บทที่ 417 มีทั้งดี มีทั้งเลว
เมื่อปรับแว่นตาข้างเดียวซึ่งประดับด้วยโซ่เงินอย่างดีบนจมูก ลูเซียนก็พร้อมที่จะเรียกใช้เวท ‘สารแม่เหล็กไฟฟ้าเฟอร์นันโด’ อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเอง ลูเซียนก็ได้รับสัญญาณเรียกเข้า
หลังจากมีคลื่นรบกวนด้วยเสียงกระแสไฟฟ้า ลูเซียนก็ได้ยินเสียงของนาตาชา เป็นเสียงที่ทั้งแสดงถึงความกังวลและโล่งอก
“ลูเซียน?”
เห็นได้ชัดว่า การกลับมาสื่อสารหากันได้ทำให้สตรีสาวผู้นี้โล่งอกไปมาก
“หม่อมฉันเอง กำลังจะติดต่อหาพระองค์อยู่พอดี” ลูเซียนไม่อาจหยุดรอยยิ้มบนใบหน้า เนื่องจากการติดต่อของนาตาชาเกิดขึ้นทันทีที่เขามาถึงนครอัลโต้ จึงเป็นเหตุผลให้เขาสันนิษฐานได้ว่านาตาชาพยายามติดต่อเขาตลอดเวลา อย่างน้อยก็ในช่วงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
ไม่เหมือนกับลูเซียนที่เชี่ยวชาญความรู้ด้านการผูกดวงโหราศาสตร์ นาตาชาไม่อาจบอกได้ว่าสหายของนางปลอดภัยดีหรือไม่ผ่านการทำนาย อุบัติเหตุมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างแผนของทั้งคู่ยิ่งทำให้นาตาชาเป็นกังวลอย่างยิ่ง
“ข่าวดี” นาตาชาพูดด้วยความโล่งอก “ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า เพราะแดรกคูลากลับมาเร็วกว่าที่เราคาดไว้ เขาไม่ได้หลงกลกับเหยื่อในเทือกเขา แต่ดูเหมือนเจ้าทำสำเร็จ ใช่ไหม? ทั้งหมดเป็นพระเจ้า? ข้าหมายถึงพระจันทร์สีเลือด”
ความเชื่อมโยงของสำนักกับพระจันทร์สีเลือดชัดเจนเกินกว่าจะเพิกเฉย
ลูเซียนเองก็รู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของนาตาชา เห็นได้ชัดว่ามีความเชื่อมโยงพิเศษที่เจ้าชายแดรกคูลามีอยู่กับแวมไพร์รุ่นแรกที่ช่วยให้เขาค้นพบว่านั่นเป็นหลุมพราง เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่เข้าใกล้นาตาชา ถ้าเป็นในกรณีนี้ ลูเซียนก็ไม่ต้องกังวลว่านาตาชาถูกคำสาปเล่นงานอีกต่อไป
“หม่อมฉันอัญเชิญพระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน แต่หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมพระจันทร์ถึงกลายเป็นสีเลือด จนถึงตอนนี้ หม่อมฉันก็ยังบอกไม่ได้ว่าภารกิจสำเร็จหรือไม่ เนื่องจากยังไม่ได้ยินข่าวคราวจากอีกฝั่งนึงเลย” ลูเซียนไม่อาจสารภาพกับเจ้าหญิงว่าที่เขาเร่งรีบขนาดนี้ก็เพื่อมายืนยันความปลอดภัยของนาง จนกระทั่งยังไม่มีเวลาที่จะติดต่อกับไรน์
“อย่างไรก็ตาม” ลูเซียนหยุดพูดแต่ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเองบนใบหน้า “ต้องขอบพระทัยที่ช่วยเหลือจริงๆ พะยะค่ะ ไม่มีทางที่กระหม่อมจะทำสำเร็จได้หากไม่มีพระองค์ แดรกคูลาสามารถฆ่าหม่อมฉันได้เหมือนขยี้แมลงตัวเล็กๆ… หม่อมฉันดีใจที่พระองค์ไม่มีปัญหาเพราะหม่อมฉัน….”
“แน่นอน ข้าไว้ใจได้เสมอ” นาตาชาพูดตัดบทลูเซียนด้วยน้ำเสียงแห่งชัยชนะ “เจ้าอยู่ที่ไหน? ข้าจะคืนหน้ากากให้เจ้า”
ลูเซียนซึ่งคุ้นเคยกับนิสัยของนาตาชาดี ก็รีบบอกตำแหน่งของเขาให้เจ้าหญิงรู้
ไม่ทันถึงสิบนาที ลูเซียนก็เห็นนาตาชาในชุดเกราะสีขาวขุ่นเต็มรูปแบบ ปิดตามาด้วยคามิล และเหมือนปกติ นางช่างมีเสน่ห์ชวนมอง
“น่าเสียดายที่หน้ากากไม่สามารถเปลี่ยนผู้ชายเป็นผู้หญิง” นาตาชาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจเมื่อส่งหน้ากากคืนให้กับลูเซียน ขณะจ้องหน้าเขา
ลูเซียนพูดอะไรไม่ออก เขาทำได้เพียงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งมีดวงจันทร์สีเงินลอยเด่นอยู่ ตอนที่เขารับหน้ากากกลับมา
นาตาชาพูดติดตลกออกไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าลูเซียนไม่พร้อมที่จะคุย นางก็หัวเราะออกมาแล้วก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง “ข้ารู้มาว่าแดรกคูลาเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้คำสาปและฝันร้าย เจ้าน่าจะให้อาจารย์ของเจ้าหรือแฮททาเวย์ตรวจสอบเจ้าทันทีที่กลับไปถึง อืม… ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะไปหา ‘เนตรแห่งคำสาป’ เขาเป็นผู้ทรงภูมิในกรณีแบบนี้”
“ไม่ต้องห่วง หม่อมฉันมีเกราะป้องกันตลอดเวลา ก่อนที่แดรกคูลาจะทะลวงเกราะเข้ามาได้ พระเจ้าแห่งจันทราสีเงินก็ถูกอัญเชิญมาและขับไล่เขาไป หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเลยพะยะค่ะ” ลูเซียนยิ้มกว้างอีกครั้ง รู้สึกถึงความหวานและความอบอุ่นในหัวใจ
“ดีเลย” นาตาชาพยักหน้าเบาๆ แล้วก็มองขึ้นบนไปท้องฟ้า “ตอนที่เจ้าอัญเชิญอัลเทอร์นา มีของแข็งสี… ดำ ขาว และเทา เหมือนตอนที่เจ้าเจอที่ทะเลสาบเอลซินอร์เลยใช่ไหม? มันเป็นอีกมิติ… ข้าสงสัยว่าท่านไรน์กับคาร์ดินัลหลวงซาร์ดต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับมัน…”
นางไม่ได้ซักไซ้ความลับของลูเซียน แต่เพียงตั้งคำถามไว้โดยไม่ต้องการคำตอบ ขณะเดียวกัน นางก็พยายามเตือนลูเซียนว่าสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอื่นๆ ซึ่งเคยประสบกับการล่มสลายของมหากางเขนก็น่าจะต่อปริศนานี้ได้เหมือนกัน ในนั้นเอง โลกแห่งสีดำ สีขาว และสีเทาอันเงียบงันก็ปรากฏขึ้นมาจากในน้ำ จนกระทั่งตอนนี้ ‘ยังไม่มีใคร’ ค้นพบทางเข้าโลกใบนั้น แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่ใครสักคนจะเชื่อมต่อสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน ดังนั้น ลูเซียนจะต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
นาตาชาเชื่อว่านอกจากลูเซียนแล้ว นางเป็นเพียงคนเดียวที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างไรน์กับซาร์ด เนื่องจากลูเซียนทำให้นางนึกขึ้นได้
“ถูกของพระองค์ ในการหาทางเข้ามิติ ท่านไรน์ตัดสินใจร่วมมือกับซาร์ด แต่เขาถูกซาร์ดหักหลัง ซาร์ดคงซ่อนความลับบางอย่างไว้ ท่านไรน์เลยถูกขัง ในการช่วยเขาออกมา หม่อมฉันต้องอัญเชิญพระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน แต่แน่นอนว่าความลับของมิติซับซ้อนยิ่งกว่าที่หม่อมฉันคิด จนถึงตอนนี้ หม่อมฉันยังไม่รู้เลยว่าทำสำเร็จหรือไม่”
เนื่องจากนาตาชาคิดเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ ทั้งหมดด้วยตัวนางเอง ลูเซียนจึงอธิบายสถานการณ์โดยรวมให้นางฟังโดยไม่แตะความลับเชิงลึก นอกจากนี้ ความช่วยเหลือโดยไม่มีเงื่อนไขของนาตาชาก็ยิ่งทำให้ลูเซียนไว้ใจนางมากยิ่งขึ้น
นาตาชาพยักหน้าอย่างสง่างาม “เนื่องจากการล่มสลายของจักรวรรดิเวทมนตร์ แม้ว่าจะมีความขัดแย้งที่ยังไม่สิ้นสุดระหว่างศาสนจักรฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือ แต่ก็ยังไม่มีความขัดแย้งที่รุนแรงพอที่จะปลุกระดมทั้งทวีป ในมิติที่ทั้งซาร์ดและไรน์สนใจนั้นคงซ่อนพลังที่ต้านทานได้แม้แต่อัลเทอร์นา บางที… นี่เป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่อันเกรียงไกร”
นาตาชายิ้มอย่างมั่นใจและสดใส “ในทุกๆ ยุคอันยิ่งใหญ่ ย่อมมีพลังอันยิ่งใหญ่ที่กำราบฝ่ายที่ล่มสลาย แต่ก็ย่อมมีอำนาจใหญ่ไล่ตามมาและแซงหน้าอำนาจเก่า เราควรทำงานหนักร่วมกัน ลูเซียน! ข้าสัมผัสได้ว่าเลือดในกายของข้าโหยหาการต่อสู้!”
“หม่อมฉันจะร่วมมือกับพระองค์” ลูเซียนแสร้างทำเป็นฮึกเหิม “บางทีอีกไม่นาน พลังของหม่อมฉันจะแซงหน้าพระองค์”
นาตาชาพร้อมรับคำท้า ทั้งมีความสุขและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน “เรามาดูกันว่าใครจะขึ้นระดับเก้าก่อนกัน และใครจะขึ้นระดับตำนานก่อน ถ้าเจ้าแพ้…”
นางมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับว่ากำลังซ่อนความลับเล็กๆ บางอย่างไว้
“เอาละ เจ้าไปได้แล้ว ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ พระคาร์ดินัลหลวงและนักบวชต้องระวังตัวกันสูงแล้วแน่ๆ แม้เราไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เราก็ต้องระวังตัวสูงอยู่ดี แล้วอาจารย์ของเจ้าก็เป็นถึงระดับมหาจอมเวท…” นาตาชาเร่งลูเซียน เนื่องจากนางไม่รู้ว่าลูเซียนมาที่นี่ด้วยการกระโดดข้ามอวกาศ “และอย่าลืมเขียนจดหมายหาข้า”
หัวใจของลูเซียนหยุดเต้นกะทันหัน เขาลืมเรื่องนี้ได้อย่างไร? เขารีบถึงขนาดกระโดดทะลุมิติมายังนอกนครอัลโต้ ซาร์ดอาจสังเกตเห็นแล้ว! โชคดีที่เฟอร์นันโดยังอยู่กับพวกเขา!
สูงขึ้นไปบนอากาศซึ่งลูเซียนกับนาตาชาไม่อาจมองเห็น เฟอร์นันโดในชุดเสื้อคลุมสีแดงกำลังยิ้มให้กับชายชราตรงหน้าเขา เขาคือซาร์ด พระคาร์ดินัลหลวงแห่งอัลโต้
“เสียมารยาทนะที่มาแอบดูเด็กๆ จีบกัน” เฟอร์นันโดยิ้มกว้าง
“คืนนี้ไม่ใช่คืนที่สงบสุข” ซาร์ดตอบออกมาโดยไร้อารมณ์ “ในฐานะพระคาร์ดินัลหลวงแห่งไวโอเล็ต ข้าเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของเจ้าหญิง”
เขาเป็นคนหนึ่งที่ได้ข้อมูลสำคัญจากเหตุการณ์พระจันทร์สีเลือดในคืนนี้ ดังนั้น ตอนนี้ ทุกๆ สัญญาณความผิดปกติและทุกคนในอัลโต้ที่ควรค่าให้เฝ้าดูเป็นพิเศษต่างถูกซาร์ดจับตามอง
เฟอร์นันโดยืนอยู่ตรงหน้าซาร์ดและขวางทางเขาเหมือนกับอันธพาลแก่ๆ คนหนึ่ง เขาถอนหายใจและบอกว่า “ซาร์ด… ท่านใกล้จะขึ้นชั้นเป็นนักบุญมากแล้ว ข้าไม่อยากทำลายท่านในตอนนี้”
เห็นได้ชัดเว่าเฟอร์นันโดขู่ซาร์ดด้วยการเตือนเขาว่ายังไม่ได้เป็นนักบุญ!
“เบลเลียและคนของเขาก็เฝ้าดูอยู่” ซาร์ดตอบ ดูเหมือนคำพูดของเฟอร์นันโดทำอะไรเขาไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น มีพระคาร์ดินัลชั้นตำนานมากกว่าหนึ่งรูปในสังฆมณฑลไวโอเล็ต
ขณะเดียวกัน ซาร์ดเองก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอีก เนื่องจากเขารู้ว่าผู้วิเศษชั้นตำนานผู้อารมณ์ร้อนคนนี้สามารถทำได้ตามที่ลั่นวาจาออกมาตอนไหนก็ได้
เฟอร์นันโดยืนนิ่งๆ สังเกตซาร์ดด้วยรอยยิ้มที่แฝงความหมาย อย่างไรก็ตาม ในหัวของเขา เขาต้องโทษลูกศิษย์ของเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ชะล่าใจอย่างไม่น่าเกิดขึ้น หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น การกระโดดข้ามอวกาศอาจดึงความสนใจจากทุกฝ่ายได้โดยง่าย รวมถึงนครอัลโต้และป้อมปราการฝ่ายเหนือ
เฟอร์นันโดมองลงไป เขาก็แอบโทษนาตาชาเช่นกันที่หุนหันมากเกินไปที่จะมาที่นี่ และคามิลก็ไม่แม้แต่จะห้ามนาง
เด็กพวกนี้… เฟอร์นันโดถอนหายใจ
เขามาที่นี่ก็แค่เพียงส่งและรับลูเซียนกลับเท่านั้น!
…
หลังจากเฟอร์นันโดคำรามนานถึงสิบนาที ลูเซียนก็โทษตัวเองลึกๆ อย่างจริงใจ หลังจากนั้น เมื่อสวมหน้ากากแปลงกาย เขาก็มาถึงนครเรนทาโตด้วยรถไฟเวทมนตร์ ที่นั่น ลูเซียนเจอโรงแรมธรรมดาๆ หลังหนึ่งและเข้าสู่นิทราเพื่ออัญเชิญภาพฉายของไรน์เข้ามาในความฝัน วงเวทมากมายในนครอัลลินอาจป้องกันไม่ให้ไรน์ฉายภาพมาถึงลูเซียน
ในโลกแห่งความฝันอันเต็มไปด้วยหมอกหนา ไม่นาน ไรน์ซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีแดงขนาดพอดีตัวและเสื้อคลุมคอตั้งสีดำ ก็ปรากฏตัวขึ้น
“ท่านไรน์ ท่านยังติดอยู่…” เมื่อเห็นไรน์ยังคงฉายภาพผ่านโลกแห่งวิญญาณ ลูเซียนก็ได้คำตอบ
ไรน์ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าดวงตาสีเงินของเขาจะทรงเสน่ห์เหมือนปกติและท่าทางของเขาก็ดูสง่างาม “บรรพบุรุษต้นกำเนิดได้รับบาดเจ็บและร่วงไปพร้อมกับสิ่งนั้นที่มาจากส่วนลึกของโลกแห่งวิญญาณ เขาไม่มีโอกาสช่วยข้าออกไป หวังว่าบรรพบุรุษต้นกำเนิดจะสามารถตื่นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด… ไม่อย่างนั้น ข้าก็ต้องหวังพึ่งเจ้า และรอจนกว่าเจ้าจะกลายเป็นชั้นตำนาน”
“แล้วภัยคุกคามจากโลกแห่งวิญญาณล่ะ? มันหยุดหรือยังขอรับ?” ลูเซียนรีบถามอย่างร้อนรน เขาเสี่ยงชีวิตไปมากและหวังว่าจะไม่สูญเปล่าเสียทีเดียว
ไรน์พยักหน้าเบาๆ ความสิ้นหวังและความขมขื่นหายไปจากรอยยิ้มของเขา “มันหยุดแล้ว ปีศาจอาวุโสพวกนั้นต่างกำลังโกรธจัดและกำลังใช้เวทโหราศาสตร์ที่ทรงพลังที่สุดเพื่อค้นหาตัวคนทำ แต่เพราะพลังจากบรรพบุรุษต้นกำเนิดและร่องรอยชะตาแปลกๆ ของเจ้า พวกมันหาเจ้าไม่พบ”
“ข้ารู้สึกจากรอยประทับในวิญญาณของข้าในตอนที่บรรพบุรุษต้นกำเนิดร่วงหล่น เขาได้รับบาดเจ็บหนัก เขารักษาระดับพลังไม่ได้ และคงใช้เวลาฟื้นตัวยาวนาน แน่นอน แม้จะถูกสังหาร บรรพบุรุษต้นกำเนิดก็ยังได้รับพลังจากความมืดและดวงจันทร์สีเงินเพื่อเกิดใหม่ เขาไม่เคยตาย”
“สำหรับสิ่งมีชีวิตปริศนาจากส่วนลึกของโลกแห่งวิญญาณ เพราะมันยังไม่ตื่นเต็มที่ จึงแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ การฟื้นตัวของมันคงใช้เวลายาวนานกว่า ชิ้นส่วนที่แตกออกก็กระจัดกระจายไปยังมิติที่ไม่รู้จัก ลูเซียน ถ้าข้าหาพวกมันเจอ ข้ามั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์กับเจ้ามาก เนื่องจากมันจะชดเชยส่วนที่เจ้าเสียไปเพื่อเร่งการขึ้นเป็นนักเวทอาวุโส มิหนำซ้ำยังช่วยนำทางเจ้าสู่การพัฒนาในอนาคตอีกด้วย”
ลูเซียนพยักหน้า หากเขาหาชิ้นส่วนพบ ด้วยความรู้ในห้องสมุดห้วงจิต เขาอาจสามารถเปิดเผยความจริงของโลกนี้
สำหรับการชดเชยความสูญเสียที่เกิดจากการก้าวหน้าเร็วเกินไป ลูเซียนไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เนื่องจากเขาพบทิศทางนั้นแล้ว ‘การสร้างโลกฌานสมาธิของตัวเอง’
เนื่องจากการทดลองเวทมนตร์บางอย่าง จอมเวทเชื่อว่าพลังวิญญาณและแสงแท้จริงแล้วคือสิ่งเดียวกันตามธรรมชาติ ดังนั้น ไม่ว่าแสงจะอยู่ในรูปแบบคลื่นหรืออนุภาคก็เกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจพลังวิญญาณและทิศทางที่ฌานสมาธิควรไป
จนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างกัน วิธีเข้าฌานสมาธิส่วนใหญ่อาศัยความเชื่อว่าแสงมาในลักษณะของคลื่น อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่อาศัย ‘ทฤษฎีอนุภาค’ และก็ใช้การได้ดี มีแม้กระทั่งที่ดีกว่าฌานสมาธิ ‘ทฤษฎีคลื่น’ สำหรับจอมเวทที่มีโลกแห่งปัญญาเฉพาะตน
การสร้าง ‘ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก’ ที่ได้รับการค้นพบ เป็นขั้นต่อไปที่ลูเซียนจะใช้ศึกษา ทวิภาคคลื่น–อนุภาค ซึ่งก็เป็นทวิภาคคลื่น–อนุภาค ของพลังวิญญาณ!