บทที่ 458 พระสันตะปาปาพิโรธ
หลังจากทำการทดลองกับอาจารย์เสร็จ ปราโดก็ผ่อนคลายลงขณะมองไปออกไป และก็ได้เห็นแสงอาทิตย์ยามตกดินที่ดูราวกับภาพฝัน เขารู้สึกพึงพอใจมากกว่าที่เคย เพราะเขาระบุชัดถึงก้าวต่อไปที่เขาจะเลือกให้กับงานวิจัย นั่นคือการค้นหานิวตรอนเพื่อสนับสนุนทฤษฎีเปลี่ยนรูปสสารของลูเซียน อีวานส์
เขาเคยคิดว่าเขาคงจะไม่มีทางเข้าไปใกล้อาณาเขตของระดับตำนานและกลายเป็น ‘ท่านมหาจอมเวท’ ได้อย่างอาจารย์ของเขา แต่ตอนนี้ ‘การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’ ทำให้เขามีหวัง!
ใบหน้าเขาปรากฏรอยยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและปิติยินดี ปราโดหยิบปากกาขนนกขึ้นมา
‘ก่อนอื่นเลย ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุ ข้าขอแสดงความซาบซึ้งใจอย่างสูงสุดแก่ลูเซียน อีวานส์ ผู้เขียนงานชิ้นนี้ เขาได้ทำให้ความฝันของนักเล่นแร่แปรธาตุหลายต่อหลายรุ่นเป็นความจริง!
‘เริ่มจากข้อเท็จจริง ท่านลูเซียน อีวานส์ ได้บรรยายโครงสร้างและคุณสมบัติของอะตอมไว้อย่างละเอียดครอบคลุม จากนั้นเขาก็ได้สร้างระบบทางทฤษฎีที่สามารถอธิบายปฏิกิริยาทางการแปรธาตุ การแตกตัวของประจุไอออน จำนวนอะตอม ตารางธาตุ และรูปแบบเส้นสเปกตรัม[1] ของธาตุ ระบบทางทฤษฎียังอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับธรรมชาติของธาตุต่างๆ อีกด้วย นอกจากนี้ เมื่อยึดหลักจากธาตุใหม่ที่ค้นพบจากสารกัมมันตรังสี ท่านลูเซียน อีวานส์ ได้อธิบายถึงวิธีการแปรรูปสสารและทำนายถึงวิธีการอีกมากมายในการเปลี่ยนสสาร
‘หากระบบทางทฤษฎีของท่านลูเซียน อีวานส์ ได้รับการพิสูจน์ยืนยัน มันจะกลายเป็นความสำเร็จทางการวิจัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับแต่ความสำเร็จของท่านมหาจอมเวทแฮททาเวย์ ระบบทางทฤษฎีของเขาทรงพลังมากพอจะเปลี่ยนยุคสมัยได้!
“ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุผู้หนึ่ง ข้าต้องบอกว่าระบบทางทฤษฎีนี้จะกลายเป็นหลักเกณฑ์สำหรับสำนักเวทธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุ ความรุ่งเรืองจากความสำเร็จนี้จะใหญ่หลวงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
‘ทว่า ในเมื่อการสร้างระบบทางทฤษฎีในขั้นสุดท้ายยังต้องมีการทดลองที่แน่ชัดเพื่อเป็นข้อสนับสนุน ตอนนี้ข้าจึงไม่อาจส่งคำชื่นชมทั้งหมดนี้ หรือตำแหน่งมหาจอมเวทไปให้ท่านอีวานส์ได้
‘เมื่อดูจากสิ่งที่เรามีในตอนนี้ ข้าบอกได้ว่าระบบทางทฤษฎีนี้ที่อธิบายสำนักเวทธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุว่าเป็นสิ่งที่สะเทือนวงการ แปลกใหม่ สำคัญอย่างที่สุด สามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นสากล และควรค่าแก่การอภิปราย ขอแนะนำว่าควรมอบรางวัลเป็นห้าพันค่าชื่อเสียงอาร์คานาและหนึ่งแสนคะแนนอาร์คานา’
เมื่อเขาวางปากกาขนนกลง ปราโดยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย
เขามองออกไปยังท้องฟ้ายามราตรีแสนทึบทึม และเขาก็รู้ได้ว่าวันพรุ่งนี้ เมื่อดวงอาทิตย์ปรากฏกาย มันย่อมเป็นวันที่สดใสรุ่งโรจน์
…
ต้องขอบคุณวงแหวนเวท ‘พระเจ้าคุ้มครอง’ ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันพลังระดับมหาจอมเวท รอบนอกของคริสตจักรอาภาจึงไม่เป็นอะไร
ทว่า เมื่อสโตน อัศวินสี่ปีกเร่งรีบมาถึงที่นี่และได้เห็นภาพอันน่าตกตะลึง สีหน้าเขาก็พลันบิดเบี้ยวด้วยความเกลียดชังและโศรกตรม พระคาร์ดินัลและบิชอปหลายคนที่อยู่ภายในส่วนกลางของคริสตจักร ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่หรือกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ต่างเสียชีวิต
วิสัยทัศน์ของสโตนพลันพร่าเลือน ราวกับหยาดโลหิตของเหล่านักบวชได้เข้าปกคลุมดวงตาเขา การสูญเสียนี้มากเกินกว่าที่เขาจะทนรับได้
เพื่อที่จะต่อกรกับสภาเวทมนตร์ที่เติบโตแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน สังฆมณฑลโฮล์มเป็นดั่งศูนย์กลางที่ล้อมรอบด้วยสี่มณฑลนั่นคือโคเลตต์ บริแอนน์ คาเลส์ และบริเวณชายฝั่งของดินแดนทางเหนือ ดังนั้นจำนวนพระคาร์ดินัลที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่จึงมีมาก และส่วนใหญ่จะอยู่ในคริสตจักรอาภา
“จนถึงตอนนี้ ประมาณการณ์ได้ว่ามีพระคาร์ดินัลเสื้อคลุมแดงระดับเก้าอย่างน้อยสามท่าน เสื้อคลุมแดงระดับล่างสิบห้าท่าน และพระคาร์ดินัลอีกเกือบหนึ่งร้อยท่านที่สิ้นชีพไป…” เสียงแหบพร่าระคนทุกข์ทนของวาฮารัลล์คล้ายกับส่งตรงออกมาจากนรกภูมิ แต่เขาก็มิอาจยอมให้ความโศกเศร้าและโทสะเข้าควบคุมจิตใจเขาในตอนนี้ได้ เพราะเขายังต้องเปิดการใช้งานวงแหวนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมรับการโจมตีที่อาจตามมาจากสภาเวทมนตร์
“ลูเซียน อีวานส์!” เมื่อคิดว่าเขาเพิ่งจะพึงพอใจกับการจำนวนการสังหารของลูเซียน สโตรก็มิอาจกักเก็บความโกรธได้อีกต่อไป
น่าอับอายสิ้นดี!
เขาได้รู้มาจากวาฮารัลล์ว่าลูเซียน อีวานส์ คือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ การสูญเสียในระดับนี้ยังพบได้ยากแม้แต่ระหว่างสงครามแห่งรุ่งอรุณและสงครามกับพวกนอกรีตทางตอนเหนือ แม้ว่าศาสนจักรใดจะอวดอ้างว่าจำนวนนักบวชระดับกลางและระดับสูงจะเท่ากับสภาเวทมนตร์และศาสนจักรเหนือรวมกัน แต่เนื่องจากพวกเขามีอาณาเขตกว้างขวางมาก จึงยังมีปัญหาในการเรียกรวมพลเหล่านักบวชและพระคาร์ดินัลกลับมาในระยะเวลาสั้นๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บใจที่สุดคือการที่ฟีลิเบลถูกลดระดับพลังลง! นี่นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่!
“และรวมถึงดักลาส เฟอร์นันโด แอตแลนต์…” ฟีลิเบลรู้จักนักเวทระดับตำนานดี มิได้มีเพียงลูเซียน อีวานส์ ผู้เดียว
ดักลาสคืออาจารย์ของอาร์ทิล และเฟอร์นันโดก็เป็นอาจารย์ของลูเซียน และวิธีการที่พวกเขาใช้ก็เป็นไปตามแบบฉบับของแอตแลนต์
ฟีลิเบลคล้ายกับจะแก่ชราลงมากภายในไม่กี่วินาที “ข้าได้ส่งข้อความไปหาพระสันตะปาปาผู้ทรงศีลแล้ว สงครามคือสิ่งที่มิอาจหลักเลี่ยง ลูเซียน อีวานส์ จักต้องตาย”
ลูเซียน อีวานส์ ต้องตายบัดเดี๋ยวนี้ มันอาจสายเกินไปเมื่อเขากลายเป็นมหาจอมเวทและนักเวทระดับตำนาน
หากให้เวลา ‘การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’ มากพอ อนาคตของลูเซียน อีวาน์ อาจไม่อยู่ในการควบคุมของพวกเขาอีกต่อไป!
“เราจะรอคำสั่งจากพระผู้ทรงศีลสูงสุดก่อน” สโตนพยายามอย่างยิ่งในการระงับโทสะ
ฟีลิเบลกล่าวเสริมด้วยความสิ้นหวัง “ข้าไม่อาจเป็นผู้นำสังฆมณฑลโฮล์มได้อีกแล้ว ข้าจะส่งเรื่องให้แก่พระผู้ทรงศีลสูงสุดเพื่อให้ส่งพระคาร์ดินัลหลวงที่แข็งแกร่งกว่าข้ามาที่นี่”
“ฟีลิเบล…” วาฮารัลล์รู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร
ท้องฟ้ามืดสลัวลง ยามราตรีในวันนี้มาเยือนเร็วกว่าที่คาด
…
ราเวนติใช้วงแหวนเวทที่พัฒนาโดยเจตจำนงแห่งธาตุในการทำการทดลองสองอย่างแยกกันอย่างแม่นยำ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของโปรตอน ในขณะที่การค้นพบธาตุใหม่นั้นง่ายกว่ามาก
ขณะหยิบปากกาขนนกขึ้นมา ราเวนตินึกย้อนกลับไปในตอนที่เขาได้พบกับลูเซียนเป็นครั้งแรก เขาเป็นชายหนุ่มที่สวมเสื้อสูทสีดำกระดุมสองแถวและยืนอยู่เงียบๆ ในหมู่นักเวทระดับล่าง นอกเหนือจากหน้าตาที่ดูดีและท่าทางมีมารยาทมากกว่าคนรุ่นเดียวกัน ก็ไม่มีอะไรอีกที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นๆ ราเวนติไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะมีความก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ใจได้ภายในไม่กี่ปี ตอนนี้ เขาคือผู้มีอนาคตไกลซึ่งจะได้เป็นมหาจอมเวทคนที่แปดของสภาเวทมนตร์ ในตอนที่เขาอายุไม่เกินสามสิบปี
ท่านมหาจอมเวทลูเซียน อีวานส์ ผู้สร้าง
“ดวงจันทร์สีแดงเลือด… กระแสเวลา…” ราเวนติพึมพำกับตนเองอย่างเงียบงัน
จากนั้นเขาจึงเริ่มเขียนความเห็น สำหรับเขา จอมเวทระดับเก้าและนักเวทระดับเก้า ‘การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’ ได้แสดงให้เห็นถึงความหวังในการเลื่อนขึ้นเป็นระดับตำนาน!
‘แม้ว่าการเริ่มนำทฤษฎีควอนตัมเข้ามาใช้กับแบบจำลองโครงสร้างอะตอมจะยังต้องมีการทดลองเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่างานเขียนชิ้นนี้คือผลงานที่นักเวททุกคนในสำนักเวทธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุต้องก้มศีรษะให้ มันคือหลักเกณฑ์แห่งเวทธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุ
‘ตราบใดที่เราสามารถค้นหานิวตรอนได้จนพบ และสสารเทียมที่สร้างขึ้นสามารถอยู่ได้โดยถาวรด้านนอกวงแหวนเวทคงสภาพถาวร ‘การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’ ของลูเซียน อีวานส์ ย่อมเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาเวทมนตร์แห่งธาตุและแปรธาตุและเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาไป จริงอยู่ว่าระบบทางทฤษฎีนี้อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้มันก็มีเหตุผลและถูกต้องตามตรรกะอย่างที่สุด
‘ลูเซียน อีวานส์ ได้ผสมผสานปฏิกิริยาทางการเล่นแร่แปรธาตุมากมายเข้าด้วยกันและมอบคำอธิบายที่มีร่วมกันซึ่งได้มาจากระบบทางทฤษฎีของเขา
‘ในตอนนี้ความเห็นการพิจารณาของข้าจำต้องยึดจากผลการทดลองในปัจจุบัน ดังนั้น ข้าขอกล่าวว่านี่คือผลงานสะเทือนวงการ สำคัญเป็นที่ยิ่ง และเป็นทฤษฎีที่นำไปประยุกต์ได้ใช้อย่างเป็นสากลซึ่งควรค่าแก่การอภิปราย ขอแนะนำให้มอบรางวัลแก่ลูเซียน อีวานส์ เป็นหกพันค่าชื่อเสียงอาร์คานาและหนึ่งแสนคะแนนอาร์คานา
‘นี่คือก้าวอันยิ่งใหญ่ที่จะนำเหล่านักเวทไปสู่อาณาเขตจำเพาะแห่งพระเจ้า ตอนนี้เราอยู่ห่างจากบัลลังก์แห่งการรังสรรค์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น’
ความมืดด้านนอกหน้าต่างโรยตัวหนาแน่น
…
ภายในหอประชุมแสงพิสุทธิ์ นครศักดิ์สิทธิ์แลนซ์
สมาชิกทุกคนในกลุ่มพระคาร์ดินัลหลวงต่างเงียบรอการมาถึงของพระสันตะปาปา
ทันใดนั้น ทั้งพื้นที่ก็เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์แสนพิสุทธิ์และกราดเกรี้ยว พลังอันสูงส่งทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องก้มศีรษะลง
“ลูเซียน อีวานส์ ขโมยพลังของพระเจ้าไปด้วย ‘การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’ เขาสมควรโดนลงทัณฑ์ขั้นสูงสุด! สภาเวทมนตร์ก็เช่นกัน!” พระสันตะปาปานามเบเนดิกต์ที่สอง ก้าวออกมาจากวงแหวนศักดิ์สิทธิ์โดยชูคทาในมือขึ้น น้ำเสียงของเขาฉายชัดถึงโทสะ
สมาชิกทุกคนในที่นั้นไม่เคยเห็นพระสันตะปาปาพิโรธมาก่อน พวกเขาต่างมองสบตากันไปมา
การขโมยพลังของพระเจ้าและดูหมิ่นพระสิริของพระเจ้า ข้อหาเหล่านี้ถือว่าร้ายแรงยิ่ง แต่ลูเซียน อีวานส์ ก็มิใช่นักเวทคนแรกที่เคยทำเช่นนี้ ดักลาส บรูค และมหาจอมเวทคนที่เหลือ… พวกเขาต่างก็สมควรได้รับข้อหาเหล่านี้ไม่มากก็น้อย แต่พระสันตะปาปากลับจัดการปัญหาเกี่ยวกับพวกเขาอย่างใจเย็น แล้วครั้งนี้ต่างกันอย่างไรเล่า
เป็นเพราะระบบทางทฤษฎีนี้สามารถแปรรูปสสารได้อย่างเป็นอิสระจริงๆ กระทั่งทำให้พระสันตะปาปาไม่สบายใจใช่หรือไม่
เส้นผมสีดอกเลาของเขาหวีเรียบแปล้ไปด้านหลัง เบเนดิกต์ที่สองออกคำสั่ง “ข้าขอประกาศสงครามกับสภาเวทมนตร์ ทั้งห้ามณฑล โฮล์ม โคเลตต์ บริแอนน์ และชายฝั่งดินแดนทางเหนือ จะนำกำลังเข้าไปก่อน กองหนุนจะติดตามไป และสังฆมณฑลโฮล์มจะเป็นผู้ดูแลทั้งหมด
“ฟีลิเบลบาดเจ็บอยู่ ใครบางคนต้องรับหน้าที่แทนเขาในคริสตจักรอาภาในเรนทาโต ต้องเป็นระดับนักบุญ”
หลังจากเกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง ซาร์ดก็ลุกขึ้นเอ่ยว่า “ท่านผู้ทรงศีลสูงสุด ข้าขอรับหน้าที่พระคาร์ดินัลหลวงประจำโฮล์มและนำกองกำลังจากทั้งห้ามณฑลขอรับ”
แม้ว่าภายนอกเขาจะดูเหมือนกับชายชราทั่วไป ซาร์ดกลับเลื่อนขั้นขึ้นเป็นพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญระดับสามเมื่อสองปีก่อนและได้รับตำแหน่งนักบุญแล้วอีกด้วย
“การอุทิศตัวทำให้เจ้าเปล่งประกาย และพรจะอยู่กับเจ้าเสมอ เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ทุกคนจักเข้าร่วมด้วย” พระสันตะปาปาพยักหน้า
จากนั้นพระสันตะปาปาก็เริ่มวางแผนการสำหรับสงครามที่กำลังจะอุบัติขึ้น โดยมีซาร์ดคอยให้คำแนะนำ
มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้งการตัดสินใจของพระสันตะปาปาที่กำลังเดือดดาล การวางแผนจึงเป็นไปอย่างลื่นไหล
หลังจากนั้นพระสันตะปาปาก็กล่าวกับพวกเขาว่า “ผู้พิทักษ์ราตรีสามสิบคนแรกจะต้องถือเอาการสังหารลูเซียน อีวานส์ เป็นงานสำคัญอันดับแรกทันทีที่พวกเขาสามารถ บัดนี้ลูเซียน อีวานส์ จัดอยู่ในลำดับที่สิบเก้าบนบัญชีกวาดล้าง”
“ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องชี้แจงให้กระจ่าง” พระสันตะปาปาพลันโพล่งขึ้น “ลูเซียน อีวานส์ เคยเป็นทูตสวรรค์ข้างกายพระเจ้า ดังนั้นเขาจึงมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีและสติปัญญาซึ่งหาที่เปรียบไม่ได้ แต่เขากลับล่อลวงและหักหลังพระผู้เป็นเจ้า เขาขโมยพลังแห่งการรังสรรค์ไปจากพระเจ้าและตกลงมาดินแดนมนุษย์
“เขาคือ ‘ปีศาจแห่งบรรพกาล’ และยังเป็น ‘เทวดาตกสวรรค์!’”
เหล่าพระคาร์ดินัลหลวงและผู้นำคณะไต่สวนต่างเข้าใจถ้อยคำของพระสันตะปาปาในทันที พระสันตะปาปาพูดเช่นนั้นก็เพื่อเรียกคืนศรัทธาของบริวารให้กลับมามั่นคั่ง มนุษย์ย่อมไม่มีพลังเทียบเท่าพระเจ้า ลูเซียนอาจทำเช่นนั้นได้เพราะเขาเป็นหัวขโมยที่ขโมยพลังของพระเจ้าไป
อันดับที่สิบเก้าบนบัญชีกวาดล้าง ชื่อของลูเซียน อีวานส์ เทวดาตกสวรรค์ อยู่สูงกว่าบุคคลระดับตำนานเสียอีก!
พระสันตะปาปาชูคทาในมือขึ้นสูงและกำลังจะประกาศเริ่มสงคราม ทว่า ในตอนนั้นเอง เบเนดิกต์ที่สองก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และจากนั้น ทุกคนก็รู้สึกว่าทั้งโลกกำลังสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ขณะยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวบนท้องฟ้า เมื่อเห็นภาพอันพร่าเลือนของมิติลึกลับอยู่ตรงหน้า โอลิเวอร์จึงหันไปยิ้มให้แฮททาเวย์
“เจอแล้ว”
……………………………….
[1] คือแสงที่เป็นเส้นหรือแถบที่แสดงออกมาเป็นสี โดยการแผ่รังสีที่เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าผ่านปริซึม แผ่นเกรตติ้ง หรือสเปกโตรสโคป เห็นเป็นสีได้ 7 สี ซึ่งไม่มีความต่อเนื่องกัน มีการเว้นช่วงความถี่และมีความยาวคลื่นแตกต่างกันจนเกิดเป็นแถบๆ เรียงกันไป