บทที่ 416 การค้นหาที่เกือบทำคนเป็นบ้า
หลังจากมาถึงเนินเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งใกล้กับนครอัลลินผ่านทางการกระโดดทะลุมิติ ลูเซียนก็รีบหยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา และร่ายเวท ‘เวทผูกดวงโหราศาสตร์’ ภายใต้แสงสลัวของท้องฟ้ายามเช้า
ลูกแก้วคริสตัลมืดลง ภายในลูกแก้วเต็มไปด้วยดวงดาวเป็นประกายจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อเขาเห็นดาวหลักเทวลิขิตของนาตาชายังคงเป็นประกายสดใส ลูเซียนก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ
ลูเซียนรู้สึกผ่อนคลายในที่สุด เขามองไปทางทิศตะวันออกได้เห็นดวงตะวันสีส้มกำลังโผล่ขึ้นมา ฉายแสงสว่างไปทั่วท้องฟ้า
แล้วความคิดก็พลันผุดขึ้นมาในหัวของลูเซียน โลกวัตถุหลักก็เป็นทรงกลม เนื่องจากมีความแตกต่างของเวลาระหว่าง ‘เทือกเขาแห่งความมืด’ กับ ‘นครอัลลิน’ แล้วก็ยังมีเส้นขอบฟ้า
หลังจากใช้คัมภีร์ครั้งล่าสุด ลูเซียนได้ยืนยันกับเจ้าแห่งวายุว่าการกระโดดทะลุมิติจะใช้เวลาเพียงประมาณครึ่งชั่วโมง จากตำแหน่งต่างๆ ของพระจันทร์สีเงินที่ลูเซียนเห็นในเทือกเขาแห่งความมืดและในอัลลิน จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะสังเกตความแตกต่างของช่วงเวลา
เนื่องจากเรื่องนี้สมเหตุสมผลมาก จอมเวทไม่เคยตั้งคำถามถึงทฤษฎีจักรวาลวิทยาที่พัฒนาโดยดักลาส
ลูเซียนก็สงสัยว่าทำไมแม้จะมีทฤษฎีต่างๆ จอมเวทไม่สามารถเห็นโลกทั้งใบหรือหาดาวเคราะห์ดวงอื่นเจอ เมื่อสามารถบินขึ้นไปบนอวกาศ
เขาส่ายศีรษะ รู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาพิจารณาคำถามนี้ซึ่งเป็นปัญหาหนักอกของสภาเวทมนตร์มานานหลายปี ลูเซียนลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าและบินมุ่งหน้าไปยังนครอัลลิน
เมื่อร่อนลงที่เขตชานเมืองอัลลิน ลูเซียนก็ไม่ยอมเสียเวลามุ่งหน้ากลับบ้านก่อน แต่โดยเขาร่ายเวท ‘ความเร็ว’ ใส่ตัวเองและรีบรุดไปยังหอเวทมนตร์ของสภาเวทมนตร์โดยเร็วที่สุดเท่าที่เร็วได้
เขาพุ่งออกจากลิฟท์และมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของอาจารย์ จนในที่สุด ลูเซียนก็ได้พบกับเฟอร์นันโด เฟอร์นันโดอยู่ในชุดเสื้อคลุมเวทมนตร์สีแดงตัวเดิมและถือหนังสือเวทมนตร์อยู่ในมือ เขากำลังสอนพิเศษให้กับอัลเฟอร์ริส ซึ่งกำลังถือปากกาขนนกขนาดใหญ่และหนา และกำลังพิจารณาคำถามเวทมนตร์ยากๆ
อัลเฟอร์ริสลดขนาดตัวลงมาให้เท่ากับขนาดของโต๊ะ ตอนนี้ มันกำลังตั้งใจฟังเฟอร์นันโดอย่างใจจดใจจ่อ จนความตั้งใจของมันทำให้รู้สึกประหลาดใจ
“มาแล้วหรือ… เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนฟ้าสางเกี่ยวกับเจ้าหรือไม่?”
เฟอร์นันโดได้รับรู้ว่าลูเซียนกลับมาถึง ทันทีที่ลูกศิษย์คนนี้ของเขาเข้ามาในหอคอยเวทมนตร์ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ดวงจันทร์สีแดงฉานปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า แล้วหลังจากนั้นลูเซียนก็กลับมาถึงสภาเวทมนตร์ ชัดเจนว่าต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกัน
ลูเซียนพยักหน้า “ข้าอัญเชิญพระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน ‘อัลเทอร์นา’ เพื่อช่วยสหายคนหนึ่งออกจากกับดัก แต่สิ่งที่ข้าไม่คาดคิดก็คือเจ้าชายแวมไพร์แดรกคูลาก็ปรากฏตัวขึ้นมา ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าลงเอยอย่างไร”
ลูเซียนค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่เขาก็ยังไม่เอ่ยถึง ‘โลกแห่งวิญญาณ’
จากเรื่องราวของลูเซียน ดูเหมือนว่ามีแวมไพร์รุ่นแรกตนหนึ่ง ซึ่งถูกวางกับดักโดยเจ้าชายแวมไพร์ แล้วลูเซียนก็ได้รับภารกิจให้ทลายกับดักออกด้วยการอัญเชิญ ‘พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’ แล้วเรื่องราวเบื้องหลังแดรกคูลาก็ถูกฉายออกมา และทำให้เรื่องทั้งหมดไม่รู้จะไปในทิศทางไหน
อันที่จริงแล้ว ลูเซียนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ กันแน่ เขามีเพียงข้อสันนิษฐานคร่าวๆ ตามสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับโลกแห่งวิญญาณ
แน่นอน ลูเซียนค่อนข้างเสี่ยง หากไม่มีเหตุการณ์เหลือเชื่อเช่นนี้เกิดขึ้น หากอวกาศไม่ได้ถูกบิดด้วยพลังของดวงจันทร์สีเลือด และหากลูเซียนไม่ได้ใช้คัมภีร์ ‘กระโดดข้ามอวกาศ’ ซึ่งเชื่อมต่อกับมิติพิเศษของเฟอร์นันโด และช่วยให้เฟอร์นันโดสามารถอนุมานเอาได้ว่าลูเซียนเข้าไปยังเทือกเขาแห่งความมืด ลูเซียนอาจไม่ต้องเหนื่อยกับการหาข้ออ้างต่างๆ นานา เนื่องจากเฟอร์นันโดอาจเห็นเรื่องราวที่ต่างไปด้วยตัวเขาเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ลูเซียนนั้นเกิดมาพร้อมกับความอัจฉริยะทางด้าน ‘การเก็บซ่อนความลับ’
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ลูเซียนเชื่อว่าอาจารย์ของเขาค่อนข้างไว้ใจได้ แม้หากเฟอร์นันโดค้นพบความลับเกี่ยวกับโลกแห่งวิญญาณ ลูเซียนก็น่าจะยังคงปลอดภัย
เมื่อเป็นเรื่องที่จริงจัง เฟอร์นันโดมักจะแสดงออกถึงความฉุนเฉียวแต่ก็เอาจริงเอาจัง เขาเคาะโต๊ะเบาๆ ก่อนจะพูดว่า
“แวมไพร์ผู้สังเกตการณ์ใช่ไหมติดกับดักอยู่? เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถอัญเชิญพระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน จริงๆ แล้ว ก็ถือเป็นโอกาสดีของเจ้า เมื่ออัลเทอร์นาเสด็จลงมา เจ้าก็จะได้รับอิทธิพลจากอัลเทอร์นามาด้วยชั่วคราว และได้เห็นโลกจากมุมมองของ ‘พระองค์’ เป็นมุมมองที่มีแต่ ‘พระองค์’ เท่านั้นที่ให้เจ้าได้ อัลเทอร์นาทรงประทับอยู่ใกล้เคียงกับสัจธรรมของโลกนี้ที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในการวิจัยของจอมเวททุกคน เจ้าอาจยังไม่รู้สึกถึงมันในตอนนี้ แต่เจ้าจะเข้าใจคุณค่าของเรื่องนี้เมื่อเจ้าก้าวสู่โลกแห่งระดับตำนานในสักวันหนึ่ง”
เมื่อเปรียบเทียบกับคำถามทำนองว่ามีพลังอะไรที่อยู่เบื้องหลังแดรกคูลา ของแข็งสีดำ สีขาว และสีเทาคืออะไร หรือมิติที่ล้มสลายอื่นๆ อยู่ที่ไหน คำถามที่เฟอร์นันโดเป็นห่วงยิ่งกว่าก็คือสิ่งที่ลูเซียนเห็นเมื่อพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินเสด็จลงมา
ลูเซียนไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องนี้ เนื่องจากเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาเห็นอะไร “ข้ารู้สึกเหมือนข้าอยู่กลางอากาศ แล้วมองลงมาเห็นทุกอย่าง มี… สิ่งที่ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร มี… ความเป็นไปได้… ว่านั่นคือโลก”
สิ่งที่เขาเห็นเกินไปกว่าสิ่งที่เขาบรรยาย
“กลางอากาศ มองลงมา… ความเป็นไปได้…” เฟอร์นันโดขมวดคิ้วเล็กน้อย “ว่ากันว่าเมื่อใครก็ตามเข้าถึงสัจธรรมของโลก หรือจะเรียกว่า พระเจ้าก็ตาม คนๆ นั้นจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ ในทางที่ดี คนๆ นั้นจะสามารถเห็นร่องรอยชะตาชีวิตจากมุมมองอื่น แต่ไม่เหมือนที่เจ้าพูด… ไม่เลยสักนิด แต่ว่า ลูเซียน มันเป็นของเจ้า เมื่อเจ้าขึ้นชั้นเป็นระดับตำนานและได้เจอกับอะไรบางอย่างคล้ายๆ กันในสักวัน ภาพที่ขุ่นมัวย่อมมีความหมายเฉพาะมากยิ่งขึ้น”
เห็นได้ชัดว่าเฟอร์นันโดไม่พบว่ามีอะไรที่มีคุณค่าน่าสนใจจริงๆ
ก่อนที่ลูเซียนจะตอบ เฟอร์นันโดก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย “พูดถึงเรื่องนี้ ข้าต้องขอบคุณเจ้า การเข้าแทรกของเจ้าทำให้พระเจ้าแห่งจันทราสีเงินและสิ่งมีชีวิตปริศนาบาดเจ็บและอ่อนแอ หากเราสามารถค้นพบมิติที่สิ่งมีชีวิตพวกนี้ตกลงสู่ ก่อนที่จะตื่นขึ้นมา มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะสามารถเก็บวัตถุดิบสำคัญๆ นำมาใช้ในงานวิจัยของเรา เจ้าคงไม่ใช่ดวงดาวนำโชคของสภาใช่ไหม!”
ไม่ผิดเลย จอมเวทระดับสูงทุกคนจะบ้าคลั่งขึ้นมาเมื่อเป็นเรื่องที่ต้องทำวิจัย และมหาจอมเวทก็เป็นตัวแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ลูเซียนตระหนักดีว่าวิสัยทัศน์ของเขายังห่างจากอาจารย์ของเขามากนัก เนื่องจากเขาไม่มีความคิดจากมุมมองนี้
“แล้วนานแค่ไหนขอรับเราถึงจะสามารถระบุตำแหน่งมิติได้?” ลูเซียนถาม เขาเองก็เกิดความกระหายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ประมาณสามถึงสิบปี เราจะใช้โหราศาสตร์ ด้วยเงื่อนไขที่ว่าเรารู้จักสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นแน่นอนและมีภาพความทรงจำหลังๆ นำทาง” เฟอร์นันโดตอบ
“สภาจะพยายามเต็มที่ นอกจากเราแล้ว ศาสนจักรฝ่ายใต้ ศาสนจักรฝ่ายเหนือ และสภาแห่งความมืดก็อาจเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับความลับที่อยู่เหนือเกินกว่าระดับตำนาน พวกนั่นอาจบ้ากันไปหมด ใครก็ตามที่เจอก่อน ก็ตักตวงผลประโยชน์ได้ดีที่สุด”
หลังจากอธิบายให้ลูเซียนฟังคร่าวๆ เฟอร์นันโดก็พูดขึ้น “ตอนนี้ อย่าเพิ่งไปวุ่นวายอะไรมากอีก โหราศาสตร์ของเจ้ายังห่างไกลจากการเข้าถึงความจริงได้ เมื่อมีการพบมิตินั้น ข้าจะขอให้สภาสูงสุดทำการสำรวจ ถ้าเจ้าและลูกศิษย์คนอื่นๆ อยากจะไป พวกเจ้าสามารถไปกับข้าได้”
ตรงไปตรงมา นี่แหละคือแบบฉบับของเฟอร์นันโด
“ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่? รีบร้อนอย่างนี้…” เฟอร์นันโดถามหลังจากอธิบายเสร็จ
ลูเซียนนึกขึ้นได้ถึงวัตถุประสงค์ของเขา เขายิ้มอย่างประจบสอพลอ ลูเซียนก็พูดว่า “อาจารย์ขอรับ ข้าอยากรู้ว่าข้าขอใช้มติพิเศษของท่านไปที่ราชรัฐไวโอเล็ตได้ไหมขอรับ”
“แต่เจ้าเพิ่งกลับมา” เฟอร์นันโดรู้สึกสับสนเล็กน้อย ซึ่งน้อยครั้งมากที่เขาจะรู้สึกเช่นนี้
ลูเซียนก็รีบอธิบาย “ข้ามีสหายคนหนึ่งที่ช่วยดึงความสนใจของเจ้าชายแดรกคูลา แม้ว่าเวทผูกดวงโหราศาสตร์จะบอกว่านางปลอดภัยดี ข้าคิดว่า… คงดีกว่าถ้าเราได้คุยกันซึ่งๆ หน้า พลังคำสาปและฝันร้ายของเจ้าชายแดรกคูลาก็เป็นที่รู้จักดี”
“นาง? เด็กสาวตัวน้อยจากตระกูลแฮททาเวย์หรือเปล่า?” เฟอร์นันโดพยักหน้าเบาๆ เขารู้ว่าลูเซียนและนาตาชาเป็นสหายที่ดีต่อกัน “เจ้าต้องการให้ข้าพาเจ้ากลับไป?”
“ใช่ขอรับอาจารย์” จู่ๆ ลูเซียนก็รู้สึกว่าเฟอร์นันโดเป็นเหมือนผู้ปกครองของเขาและก็น่าขันไม่น้อย
เมื่อเฟอร์นันโดลุกขึ้นและกำลังจะพาลูเซียนเข้าไปยังมิติพิเศษ ลูเซียนก็สังเกตว่าอัลเฟอร์ริสยังคงจะจดใจจ่อกับการเรียนของมัน ไม่มีเวลาแม้แต่จะเอ่ยคำทักทายใดๆ ด้วยความสงสัย ลูเซียนจึงถามออกไป “ไง เจ้ากำลังศึกษาเรื่องอะไร อัลเฟอร์ริส?”
“การเล่นแร่แปรธาตุ การสร้างโกเลม” อัลเฟอร์ริสตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
“เพื่ออะไร? เจ้าอยากได้โกเลม?” ลูเซียนรู้สึกแปลกเข้าไปใหญ่ เนื่องจากอัลเฟอร์ริสชอบทำลายโกเลมออกเป็นชิ้นๆ อยู่เสมอ
อัลเฟอร์ริสตอบด้วยแกล้งว่านั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ “สภาต้องการให้นักเวทระดับอาวุโสพัฒนารูปแบบโกเลมใหม่ๆ นักเวทระดับเจ็ดเช่นข้าสามารถได้รับวัตถุมีค่าเปล่าๆ จากสภาเวทมนตร์สองครั้ง ตราบใดที่โกเลมของข้าพัฒนาทักษะถึงระดับหนึ่ง”
เมื่อเอ่ยถึงวัตถุมีค่าที่จะได้มาเปล่าๆ ดวงตาสีอำพันของมันก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
และไม่ต้องสงสัย… นี่คือแบบฉบับของมังกรคริสตัลน้อยตัวนี้
“ว่าแต่ เจ้านาย ข้าเพิ่งได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับผู้กล้าและมังกร” อัลเฟอร์ริสทำท่าเหมือนพยายามนึกอะไรบางอย่าง เงยหน้าขึ้นมามองลูเซียนและยิ้มออกมา
“แล้ว… เจ้าหมายถึงอะไร… เจ้าต้องการชนะผู้กล้าอย่างนั้นหรือ?” ลูเซียนเริ่มอยากรู้ขึ้นมา
“ไม่ ไม่ ไม่… เจ้านาย ข้าหมายถึง ข้ามีแผน ข้าสามารถเล่นบทมังกรวายร้าย เราลักพาตัวเจ้าหญิงและข้าก็เรียกร้องเอาทรัพย์สมบัติ แล้วท่านจะเป็นผู้กล้ามาปราบข้าและได้รับสมบัติมากมาย แล้วเราก็แบ่งกันคนละครึ่ง…” ก่อนที่อัลเฟอร์ริสจะเล่าแผนของเขาให้จบ มันก็กลับไปยังหนังสือของตัวเองจากการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวของเฟอร์นันโด
…
หลังจากกระโดดข้ามอวกาศเพียงไม่กี่นาที ลูเซียนก็ถูกพาไปยังไม่มิติพิเศษของเฟอร์นันโด ในที่สุดเขาก็ได้เห็นที่นี่อย่างเต็มตา เป็นอวกาศที่เต็มไปด้วยสายฟ้าและฟ้าร้อง หอคอยเวทมนตร์สีดำของเฟอร์นันโดเป็นเหมือนกับสายล่อฟ้าสีดำขนาดใหญ่ เหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าลงมายังพื้นดินด้วยลำแสงสีขาว-เงินสว่างไสว
แล้วเฟอร์นันโดก็ถามขึ้น “ตอนนี้ เคานต์เนตรเงินปลอดภัยดีหรือยัง?
“…?”
เพราะมัวแต่หนีเอาชีวิตรอด หาข้ออ้าง และเป็นห่วงนาตาชา ลูเซียนก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเขายังไม่รู้เลยว่าไรน์ออกมาจากกับดักในโลกแห่งวิญญาณได้หรือไม่
เมื่อเห็นสีหน้าที่สับสนของลูเซียน เฟอร์นันโดก็แกล้งหยอกเขา
“อืม… ชัดเลย เจ้ารีบมากจนจำไม่ได้ แม้กระทั่งเจ้าทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไร”
แต่ในความคิดของเฟอร์นันโด เขาเข้าใจลูเซียนเป็นอย่างดี ชายหนุ่มผู้นี้เพิ่งผ่านภารกิจท้าทายอันยิ่งใหญ่มามากมาย เฟอร์นันโดยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ จากมิติพิเศษของเขา เฟอร์นันโดพาลูเซียนผ่านการกระโดดข้ามอวกาศอีกครั้ง
จนในที่สุด ทั้งสองก็มาถึงป่าดำเมลเซอร์นอกนครอัลโต้