Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 477

ตอนที่ 477

บทที่ 477 เหรียญตรานักบุญของลูเซียน
ในโลกแห่งปัญญาที่ก่อตัวเป็นปึกแผ่นมาแล้วครึ่งทาง ดาวหลักแห่งเทวลิขิตที่เจิดจรัสก็เริ่มโคจรอย่างกะทันหัน หลุมดำด้านหลังที่ดูเหมือนสามารถจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างก็หมุนมาอยู่ด้านหลัง ปรับสภาพเข้ากับแสงภสภาพแวดล้อมโดยรอบ แม้แต่เวลาก็ดูเหมือนจะเดินช้าลง การเข้าสู่มิติอวกาศนี้ด้วยความรู้สึกพื้นฐานกลายเป็นเรื่องไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากการมองเห็นและแสงต่างหักเหออกจากวิถีโคจรปกติ

ลูเซียนตั้งท่าสวดมนต์เคร่งเครียดและแสดงศรัทธา ทันใดนั้น เมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณเริ่มสั่นไหวเหมือนกับหมาล่าเนื้อที่เห็นเหยื่อกำลังเลือดไหล ในวินาทีต่อมา เมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณก็ละลายเข้าตรงกลางหน้าอกของลูเซียนและเปล่งแสงบริสุทธิ์และเย็นเฉียบออกมา ห่อหุ้มตัวลูเซียนไว้ภายใน

แอลถึงกับประหลาดใจที่เห็นว่าพลังของดวงจันทร์เข้ากับเลเวียธานได้ดีเป็นสมบูรณ์แบบ ความแปรผันเพียงเล็กน้อยในโลกแห่งปัญญาของลูเซียนทำให้แอลเชื่อว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่เป็นเพียงหลักฐานพิสูจน์ว่าเลเวียธานค่อนข้างมีพรสวรรค์และไว้ใจได้ แอลพยักหน้าอย่างยอมรับและถอนสายตาจากลูเซียน

เจคอปก็ประหลาดใจเล็กน้อยและเปลี่ยนมุมมองเช่นกัน ปฏิกิริยาของทั้งสองทำให้รอยยิ้มปริศนาที่ดูมีเลศนัยหายจากหน้าของฟรานซิส และเป็นอีกครั้ง ดูเหมือนฟรานซิสจะไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ

แสงของดวงจันทร์สีเงินค่อยๆ มอดลง ตอนนี้ ลูเซียนดูเหมือนจะสุขุมและสงบนิ่งมากยิ่งขึ้น เขาออกหมัดลองชกลม ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่เกิดเป็นเงาแสงจันทร์ค้างอยู่กลางอากาศ

“ร่างกายของเจ้าเข้ากับเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณดีมาก พลังแห่งดวงจันทร์เหมาะกับเจ้าอย่างยิ่ง ผลออกมายอดเยี่ยมมาก” สิ่งที่แอลอยากจะบอกก็คือผลลัพธ์ออกมาเหนือความคาดหมายของเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกในฐานะเทพเจ้าสูงสุด เขาไม่อยากยอมรับว่าเขาไม่มั่นใจในพลังที่อยู่ในเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณ เขาจึงเปลี่ยนคำพูด

เจคอปพูดแทรกขึ้น “เจ้าได้กลายเป็นอัครทูตที่เจ็ดจริงๆ แล้วตอนนี้ เลเวียธาน ดูเหมือนพลังของเจ้าจะพัฒนาถึงระดับสายเลือดเทพที่เข้มแข็ง!”

“นี่คือพรจากเทพเจ้าของข้า” ลูเซียนพูดอย่างใจเย็น เมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณดูเหมือนจะทำให้เขามีความสุขุมยิ่งขึ้น เขาถึงไม่รู้สึกปลาบปลื้มอะไรมากมายนัก

แอลพยักหน้า แล้วเขาก็หันไปถ่ายทอดพลังเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณให้กับเจคอป เพิ่มระดับพลังขึ้นเป็นระดับหก แล้วแอลก็ถอนหายใจและเอ่ยออกมา “น่าเสียดายที่ข้าทำลายเทพเจ้าแห่งยมโลกไม่เหลือชิ้นดี มิฉะนั้นข้าคงสามารถเข้าถึงอาณาจักรของเขาและดูดพลังเทวภาพแห่งความตาย”

แอลดูมีความมั่นใจมาก จนเขาสามารถหลอกตัวเองให้คิดว่าเจ้าแห่งยมโลกถูกสังหารด้วยพลังของเขา

ลูเซียนเกือบจะหัวเราะออกมา แต่ก็ยั้งไว้ เขากำลังพิจารณาคำพูดก่อนจะเอ่ยออกมา “ท่านมหาเทพ ตอนที่ข้าอยู่ในแม่น้ำ กระแสน้ำพัดข้าไปยังเขตที่ที่ข้าเชื่อว่าเป็นอาณาจักรของเทพเจ้าแห่งยมโลก… บางทีอาจจะเหลือสมบัติทิ้งอยู่ที่นั่น…”

เวทจองจำสามารถใช้กักขังเป้าหมายไว้กลางอวกาศที่สร้างขึ้นโดยคลื่นเสียงรบกวน หากเป้าหมายไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งกว่าผู้ร่ายเวทสามระดับ ก็ไม่มีทางที่เป้าหมายจะหนีรอดออกมาได้ เป้าหมายจะถูกกักขังไว้กลางอวกาศชั่วนิรันดร์ หรือหลงทางอยู่ในเขาวงกตอวกาศ น่าจะถูกพายุอวกาศทำลายในที่สุด

โอกาสเดียวที่เป้าหมายผู้ถูกเลิกงานจะหนีรอดออกมาก็คือการส่งสารขอความช่วยเหลือ ตราบใดที่รู้ตำแหน่งหรือสามารถระบุตำแหน่งผ่านคำพยากรณ์ได้ ‘เวทอิสรภาพ’ เวทมนตร์ระดับเก้าก็สามารถใช้เพื่อทำลายเวทจองจำได้

ดังนั้น เมื่อลูเซียนช่วยแอลด้วยการใช้พลังจองจำของคทาแห่งตะวัน เขาก็รู้ความจริงที่ว่าตัวตนจริงๆ ของเทพเจ้าแห่งยมโลกถูกจองจำอยู่ ไม่ใช่อวตาร อวตารของเจ้าแห่งยมโลกจะมีพลังลดลง เนื่องจากการเชื่อมต่อกับแหล่งพลังถูกลดลง

“อาณาจักรของเขาอยู่ใต้แม่น้ำโซลนาหรือ? ไม่ได้อยู่ในหุบเขาแห่งความตายซึ่งเป็นต้นทางของแม่น้ำหรือ?” แอลถามด้วยความประหลาดใจ “เทพเจ้าแห่งยมโลกย้ายที่เพราะกลัวการแก้แค้นจากข้าอย่างนั้นหรือ? ช่างน่าสงสาร หุบเขาแห่งความตายเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับพลังเทวภาพแห่งความตายและยมโลก… หรือมีข้อตกลงอะไรระหว่างเทพเจ้าแห่งยมโลกและเทพเจ้าแห่งสงคราม จึงทำให้เทพเจ้าแห่งสงครามย้ายอาณาเขตไปที่นั่นง่าย? บางทีน่าจะเกี่ยวข้องกับการมายังเมืองฮูซัมของเทพเจ้าแห่งสงครามและการโต้วาที…”

แอลไม่สงสัยเลยว่าเลเวียธาน ผู้ศรัทธา “อันแรงกล้า” จะโกหกในเรื่องนี้

เมื่อไม่มีเบาะแสคำตอบเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้ แอลก็พูดขึ้น “แม้ว่าแอนทานาสอาจไม่คาดคิดว่าเราจะกลับไปยังเมืองฮูซัม แต่เราก็ยังไม่จำเป็นต้องกลับไป เทพเจ้าแห่งยมโลกตายแล้ว แต่ทรัพย์สมบัติก็ยังอยู่ที่นั่นเสมอ เมื่อเราพบอาณาจักรที่เหลือของพระเจ้าเทียมเท็จ หลังจากสังหารพวกมันทีละคน เราก็จะได้ทรัพย์สมบัติแน่นอน”

ในอดีต เทพอะวันโดครอบครองทรัพย์สมบัติและสาวงามมากมาย แต่ตอนนี้ แอล หลังจากปลุกความทะเยอทะยานและวิสัยทัศน์ ก็สามารถควบคุมความต้องการได้ ไม่มีอะไรสำคัญเกินไปกว่าการขึ้นสู่บัลลังก์สูงสุดอีกครั้ง

แอลยิ้มและโยนกล่องกักพลังเทพที่เริ่มเน่าเปื่อยให้กับลูเซียน “ถ้าเจ้าของสมบัติ ข้าจะให้เจ้า เป็นรางวัล”

ลูเซียนรับกล่องมาและเห็นว่าผงสีเงินละเอียดกองอยู่ก้นกล่อง ซึ่งดูเหมือนเป็นส่วนที่เหลืออยู่ หลังจากแอลรับมวลพลังแสงที่บรรจุพลังเทวภาพของเทพอาซินเข้าไปแล้ว

นี่คือผงของหินแห่งเทพเจ้าดวงจันทร์! ลูเซียนประหลาดใจมาก เนื่องจากผงดังกล่าวมีค่าเสียยิ่งกว่าหินแสงจันทร์หรือหินความตายคุณภาพสูงเสียอีก ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ผงพวกนี้สามารถใช้ซ่อม ‘เหรียญน้ำแข็งและหิมะ’ และ ‘เสื้อคลุมบัลลังก์นิรันดร!’

ลูเซียนเกือบจะใช้วัสดุอื่นซ่อมเหรียญและเสื้อคลุมเวทมนตร์แล้ว แต่แล้วเขาก็ได้พบตัวเลือกที่ดีกว่ามากมายนัก

รอยยิ้มบนหน้าของฟรานซิสดูแข็งทื่ออยู่เสี้ยววินาที เขาเองก็ต้องการผงพวกนั้นเหมือนกัน

เจคอปกล่าวขึ้นอย่างระมัดระวังหลังจากได้ยินความทะเยอทะยานของแอล “เราต้องระวังตัวอย่างสูง พวกพระเจ้าเทียมเท็จอาจเข้าร่วมกับเทพเจ้าแห่งสงครามและใช้พวกมันเป็นเหยื่อ เราน่าจะรออีกสักพัก จนกว่าเทพเจ้าแห่งสงครามหมดความอดทน แล้วเราค่อยจัดการกับพวกมันทีละคน”

“ข้าเข้าใจ” แอลพยักหน้าและกล่าวขึ้น “เลเวียธานฉลาดและมีความคิดดีๆ ฟรานซิสทรงพลังและรอบรู้ และเจคอปก็รอบคอบและบริหารจัดการได้ดี พวกเจ้าทั้งสามเป็นข้ารับใช้ที่ดีทีสุดของข้า”

หลังจากฟรานซิส ลูเซียน และเจคอปแสดงความจงรักภักดีออกมาอีกครั้ง แอลก็สาธยายต่อ “ฟรานซิสเคยบอกข้าเรื่องลำดับของทูตสวรรค์ และข้าก็ชอบความคิดนี้ พวกเจ้าสามคนเป็นทูตสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ติดตามข้า ฟรานซิส เจ้ามีพลังแห่งการทำลาย เจ้าจงเป็นทูตสวรรค์แห่งความตาย และก็เป็นทูตสวรรค์แห่งความยุติธรรม”

“และเจ้า เจคอป เจ้าเป็นผู้ศรัทธาคนแรกของข้าและเจ้าก็สวดภาวนาวจนะของข้ามาตลอด เจ้าจงเป็นทูตสวรรค์แห่งการรู้แจ้ง และก็เป็นทูตสวรรค์แห่งการไถ่บาป ส่วนเจ้า เลเวียธาน เจ้าเป็นอัครทูตคนใหม่ที่หนุ่มที่สุด เต็มไปด้วยพลัง เจ้าจงเป็นทูตสวรรค์แห่งเกียรติยศ ดาวประกายพรึก และบุตรแห่งรุ่งอรุณ”

ลูเซียนพูดอะไรไม่ออก เขาสงสัยว่าทำไมชื่อ ‘ดาวประกายพรึกตกสวรรค์’ ถึงตามมารังควานเขาถึงดินแดนแห่งนี้

“ข้าจะต้องกลับไปยังอาณาเขตของข้าเพื่อพัฒนาพลังเทวภาพและควบคุมขอบเขตพลังให้นิ่ง เจคอป เจ้ากลับไปที่เมืองโปลิทาวน์และเตรียมการสวดภาวนา และส่งผู้ศรัทธาบางส่วนไปจับตาดูพวกพระเจ้าเทียมเท็จและบันทึกข้อมูลเพื่อช่วยฟรานซิสวางแผนในอนาคต เลเวียธาน เจ้ากลับไปยังสถานที่ที่เราตกลงกันไว้เพื่อรอแอนฮิวซ์ แล้วค่อยกลับไปที่โปลิทาวน์พร้อมกับเขา ระหว่างทางกลับ เริ่มสวดภาวนาแต่อย่าเพิ่งทำเปิดเผย” แอลออกคำสั่งกับพวกเขาทีละคน เขาปล่อยให้ลูเซียนรอแอนฮิวซ์ เพราะเข้าใจกันว่าเลเวียธานบินไม่ได้

“ตามบัญชาขอรับ นายท่าน” ทั้งสามคนตอบเสียงประสานกัน

หลังจากแอล เจคอป และฟรานซิสจากไป ลูเซียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาโดยเฉพาะฟรานซิส กำลังกดดันเขาอย่างหนัก

หลังจากรออีกสักพักใหญ่ให้มั่นใจว่าไม่มีใครย้อนกลับมา ลูเซียนก็จับหน้าอกของเขาและดึงเหรียญตราที่มีลวดลายและมีแสงจันทร์ปกคลุมออกมา

ก่อนเข้าร่วมกับสภาภาวนาลับ ลูเซียนเคยได้รับรู้เรื่องเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณมาแล้ว และเคยได้ยินคนพูดถึงเมล็ดแห่งวิญญาณบ่อยครั้ง ด้วยนิสัยระแวดระวังตัวสูง ลูเซียนต้องเตรียมไว้อยู่เสมอ

หลังจากตรวจสอบวัสดุอย่างรอบคอบแล้ว ตามลักษณะของพระเจ้าเทียมเท็จและพลัง และด้วยการลอกเลียนการออกแบบของเครื่องรางมงกุฎสุริยัน ลูเซียนก็สร้างเหรียญตราที่เกือบจะเสร็จแล้วด้วยวัสดุที่เขามี

แม้ว่าตอนนี้เขายังไม่สามารถเข้าใจโครงสร้างทั้งหมดที่เขาเรียนรู้มาจากเครื่องรางมงกุฎสุริยัน ลูเซียนก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเครื่องรางที่เขาสร้างขึ้นจะดูดซับพลังของเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณ และกลายเป็นอุปกรณ์เทพที่สมบูรณ์

หลังจากเข้าใจกระบวนการทำงานของพระสิริพระเจ้าและเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณ ลูเซียนก็มั่นใจว่าแผนของเขาได้ผลดี ดังนั้น เขาจึงจับตามองตอนที่ฟรานซิสรับเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณ

แล้ว ลูเซียนก็หลอกแอลและฟรานซิสซึ่งไม่เคยคิดจะตรวจสอบเลเวียธานให้ละเอียดถี่ถ้วนได้สำเร็จอย่างลับๆ ด้วยเสียงสะท้อนจากเครื่องรางมงกุฎสุริยัน ลูเซียนก็ดูดซับพลังของเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณโดยใช้เหรียญตราที่ทำขึ้นมาใหม่นี้และเปลี่ยนให้กลายเป็นอุปกรณ์เทพระดับสาม

เหรียญตรานี้สามารถพัฒนาพลังการฟื้นฟู ความคล่องแคล่ว ความเร็ว และพละกำลังของผู้สวมใส่ให้อยู่ในระดับสาม หากพลังโลหิตของผู้สวมใส่มีต้นกำเนิดมาจากดวงจันทร์สีเงิน ระดับพลังก็จะเพิ่มขึ้นถึงระดับสี่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหรียญตราไม่ได้พัฒนาความเร็วปฏิกิริยาของผู้สวม แต่ก็ยังสามารถต่อกรกับอัศวินหลวงระดับสี่ได้

ลูเซียนทิ้งข้อความไว้ภายในอุปกรณ์และตั้งชื่อว่า

“เหรียญตรานักบุญแอล อุปกรณ์เทพชั้นอาวุโสระดับสาม”

“เหรียญตราชิ้นนี้เป็นของผู้มีศรัทธาอันแรงกล้า”

“จากลูเซียน อีวานส์”

ลูเซียนเก็บสามเหรียญตราไว้ภายในเสื้อคลุม เขาเริ่มซ่อมแซมอุปกรณ์เวทมนตร์ทั้งสองชิ้นโดยใช้ผงที่ได้รับจากแอล แล้วเขาค่อยไปพบแอนฮิวซ์

ณ ใต้ท้องแม่น้ำโซลนา ท่ามกลางกระแสน้ำ มีแสงสลัวๆ ปรากฏขึ้น เสียงของเทพเจ้าแห่งยมโลกดังออกมา

“ข้าเป็นอิสระเสียที! ข้าจะฆ่าเจ้า แอล! ข้าจะฝังวิญญาณของเจ้าลึกลงไปในยมโลก และลงแส้เฆี่ยนวิญญาณเจ้าไปหมื่นปี!”

เทพเจ้าแห่งยมโลกปลดปล่อยตัวเองออกจากเวทจองจำ และกลับมาสู่มิติของเขาได้

หลังอาการมึนงงจากการเทเลพอร์ตดีขึ้น จู่ๆ จุดแสงสีแดงในเบ้าตาของเทพเจ้าแห่งยมโลกก็นิ่งงัน

เทพเจ้าแห่งยมโลกไม่เห็นใครอยู่ใกล้เคียง แต่เขาคิดว่าคงเป็นอวตารของเขาที่ไปขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าแห่งสงครามให้มาปลดปล่อยเขาออกมา

ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา จู่ๆ ดาบที่มีเปลวเพลิงลุกท้วมก็ปรากฏขึ้นมา และเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง

รอยแตกร้าวปรากฏบนตัวของเทพเจ้าแห่งยมโลก จุดแสงสีแดงสลายไปอย่างง่ายดาย เหมือนกับเปลวเทียนถูกดับลง

“ข้าทราบซึ้งและตื้นตันในบุญคุณครั้งนี้เหลือเกิน นายท่าน ข้าไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องขนาดนี้… เป็นความผิดของข้าเอง” หลังจากสูญเสียพลังที่จะรักษารูปลักษณ์มนุษย์ อาซินก็กลับสู่รูปร่างจริงของเขา เซนทอร์เฒ่า ขณะที่อาซินพูด เคราสีขาวของเขาก็กวัดแกว่งอย่างรุนแรง เขามีท่าทางเสียใจอย่างหนัก

เทพเจ้าแห่งสงครามซึ่งรูปร่างดูเหมือนชายวัยกลางคนสวมผ้าปิดตาข้างหนึ่ง พยักหน้า “ศัตรูเจ้าเล่ห์เกินไป และพวกเทพที่เหลือก็ตาขาวกันทั้งนั้น เจ้าเป็นตนแรกที่รับใช้ข้าด้วยความซื่อสัตย์ ข้าจะดูแลเจ้าเอง”

“พลังเทวภาพนี้มาจากพระเจ้าเทียมเท็จที่ข้าสังหารเมื่อเดือนก่อน มันเหมาะกับเจ้า จงรับไป”

มวลแสงถูกส่งจากมือของเทพเจ้าแห่งสงครามไปยังอาซิน

อาซินประหลาดใจมาก เนื่องจากเขาไม่คาดคิดว่าเทพเจ้าแห่สงครามจะใจกว้างช่วยเหลือเขาขนาดนี้

“นายท่าน นี่คือ… เทวภาพของดาวประกายพรึกหรือขอรับ?” อาซินพูดตะกุกตะกัก

“ดาวประกายพรึก ดาวแห่งรุ่งอรุณ การมาจุติของความรักและความงาม ความตายซ่อนเร้นและการฟื้นคืนชีพ หลังจากเจ้ารับเทวภาพนี้ เจ้าจะกลายเป็นเป้าหมายหลักของแอล” เทพแอนทานาสพูดตรงไปตรงมา พลังทั้งสี่ประการจากพลังเทวภาพนี้จะเป็นเหยื่อล่อแอลออกมา นอกเหนือจากเทวภาพของเทพเจ้าแห่งยมโลก เทวภาพก็จะยิ่งทำให้แอลมีพลังขึ้นมาก”

เทพเจ้าแห่งสงครามกำลังใช้เทพอาซินเป็นเหยื่อล่ออย่างชัดเจน หลังจากลังเลอยู่เป็นวินาที เทพอาซินก็รับมวลแสงพลังเทพไป เขาไม่มีทางเลือกอื่น

ขณะอาซินค่อยๆ ดูดซับพลังเทวภาพเข้าไป ร่างกายของของก็เริ่มเปลี่ยนแปลง รูปลักษณ์ของเซนทอร์หายไป รูปร่างมนุษย์กลับมา แต่ตอนนี้อาซินกลับกลายเป็นหญิงสาวผู้สง่างาม ผิวพรรณอร่ามงามหน้า และมีผมสีทอง

“ดี ต่อจากนี้ไป เจ้าคือเทพแห่งความรักและความงาม ดาวประกายพรึกแห่งรุ่งอรุณ” เทพแอนทานาสกล่าวด้วยความพึงพอใจ ขณะเขายื่นมือขวาออกไปสัมผัสหน้าของอาซิน

หลังจากอาซินจากไป ห้องโถงก็กลับมาเงียบอีกครั้ง สายลมหนาวพัดเข้ามา เทพแอนทานาสยืนนิ่งเงียบงันเป็นเวลนาน

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท