บทที่ 427 คำชมที่ยากจะได้รับ
“ธรรมชาติ…” นีชกาไอเล็กน้อย “…คำอธิบายของท่านช่างน่าจูงใจ ท่านอีวานส์ แต่… แต่ชื่อนี้จะไม่กว้างไปหน่อยหรือสำหรับวารสารคณิตศาสตร์?! ข้าเกรงว่าผู้คนอาจจะไม่เข้าใจเมื่อมองผ่านๆ”
สมาชิกคณะกรรมการทุกคนต่างคิดเห็นไปทางเดียวกัน ซึ่งรวมถึงเลฟสกี เมื่อต่างจากวารสารฉบับอื่น เช่น อาร์คานา เวทมนตร์ และโหราศาสตร์ ซึ่งชื่อของวารสารบอกวัตถุประสงค์ชัด ธรรมชาติฟังดูเหมือนวารสารที่ก่อตั้งโดยชาวดรูอิด แม้พวกเขาจะชื่นชมความเชื่อในคณิตศาสตร์ของลูเซียน แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าคณิตศาสตร์จะยังรับใช้การศึกษาอาร์คานาศาสตร์และเวทมนตร์
จริงๆ แล้ว ลูเซียนไม่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่า สมมติถ้าเป็นคำว่า ‘วิทยาศาสตร์’ เขาต้องสร้างและนิยามคำใหม่ขึ้นในโลกนี้ แต่สำหรับคำว่า ‘ธรรมชาติ’ เขาสามารถอ้างอิงถึงโดยตรง แล้วลูเซียนก็อธิบาย “อันที่จริง ข้าตั้งความหวังกับวารสารฉบับใหม่ไว้มาก แม้ตอนนี้ ‘ธรรมชาติ’ ยังคงเป็นเพียงวารสารคณิตศาสตร์ แต่ในอนาคต ข้าหวังว่าวารสารจะสามารถตีพิมพ์ทฤษฎีอาร์คานาศาสตร์ทั้งหมดที่ยากเกินกว่าผู้คนจะยอมรับหรือเข้าใจในทันที โดยเป้าหมายหลักอยู่ที่คณิตศาสตร์ ธรรมชาติยังมีความหวังว่าจะกลายเป็นวารสารที่นิยาม ‘ความจริงของโลก’ ซึ่งมีความสำคัญเทียบเท่ากับวารสารอาร์คานาและเวทมนตร์”
ความคิดนี้เป็นเรื่องทะเยอทะยานเกินไปสำหรับสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม ทั้งวารสารอาร์คานาและวารสารเวทมนตร์ต่างมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี โดยวารสารอาร์คานามุ่งเน้นเรื่องทฤษฎี ขณะที่วารสารเวทมนตร์จะเน้นไปทางการปฏิบัติ ทั้งสองเป็นวารสารชั้นนำของเหล่าจอมเวท ไม่ต่างจาก ‘พระคัมภีร์’ ของบรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้าแห่งสัจธรรม โดยตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่อาจถูกแทนที่ได้
ดังนั้น เหล่าสมาชิกยังไม่รับคำพูดของเซียนเข้ามาใส่ใจ สิ่งที่ลูเซียนพูดเป็นเพียงความหวังอันสวยงามและเป้าหมายที่พวกเขาต้องเดินไปสู่ มิลินาพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “ตามที่ท่านบอก เราใช้คณิตศาสตร์เพื่อนิยามโลกความเป็นจริง…จากแนวคิดนี้ ข้าก็คิดว่าธรรมชาติไม่ใช่ชื่อที่เลวร้าย ชื่ออย่างเช่น ‘โลก’ หรือ ‘ความจริง’ อาจฟังดูเย่อหยิ่งเกินไป ส่วนคำว่า ‘คณิตศาสตร์’ ก็ดูคับแคบเกินไป…”
“ข้าเห็นด้วยกับประเด็นที่ว่า ‘ธรรมชาติ’ อาจกลายเป็นเวทีให้แบ่งปันทฤษฎีซึ่งยากที่จะยอมรับ วารสารของเราสามารถให้ความช่วยเหลือพวกเขา…” เลฟสกีหวนนึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาและเห็นด้วยกับแนวคิดของลูเซียน
ซัลเกโร ชายวัยกลางคนผู้มีผมอันยุ่งเหยิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วเราจะแยกแยะบทความที่ทรงคุณค่าจริงๆ กับบทความไร้สาระที่ตั้งใจทำเป็นเรื่องตลกอย่างไร? หากว่าวารสารธรรมชาติเปิดประตูต้อนรับทั้งหมด ในฐานะวารสารที่มีคะแนนอ้างอิง 2.0 คงล่อให้จอมเวทมากมายสร้างข้อมูลทฤษฎีเท็จที่น่าแปลกหูแปลกตาซึ่งไม่เป็นจริงและไร้ประโยชน์ขึ้นมา”
เลฟสกีพูดตอบไม่ถูก ขณะที่ลูเซียนตอบคำถามตามที่เตรียมไว้แล้ว “ธรรมชาติเป็นวารสารคณิตศาสตร์โดยสมบูรณ์ ฉะนั้น การตัดสินของเราควรอยู่บนพื้นฐานการให้เหตุผลแบบปรนัยเชิงตรรกะที่สมบูรณ์ หากบทความใดมีเหตุผลน่าเชื่อถือเชิงตรรกะ แต่ไม่ผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการ เราก็ตีพิมพ์ลงในเนื้อหาการอภิปราย อย่างไรก็ตาม หากบทความชิ้นใดมีความผิดพลาดเชิงตรรกะพื้นฐาน นั่นก็ไม่ผ่านอยู่แล้วแล้วก็ควรถูกปฏิเสธ”
“นั่นแหละ!” เลฟสกีทวนคำพูดอันประเทืองปัญญาของลูเซียน
สมาชิกคณะกรรมการต่างพยักหน้ากันเงียบๆ พวกเขาได้เรียนรู้ความผิดพลาดของตนมาแล้วในกรณีของเลฟสกี
อีกไม่กี่นาทีต่อมา นีชกาก็พูดขึ้นขณะมองออกไปข้างนอกและเห็นพระอาทิตย์กำลังตกทางทิศตะวันตก “นี่เป็นการประชุมสอบทวนที่ยาวนานที่สุดที่ข้าเคยเข้าร่วม แล้วจากนี้ไปข้าก็ได้บทเรียนสำคัญแล้ว ท่านอีวานส์ ได้โปรดยื่นบทความทั้งสามนี้ให้คณะกรรมการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด พวกเราจะเฝ้ารอเขียนความเห็นให้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะทำเรื่องนี้เสร็จก่อนที่วารสารธรรมชาติจะได้รับอนุมัติ”
แม้ว่าสมาชิกคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในสาขาคณิตศาสตร์ในนครอัลลินทุกคนจะอยู่ในห้องนี้ แต่ก็ควรทำตามขั้นตอนการประเมินบทความใหม่
“ข้าจะยื่นวันนี้เลย ก่อนที่ฝ่ายบริหารจัดการนักเวทจะปิด” ลูเซียนเพิ่งรู้ตัวว่าเลยเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ทุกคนในห้องต่างไม่มีใครได้พักทานอาหารกลางวัน
หลังจากมองดูสมาชิกคณะกรรมการออกจากห้องประชุมไป เลฟสกีก็หันมาทางลูเซียน “ท่านอีวานส์ ขอบคุณท่านมากๆ หากไม่ได้ท่าน ข้าคงต้องมีชีวิตอยู่อย่างเศร้าสร้อยเหมือนเดิม”
เนื่องจากเลฟสกีอุทิศทั้งชีวิตเพื่อการพัฒนาระบบเรขาคณิตของเขา เขาจึงยังไม่ได้เลื่อนขั้นขึ้นชั้นกลาง และเขาก็ไม่มีเวลาพอที่จะทำภารกิจที่ได้รับจากสภาเพื่อหาเงินจุนเจือชีวิต ผ่านมาเนิ่นนาน เลฟสกีใช้ชีวิตอยู่อย่างยากจนข้นแค้น เขาจำใจต้องย้ายออกจากนครอัลลินเนื่องจากทุกอย่างในเมืองนี้แพงเกินไปสำหรับเขา รายได้หลักของเขาอาศัยเพียงเงินสนับสนุนจากสภาเวทมนตร์สำหรับจอมเวทระดับสองและนักเวทระดับสาม ตอนที่เขาป่วย ชีวิตเขายากลำบากมากขึ้นจนเขาต้องมองหาแหล่งรายได้จากที่อื่น
ดังนั้น เลฟสกีมันคงตื่นเต้นมาก ขณะแสดงความขอบคุณต่อลูเซียนอย่างจริงใจอีกครั้ง สำหรับเขาแล้ว ท่านอีวานส์ช่วยชีวิตเขาไว้ รวมถึงทฤษฎีของเขาด้วย หลังจากผ่านมาหลายปี เลฟสกีก็มองระบบเรขาคณิตของเขาประหนึ่งลูกในไส้
“ท่านไม่ได้ติดค้างอะไรข้า ท่านคู่ควรกับมัน” ลูเซียนพูดอย่างอ่อนโยน “ดูแลวารสาร ‘ธรรมชาติ’ ฉบับใหม่นี้ให้ดีที่สุด ท่านจะได้ช่วยอัจฉริะคนอื่นๆ เหมือนท่านได้”
เลฟสกีต้องเผชิญกับความผันผวนทางอารมณ์อย่างรุนแรงในวันนี้ ตอนนี้หลังจากเขาสงบสติลง เขารู้สึกหมดพลัง เขายิ้มกว้างให้กับลูเซียน “ท่านเปลี่ยนชีวิตข้า… ไม่ต้องสงสัยเลย น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้เรื่องธาตุมากนัก มิฉะนั้นข้าคงขอทำงานให้กับสถาบันอะตอมเพื่อเรียนรู้จากท่าน ท่านอีวานส์”
“ข้าก็ได้เรียนรู้จากท่านเช่นกัน ความมุ่งมั่น อีกอย่างท่านเรียกข้าว่าลูเซียนหรืออีวานส์ก็พอ” ลูเซียนกล่าว “ทุกๆ คนล้วนมีจุดแข็งในตัวเอง เราทั้งสองคนรู้ดีว่าระบบเรขาคณิตใหม่ยังเป็นเพียงกรอบการทำงานเท่านั้นในตอนนี้ มันยังขาดความสามารถในการวิเคราะห์และยังต้องมีการสำรวจเพิ่มเติม ข้าหวังว่าเราทุกคนจะร่วมกันเดินไปในทิศทางนี้”
“…นอกจากนี้” ลูเซียนกล่าวเสริม “อย่าลืมเรื่องอาร์คานาและเวทมนตร์ ในการสำรวจต่อและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ให้มากขึ้น ท่านต้องพัฒนาความรู้ในอาร์คานาและเวทมนตร์ของท่าน นี่เป็นทางเดียวที่ท่านจะมีชีวิตยืนยาว และเมื่อท่านแก่ตัวลง สมองของท่านก็ยังคงทำงานได้ดีเหมือนเดิม”
“ขอรับ ขอรับ!” เลฟสกีตอบด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเห็นความเหนื่อยล้าในแววตาของเลฟสกี ลูเซียนก็ขอให้เขากลับไปพักให้เต็มที่
เขาล้วงมือลงในกระเป๋า ลูเซียนมองดูเลฟสกีออกจากห้องประชุมไป เมื่อลูเซียนหันกลับมาเก็บเอกสาร เขาก็ได้ยินเสียงเฟอร์นันโดดังขึ้น
“สุทนทรพจน์ของเจ้าไม่เลวทีเดียว ยิ่งเราเข้าใกล้ความจริงของโลกมากขึ้น ขีดจำกัดของร่ายกายและวิญญาณยิ่งมีผลต่อเรามากขึ้น เราต้องอาศัยเครื่องมือ คณิตศาสตร์และเวทมนตร์ เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งที่เราเห็นและรู้สึก การมองข้ามความสอดคล้องกันกับความจริงและมุ่งไปยังสัจพจน์และการให้เหตุผลแบบนิรนัย อาจเป็นทิศทางสำหรับการพัฒนาคณิตศาสตร์ในอนาคต”
เขามองตรงไปข้างหน้า เฟอร์นันโดกำลังชื่นชมลูเซียน ซึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขา
ลูเซียนค่อนข้างประหลาดใจ เขาตรวจสอบเฟอร์นันโดอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่มังกรคริสตัล อัลเฟอร์ริส ปลอมตัวมา
เฟอร์นันโดจ้องกลับมาที่เขา นั่นเป็นการยืนยัน นี่คือเฟอร์นันโดตัวจริง
“ข้าได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เลฟสกีและเรขาคณิตใหม่ต้องเผชิญ…” ลูเซียนตอบ
“จริงหรือ?” เฟอร์นันโดมองลูเซียนอย่างมีความหมาย
ลูเซียนตอบโดยเร็ว “แน่นอนขอรับ ว่าแต่ช่วงนี้อาจารย์ศึกษาเรื่องอะไรอยู่ขอรับ?”
เฟอร์นันโดดูท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย “ข้าทำการทดลองเรื่องการสาปวัตถุ และพบว่ามันสามารถแผ่อิเล็กตรอนและธาตุใหม่ตามที่คาด แต่ข้าก็พบร่องรอยของธาตุแปลกๆ ที่ไม่รู้จัก แต่มันมีปริมาณต่ำมาก คงต้องใช้เวลาและต้องออกแรงสกัดมากหน่อย”
“แต่ผลการค้นพบแค่นี้ก็มากพอจะทำให้จอมเวทส่วนใหญ่ปวดหัวแล้ว ธาตุและอะตอมคืออะไรกันแน่? ภายในมีลักษณะอย่างไร? ทำไมธาตุพวกนี้ถึงแผ่ออกมาได้?”
“ฉะนั้น…ข้าพยายามตรวจสอบโครงสร้างภายในอะตอม เสียดายที่ไม่มีวงเวทที่เหมาะสมและมีประโยชน์พอที่จะช่วยสำรวจโลกจุลภาค เราถูกจำกัดด้วยวิญญาณและร่างกายของเราจริงๆ”
ท้ายที่สุด ลูเซียนก็ตระหนักว่าสุนทรพจน์สั้นๆ ของเขาประทับใจเฟอร์นันโดและทำให้เขาได้รับคำชมอันแสนจะได้มายากเย็น หลังจากพิจารณาคำพูดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ลูเซียนก็พูดอย่างระมัดระวัง “เราสามารถตั้งสมมติฐานที่หนักแน่นขึ้นมาก่อน และค่อยตัดทิ้งโดยใช้การทดลอง เราไม่สามารถเห็นโครงสร้างภายในของอะตอมโดยตรง เราก็ต้องอาศัยวิธีโดยอ้อม…”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือไง?!” เฟอร์นันโดคำรามใส่ลูเซียน
…
ภายในหอคอย
ซาแมนธาถือกองเอกสารกองใหญ่ในมือ เคาะประตูและได้ยินเสียงอาจารย์ของนางซึ่งฟังดูเหมือนกำลังเศร้าสร้อย
“เข้ามา”
ซาแมนธาแปลกใจที่เห็นอาจารย์ของนางอยู่ในภาวะอารมณ์เช่นนี้ นางเลิกคิ้วสีทองขึ้นเล็กน้อย ขณะรักษาท่าทีเคร่งเครียดบนใบหน้า และผลักเปิดประตูเข้าไป
“ท่านอาจารย์คะ นี่เป็นบทความของวันนี้”
“จากลูเซียน อีวานส์?” นีชกาถาม หันกลับไปมอง
ซาแมนธาเปิดดูกองเอกสารคร่าวๆ
“อีกมุมมองของสมมติฐานเส้นขนาน…จากลูเซียน อีวานส์…ท่านอาจารย์คะ ท่านแพ้หรือคะวันนี้?
“แพ้… ใช่ เราแพ้… แพ้หมดรูป ความยโสและอคติทำให้เราแพ้ เลฟสกีถูก ระบบเรขาคณิตใหม่ของเราแตกต่างจากเรขาคณิตหอคอย แต่ก็ใช้ร่วมกันได้” นีชกาตอบ เขาดูแก่กว่าอายุจริงๆ สิบปี และมีลูกศิษย์เพียงคนเดียว
ซาแมนธาประหลาดใจเล็กน้อย “ลูเซียน อีวานส์ มีแบบจำลองจริงๆ หรือคะ?”
ซาแมนธาก็เป็นอัจฉริยะด้านอาร์คานาศาสตร์และมีชื่อเสียงระดับเดียวกับแลร์รี่ จูริเซียน และราเชล นางเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ แม่เหล็กไฟฟ้า และคณิตศาสตร์ หลังจากอ่านบทความของเลฟสกี นางเองก็ไม่อาจยอมรับได้
“ใช่… มีไฮเพอร์โบลอยด์ที่ดูเหมือนอานม้า…” นีชกาตอบด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เขายังแสดงบทพิสูจน์ว่าระบบเรขาคณิตสองระบบใช้ร่วมกันได้โดยใช้วงกลมหนึ่งหน่วย และเขายังนำเสนอระบบเรขาคณิตระบบใหม่ที่สอดคล้องกับระบบของเลฟสกี เขาเป็นสุดยอดอัจฉริยะ เดือนหน้าเขาอาจได้รับรางวัล ‘คทาอาร์คานา’ พร้อมกับเลฟสกีด้วยซ้ำ… ไม่ได้รับร่วมกันนะ แต่ได้คนละรางวัล”
ความพยายามรักษาสีหน้าของซาแมนธาสิ้นสุดลง และกลายเป็นสีหน้าที่มีความซับซ้อน “ทำไมข้าไม่คิดเรื่องนี้… ชนะรางวัลเกียรติยศสูงสุดในสามสาขาก่อนขึ้นชั้นอาวุโส…”
“เอาบทความมาดูสิ” นีชกาพูดห้วนๆ หลังจากอ่านบทความผ่านๆ เขาก็หยิบปากกาขนนกขึ้นมาและเขียนความเห็น
“เริ่มจากระบบเรขาคณิตของเลฟสกี แต่มุ่งไปสู่ทิศทางตรงข้าม ลูเซียน อีวานส์ ตั้งสมมติฐานว่ามีเส้นอาร์ และจุดพีไม่ได้อยู่บนเส้นอาร์ ในระนาบที่มีเส้นอาร์และจุดพี ไม่มีเส้นตัดผ่านเส้นพี และไม่ตัดจุดอาร์ ด้วยการให้เหตุผลแบบนิรนัยแล้ว เขาได้ชุดประพจน์และข้อยุติที่ไม่มีใครเคยจินตนาการถึง ดังนั้น จึงเป็นที่มาของระบบเรขาคณิตแบบใหม่ที่ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบและอิสระ ซึ่งเรียกว่า เรขาคณิตอีวานส์ เขายังได้พิสูจน์ความเป็นไปได้ของระบบบนพื้นผิวโค้ง ดังนั้น นี่ไม่ได้เป็นเพียงจินตนาการอีกต่อไป”
“มองข้ามนัยทางปฏิบัติ มุ่งเน้นที่สัจพจน์และสมมิตฐานรวมถึงการให้เหตุผลแบบนิรนัยอย่างเคร่งครัด ลูเซียน อีวานส์ แสดงให้เราเห็นถึงความคิดริเริ่มที่ไม่เหมือนใครของเขา ระบบเรขาคณิตของเขาเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่และนำเราไปสู่การปฏิวัติแนวคิด”
“สิ้นข้อสงสัย ระบบเรขาคณิตใหม่ของเขาเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ต่อการพัฒนาเรขาคณิต สามารถใช้ได้โดยสากล และวิธีการใหม่ มีตำแหน่งสำคัญและสมควรได้รับการอภิปรายในวงกว้าง ข้าขอเสนอให้มอบคะแนนความน่าเชื่อถือสี่ร้อยคะแนนและคะแนนอาร์คานาสี่พันคะแนนเป็นรางวัล”
ขณะที่นีชกากำลังเขียน ซาแมนธาก็ยืนอยู่ข้างๆ เขาและกำลังเฝ้าดู สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากโกรธ เป็นชื่นชม และผิดหวัง
“ซาแมนธา วารสารฉบับใหม่กำลังเตรียมการ สุนทรพจน์ของลูเซียน อีวานส์ จะสลักข้อความลงบนหน้าแรก เจ้าไปอ่านมาให้ละเอียด เจ้าน่าจะได้แรงบันดาลใจ” นีชกาพูดต่อขณะกำลังวางปากกาขนนกลง
“อ่า?” ซาแมนธาประหลาดใจในตอนแรก แล้วก็กลายเป็นสงสัยมากยิ่งขึ้น