บทที่ 444 มองแต่แง่ดีและลืมข้อเสีย
สมองของไคลน์ตื่นตกใจ… ชิ้นส่วนความทรงจำหวนกลับมา แล้วก็ก่อตัวกันเป็นภาพรวมทั้งหมด
ศาสตราจารย์โผล่เข้ามา ในตอนที่ลูเซียน อีวานส์ ถูกตั้งข้อสงสัย… ศาสตราจารย์ถึงคนเริ่มการโจมตีในเหตุการณ์ที่ป่าดำเมลเซอร์ แต่เป็นลูเซียน อีวานส์ ได้รับประโยชน์ที่สุด… การมาเยือนของศาสตราจารย์ยามวิกาลในคืนนั้น… กับดักที่ภูเขาวางล่อหัวหน้าผู้พิทักษ์ราตรีอย่างคลาวน์… และความตายของนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ ลูเซียน อีวานส์!
ทุกๆ อย่างเริ่มสมเหตุสมผลเมื่อพวกเขาเห็นลูเซียน อีวานส์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา กำลังยืนอยู่กลางห้องโถงสำนักงานใหญ่ของสภาเวทมนตร์!
ไคลน์แทบจะมั่นใจว่าลูเซียน อีวานส์ ก็คือศาสตราจารย์ผู้ทรงภูมิคนนั้น!
“ศาสตราจารย์… อีวานส์…” ไคลน์ปิดปากตัวเองก่อนที่คำพูดจะหลุดออกไป ความกลัวเข้าเกาะกุมเขา ไคลน์ไม่รู้ว่าลูเซียน อีวานส์ อยากให้คนอื่นรู้ความจริงหรือไม่ว่าเขาเป็นใคร
ในฐานะกงสุลที่ทำงานในนครอัลโต้มานานกว่าทศวรรษ เขารู้ตัวดีว่าต้องระวังตัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลและมีฐานะสูงส่งเช่นนี้
เมื่อได้ยินคำพูดพึมพำของหลุยส์ แพนก็ถามนางด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้จักท่านอีวานส์หรือ?”
“เขาตาย… ไปแล้วไม่ใช่หรือ?” แฮงเกอร์ ริคาร์โด และเฟลม ซาปาตาโร อุทานออกมาพร้อมกันเสียงเบาๆ
ตาย? ใครบ้างที่เป็นพยานการตายของท่านอีวานส์? แพนรู้ว่าพวกเขามาจากนครอัลโต้ แล้วเขารู้ว่าในนครอัลโต้ มีนักดนตรีโด่งดังที่ชื่อว่าลูเซียน อีวานส์ เสียชีวิตไปและมีการจัดงานศพให้เขาอย่างยิ่งใหญ่ แพนก็เริ่มเรียบเรียงเบาะแส…
เมื่อทบทวนถึงบทสนทนาบนรถไฟ แพนก็รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
เขารู้จักลูเซียน อีวานส์ คนที่เป็นนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งบทเพลงของเขาได้รับความนิยมไปทั่วแม้กระทั่งในราชอาณาจักรโฮล์มและนครอัลลิน แม้ว่า ‘เพลงสรรเสริญแห่งปิติ’ จะเป็นบทเพลงสรรเสริญศาสนาเสียครึ่งหนึ่ง และไม่ได้โด่งดังในอัลลินเหมือนกับเพลงอื่นๆ ของลูเซียน อีวานส์ แต่แพนก็รู้ว่านักเวทหลายคนชื่นชอบ ‘เพลงสรรเสริญแห่งปิติ’ เป็นการส่วนตัวรวมถึงตัวเขาด้วย นักเวทมักจะร้องเพลงนี้เมื่ออยู่ตามลำพัง บ่อยครั้งกว่าเพลงอื่นๆ จากละครโอเปร่า
แม้ว่าอีวานส์ทั้งสองคนจะอายุใกล้เคียงกัน แพนยังคงไม่สามารถหาจุดเชื่อมโยงนักเวทอัจฉริยะผู้หมกมุ่นกับการศึกษาเวทมนตร์และทำเงินจากการประดิษฐ์อุปกรณ์แร่แปรธาตุใหม่ๆ กับนักดนตรีพรสวรรค์สูงผู้สง่างามซึ่งผลงานการแสดงเปียโนของเขาสามารถเรียกได้ว่างานศิลปะ แพนกังวลว่าผู้มาใหม่เหล่านี้อาจทำเรื่องผิดพลาด
หลุยส์ก็รีบปิดปากตัวเองเช่นกัน ไม่ต่างกับไคลน์ นักเวทที่สามารถอยู่รอดในนครอัลโต้มานานหลายปีโดยไม่แปรพักตร์เข้าเป็นสายลับให้กับศาสนจักร จะมีอุปนิสัยระวังตัวสูง
ตอนนั้นเอง หลุยส์ก็เห็นว่านักเวทอัจฉริยะผู้นั้นเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วก็หันมาทางพวกเขาอย่างจัง ลูเซียนยิ้มอย่างอ่อนโยน หลังจากเขาพูดอะไรบางอย่างกับลูกศิษย์รอบตัว เขาก็เริ่มเดินมาทางพวกเขาอย่างสบายๆ
“ท่าน… ท่านอีวานส์” ไคลน์เป็นคนแรกที่ตอบรับ เข้าโค้งคำนับให้ลูเซียน อีวานส์ อย่างสุภาพ
ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลง สายตาของไคลน์ก็หยุดอยู่ที่เหรียญตราสามเหรียญที่ลูเซียนติดไว้บนหน้าอกซ้าย เหรียญตาสีดำมีดาวสีเงินหกดาว และเหรียญตราสีเงินมีวงแหวนสีดำห้าวง และอีกเหรียญหนึ่งซึ่งมีรูปมือกำลังถือปากกาขนนก ไคลน์เข้าใจดีว่าเหรียญตราพวกนี้หมายความว่าอย่างไรจากที่แพนอธิบาย
ลูเซียนยิ้ม “ ในที่สุด พวกเจ้าก็มาถึง คงเป็นการเดินทางที่ยาวไกลสินะ”
ทุกคนต่างตกตะลึงเป็นอันมาก เนื่องจากพวกเขาไม่คาดคิดว่าลูเซียนจะยอมรับออกมาตรงๆ ว่าเขาคือใคร!
“ขอบคุณมากขอรับที่ช่วยนำทางเรา ศาส… ท่านอีวานส์” ไคลน์เป็นคนแรกที่ตื่นจากภาวะ
ลูเซียนมองไปรอบๆ และถามขึ้น “มีกันแค่สี่คนหรือ?”
หลุยส์ใจเย็นลงได้บ้างแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกลัว “เราเจอปัญหามากมายหลายครั้งระหว่างทางเจ้าค่ะ ยิ่งเราเข้าใกล้สจวร์ต ยิ่งมีอันตรายมากขึ้น ข้าเห็นผู้พิทักษ์ราตรีและบาทหลวงสังหารนักเวทฝึกหัดเป็นหลายคนเจ้าค่ะ”
“ยังมีหลายคนติดอยู่ระหว่างทางขอรับ พวกเขากำลังกลัวและไม่อาจเดินทางได้เร็วเท่าเรา” ไคลน์กล่าวเสริม
ไม่เหมือนหลุยส์เพิ่งรู้จักกับนักเวทผู้ยิ่งใหญ่ และไคลน์ซึ่งเคยร่วมมือกับศาสตราจารย์ แฮงเกอร์และเฟลมไม่คุ้นเคยกับลูเซียน ทั้งคู่จึงเลือกปิดปากเงียบและตั้งใจฟัง
“ท่านอีวานส์ พวกเขาเป็นใครเจ้าคะ?” ไฮดี้พาแอนนิคและนักเวทฝึกหัดที่เหลือเดินตามมาด้วยความสงสัย
ลูเซียนชี้ไปที่ไคลน์และหลุยส์ “พวกเขาเป็นสหายของข้าจากอัลโต้ และมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมกับสภาเวทมนตร์”
แล้วลูเซียนก็แนะนำนักเวทฝึกหัดของเขาให้กลับหลุยส์และไคลน์รู้จัก “พวกเขาเป็นลูกศิษย์ของข้า แอนนิค ไฮดี้ เลย์เรีย สปรินต์ และแคทรินา ทุกคนกำลังทำงานกับข้าที่สถาบันอะตอม และพักอาศัยอยู่บ้านข้าชั่วคราว”
เมื่อได้ยินลูเซียนเรียกพวกเขาทั้งหมดว่าลูกศิษย์ของตนต่อหน้าคุณรู้จัก ไฮดี้ก็ยิ้มแก้มปริ
หลังจากทักทายกันแล้ว ไฮดี้ก็ถามด้วยความสงสัย “หลุยส์ ท่านอีวานส์ทำอะไรที่อัลโต้เจ้าคะ? ทุกครั้งที่ข้าถามท่าน ท่านเอาแต่ยิ้มแต่ไม่เคยตอบ”
หลุยส์ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร นางมองลูเซียนอย่างกะอักกะอ่วน ปากของนางเล็กน้อย และอุปนิสัยในฐานะสุภาพสตรีทำให้นางสังเกตเห็นว่าลูเซียนกำลังสวมแหวนที่ออกแบบเป็นอย่างดีสามวง
“ท่าน ท่านอีวานส์ ท่านคือนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่แห่งอัลโต้ใช่ไหมขอรับ?” ในที่สุดแพนก็ถามขึ้น เนื่องจากเขาไม่อาจทนต่อความอยากรู้อยากเห็นได้อีกต่อไป เมื่อเขารู้ว่าลูเซียน อีวานส์ เสียชีวิตไปตั้งแต่วัยหนุ่มเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอันมากที่ลูเซียนจะไม่ได้ประพันธ์บทเพลงคลาสสิคอีกต่อไป ซึ่งจะตกทอดต่อไปอีกหลายยุคหลายสมัย
อะไรกัน? ทุกคนต่างตกตะลึง เหล่านักเวทฝึกหัดต่างสงสัยว่าอาจารย์ของพวกเขาฟังผิดหรือไม่! แอนนิคก็มาจากไวโอเล็ต และไฮดี้ก็มาจากซีราคิวส์ ทั้งคู่ต่างเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ไม่คิดว่าอีวานส์ทั้งสองคนจะเป็นคนๆ เดียวกัน!
“นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ตายไปแล้ว ตอนนี้ข้าคือลูเซียน อีวานส์ ปีศาจแห่งต้นกำเนิด อย่างที่ผู้คนเรียกข้า” ลูเซียนพูดติดตลก ศาสตราจารย์ติดอยู่ในอันดับสุดท้ายของบัญชีกวาดล้าง เทียบไม่ได้เลยกับอันดับตัวตนจริงของเขาในบัญชี นอกจากนี้ ก็นับเป็นเวลาหลายปีตั้งแต่การทดลองสังเคราะห์คาร์บาไมด์ออกมา การเปิดเผยเรื่องนี้ในตอนนี้ก็คงไม่ได้เป็นผลร้ายอะไรต่อลูเซียน
แพนถือว่าคำพูดของลูเซียนเป็นคำยืนยัน แล้วเขาก็ชำเลืองมองหลุยส์ แล้วเห็นนางพยักหน้าเบาๆ
แพนอุทานด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “เป็นท่านจริงๆ ท่านขอรับ! ข้ารักเพลงของท่านมาก! ดีใจจริงๆ ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่! ท่านมีแผนจะจัดคอนเสิร์ตในอัลลินบ้างไหมขอรับ?”
แพนลืมตัวไปชั่วขณะลูเซียนเป็นผู้สนับสนุนที่น่ารำคาญของทฤษฎีอนุภาค แล้วยังเป็นคนนำเสนอสมมติฐานควอนตัมของแสง
“รอดูแล้วกัน…” ลูเซียนตอบ
ในตอนนี้ ลูเซียนยังไม่มีแผนจะทำเรื่องนี้แน่นอน ตอนนี้เขาไม่ต้องกระตือรือร้นหาเงินและทรัพย์สมบัติเหมือนสมัยที่อยู่ในอัลโต้ และก็ไม่มีสตรีคนไหนในอัลลินที่เขาปรารถนาจะสร้างความประทับใจให้เห็น จึงไม่มีประโยชน์ที่เขาต้องจัดคอนเสิร์ต
“ข้าจะนับวันรอขอรับ!” แพนพูดด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากลูเซียนไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง
“ข้าด้วย!” นับเป็นครั้งแรกที่แอนนิคพูดออกมาเสียงดังขณะนี้
สมัยที่เขายังเรียนหนักคนเดียวอยู่ในไวโอเล็ต และเขาเกือบจะยอมแพ้ต่อความยากลำบากในชีวิต ก็เป็นเพราะ ‘เพลงซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ที่ทำให้เขามีพลังจะก้าวหน้าต่อไป!
หน้าของเลย์เรีย ไฮดี้ และแคทรินาก็แดงระเรื่อเล็กน้อย สมัยพวกเรายังเป็นเด็กๆ ลูเซียน อีวานส์ นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนเจ้าชายรูปงามในฝันของทุกนาง แม้ว่าพวกนางจะเคยเห็นแต่รูปที่มองไม่ชัดของเขาในหนังสือพิมพ์ แต่ความงดงามของเสียงเพลงก็ทำให้พวกนางเพ้อฝันได้ไม่รู้จบ และความจริงที่ว่าผู้ชายที่พวกเราเฝ้าฝันถึงกลับกลายเป็นอาจารย์ที่พวกนางเคารพที่สุดก็ทำให้พวกนางรู้สึกแปลกประหลาดและละอายใจไม่น้อย แต่โชคดีที่พวกนางไม่เคยพูดถึงนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ต่อหน้าลูเซียน อีวานส์
“ปีศาจแห่งต้นกำเนิด? ตำแหน่งใหม่ของท่านหรือเจ้าคะ?” หลุยส์ถามขึ้น นางรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อเห็นว่าลูเซียนเป็นมิตรและโอบอ้อมอารีขนาดไหน
ไฮดี้ตอบอย่างภาคภูมิใจ “แม้ว่าชื่อจากศาสนจักรนี้จะฟังไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็เหมาะกับอันดับของท่านอีวานส์ในบัญชีกวาดล้าง ที่ลำดับห้าสิบสาม!”
ห้าสิบสาม?! ไคลน์ หลุยส์ และนักเวทฝึกหัดอีกสองคนรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังฟังนิทานปรัมปรา ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้ติดตามบัญชีกวาดล้าง เนื่องจากพวกเขาต้องกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดระหว่างทางมาอัลลิน พวกเขาเลยไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกันปีศาจแห่งต้นกำเนิดเข้ามาอยู่ในรายชื่อ ลูเซียน อีวานส์ คงต้องทำอะไรสักอย่างที่สั่นคลอนศาสนจักรทั้งองค์กรจึงมีรายชื่ออยู่ในลำดับนี้ หากพวกเขาจำได้ชัดเจน ตำแหน่งสูงขนาดนั้นน่าจะเป็นของผู้ที่มีพลังระดับตำนานเสียมากกว่า!
พวกเขาคิดว่าลูเซียน อีวานส์ ยอมเปิดเผยความลับสุดยอดต่อพวกเขา ก็เพราะพวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของลูเซียน แต่ตอนนี้พวกเขารู้ดีแล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้ซึ่งมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเสมอมีพลานุภาพและมีปริศนามากกว่าที่พวกเขาคิด!
ลูเซียนสังเกตว่ามีนักเวทมากขึ้นๆ ที่ชะลอฝีเท้าลงและเริ่มจับกลุ่มกันรอบๆ เขาถึงบอกว่า “ข้าว่าพวกเจ้าไปลงทะเบียนให้เรียบร้อยก่อนเถอะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของลูเซียน เขาจึงรีบถามออกไป “ไคลน์ หลุยส์… ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าสนใจทำงานนอกเวลาให้ข้าไหม?”
“งานนอกเวลา?” หลุยส์ไม่รู้จริงๆ ว่านางจะช่วยลูเซียน อีวานส์ ผู้ทรงอิทธิพลคนนี้อย่างไร
ลูเซียนพูดเพียงสั้นๆ “ข้าเตรียมรายการหนึ่ง ชื่อว่า ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ เพื่อสร้างบทเพลงสั้นๆ ให้กับชาวเกษตรกร ชาวเมือง และสาธารณะทั่วไป ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยข้าได้ หลุยส์ ยากมากที่จะหานักเวทเช่นเจ้าในอัลลินที่ทั้งมีพรสวรรค์ในด้านดนตรีและตอนนี้ก็มีเวลาว่างมากพอ”
ลูเซียนอยากจะให้มีดนตรีคลาสสิคมากกว่าดนตรีเฮฟวี่เมทัลในรายการของเขา
หลุยส์ยังสับสนอยู่เล็กน้อย เนื่องจากนางไม่เข้าใจว่า ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ คืออะไร และรายการคืออะไร อย่างไรก็ตาม การได้ทำงานกับนักเวทและนักดนตรีผู้มีอิทธิพลก็ฟังดูเข้าท่าสำหรับนาง เนื่องจากนางยังคงใช้เวลาว่างเล่นดนตรีเสมอขณะที่ศึกษาเรื่องเวทมนตร์
นางจึงพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ”
“ท่านไคลน์ ข้ารู้ว่าท่านเป็นกงสุลในอัลโต้ ข้าคิดว่าท่านน่าจะรู้ความลับเกี่ยวกับศาสนจักรและวิถีชีวิตของผู้ศรัทธา ข้าก็หวังว่าท่านจะได้ทำรายการเรื่องนี้” ลูเซียนพูดขึ้น “…สภาเวทมนตร์จะจ่ายค่าจ้าง และค่าจ้างก็ดีทีเดียว”
ไคลน์ก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล “ด้วยความยินดีขอรับ”
“ดี หลังจากลงทะเบียนเสร็จ ทั้งสองคนมารอข้าที่ห้องทำงานของข้าในคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา” ลูเซียนเอ่ย
แล้วเขาก็เดินตรงไปที่ลิฟต์พร้อมกับเหล่าลูกศิษย์และมุ่งหน้าไปยังสถาบันอะตอม
…
ณ สุสานอันรกร้างว่างเปล่าในเมืองไฮด์เลอร์ หมอกสีเทาลงค่อนข้างหนา
อะดอล ปีศาจผีดิบ จ้องมองหอคอยเวทมนตร์ในระยะไกลแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอับเฉา “ต้องลงมือเพื่อไม่ให้สภาเวทมนตร์สืบลึกไปกว่านี้ มิฉะนั้น ช่องโหว่จะถูกเปิดเผยเมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับเวลา”
ปีศาจผีดิบตนใหม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มองเขา “ดูเหมือนท่านจะมีแผนแล้ว อะดอล”
อะดอลพยักหน้า “เจ้าได้อ่านอาร์คานาฉบับล่าสุดหรือยัง? ลูเซียน อีวานส์ ก็เข้าร่วมสงคราม และตอนนี้เขากำลังถูกโจมตีจากผู้สนับสนุนทฤษฎีคลื่น”
“แล้วทำไม?” ปีศาจชั้นอาวุโสตนนั้นถามขึ้น
เสียงของอะดอลแห้งและแหบพร่า “ข้ารู้มาจากโรเจริโอว่าลูเซียน อีวานส์ ได้สังหารนักเวทสายแม่เหล็กไฟฟ้าคนหนึ่งซึ่งสนับสนุนทฤษฎีคลื่น หลังจากได้รับจดหมายข่มขู่จากเขา นี่เป็นโอกาสของเรา ผู้สนับสนุนทฤษฎีคลื่นต้องเคียดแค้น หากรู้เรื่องนี้ เราต้องเติมเชื้อไฟความแค้นให้ถูกจังหวะ คงมีบางคนที่จะทำเรื่องที่ทำให้ลูเซียน อีวานส์ โกรธอีกครั้ง ด้วยอารมณ์หุนหันพลันแล่นของเขา ลูเซียน อีวานส์ จะต้องแก้แค้นอีกครั้งแน่นอน”
“…แล้วผู้ที่สนับสนุนลูเซียนอย่างเฟอร์นันโด แฮททาเวย์ และดักลาส กับพวกที่อยู่ตรงข้าม บรูค โอลิเวอร์ เฮลเลน มิรันดา และนักเวทที่เหลือส่วนใหญ่ จะสู้กันเอง สภาเวทมนตร์ก็จะตกอยู่ในความยุ่งเหยิงอย่างไม่เคยมีมาก่อน แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ไฮด์เลอร์ก็จะถูกลืม”
กระดูกของปีศาจต้นใหม่นี้ปรบมือ “ความคิดเยี่ยม”
แล้วปีศาจทั้งสองตนก็ลอบกลับเข้าไปในหอคอยเวทมนตร์
ตอนนั้นเอง ในสุสานที่รกร้างว่างเปล่า เศษเนื้อเน่ามากมายก็พลันดีดดิ้นไปมาบนพื้นเหมือนกับหนอน แล้วหายเข้าไปในจุดเดิมของมัน
ภายในหอคอยเวทมนตร์ที่เพิ่งสร้างใหม่ในเมืองไฮด์เลอร์ เฟลิเปแบมือและจ้องมองหนอนบนฝ่ามือของเขา น้อยครั้งมากที่เขาจะดูท่าทางงุนงงเช่นนี้
แม้ว่าการศึกษาอาร์คานาต้องหยุดลงเมื่อเร็วๆ นี้ เพราะเขาจำกัดเรื่องวิธีการเฝ้าสังเกต เฟลิเปก็กลับก้าวหน้าในเวทมนตร์อื่น
โลกแห่งวิญญาณไม่ใช่สถานที่ที่สงบสุข เมื่อนึกถึงเหตุการณ์พระจันทร์สีเลือด เฟลิเปก็จ้องมองไปยังทางเข้าวิธีพิเศษสองมิติ แล้วก็สงสัยว่าทำไมอะดอลถึงยังไว้ใจและร่วมงานกับพวกที่มาจากโลกแห่งวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ไม่นานฟิลิเปก็ตัดสินใจได้ เขาไม่เห็นประโยชน์อะไร และมีแต่อันตรายที่จะเข้ามาจากการหักหลังสภาเวทมนตร์เพื่อช่วยมิติปริศนา ‘โลกแห่งวิญญาณ’ โดยเฉพาะเมื่อเขาเพิ่งขึ้นเป็นนักเวทชั้นอาวุโสใหม่ๆ
เขารีบคว้ากระดาษมาจำนวนหนึ่งและพูดพึมพำกับตัวเอง
“ลูเซียน อีวานส์ บ้าไปแล้ว! สมมติฐานนี้แปลกประหลาดสิ้นดี ข้าต้องเขียนจดหมายไปสั่งสอนบทเรียนกับเขาหน่อย!”