บทที่ 354 สาร
ภายในหอประชุมแสงพิสุทธิ์ ณ แลนซ์ นครศักดิ์สิทธิ์
นอกเหนือจากเบลเลีย ‘พระสิริแห่งพระเจ้า’ สโตน ‘อิศวินสี่ปีก’ และฟีลิเบล ‘เทวทูตโชติช่วง’ ซึ่งมีความสำคัญเกินกว่าที่จะออกจากป้อมปราการโดยลำพัง สมาชิกหลักทั้งหมดของกลุ่มพระคาร์ดินัลหลวงก็ได้รวมตัวกันที่นี่ พลังของทุกคนรวมกันทรงอานุภาพมหาศาลจนกระทั่งมวลอากาศภายในห้องประชุมก็หนักอึ้ง
“ท่านสันตะปาปา สภากำลังรุกคืบเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า เราไม่อาจทำขลาดกลัวและลังเลใจอีกต่อไป” อะซาโร ‘ผู้อภิบาลแสงศักดิ์สิทธิ์’ กล่าวขึ้น เขาเป็นคนแรกที่เริ่มพูดในที่ประชุม และไม่ชัดว่าอะซาโรต้องการประกาศสงครามกับสภาเวทมนตร์
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่สองถือคฑาอยู่ในมือ และนิ่งฟังอะซาโรโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
หลังจากนั้น ซาร์ด พระคาร์ดินัลหลวงแห่งสังฆมณฑลไวโอเล็ต ก็ยืนขึ้นและกล่าวว่า
“ท่านสันตะปาปา การค้นพบอนุภาคใหม่เป็นเพียงการล้มล้างความเข้าใจทฤษฎีอะตอมในชีววิทยาเท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับหลักคำสอนในพระคัมภีร์ แล้วเคยอธิบายเรื่องนี้กันมาก่อนแล้ว และเราเองก็เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับทฤษฎีอะตอมประกอบเหมือนกัน สิ่งที่เรียกว่าการล้มล้างมิอาจส่งผลต่อพระคาร์ดินัล บิชอป บาทหลวง และศาสนิกทั้งหลาย และไม่อาจส่งผลต่อพระกิตติศัพท์และพระสิริของพระผู้เป็นเจ้า”
ซาร์ดนิ่งสงบราวกับเป็นทะเลสาบ ซึ่งน้ำในทะเลสาบดูเหมือนว่าจะใส แต่อันที่จริงแล้วยากที่จะมองให้ทะลุปรุโปร่ง เสียงและน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่รีบร้อนของเขาเป็นเหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
“ที่ท่านซาร์ดว่ามาก็มีเหตุผล ตั้งแต่ที่พระสันตะปาปาหลายองค์ก่อนทรงเริ่มปฏิรูปเทววิทยา เราก็ปรับเปลี่ยนแก้ไขทฤษฎีต่างๆ เสมอมา และครั้งนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องเร่งประกาศสงคราม” แอสทีรา ‘เทวทูตวายุ’
ในสายตาของพระคาร์ดินัลหลวงทั้งหลาย ซาร์ดและแอสทีราเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบาย
เป็นเรื่องจริงที่พระสันตะปาปาองค์ก่อนๆ ได้ริเริ่มการปฏิรูปเทววิทยา ฉะนั้น การล้มล้างทฤษฎีเดิม เช่น การค้นพบอนุภาคใหม่ ก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นทุกๆ สิบหรือยี่สิบปี อย่างไรก็ตาม ความตกต่ำของชื่อเสียงและเกียรติยศในองค์พระสันตะปาปาก็เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงเทววิทยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า! ในฐานะผู้เป็นปากเป็นเสียงของพระผู้เป็นเจ้า พระสันตะปาปาจะปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ได้อย่างไร?
แม้จะรู้ว่าข้ออ้างของซาร์ดและอะทีราไม่ถูกต้อง แต่พระคาร์ดินัลหลวงหลายรูปก็เลือกที่จะก้มหน้าไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ทุกคนที่มีโอกาสได้เข้าร่วมในหอประชุมแสงที่สุด ไม่มีใครโง่เขลาสักคน ความจริงไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอไป
เมื่อความสง่างามของพระสันตะปาปามีข้อด่างพร้อย สมาชิกกลุ่มพระคาร์ดินัลหลวงต้องเป็นผู้ที่ใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ให้มากที่สุด! สถานการณ์เดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับศาสนจักรฝ่ายเหนือ!
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีพระคาร์ดินัลหลวงอีกหลายรูปที่เลือกยืนอยู่ฝั่งเดียวกับพระสันตะปาปา พวกเขาต่างโต้แย้งว่าถึงเวลาแล้วที่ศาสนจักรต้องเปลี่ยนเป้าหมายมาจากศาสนจักรฝ่ายเหนือมายังสภาเวทมนตร์ ศาสนจักรมีข้อผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย ส่งผลให้สภามีโอกาสเจริญก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้
เมื่อมีพระคาร์ดินัลหลวงหลายรูปเข้าสู่การโต้วาทีมากขึ้น พระสันตะปาปาก็ยกคฑาขึ้นและกล่าวด้วยเสียงอันทรงพลัง “ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่เราต้องปฏิบัติในตอนนี้ก็คือการปรับปรุงทฤษฎีเทวนิยมโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันมิให้คณะนักบวชของเราส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ พร้อมๆ กันนั้น เราควรเพิ่มแรงกดดันต่อสภา และเมื่อเราพร้อม เราจะทำลายพวกมัน”
พระสันตะปาปาเลือกแสดงออกด้วยท่าทีที่เป็นกลาง
คำกล่าวของพระสันตะปาปาสร้างความประหลาดใจแก่กลุ่มผู้สนับสนุนพระสันตะปาปาทั้งหลาย ในประวัติศาสตร์ของศาสนจักร แม้จะมีเพียงไม่กี่ครั้งที่มีการประกาศสงครามเพื่อปกป้องพระสิริแห่งพระผู้เป็นเจ้า แต่บ่อยครั้งที่มีการทำสงครามเกิดขึ้นเมื่อพระกิตติศัพท์ของพระสันตะปาปาถูกท้าทาย ซึ่งรวมถึงสงครามระหว่างศาสนจักรฝ่ายใต้กับฝ่ายเหนือตลอดช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา เพราะเขาไม่คิดว่าพระสันตะปาปาจะตัดปัญหาง่ายๆ เช่นนี้
พระสันตะปาปาแสยะยิ้มเล็กๆ เขาชำเลืองมองไปยังซาร์ดและอะทีราอย่างมีความหมาย
“ท่านสันตะปาปา เราไม่อาจนิ่งเฉยและไม่ทำอะไรเลย ก่อนที่เราจะพร้อมรบ หากเป็นเช่นนั้น ผู้เลื่อมใสศรัทธาทั้งหลายย่อมมีข้อกังขาว่าเราไม่ทำอะไรเพื่อปกป้องพระสิริของพระผู้เป็นเจ้า” อะซาโรเสนอแนะ “เราควรจะหาตัวผู้ค้นพบอนุภาคใหม่และใส่ชื่อของมันไว้ในบัญชีกวาดล้าง เราต้องชำระล้างคนผู้นั้น”
เบเนดิกต์ที่สองพยักหน้าเบาๆ “ฟีลิเบลจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้”
ซาร์ดรู้ดีว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในตาของพระสันตะปาปา เขาจึงขึ้นอีกครั้งและกล่าวออกมา “ท่านสันตะปาปา เราควรจับตามองคณะนักบวชในโฮล์มอย่างใกล้ชิด การมีนักบวชสายอนุรักษ์นิยมสุดโต่งเช่นอันดราเดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่นั่นแสดงถึงแนวโน้มความเป็นไปในโฮล์ม เราต้องแก้ปัญหานี้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง”
“ให้วารันไทน์กับวาฮารัลล์จัดการเรื่องนี้ พวกเขาเป็นสมาชิกของคณะคาร์ดินัลหลวง พวกเขาเป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าและความสามารถสูง” เบเนดิกต์ที่สองกล่าวด้วยท่าทีสุขุม ราวกับว่าเขาไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวใดๆ ไม่ว่าจะความกังวล มีความโกรธแค้น
วารันไทน์เป็นหัวหน้าของคณะนักพรตและเป็นตัวแทนของผู้มีศรัทธาอันแรงกล้าในพระผู้เป็นเจ้า ขณะที่วาฮารัลล์ ‘ตุลาการ’ ก็เป็นหนึ่งในคณะไต่สวน ทั้งสองเหมาะสมที่สุดที่จะรับผิดชอบปัญหานี้
…
ณ คริสตจักรแห่งอาภา ราชอาณาจักรโฮล์ม
ฟีลิเบลเพิ่งได้รับคำสั่งส่งตรงมาจากนครแลนซ์ และทฤษฎีเทววิทยาฉบับปรับปรุง
“เราได้ลบบทความที่พูดถึงความศักดิ์สิทธิ์เชิงชีววิทยาของอะตอม และเพิ่มส่วนที่ระบุว่าพระเจ้าสร้างอนุภาคพื้นฐานหลากหลายชนิดในการสร้างโลก ประเด็นสำคัญของเราก็คือพระเจ้าคือเหตุผลสำคัญแรกที่สำคัญที่สุดสุดต่อการมีอยู่ของโลก และเป็นแรงขับแรกที่สำคัญที่สุดที่ช่วยให้โลกพัฒนา ที่เรียกว่า ‘สาเหตุแรก’ หลังจากการสร้างโลก มนุษย์ และสรรพสิ่งทุกชนิดบนโลกแล้ว พระเจ้าทรงไม่ยุ่งเกี่ยวกับความเป็นไปของโลกโดยตรงอีกต่อไป แต่พระองค์เพียงแค่ควบคุมให้โลกเดินอยู่บนวิถีที่ถูกต้อง ด้วยการแสดงให้เราเห็นถึงสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์และคำวินิจฉัยจากพระผู้เป็นเจ้า” ฟีลิเบลอ่านข้อความในสารต่อหน้าวาฮารัลล์ วารันไทน์ และสโตน สมาชิกสำคัญทั้งสามคนในคณะพระคาร์ดินัลหลวง
สีหน้าผิดหวังปรากฏอยู่บนหน้าของวารันไทน์ “พระอำนาจของพระเจ้า… ตกต่ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
เมื่อเผชิญแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากสภา ศาสนจักรก็เตรียมพร้อมรับมือเสมอเมื่อเกิดการรับรู้ทฤษฎีใหม่ๆ ขึ้นต่อพวกเขา ด้วยการประชุมและการอภิปรายเรื่องเทววิทยาทั้งหลายที่ผ่านมา ศาสนจักรสามารถคิดหาคำอธิบายใหม่ๆ มารองรับความเชื่อเดิมได้เสมอ เพื่อป้องกันให้ผลกระทบเกิดขึ้นน้อยที่สุด
เนื่องจากคำอธิบายดั้งเดิมของทฤษฎีที่ถูกล้มล้างส่วนใหญ่ล้วนมาจากพระคาร์ดินัลและบิชอป จึงไม่ใช่เรื่องยากที่คณะนักบวชส่วนใหญ่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงทฤษฎี ขณะเดียวกัน สถานะความศักดิ์สิทธิ์ของพระสันตะปาปาก็ยังคงอยู่ เนื่องจากพระสันตะปาปาไม่ใช่เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง
พระคาร์ดินัลหลวงทั้งสามรูปได้เข้าร่วมการประชุมหลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และเนื้อหาฉบับปรับปรุงก็ไม่ทำให้พวกเขาประหลาดใจ วารันไทน์คัดค้านการแก้ไขเนื้อหาในพระคัมภีร์อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านี้
ทฤษฎีฉบับปรับปรุงเชื่อว่ามีกฎแห่งความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ และเหตุผลประการแรกที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘พระเจ้า’ ซึ่งเรียกว่า ‘สาเหตุแรก’ ขณะเดียวกัน เมื่อมีการสร้างกฎของโลกนี้ทั้งหมดขึ้นมา นั่นควรเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องต้นที่ผลักดันโลกใบนี้ และเช่นกัน พระเจ้าส่งมอบแรงผลักดันให้กับโลกด้วยพระเมตตาจิต
สโตน ‘อัศวินสี่ปีก’ ก็รู้สึกเสียใจไม่เบา “เราก็คงนั่งอยู่ที่นี่เฝ้ารอโอกาสที่คงไม่มีอย่างนั้นสินะ? เราจะไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ? ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่สภาท้าทายต่อพระสิริของพระผู้เป็นเจ้า… นี่เราเป็นผู้พิทักษ์พระเจ้าแบบไหนกัน?”
แม้พวกเขาจะเชื่อว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมหัวรุนแรงในศาสนจักรควรเป็นผู้รับผิดชอบต่อความสูญเสียครั้งใหญ่นี้ แต่พระคาร์ดินัลหลวงทั้งสามก็ถือว่าการค้นพบอนุภาคใหม่เป็นการยั่วยุจากสภาเวทมนตร์
มีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนหน้าของฟีลิเบล “ครั้งนี้ ความเสียหายของเราเป็นผลจากการรั่วไหลของข้อมูล ซึ่งแสดงว่าในทางกลับกันสภาเวทมนตร์ก็ยังไม่ได้เตรียมพร้อมเช่นกัน พวกมันก็ตั้งหน้าตั้งตาชักนำคนของตัวเอง ฉะนั้น ขณะที่เราเสียหายหนักและได้ชดใช้ไปแล้วนั้น ทำไมเราไม่เผยแพร่การค้นพบอนุภาคใหม่นี้เสียเลย พวกนักเวทชั้นกลางและอาวุโสพวกนั้นยึดถือในทฤษฎีอะตอมหนักแน่นกว่าเรามากเสียอีก”
สำหรับบาทหลวงและบาทหลวงฝึกหัด พวกเขายังคงศึกษาถึงวิวัฒนาการของชีววิทยา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
“ข้าเห็นด้วย เราจะแพ้อีกไม่ได้” วาฮารัลล์พยักหน้า “เราสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ตอบโต้ไปยังสภาเวทมนตร์”
เรื่องเดียวที่ดูประหลาดและไร้สาระมากที่สุดก็คือ บิชอปและบาดหลวงจะเป็นผู้เผยแพร่ทฤษฎีอาร์คานาศาสตร์ใหม่ๆ ให้กลับจอมเวทและนักเวททั้งหลาย
“เราจะเริ่มจากเรนทาโต ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่เจตจำนงแห่งธาตุ” วารันไทน์เสนอ “นักเวทจากเจตจำนงแห่งธาตุจำนวนมากเชื่อในทฤษฎีอะตอม”
สโตนออกเสียงสนับสนุน “เป็นแผนที่ดี แต่เรายังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ค้นพบอนุภาคใหม่นี้ เราต้องชำระล้างบุคคลผู้นั้น!”
…
ณ มุมที่เงียบสงบมุมหนึ่งใกล้กับหอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์ม บาทหลวงรูปหนึ่ง กำลังนำเสนอทฤษฎีเทววิทยาทฤษฎีใหม่ให้กับสารถีรถม้าด้วยเสียงอันดัง พร้อมกันนั้นก็ชำเลืองมองไปยังประตูของหอคอยเวทมนตร์ที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาเป็นระยะๆ “พระเจ้าทรงสร้างอนุภาคต่างๆ รวมถึงอะตอมขึ้นมาเป็นประการแรก และมีอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมเสียอีก พระเจ้าใช้อนุภาคทั้งหมดนี้สร้างโลก…”
สารถีรถม้ารู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจคำพูดที่ได้ฟังดีนัก เขาทำได้เพียงพูดย้ำๆ “พระเจ้าทรงศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ พระเจ้าทรงสร้างโลก”
หลังจากผ่านไปนาน ก็ไม่มีนักเวทสักคนออกมาดูหรือแม้กระทั่งเดินผ่านมา บาทหลวงหนุ่มผู้นั้นรู้สึกสับสนเล็กน้อย “ทำไมหอคอยดูเงียบขนาดนี้?”
“ท่านบาทหลวง ข้าได้ยินมาว่าเหล่านักเวทในหอคอยกำลังมีการฝึกวิชา… ลับ… บางอย่าง” สารถีรถม้ายิ้มกว้าง “แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่”
….
ณ คริสตจักรแห่งอาภา ไม่นาน รายงานความล้มเหลวของแผนการก็ส่งมาถึง
“สภาเตรียมตัวรับมือเป็นอย่างดี” ฟีลิเบลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แผนการของอันดราเดไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ”
วาฮารัลล์รับผิดชอบคดีนี้และเขาก็นำเสนอความคิดว่า “อันดราเดเป็นพวกอนุรักษ์นิยมหัวรุนแรงก็จริง แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ข่าวกรองถูกส่งไปยังห้องพักตอนที่อันดราเดเข้ากะพอดี มีความเป็นไปได้สองประการ ถ้าไม่มีสายลับระดับสูงหักหลังเรา ก็มีสายลับที่ถูกข้าจับได้ และอาศัยจุดนี้เป็นอาวุธเล่นงานเรา นอกจากนี้ วิธีคิดของอันดราเดนั้นสุดโต่งเกินไป ข้าคิดว่าเขาคงถูกเล่นงานด้วยภาพมายาบางอย่าง ภาพตัวอย่างเป็นเวทมนตร์ที่แยกแยะได้ยากที่สุด…”
ห้องทำงานเงียบลงโดยพลัน พวกเขาไม่อยากรับรู้ความจริงที่ว่าสายลับระดับสูงที่พวกเขาทุ่มเททำงานด้วยถูกเปิดโปงแล้ว
หลายต่อหลายครั้ง พวกเขาต้องยกเลิกการใช้งานสายลับระดับสูงคนนี้เพื่อปกป้องเขา!
พระคาร์ดินัลหลวงต่างรู้สึกผิดหวัง
ทันใดนั้นเอง ฟีลิเบลก็นึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เขารีบหยิบจดหมายข่าวกรองต้นฉบับออกมาและเริ่มถอดรหัสด้วยรหัสลับที่พวกเขาตกลงกันไว้มายาวนานก่อนหน้านี้
ภายในหนึ่งนาที ฟีลิเบลก็พบข้อความสั้นๆ จากสายลับระดับสูงคนนั้น
“ชนะใจ”