บทที่ 495 รางวัล
ดาบยาวหน้าตาธรรมดาแผ่รัศมีนุ่มนวลอ่อนโยนแต่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ในขณะที่ดวงตาสีม่วงเงินของนาตาชาใสดั่งแก้วคริสตัล รอยแยกลวงตาสองรอยที่ดูราวกับจะสามารถแยกโลกทั้งใบเป็นชิ้นๆ พลันปรากฏขึ้นบนใบดาบ ภายในเสี้ยววินาที ใบดาบก็ไปถึงศีรษะของคอนกัสแล้ว
ส่วนสำคัญของอสูรลิชนั้นหาใช่หัวใจหรือลำคอ มีเพียงการทำลายศีรษะ ที่ที่ดวงวิญญาณอาศัยอยู่เท่านั้น ที่จะสร้างความเสียหายให้กับอสูรลิชได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายใต้ความหนักหน่วงของ ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ เกิดรอยร้าวโปร่งแสงขึ้นท่ามกลางสีดำ ขาว และเทาแสนน่าเบื่อ ลูกไฟสีแดงเรียวเล็กดั่งเข็มจึงปรากฏขึ้นทางข้างใต้
ฟุ่บ… เสียงที่ดังขึ้นฟังคล้ายกับดาบเพิ่งจะฟันเข้าใส่ท่อนไม้ผุพัง เวทป้องกันในยามฉุกเฉินทุกบทกลับกลายเป็นใช้การไม่ได้เพราะถูกพลังของสิ่งมีชีวิตลึกลับจากโลกแห่งวิญญาณกดข่ม
“อ๊า!!!” เสียงหวีดร้องแหลมเสียดหูดังขึ้น
แล้วนาตาชาก็ถูกพลังนั้นกระแทกลอยละล่อง หยาดโลหิตไหลซึมออกจากดวงตา จมูก และปากของนาง
นี่หาใช่ ‘เวทเทพอสูร-ลิชโหยหวน’ แต่เป็นคลื่นพลังจิตที่คอนกัสปลดปล่อยออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว แม้ว่าจะมีดาบยุติธรรมจืดจางคุ้มกันกาย นาตาชาก็ยังได้รับบาดเจ็บหนัก ในขณะเดียวกัน ลูเซียนเองก็ยิ่งได้รับผลกระทบจากพลังอันรุนแรงนั้น เขารู้สึกวิงเวียนเหนือคำบรรยาย และรับรู้ได้ถึงรสชาติโลหิตภายในปาก
“ดี… ดี!” เสียงเดือดดาลของคอนกัสคล้ายกับลอยมาจากที่ไกลๆ
หัวใจของลูเซียนและนาตาชาพลันหล่นวูบไปครู่หนึ่ง
นี่คอนกัสยัง ‘มีชีวิต’ อยู่อีกหรือนี่!
ฉับพลันนั้น เสื้อคลุมสีดำของคอนกัสก็แยกขาดออกจากตรงกลาง โครงกระดูกสีขาวภายในนั้นพังทลายลงไปกองกับพื้นและเน่าเปื่อยผุพังลงในทันที ส่งกลิ่นเหม็นลอยฉุนไปทั่ว
บนกะโหลกศีรษะ ปรากฏรอยร้าวลึกสองรอย ซึ่งข้างใต้นั้นมีแสงอบอุ่นเปล่งประกายวิบวับ
จากนั้นกะโหลกศีรษะก็แตกออกพร้อมกับส่งเสียงดังเปราะ กะโหลกศีรษะทองคำขนาดเล็กกว่าที่อยู่ตรงกลางนั้นก็มีร่องรอยแตกร้าวที่ดูเหนือจริงอย่างไม่อาจบรรยายออกมาได้
หากไร้ซึ่งการคุ้มกันจากเวทป้องกันกาย สำหรับคอนกัสแล้ว การโจมตีนี้แทบจะทรงพลังพอๆ กับพลังของอัลเทอร์นา
ดาบยุติธรรมจืดจาง มือสังหารสิ่งชั่วร้ายทั้งมวล คืออาวุธระดับตำนานในชั่วขณะนั้น!
แสงจันทร์สีเงินฉวยโอกาสนี้เข้าควบคุมสีสันที่ผสมผสานกันระหว่างสีดำ ขาว และเทา สกัดกั้นมิให้มันแผ่ขยายออกไป
“ข้าจะกลับมา เจ้าควรจะเตรียมเล่ห์กลที่ดีกว่านี้เอาไว้!” คอนกัสประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
กะโหลกศีรษะทองคำแตกออกเป็นสามส่วนและร่วงกราวลงไปบนพื้น ในขณะที่ดวงวิญญาณของคอนกัสเลือนหายไปจากที่แห่งนั้น
“แม้แต่วิธีนี้เขาก็ยังไม่ตายสักที! พวกอสูรลิช ไม่สิ พวกนักเวทนี่ยุ่งยากจริงๆ!” นาตาชาบ่นกึ่งๆ หยอกล้อหลังจากที่ทั้งสองผ่อนคลายลงในที่สุด
ตอนนี้ลูเซียนลงไปนอนแผ่กับพื้น ไม่อาจขยับตัวได้อีก เขารู้สึกว่าทุกเซลล์ประสาทของเขาบิดกระตุกสร้างความเจ็บแปลบไปทั่ว ทว่า เขากลับรู้สึกสงบในจิตใจ แม้จะยากเย็นแสนเข็ญ แต่พวกเขาก็มีชัยเหนือเทพอสูรลิช! ถึงฝ่ายนั้นจะติดอยู่ที่ระดับเดิมมานานกว่าร้อยๆ ปีเพราะอุบัติเหตุบางอย่าง เขาก็ยังเป็นนักเวทระดับตำนานอย่างแท้จริง! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูเซียนกับนาตาชาย่อมต้องภาคภูมิใจในตนเอง
“ในหมู่… ในหมู่นักเวททั้งหมด นักเวทศาสตร์มืดคือกลุ่มที่ฆ่าได้… ยากที่สุด” ลูเซียนหอบหายใจระหว่างประโยคเพราะความเจ็บรวดร้าวในกาย แต่หลังจากที่เขาหยิบน้ำยาลำนำน้ำออกมาดื่ม เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก จากนั้นจึงพูดต่อ “แต่เราทำได้! ตอนนี้คอนกัสต้องกลับไปที่โลกหลักเพื่อกลับสู่สภาพเดิมโดยใช้เครื่องรางกักพลังเพราะเขาได้ใช้วิธีพื้นคืนชีพที่สะดวกที่สุดไปแล้วในครั้งก่อน นั่นหมายความว่าเราจะปลอดภัยไปอย่างน้อยหนึ่งวัน”
นาตาชายืนขึ้นแล้วเดินไปนำแขนซ้ายของลูเซียนมาให้เขาอย่างระมัดระวัง “เราสามารถเตรียมพร้อมได้จากเวลาทั้งวันนั้น และตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหนึ่งวัน โดยมีข้อแม้ว่าเศษเสี้ยวพลังในตัวเจ้าจะทำตัวดีเหมือนอย่างวันนี้น่ะนะ เมื่อถึงตอนนั้นท่านยายแฮททาเวย์และเจ้าแห่งพายุก็คงจะมาถึงพอดี ว่าแต่ว่า เจ้าต่อแขนกลับไปได้หรือไม่”
“ข้ามิใช่อัศวินอาภา” ลูเซียนตอบ แต่เขาก็ยังลุกขึ้นยืนช้าๆ และรับแขนซ้ายมา หลังจากแนบปากแผลเข้าด้วยกัน เส้นประสาทและเนื้อก็เริ่มงอกออกมา พร้อมกับที่แสงสีขาวสลัวรางเข้าปกคลุมกระดูกขาวโพลนเอาไว้ชั้นหนึ่ง
การมีเหรียญตรานักบุญที่ได้รับจากแอล ทำให้ลูเซียนแข็งแกร่งพอๆ กับมหาอัศวิน เมื่อรวมกับพลังโลหิตของเขา น้ำยาลำนำน้ำ และพลังของอัลเทอร์นา แม้ว่าเขาจะไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้อย่างเต็มที่ แต่ลูเซียนก็ยังสามารถต่อแขนซ้ายกลับไปได้โดยคร่าว ทว่า ความเจ็บปวดและอาการคันคะเยอแสนทรมานจากการที่เนื้องอกออกมานั้นช่างเหลือทนจนลูเซียนต้องขบริมฝีปากแน่นเพื่อหยุดตัวเองไม่ให้ร้องโวยวาย
ในตอนนั้นเอง มือเย็นๆ ข้างหนึ่งก็แตะลงบนใบหน้าลูเซียน ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดพร้อมกับส่งผ่านอำนาจจิตอันกล้าแกร่งมาให้
นาตาชาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็จงใจหยอกเย้าเพื่อเบนความสนใจของลูเซียน “ในที่สุดเจ้าก็ได้รู้เสียทีว่าข้ารู้สึกอย่างไรเวลาหน้าท้องช่วงล่างของข้ามีรู หืม? มหาอัศวินฟื้นฟูกลับมาได้รวดเร็วก็จริง แต่มันก็ทรมานมากๆ”
เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นบนหน้าผากลูเซียน แต่นาตาชาก็ช่วยเช็ดมันออกไปอย่างอ่อนโยน ไม่กี่นาทีต่อมา ลูเซียนก็เค้นรอยยิ้มออกมาได้ในที่สุดก่อนจะเอ่ยตอบว่า “ตอนนั้นข้ายังไม่เข้าใจ แล้วเจ้าก็ยังพูดว่าจะเอาเครื่องในตัวเองมาปิ้งกินอยู่เลย”
“ฮะๆ ตอนนี้เจ้าอยากให้ข้าปิ้งให้เจ้าสักชิ้นไหมเล่า” นาตาชาแย้มยิ้ม เมื่อเห็นว่าลูเซียนดูดีขึ้นมาก นางจึงถามออกไป “ตอนนี้อัลเทอร์นาเป็นอย่างไรบ้าง แขนเจ้าต่อได้สมบูรณ์ดีหรือไม่”
ลูเซียนพยักหน้า “อัลเทอร์นาเพียงปล่อยมือจากการควบคุม เพื่อที่เศษเสี้ยววิญญาณของสิ่งมีชีวิตลึกลับจะมีโอกาสฟื้นคืนกลับมาได้เล็กน้อย หากไม่มีพลังโลหิตกับพลังจิตของข้า อัลเทอร์นาก็อาจไม่สามารถเป็นฝ่ายควบคุมได้ตลอดเวลา หากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เราอาจจะหลบหนีไปไกลเกินระยะสามร้อยเมตรไม่ทันแน่”
จากนั้นลูเซียนก็พยายามขยับแขนซ้ายและประเมินอาการ “ข้ายกแขนและทำอะไรง่ายๆ พอได้ แต่ไม่ใช่ท่าทางที่ซับซ้อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำสัญลักษณ์แสนละเอียดอ่อนเพื่อร่ายคาถาเลย ข้าต้องใช้พิธีกรรมของศาสตร์มืดเพื่อให้ฟื้นฟูกลับมาอย่างเต็มที่”
นาตาชาโล่งอกเมื่อรู้ว่าอาการบาดเจ็บบนแขนซ้ายของลูเซียนจะไม่คงอยู่ถาวร นางชูดาบยุติธรรมจืดจางขึ้นด้วยท่าทางของผู้มีชัย และกล่าวด้วยความฮึกเหิม “แม้ว่าเราจะยังสังหารคอนกัสให้ดับดิ้นไปตลอดกาลไม่ได้ แต่ข้ามั่นใจว่าข้าคืออัศวินระดับเจ็ดคนแรกที่สามารถสังหารบุคคลในระดับตำนานได้ในระหว่างการต่อสู้! นั่นเยี่ยมไปเลย! ยอดเยี่ยมสุดๆ!”
นางเดินไปมาอย่างตื่นเต้น ใบหน้าแดงเรื่อเล็กน้อย
“นี่สิการผจญภัยที่ข้าโหยหามานาน! สหายที่รู้ใจ ศัตรูทรงพลัง และการต่อสู้แสนอันตราย หากข้ามีชีวิตรอดกลับไปได้ มันจะต้องเป็นความทรงจำที่ข้าจะจดจำไปชั่วชีวิตแน่!”
“ข้าก็เช่นกัน”ลูเซียนเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ขณะจดจ้องที่ริมฝีปากของนาตาชา “แต่เราไม่ควรหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ตลอดเวลา มิเช่นนั้นเราคงจะตายไม่ช้าก็เร็ว”
“แน่นอน หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงกลับไปที่อาณาเขตของวารันไทน์แล้ว” ในฐานะอนาคตผู้นำ นาตาชาเข้าใจดีว่าการรักษาชีวิตตนนั้นสำคัญมากเพียงใด ครั้งนี้นางมาถึงเออร์โดด้วยตัวเองก็เพราะนางได้รับสารจากแฮททาเวย์ก่อนหน้านี้ว่าลูเซียนหายตัวไป ดังนั้นนางจึงจงใจรับภารกิจในการออกสำรวจและตรวจสอบดินแดนใหม่ เพื่อที่นางจะได้ตามหาลูเซียนในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของศาสนจักร ที่ซึ่งแฮททาเวย์และเจ้าแห่งพายุไม่เหมาะจะเข้ามา
นางต้องใช้เวลาสองเดือนกว่าจะพบตัวลูเซียนที่คาบสมุทรเออร์โดแสนห่างไกล
จากนั้นนาตาชาก็กล่าวเสริมด้วยความตื่นเต้น “ข้าจะบันทึกเรื่องนี้ไว้ในประวัติศาสตร์ของตระกูล ลูกหลานในตระกูลข้าจะมองว่าข้าคืออัศวินที่แท้จริงผู้เปี่ยมด้วยความกล้าหาญและความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว และพวกเขาก็จะรู้ว่านางมีสหายเป็นนักเวท”
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง นาตาชาก็ส่งยิ้มให้ลูเซียน “และข้าก็จะบันทึกด้วยว่า นอกเหนือจากจะเอาชนะเทพอสูรลิชได้แล้ว นางยังฉกฉวยจูบแรกไปจากท่านมหาจอมเวท แหมๆ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะได้เป็นมหาจอมเวทแน่นอนในอนาคต”
นางแสดงความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับความสำเร็จในอนาคตของลูเซียน ในยามนี้ การคิดบวกทำให้นางมีความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับภัยใหญ่หลวงที่ร้ายแรงยิ่งกว่าซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ในอีกสองวัน
พวกเขาต้องมีความหวังเพื่อเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง
ด้วยรู้สึกเขินนิดๆ ลูเซียนจึงยิ้มแล้วถามอย่างระมัดระวัง “เจ้าไม่รู้สึก… เอิ่ม… ขยะแขยงเวลาจูบกับผู้ชายงั้นหรือ”
นาตาชาลูบคางแล้วครุ่นคิดอยู่นาน แต่แล้วนางก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสับสนมึนงงเล็กน้อย “ข้าก็คิดว่าตัวเองจะรู้สึกอย่างนั้นนะ แต่มันกลับไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้ บางทีมันอาจเป็นเพราะเจ้าคือสหายสนิทของข้า หรืออาจเพราะมันสะอาดในเมื่อนั่นคือจูบแรกของเจ้า”
นางขยับปากส่งเสียงจุ๊บจั๊บ ราวกับกำลังพยายามนึกว่าจุมพิตนั้นให้ความรู้สึกอย่างไร
ลูเซียนต้องยอมรับว่าลักษณะนิสัยสมเป็นชายของนาตาชายังทำให้เขาประทับใจอยู่มาก แต่เขาก็ค่อนข้างดีใจเพราะนี่ถือเป็นความคืบหน้าที่ดีระหว่างเขากับนาตาชา
“เอาล่ะ เราไปสำรวจหุบเขามรณะกันเถิด” ลูเซียนกล่าว “จะได้ลองดูว่ามีที่ให้เราหลบซ่อนอย่างปลอดภัยหรือไม่”
“เอาสิ” นาตาชาตอบ นางเช็ดเลือดออกจากใบหน้าแล้วจับแขนลูเซียน
แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกไปจากถ้ำ ทั้งสองก็เห็นอะไรบางอย่างที่สะท้อนประกายสลัวอยู่บนพื้น
“มันคืออะไรน่ะ” นาตาชาเข้าไปใกล้และก็พบว่ามันคือแหวนรูปทรงโบราณที่ซ่อนอยู่ใต้กะโหลกศีรษะทองคำที่เน่าเปื่อยผุพัง
ดวงตาลูเซียนพลันเปล่งประกาย “อุปกรณ์เวทมนตร์ที่เหลือของคอนกัสถูกการโจมตีของอัลเทอร์นาทำลายไปหมดแล้ว และเขาก็ไม่ได้กลับไปยังโลกหลักหรือมิติพิเศษของเขาหลังจากนั้น นั่นหมายความว่านี่คือ…”
“ของระดับตำนาน!” ทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง
ลูเซียนเดินเข้าไปใกล้แหวนแต่มิได้แตะต้องมัน เขาอธิบายให้นาตาชาฟัง
“อุปกรณ์เวทมนตร์หลายอย่างมีพลังที่น่ากลัวแฝงอยู่ ยกตัวอย่างเช่นเสื้อคลุมเวทมนตร์ของข้า ข้าสามารถซ่อนดวงวิญญาณไว้ในนั้นแล้วรอให้มีคนพยายามมาฉกฉวยเสื้อคลุมไปเพื่อครอบครองร่างนั้น แหวนวงนี้อาจเป็นของระดับตำนานเพียงอย่างเดียวของเทพอสูรลิช ดังนั้นเราจึงต้องระวังตัวให้มาก ช่วยคุ้มกันข้าด้วยดาบยุติธรรมจืดจางที มันจะเปลี่ยนเป็นอาวุธระดับตำนานเมื่อต้องปะทะกับการโจมตีทางวิญญาณหรือคำสาป”
นาตาชาพยักหน้า แล้วดึงดาบออกมาถือไว้แน่น
ลูเซียนสงบจิตใจลงและร่าย ‘เวทระบุตัวตน’ ไปบนแหวน