บทที่ 442 การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ
ลูเซียนหรี่ตาลง แว่นตาข้างเดียวของเขาสะท้อนกับแสงเย็นๆ ของฤดูใบไม้ผลิ
ข้อความในจดหมายประกอบขึ้นมาจากถ้อยคำที่ตัดมาจากหนังสือพิมพ์ แล้วจดหมายก็สร้างขึ้นมาด้วยเวทพยากรณ์ป้องกันการแกะรอย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ส่งจดหมายฉบับนี้ประเมินความรู้ของลูเซียนด้านโหราศาสตร์ระดับอาวุโสต่ำไป
ลูเซียนหยิบจดหมายพัฒนาฉบับนี้ขึ้นมาแล้ววางลงบนลูกแก้วคริสตัล ‘แสงอรุณ’ ของเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยแววตาอาฆาตมาดร้าย เขาวางทั้งสองมือลงบนลูกแก้วคริสตัล และลูบไปมาด้วยจังหวะเฉพาะ
ลูกแก้วคริสตัลทึบลงแล้วกลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว ดวงดาวส่องแสงปรากฏขึ้นภายใน ขณะเดียวกันนั้น นาฬิกาข้อมือ ‘คทาอาร์คานา’ ที่ลูเซียนสวมอยู่ก็เริ่มมีชั้นแสงดวงดาวขมุกขมัว ดวงอาทิตย์และกลุ่มดาวจำลองที่ฝังอยู่ภายในตัวเรือนนาฬิกาเริ่มหมุนวนอย่างช้าๆ
ในแสงดาวนั้น ลูเซียนเริ่มเห็นภาพที่พร่ามัวซึ่งพัฒนาขั้นตอนมากมายก่อนที่จดหมายจะถูกส่งมา
นกฮูก… สำนักไปรษณีย์สัตว์อัลลิน… บริษัทรถไฟไอน้ำเวทมนตร์เป็นของคณะกรรมการกิจการ… รถไฟ… รางรถไฟ… ป่า สนามหญ้าและภูเขา… โคคัส เมืองหลวงของราชรัฐคาเลส์… นักเวทฝึกหัดคนหนึ่งที่ลูเซียนไม่รู้จัก… คำขอร้องจากสหาย…
ขั้นตอนสำคัญสำคัญถูกถ่ายภาพออกมาทีละขั้นๆ แล้วจดหมายฉบับนั้นในที่สุดก็ถูกส่งย้อนกลับไปยังอัลลิน กลับไปยังสำนักงานไปรษณีย์สัตว์ และไปถึงมือของบริกรในร้านอาหารคนหนึ่ง
ในตอนนี้ ลูเซียนใช้พลังวิญญาณของเขาส่วนใหญ่ไปหมดแล้ว ภาพจึงออกมาพร่ามัวและยิ่งพร่ามัวจนเกือบจะหายไป
แล้วภาพถัดไปก็ปรากฏขึ้นมา ลูเซียนเห็นเพียงภาพชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำที่มีหมวกคลุมหัวกำลังยื่นจดหมายและทองจำนวนหนึ่งให้กับบริกร
แหวนนิ้วมือซ้ายของเขา ‘แหวนต้นกำเนิด’ ก็ส่องแสงขึ้นมาในตอนนั้น ความรู้สึกเย็นสดชื่นพรั่งพรูออกมาจากแหวนและฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขา ขณะยกมือขวาขึ้นมาจากลูกแก้วคริสตัล ลูเซียนก็รีบชู ‘คทาแห่งตะวัน’ ขึ้น
‘คทาแห่งตะวัน’ สามารถเพิ่มพลังของเวทโหราศาสตร์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับเก้าขึ้นอีกหนึ่งระดับ!
แสงจากคทาทำให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าลูเซียนสว่างขึ้น ด้านหลังของนักเวทซึ่งซ่อนหน้าอยู่ภายใต้หมวกคลุมหัวสีดำ มีสัญลักษณ์รูปกุหลาบดาวที่บิดเบี้ยวและเลือนลาง เส้นพลังที่ส่องแสงเรืองรองเหมือนกับกลุ่มก๊าซเนบิวลาที่งดงามที่เชื่อมต่อกับดาวหลักแห่งเทวลิขิตของเขาก็สามารถเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
“จับได้แล้ว” ลูเซียนกระซิบเสียงแผ่วเบา
เขาบันทึกลักษณะของดาวหลักแห่งธุรกิจและร่องรอยของมัน เมื่อพลังวิญญาณของเขาฟื้นคืนมาบางส่วน เขาก็รู้ตัวว่าชายคนนี้คือใครโดยใช้พลังจาก ‘คทาแห่งตะวัน’ และ ‘คทาอาร์คานา’
“พีวี่ เบลเจส สมาชิกสหพันธ์บทเพลงจันทรา ผู้เชี่่ยวชาญศาสตร์แห่งแม่เหล็กไฟฟ้า… อุปนิสัยเห็นแก่ตัวและค่อนข้างจะมีความคิดสุดโต่ง…”
ลูเซียนรู้สึกคุ้นๆ กับชื่อนี้ หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าชื่อนี้อยู่ในบทความที่เขาปฏิเสธไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ชายที่ชื่อว่าพีวี่เกลียดลูเซียนเข้าไส้ที่ปฏิเสธบทความของเขา แล้วความเกลียดนั้นก็ถูกกระตุ้นด้วยสมมติฐานของลูเซียนเกี่ยวกับควอนตัมของแสง เขาจึงเขียนจดหมายมาข่มขู่ลูเซียนเช่นนี้
หากไม่ได้พยากรณ์อนาคตที่ยังไม่ชัดเจน และหากมีของสำคัญที่ร่วมในกระบวนการนั้นๆ อยู่ใกล้ พลังของเวทโหราศาสตร์ระดับอาวุโสก็อยู่เหนือจินตนาการของนักเวทชั้นล่างหรือชั้นกลาง และด้วยพลังจากคทาแห่งตะวันและคทาอาร์คานา ลูเซียนก็สามารถพยากรณ์เรื่องต่างๆ มากมายพร้อมรายละเอียดที่ชัดเจนไม่ต่างจากผู้วิเศษ นอกจากนี้ เนื่องจากสภาเวทมนตร์ก็มีข้อมูลส่วนตัวของพีวี่ คุณลักษณะของดาวหลักแห่งเทวลิขิตของเขาจึงไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด หลังจากเปรียบเทียบอย่างละเอียดรอบคอบ ลูเซียนก็ตามหาตัวเขาได้โดยง่าย
ทุกคนย่อมมีดาวหลักแห่งเทวดาคิดเป็นของตน อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่ไม่เคยศึกษาโหราศาสตร์ ก็ยังไม่มีภาพสะท้อนดาวหลักในวิญญาณของตน
ดังนั้น ลูเซียนจึงจำเป็นต้องระวังตัวอย่างยิ่งในการลบร่องรอยสำคัญที่ทิ้งไว้หลังจากเขาทำอะไรก็ตาม หากไม่สามารถลบร่องรอยได้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็จะใช้เวทมนตร์ระดับอาวุโสเพื่อปกปิดดาวหลักของเขา หรือไม่ก็กลับด้านหลุมดำมาหน้า ซึ่งมีเพียงเฟอร์นันโดและธอมป์สันเท่านั้นที่รู้
ลูเซียนคิดทบทวนเรื่องนี้สองรอบว่าเขาควรจะรายงานต่อคณะกรรมการกิจการหรือไม่ อย่างไรก็ตาม บทลงโทษสำหรับการข่มขู่คุกคาม ก็อาจแค่การกักตัวสิบห้าวัน ซึ่งยังเบาเกินไปที่จะป้องกันไม่ให้คนบ้าเช่นนี้ทำร้ายสหายและลูกศิษย์ของลูเซียน และยิ่งอาจทำให้พีวี่โมโหเข้าไปใหญ่ ลูเซียนจึงมองข้ามตัวเลือกนี้
แม้คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าลูเซียนเป็นจอมเวทหนุ่มที่มีความสามารถ ซึ่งโดยปกติแล้วจะสุภาพและอ่อนโยนมาก แต่ลูเซียนก็ไม่เคยมีความเมตตาให้กับผู้ที่คิดทำร้ายสหายและลูกศิษย์ของเขา
เมื่อได้รับจดหมายที่ชั่วร้ายและมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ ลูเซียนก็ตัดสินใจที่จะมีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงเช่นกัน
ลูเซียนชั่งน้ำหนักผลร้ายที่ตามมาอย่างจริงจัง ด้วยจดหมายฉบับนี้และข้อมูลที่เขารวบรวมมาเป็นหลักฐาน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาก็อาจถูกจำคุกเป็นเวลาหกเดือนและปรับคะแนนอาร์นาคาเป็นการลงโทษฐานการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจ
เมื่อรวบรวมอุปกรณ์ที่ต้องการแล้ว ลูเซียนก็เริ่มสร้างหุ่นขึ้นมาตัวหนึ่งซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในแผนของเขา หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมง ลูเซียนก็ถือหุ่นสีน้ำตาลที่ดูขนลุกอยู่ในมือ หุ้นตัวนี้มีตาเรียวเล็กยาวและปากปิดสนิท แขนขามันยาวจนเลยหัวเข่า และทั้งตัวของหุ่นเต็มไปด้วยรูปแบบและสัญลักษณ์แปลกๆ ซึ่งเหมือนกับร่องรอยดาวหลักแห่งเทวลิขิตของพีวี่อย่างมาก
“เจ้าไม่น่าหาเรื่องเลย….” ลูเซียนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นขณะใส่จดหมายปริศนาลงบนตัวหุ่น และร่ายเวทเรียกใช้พลังจากนาฬิกา ‘คทาอาร์คานา’
สัญลักษณ์กลุ่มดาวบนนาฬิกาข้อมือเริ่มเปล่งแสงพร้อมกัน! บางสัญลักษณ์ก็มีแสงเรืองรองและดูน่าหลงใหล บางสัญลักษณ์ก็สว่างและกระจ่างชัด บางสัญลักษณ์ก็กว้างและเยือกเย็น และบางแสนรักก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย…
เวทมนตร์โหราศาสตร์ระดับเจ็ด ‘เวทแทรกแซงเทวลิขิต’!
ชั้นผิวหนังของมนุษย์บางๆ บิดตัวออกมาคืบคลานครอบคลุมตัวหุ่นที่ไร้ชีวิตและใบหน้าของมันอย่างรวดเร็ว และชั้นของผิวหนังนั้นก็กลายเป็นใบหน้าของพีวี่ แต่ดวงตาของมันปิดอยู่ราวกับไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วลูเซียนก็เริ่มร่ายเวทมนตร์ใส่หุ่นเชิดพีวี่
…
ณ คฤหาสน์บ้านสวน
พีวี่กำลังฮัมเพลงใหม่จากบทละครล่าสุดที่แสดงในเมืองอย่างอารมณ์ดี อารมณ์เบิกบานของเขาไม่ได้มาจากท่วงทำนองของบทเพลง แต่มาจากความพึงพอใจที่จินตนาการอยู่ว่าลูเซียน อีวานส์ คงกระวนกระวายเมื่อรู้ว่าสหายและลูกศิษย์ตกอยู่ในอันตราย เขากำลังจินตนาการว่าลูเซียนสาละวนอยู่กับการตรวจสอบว่าไม่มีใครเป็นอะไร
ลูเซียน อีวานส์ จะส่งจดหมายฉบับนี้ไปยังคณะกรรมการกิจการ แต่เพื่ออะไร?
ในสายตาของพีวี่ อัจฉริยะผู้ยโสคนนี้สมควรโดนแบบนี้แล้ว โทษฐานที่ปฏิเสธบทความของเขาด้วยความอิจฉาและโจมตีระบบทฤษฎีของท่านบรูค
เขาได้ศึกษามาบ้างและรู้ว่าผู้วิเศษระดับตำนานเท่านั้นที่สามารถระบุตัวผู้ส่งจดหมายปริศนาได้ และเขายังได้ทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการแกะรอยจากเวทโหราศาสตร์ส่วนใหญ่ เขาเลือกที่จะไม่ผลึกเวททำลายตัวเองลงในจดหมายโดยตรง เนื่องจากลูเซียน อีวานส์ สังเกตได้ทันทีว่ามีคลื่นพลังเวทมนตร์มาจากจดหมายและคงไม่เสียเวลาเปิดอ่าน เพราะฉะนั้น การส่งจดหมายก็ไร้ประโยชน์
ไม่ต้องพูดถึงว่าลูเซียน อีวานส์ จะขอให้ผู้วิเศษสักคนช่วยร่ายเวทเพียงเพราะว่าจดหมายข่มขู่ เพราะแม้แต่ถ้าอีวานส์พบว่าเขาเป็นคนทำเรื่องนี้ เขาก็แค่ถูกปรับแนนอาร์คานาเล็กน้อยและกักขังอยู่ไม่กี่วันเท่านั้น โทษสถานเบาขนาดนี้ไม่ได้ทำให้เขากลัวการกระทำผิดขึ้นมาได้
นอกจากนี้ พีวี่ยังเชื่อว่านักเวททุกคนที่สนับสนุนทฤษฎีคลื่นจะอยู่ข้างเขา แม้ลูเซียน อีวานส์จะสามารถปกป้องสหายและลูกศิษย์ของเขาได้ในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่อาจคุ้มครองพวกเขาได้ตลอดไป ลูเซียน อีวานส์ ต้องจ่ายหนี้แค้นครั้งนี้ด้วยเลือด! มีเพียงเลือดเท่านั้นที่ทำให้เขาสำนึกต่อความผิดอันใหญ่หลวงได้!
แล้วสีหน้าของเขาก็ดูเหยเกและชั่วร้าย ราวกับว่าลูเซียนได้สังหารพ่อของเขาหรือตัดเส้นทางการเลื่อนขั้นขึ้นสู่การเป็นมหาจอมเวท ในฐานะนักเวทระดับสี่ผู้มากด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้ พีวี่ก็มั่นใจในความสามารถในการสังหารของเขา เขารู้ดีว่าหากเลือกสถานที่สังหารอย่างพิถีพิถัน แม้แต่ผู้วิเศษระดับตำนานก็ไม่สามารถช่วยสืบข้อมูลได้ด้วย ‘เวทผูกดวงโหราศาสตร์’
ด้วยอารมณ์ดีขนาดนี้ พีวี่ก็ได้แรงบันดาลใจ เขาเชื่อว่าเขาเกิดความคิดเรื่องการทดลองการทดสอบการปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกที่แม่นยำมากพอที่จะทำให้หัวของลูเซียน อีวานส์ ระเบิด!
เมื่อไม่สามารถระงับความตื่นเต้นไว้ได้ พีวี่เชื่อว่าเขาจะกลายเป็นอัจฉริยะคนใหม่ หลังจากหัวของลูเซียน อีวานส์ระเบิด ในตอนนั้นเอง ทฤษฎีของเขาก็จะได้รับการจดจำอย่างยาวนานจากทั้งสภาเวทมนตร์เหมือนกับของท่านบรูค และไม่จำเป็นต้องพูดต่อ เขาจะกลายเป็นมหาจอมเวทผู้ทรงพลังที่ทุกคนต้องเคารพ!
เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องทดลอง พีวี่พบว่าสมองค่อนข้างชัดเจน กระบวนการการทดลองปรากฏในสมองของเขาเรียบร้อยแล้ว แล้วพีวี่ก็เริ่มสร้างวงเวทขึ้นใหม่
นักเวทอาวุโสจะต้องใช้เวลาในการเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทดลองจะทำให้นานหลายเดือน แต่เขาสามารถใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น! พีวี่สงสัยว่าหากความสามารถที่ถูกเก็บไว้มานานของเขาระเบิดออกมาจะเป็นอย่างไร
เมื่อเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พีวี่ก็เริ่มทำการทดลองและการเก็บข้อมูล
ไม่กี่นาทีต่อมา เม็ดเหงื่อก็หยดลงจากหน้าผากของเขา เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น
“เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้! ต้องมีอะไรผิดพลาด!”
การทดลองแสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะของควอนตัมอย่างชัดเจน!
เขารีบเริ่มทำการทดลองใหม่อีกครั้ง แต่ผลก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
“ไม่… ไม่…” พีวี่ส่ายศีรษะอย่างหมดหวัง
ตู้ม!
หัวของเขาระเบิด เศษเนื้อสีแดงและสีขาวกระจายไปทั่วพื้นและผนังในห้องทดลอง
“อ๊าาาาาา!!!”
พีวี่กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแล้วเขาก็กระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้ยาว ริมฝีปากของเขาสั่น พีวี่พูดพึมพำกับตัวเอง
“ฮ่า… ฮ่าๆๆ ฝันเหมือนจริงมาก…”
เสียงหัวเราะเขาดูฝืดและละอายใจ
เมื่อเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก พีวี่ก็เดินไปยังห้องทดลอง ความฝันที่น่ากลัวเตือนเขาว่าเขายังต้องทำการทดลองเรื่องสายฟ้าในวันนี้
ขณะเขาเดินเข้าไปในห้องทดลอง หัวใจของพีวี่ก็เต้นรัว สมองของเขายังคงสับสน เขาเปิดวงเวทขณะพยายามสงบสติอารมณ์ลง
ภายในวงเวท แสงแปลบปลาบของสายฟ้าก็ขยายขึ้นและเริ่มกระเด็นกระดอนไปมาภายในห้องทดลอง ตามปกติ พีวี่กำลังจะเปิดวงเวทป้องกันที่ทรงพลังที่สุดเพื่อป้องกันสายฟ้า
อย่างไรก็ตาม พลันสีหน้าของเขาก็ซีดลง
“ทำไม… ทำไมเปิดไม่ได้? จริงสิ มันเสียเมื่อวาน…”
แล้วพีวี่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าวงเวทป้องกันน่าจะเสียตั้งแต่เมื่อวาน แล้วเขาก็วางแผนจะว่าจ้างให้นักเวทอาวุโสจากฝ่ายวิศวกรรมเวทมนตร์มาซ่อมให้
แต่เขาก็ลืม! เขาลืม!
“ไม่!!!”
ชั้นของเวทมนตร์ป้องกันก็ถูกใช้งาน อุปกรณ์เวทมนตร์แต่ละชิ้นเปล่งแสง อย่างไรก็ตาม พลังของอาร์กสายฟ้าที่น่ากลัวก็หยุดไม่ได้ แล้วก็ทะลุผ่านชั้นเวทมนตร์ป้องกันและอุปกรณ์ในทันที
เหลือเพียงเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของพีวี่ดังสะท้อนไปทั่วห้อง
…
ไม่กี่วินาทีต่อมาหลังจากลูเซียนตรวจสอบว่าพีวี่ตายสนิท ธอมป์สันจากคณะกรรมการกิจการก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงานของลูเซียนพร้อมกับประกายแสง
“เจ้าเพิ่งโจมตีใคร?”
ในนครอัลลิน เวทมนตร์ที่ใช้ในการโจมตีสามารถถูกแกะรอยได้ด้วยมิธธัลที่ปกคลุมเมืองจากด้านบน คณะกรรมการกิจการสามารถตรวจสอบและแทรกแซงได้
“ใครสักคนที่สมควรโดน” ลูเซียนตอบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ลูเซียนโยนจดหมายข่มขู่และผลการพยากรณ์ของเขาให้ธอมป์สัน ดูเหมือนว่าธอมป์สันจะเป็นผู้ที่คณะกรรมการกิจการมอบหมายภารกิจให้จัดการเรื่องเกี่ยวกับลูเซียน
เมื่อเขาอ่านจดหมายข่มขู่และผลการพยากรณ์แล้ว ธอมป์สันก็เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาดูโกรธเกรี้ยวมากเช่นกันแล้วจึงตอบว่า
“ทำได้ดี”
แล้วธอมป์สันก็ระงับอารมณ์ส่วนตัวก่อนสอบถาม “ด้วยข้อมูลนี้ที่เป็นหลักฐาน เราขอตั้งข้อหาเจ้าในฐานะป้องกันตัวเกินกว่าเหตุโดยสิ้นสงสัย เจ้าอยากจะถูกปรับคะแนนอาร์คานาหนึ่งหมื่นคะแนน หรือจำคุกโดยห้ามใช้เวทมนตร์หนึ่งปี?”
“คะแนนอาร์คานา” ลูเซียนตอบทีละคำ หัวใจของเขาเจ็บปวด รายได้ทั้งหมดของเขาจากการประดิษฐ์หลอดไฟคริสตัลเวทมนตร์ และการโฆษณาถ่านหินต้องมาบ่นกับเรื่องนี้ แต่ก็คุ้มค่าที่สามารถกำจัดคนบ้าไม่ได้คนหนึ่ง
ธอมป์สันพยักหน้า เขาบันทึกคำตัดสินลงโทษและเตรียมจะจากไป ลูเซียนก็ถามขึ้นมา
“พวกนักเวทที่มีความคิดสุดโต่งเกินไป ข้าไม่คิดว่าพวกท่านควรปล่อยไปให้พวกเขาอยู่ในสังคม พวกเขาต้องการศูนย์จิตบำบัด ธอมป์สัน”
ธอมป์สันยักไหล่ “เจ้าต้องรู้นะ ลูเซียน การสำรวจในโลกที่อันตรายและโดดเดี่ยวเป็นเวลาหลายปี มีนักเวทมากมายที่มีอาการเป็นโรคประสาทไม่มากก็น้อย คงไม่มีใครเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้”
ลูเซียนกำลังพิจารณาว่าเขาควรเสนอเรื่องนี้ต่อสภาเวทมนตร์ โดยเริ่มจากการให้ความรู้เรื่องสุขภาพจิตดีหรือไม่
…
“ศพล่าสุดในบัญชีวิธีตายอย่าโง่เขลาในอัลลิน ลำดับที่สิบเจ็ด พีวี่ใช้ความตายของเขาเพื่อบอกเราว่าเราไม่ควรลืมกฎข้อแรกและข้อสำคัญที่สุดในคู่มือห้องทดลอง ‘ตรวจสอบอุปกรณ์และวงเวทโดยละเอียดก่อนเริ่มการทดลอง’” ชายคนหนึ่งผู้มีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าพูดขึ้น ขณะกำลังแนะนำนครอัลลินให้กับนักเวทและนักเวทฝึกหัดหน้าใหม่บนรถไฟไอน้ำเวทมนตร์
ตรงหน้าเขามีสาวสวยคนหนึ่งซึ่งมีหมาป่าสีขาวนอนอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนร่วมทางของนาง