิ่งที่เขามั่นใจมากที่สุด พลังของเทียนยังไม่ถึงระดับผู้บุกเบิก เพราะแม้แต่กําแพงชั้นในก็ยังหาคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาได้ยาก
และเขาก็คิดว่าหญิงสาวที่สวมหน้ากากอยู่ข้างๆนั้นก็ไม่ถือเป็นภัยคุกคามสําหรับเขาแน่นอน
ถ้าหากว่าเธอเป็นผู้บุกเบิกที่มาช่วยเหลือเทียนเช่นนั้นเธอควรออกปากพูดด้วยตนเองไม่ควรตามหลังเทียนอยู่แบบนี้ และเมื่อดูจากท่าทีของหญิงสาวคนนี้เขาคิดว่าเธอเป็นแค่คนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ทําไมเทียนถึงจับมือหญิงสาวคนนี้อยู่ตลอด ถ้าไม่ใช่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่พิเศษจริงๆมีหรือที่ผู้บุกเบิกจะยอมใกล้ชิดคนอื่นๆแบบนี้?
เขาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งและจากนั้นเขาก็ขจัดความคิดฟุ้งซ่านพวกนี้ออกไปเพื่อไม่ให้เสียสมาธิ พร้อมกับพุ่งตัวออกไปทันที
ในตอนนี้เขาไม่อยากเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป
กริ้ง!
เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าในมือของเทียนมีกระดิ่งสีทองอยู่อันหนึ่ง
เมื่อเขาเริ่มขยับตัวเทียนก็สั่นกระดิ่งที่อยู่ในมือเบาๆ
ไอช่าได้ยินเสียงกระดิ่งทันที ดวงตาที่ดําสนิทและสงบนิ่งมาตลอดของเธอเปลี่ยนมาเป็นดวงตาที่ดูกระหายเลือดทันที เธอร้องคํารามเสียงต่ําและกระโดดเข้ามาหารเชลในพริบตา