บทที่ 494 ภัยใหญ่หลวง
.
ในตอนนี้ ทั้งลูเซียนและนาตาชาต่างไม่กล้าบิน หากว่าทั้งสองบินระนาบไปกับต้นไม้ พวกเขาจะถูกเนินและยอดไม้สกัดกั้นเอาได้ ซึ่งจะทำให้พวกเขาเดินทางได้ช้าลงและยิ่งทำให้ล่าช้า แต่หากพวกเขาบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาก็จะถูกพบตัวได้อย่างง่ายดาย
หลังจากร่าย ‘เวทเร่งความเร็วชั้นสูง’ ให้กับตนเอง ลูเซียนก็เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วพอๆ กับนาตาชา ผู้เป็นอัศวินอาภา พวกเขาวิ่งผ่านป่าทึบไป ดูราวกับเส้นเงาสองเส้น
ขณะที่ทั้งสองวิ่งไปนั้น แสงเจิดจ้าก็ระเบิดออกต่อหน้าต่อตาลูเซียน เขาสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะเพราะแสงนั้นเจิดจ้าและเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
แต่นาตาชานั้นมีพลังโลหิตที่ต้านทานแสงสว่างได้ นางเบี่ยงทิศทางการเคลื่อนไหวกลางอากาศและกระโดดเข้าใส่ต้นไม้ใกล้ๆ นั้น
ดวงดาวยามค่ำถูกตะวันตกดินย้อมเป็นสีแดง บนท้องนภาสีเข้มปรากฏร่างงดงามเย้ายวนในชุดเสื้อคลุมสีขาว
เป็นอาซิน เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม! นาตาชาจำนางได้ในทันที
นางเงื้อดาบในมือขึ้นโดยไม่ลังเล รอยแยกลวงตาที่ดูคล้ายกับไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันปรากฏขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของดาบและผ่าแสงจากดวงดาวยามสนธยาออกเป็นสองซีก
ก่อนที่โล่ป้องกันจะถูกทำลาย ร่างของอาซินก็เลือนลางลงและกำลังจะกลืนหายไปกับความมืดมิด
แต่ก่อนที่อาซินจะหายตัวไป ลูเซียนก็แผ่พลังจิตร่ายเวทมนตร์ กำแพงล่องหนปรากฏขึ้นบนเงา อาซินปะทะกับกำแพงนั้นแล้วกระเด้งตัวกลับมา จากนั้นดาบของนาตาชาก็ฟันลำคออาซินจนเกิดเป็นแผลฉกรรจ์
ปากแผลไร้ซึ่งหยาดโลหิตไหลท่วม มีเพียงรอยเฉือนลึกเท่านั้น ต่อหน้าพลังของดาบยุติธรรมจืดจาง เวทป้องกันตัวที่เรียกใช้ทั้งสองถูกฉีกกระชากราวกับเป็นเพียงกระดาษแผ่นบางๆ เมื่อศีรษะของอาซินร่วงหล่นลงบนพื้น ร่างของเขาก็เน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว
จากพิธีกรรมชีวิต อาซินได้ตายไปแล้วและกลายเป็นผีดิบที่ควบคุมโดยคอนกัส ดังนั้นจึงไม่สามารถปัดป้องดาบยุติธรรมจืดจาง ซึ่งจะมีพลังในระดับตำนานยามฟาดฟันผีดิบ
เศษเสี้ยวพระสิริแห่งพระเจ้าลอยละล่องออกจากร่างอาซินมาเกาะตรงรอยแตกบนชุดเกราะของนาตาชา ในขณะเดียวกันนั้น ร่างเน่าเปื่อยได้สูญเสียพลังไปแล้วจึงกลับสู่รูปลักษณ์เดิมของอาซิน นั่นก็คือเซนทอร์
นาตาชาประหลาดใจอย่างยิ่ง แต่นี่มิใช่เวลาเหมาะแก่การถามหาเหตุผล นางกลับมาหาลูเซียนพลางเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ อาซินพยายามจะหยุดเราแม้เขาจะรู้ดีว่าต้องเสี่ยงมากก็ตาม มันหมายความว่าเทพอสูรลิชอยู่ไม่ไกลแล้ว!”
ขอบเขตพลังของอาซินนั้นมีพลังในด้านการแกะรอยและซ่อนตัวอยู่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมลูเซียนกับนาตาชาจึงไม่รู้ตัวว่าถูกติดตาม หากว่าเทพอสูรลิชยังอยู่ห่างจากพวกเขา อาซินที่ยังมีสติปัญญาหลงเหลืออยู่เล็กน้อย ย่อมไม่เผยตัวต่อหน้าลูเซียนกับนาตาชาเป็นแน่
การมองเห็นของลูเซียนกลับคืนมา เขาหมุนกายเตรียมพร้อมพุ่งตัวไปยังป่าทึบที่อีกด้านของหน้าผา
ทันใดนั้น เสียงคร่ำครวญและกรีดร้องก็แผ่พุ่งมายังทั้งสอง บรรยากาศพลันท่วมท้นด้วยรังสีแห่งความตาย น้ำและพลังชีวิตเริ่มไหลซึมออกไป
เทพอสูรลิชอยู่ที่นี่แล้ว!
ลูเซียนกับนาตาชารู้ตัวพร้อมๆ กัน นาตาชาหมุนตัวกลับอย่างว่องไวพลางถือดาบยุติธรรมจืดจางตั้งตรงไว้เบื้องหน้าทั้งสองเพื่อสกัดกั้นคลื่นเสียงร้ายแรงที่เกิดจาก ‘เวทเทพอสูร-ลิชโหยหวน’
เพราะเสียงคร่ำครวญกรีดร้องโหยหวนนั้น เหล่าสกุณาภายในรัศมีสองร้อยเมตรเริ่มร่วงหล่นลงกับพื้นทีละตัวๆ ร่างของพวกมันเน่าเปื่อยไปแล้วบางส่วนก่อนที่ตัวมันจะทันได้แตะผืนดิน
ดาบยุติธรรมจืดจางเปล่งประกายเจิดจ้า แสงสว่างจากมันทั้งอบอุ่น อ่อนโยน ทว่าเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องแหลมโหยหวน ใบดาบสั่นไหวรุนแรง ราวกับว่าพลังของมันมาถึงขีดจำกัดแล้ว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักเวทระดับตำนานมากประสบการณ์ผู้มีอายุนับพันปีและมีเวทมนตร์คาถานับไม่ถ้วน มันดูเหมือนจะไม่มีโอกาสชนะสำหรับพวกเขาเลย การได้ตายอย่างสงบคงจะเป็นพรอันประเสริฐจากพระเจ้าแห่งสัจธรรมแล้ว
พลังแสนอันตรายย่างกรายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ระยะห่างระหว่างพวกเขาคงจะเหลือไม่ถึงสองร้อยหกสิบเมตรในเร็วๆ นี้!
ในตอนนั้นเอง ลูเซียนก็ก้าวมาข้างหน้าและยกมือซ้ายขึ้น แสงจันทร์เจิดจรัสแผ่ออกมาจากมือเขา โดยมีเปลวเพลิงสีดำพันรัดอยู่รอบๆ
“หืม?” สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงนั้นคือแสงสว่างสีขาวแห่งพลังชีวิตและความชื้นที่ควบรวมกันก่อเป็นกำแพงป้องกันที่เปล่งประกายแสงสีเขียวอมเทา
มือซ้ายของลูเซียนตวัดลงอย่างรวดเร็วรุนแรง แต่กลับมิมีอะไรเกิดขึ้น
ฉับพลันนั้นเขาก็หมุนตัวกลับและพุ่งตัวออกวิ่ง เขาตะโกนบอกนาตาชาผ่านกระแสจิต
“วิ่ง! ออกจากระยะสามร้อยเมตร จากนั้นเราอาจยังมีหวัง!”
ลูเซียนเพิ่งจะบังคับให้อัลเทอร์นาหยุดกดข่มพลังของสิ่งมีชีวิตลึกลับจากโลกแห่งวิญญาณ แสร้งทำเป็นว่าอัลเทอร์นาพร้อมจะต่อสู่แล้วเพื่อข่มขวัญเทพอสูรลิช
ลูเซียนใช้วิธีการนี้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แม้เขาจะปล่อยอัลเทอร์นาออกมาเลยก็ทำได้ แต่ท้ายที่สุด ลูเซียนก็จะต้องตายเพราะชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตลึกลับหลุดจากการควบคุมอยู่ดี หากว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ ลูเซียนก็ไม่คิดจะใช้แผนการสุดท้ายนี้
ด้วยเข้าใจดีว่าสถานการณ์กำลังเร่งด่วนมากเพียงใด นาตาชาจึงเก็บดาบและวิ่งตามลูเซียนไป นางรวดเร็วเสียยิ่งกว่าเขา ดังนั้นนางจึงคว้าจับแขนลูเซียนแล้วลากเขาให้วิ่งอ้อมหน้าผาไป
ภายใต้ความกดดันแสนหนักหน่วง นาตาชากลับวิ่งได้เร็วยิ่งกว่าที่คิดว่าตนเองจะทำได้ ท่ามกลางความมืดมิด ทั้งสองร่างแทบจะกลายเป็นเงาล่องหนสองสาย
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังตามหลังมาจากที่ไกลๆ แต่กลับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วยิ่ง
“ข้าจะเปลี่ยนพวกเจ้าทั้งสองคนเป็นศพทาสรับใช้!”
แสงสีดำ ขาว และเทาที่ดูคล้ายกับจับต้องได้พลันแผ่ขยายปกคลุมทั่วร่างลูเซียน นี่คือผลจากการที่อัลเทอร์นาปล่อยเศษเสี้ยวพลังให้หลุดจากการควบคุมชั่วคราว
โชคดีที่นาตาชาเตรียมตัวไว้แล้ว นางจับตัวลูเซียนด้วยมือซ้ายและวิ่งหนีต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อเส้นทางเลียบเทือกเขายาวเหยียดหมดลง เบื้องหน้านาตาชาจึงปรากฏสองทางเลือก ทางขวามือของนางคือป่าทึบ ส่วนทางด้านซ้ายมือคือทะเลสาบลึกสุดหยั่งที่นิก้าเคยพูดถึง ในขณะเดียวกันนั้น พลังชั่วร้ายน่าหวั่นเกรงก็ตามติดพวกเขามาเรื่อยๆ
จากคำพูดของนิก้า ทะเลสาบแห่งนี้ลึกอย่างน้อยสี่ถึงห้าร้อยเมตร นางชะลอความเร็วลงเล็กน้อยแล้วใช้ดาบตัดผ่านสีสันบนตัวลูเซียน จากนั้นนางก็ดึงตัวเขากระโจนลงไปในทะเลสาบพร้อมกัน
ทั้งโลกพลันเงียบงัน ทั้งสองจมลงไปในสายน้ำอย่างรวดเร็ว
เพราะเขายังมิใช่อัศวินอาภา ลูเซียนจึงไม่สามารถขยับหรือหายใจใต้น้ำได้ง่ายๆ อย่างที่ใจหวัง และเขาก็ไม่กล้าร่าย ‘เวทเสื้อคลุมท่องทะเล’ เพราะเทพอสูรลิชอาจสัมผัสได้ถึงคลื่นเวทมนตร์
นาตาชาเหลือบมองลูเซียนแล้วดึงเขาเข้ามาในอ้อมแขน จากนั้นริมฝีปากนางก็ประกบกับปากลูเซียนแล้วส่งผ่านอากาศเข้ามาทางปากเขา
ลูเซียนไม่มีเวลาลิ้มรสจุมพิตนั้นเลยสักนิด เขากำลังจมลงไปใต้น้ำพร้อมกับนาตาชาอย่างรวดเร็ว
เขาชี้ไปทางหน้าผา บอกใบ้นาตาชาว่าที่นั่นมีถ้ำหินปูนลาดเอียงอยู่
เทพอสูรลิชในชุดคลุมยาวสีดำจดจ้องทั้งสองเส้นทางแล้วบังเกิดความลังเล เขาร่ายเวทมนตร์สองสามบทแต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่หนักแน่นชัดเจนเลย นั่นทำให้เขาค่อนข้างหัวเสีย ในดินแดนเฮงซวยแห่งนี้ พลังจิตของเขาแผ่ออกไปได้ไกลมากสุดเพียงสองร้อยเมตรเท่านั้น แม้ว่าจะใช้เวทตรวจสอบอะไรเทือกนั้น ระยะก็เพิ่มขึ้นได้เพียงหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น
หลังจากแกะรอยมาหนึ่งวัน เขาก็รู้แล้วว่าเส้นทางแห่งโชคชะตาของลูเซียนนั้นแปลกพิกลและนาตาชาก็มีพลังของอัลเทอร์นาคุ้มครองอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเสียเวลาร่ายเวทพยากรณ์และเวทผูกดวงโหราศาสตร์
ทว่า ในฐานะนักเวทระดับตำนาน คอนกัส เทพอสูรลิชนั้นหาใช่คนไร้ปัญญา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คอนกัสก็ส่งผู้กลืนกินความตาย ยักษ์ผีดิบ และมัมมี่ของเขาเข้าไปในป่าทึบเพื่อค้นหาลูเซียนกับนาตาชา ส่วนตัวคอนกัสก็บินไปร่ายเวทอยู่เหนือทะเลสาบ
“‘พิษโสมม’”
ฉับพลันนั้น คลื่นภายในทะเลสาบก็พลันซีดจางลงและสีสันนั้นก็แผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ปลาทั้งหลายลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำในสภาพเน่าเปื่อยไปแล้วครึ่งตัว
ทะเลสาบไหลโกรกกรากราวกับกำลังเดือดปุดๆ เงาที่มีขนาดใหญ่เท่าปราสาทหนึ่งหลังลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ มันคือสัตว์อสูรยักษ์ที่มีสายเลือดของมังกร!
แต่มันก็เน่าเปื่อยไปแล้วเช่นกัน!
ข้างใต้น้ำ ในตอนที่ลูเซียนกับนาตาชามองเห็นถ้ำลาดเอียงนั้น ทั้งสองต่างมีกำลังใจขึ้นมาก
แต่ในตอนนั้นเอง นาตาชาก็สังเกตเห็นว่าสีสันของสายน้ำเริ่มซีดจางลงอย่างรวดเร็ว พืชพรรณสาหร่ายใกล้ๆ นั้นล้วนหายไปหมด รวมถึงปลาด้วย รอบกายพวกเขามีเพียงความเงียบสงัดเท่านั้น
“ไป!” นาตาชาตะโกนก้องผ่านทางกระแสจิต
ทั้งสองแหวกว่ายอย่างไม่คิดชีวิต ความเร็วของพวกเขาได้มาถึงขีดจำกัดทางร่างกายแล้ว
ในขณะที่พวกเขาใกล้จะไปถึง ความซีดจางเปรอะเปื้อนก็มาเยือนแล้วเช่นกัน
ฉับพลันนั้น นาตาชาก็คว้าแขนลูเซียนแล้วดันเขาเข้าไปในถ้ำขณะที่เขาไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด
พร้อมกันนั้น นางก็หันกลับไปและดึงดาบยุติธรรมจืดจางออกมารับมือกับพลังแห่งความตาย
พลังจากตัวดาบแบ่งความซีดจางนั้นออกเป็นสองส่วน นาตาชาทาบมือซ้ายกับหน้าผา ก่อนจะหันตัวกระโจนเข้าไปในถ้ำ
“ระวัง!” ลูเซียนรีบร่ายเวทและหยุดความซีดจางในรูปลักษณ์หนวดที่น่าขยะแขยงจากการแตะต้องนาตาชา
ทันทีที่นาตาชากระโดดขึ้นจากน้ำเข้าไปในถ้ำ นางเองก็หมุนกายฟาดดาบใส่หนวดสีซีดเหล่านั้นเช่นกัน
ด้วยการผนึกกำลัง ทั้งสองจึงสลัดเจ้าหนวดสีซีดแสนโสโครกทิ้งไปได้ในที่สุด ทว่า ชุดเกราะ ‘ผู้พิทักษ์ไวโอเล็ต’ ของนาตาชากลับเสียหายอย่างหนัก ทั้งยังมีรูอยู่ทางด้านหลังอีกด้วย
นาตาชาไม่เคยประสบพบเจอภัยอันตรายร้ายแรงถึงเพียงนี้มาก่อน และตอนนี้นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างที่สุด แต่นางรู้ดีว่าพวกเขาไม่อาจหยุดอยู่ที่นี่ได้เพราะพวกเขายังไม่หลุดพ้นจากภัยอันตรายจริงๆ นางฝืนตัวเองให้ก้าวต่อไปพลางเอ่ยกับลูเซียน
“ไปกันต่อเถอะ เราจะปลอดภัยหากไปถึงอีกฝั่ง”
“เช่นนั้นหรือ” เสียงเยียบเย็นดังมาจากเบื้องหน้าทั้งสอง
เทพอสูรลิชปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่าในชุดคลุมยาวสีดำของเขา
ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมากลับสูญเปล่า ชั่ววินาทีหนึ่ง ทั้งนาตาชาและลูเซียนต่างหมดสิ้นความหวัง
ทว่า ความทดท้อมีอยู่เพียงชั่วพริบตา หลังจากสื่อสารกันผ่านกระแสจิตไม่นาน นาตาชาก็ยกดาบขึ้นเหวี่ยงใส่เทพอสูรลิช
“เวทกีดกัน…” คอนกัสรู้ดีว่าดาบยุติธรรมจืดจางจะทรงพลังอย่างที่สุดยามรับมือกับปีศาจและทำให้เขาบาดเจ็บได้จริงๆ ดังนั้นเขาจึงระแวดระวังอย่างยิ่ง เขาพร้อมจะสังหารนาตาชาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แต่ทว่า จู่ๆ นาตาชาก็หายไปจากจุดที่นางอยู่ คอนกัสสูญเสียเป้าหมาย ในขณะที่ลูเซียนถือคทาแห่งตะวันที่ฝังอัญมณีเม็ดใหญ่ไว้ด้านบนสุด
“เขาวงกตระดับเก้า… น่าสนใจเสียจริง…” คอนกัสเอ่ยเสียงหยัน “แต่ตอนนี้เจ้าเหลือเพียงตัวคนเดียวแล้ว”
เขาพร้อมจะจองจำลูเซียนด้วย ‘เวทจองจำวิญญาณ’ แล้ว
ลูเซียนอ้อนวอนด้วยความสิ้นหวัง เขาดูคล้ายกับตกอยู่ในสภาพเสียสติไปแล้ว
“ทั้งหมดที่ท่านต้องการคือสังหารข้าใช่หรือไม่ ท่านอยากได้อัลเทอร์นากับเศษเสี้ยวพลังใช่หรือไม่ มาเอามันไปเลย!
“แต่ได้โปรดปล่อยนางไป นางไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย นางต้องเข้ามาพัวพันก็เพราะข้า และ ใช่ นางคือหลานสาวของท่านมหาจอมเวทแฮททาเวย์!”
คอนกัสรู้สึกขบขันนิดๆ และประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นลูเซียน ผู้ได้รับการยกย่องสรรเสริญว่ากิริยาดีและนิ่งสงบอยู่ตลอด กลับสิ้นท่าไร้ซึ่งศักดิ์ศรีในยามนี้ “ด้วยเหตุผลนี้แหละที่ข้าจะไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตต่อไป หากพวกเขารู้ แฮททาเวย์กับเจ้าแห่งพายุเฮงซวยนั่นย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารข้าอย่างแน่นอน”
คอนกัสจดจ้องลูเซียนแล้วพูดต่อ “น่าเสียดายจริงๆ เจ้ามีโอกาสได้เป็นมหาจอมเวท และความสำเร็จของเจ้าก็อาจล้ำหน้าลูกศิษย์ข้า หรือแม้กระทั่งตัวข้าเอง แต่เจ้าประเมินตนเองไว้สูงเกินไป การที่เจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกแห่งวิญญาณและข้อเท็จจริงที่ว่ามัสเคลินย์ได้มอบเครื่องรางของเขาให้เจ้าจะนำความตายมาสู่เจ้า”
ในสายตาคอนกัส ลูเซียนได้สูญเสียความหวังทั้งหมดไปแล้ว
ลูเซียนร้องไห้โฮ “ปล่อยนางไปเถิด! ข้าจะมอบทุกสิ่งให้ตามที่ท่านต้องการ! ทั้งอัลเทอร์นาและเศษเสี้ยวพลัง!”
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้คอนกัสตกตะลึงไปเล็กน้อย จู่ๆ ลูเซียนก็ยกมือขวามาจับแขนซ้ายของตัวเองและกระชากมันหลุดออกจากร่าง กระดูกสีขาวและเนื้อแดงๆ ก่อเป็นภาพแสนขัดแย้งและน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
“ท่านต้องการมันใช่ไหม ข้าจะมอบให้! ทั้งหมดเลย!” ลูเซียนกู่ร้องบอกพลางโยนแขนซ้ายไปทางคอนกัส
นี่ลูเซียนเสียสติไปแล้วจริงๆ งั้นหรือ
แม้จะรู้สึกเหนือความคาดหมาย แต่คอนกัสก็ไม่ได้ลดความตื่นตัวลง เขาใช้ ‘เวทหัตถ์นักเวท’ รับแขนซ้ายของลูเซียนด้วยความระแวง
ในตอนนั้นเอง แขนซ้ายข้างนั้นก็ระเบิดแสงสีเงินเจิดจ้า แล้วสีดำ ขาว เทาก็แผ่กระจายไปอย่างรวดเร็ว สีสันทั้งสามส่งผลต่อหัตถ์นักเวทในทันที ก่อนที่มันจะกลืนกินคอนกัสไปทั้งตัว
สีหน้าและอารมณ์ที่ดูเกินจริงทั้งหมดพลันหายไปจากใบหน้าลูเซียน เขายกคทาแห่งตะวันขึ้นและชี้ไปทางความว่างเปล่าอย่างสงบนิ่ง
ร่างของนาตาชาปรากฏขึ้นกลางอากาศ นางตวัดดาบยุติธรรมจืดจางออกไปอย่างไม่ลังเลและปะทะโดนร่างของเทพอสูรลิชอย่างจัง!