Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 563 แรงกระเพื่อมของคลื่นยุคใหม่

บทที่ 563 แรงกระเพื่อมของคลื่นยุคใหม่

บทที่ 563 แรงกระเพื่อมของคลื่นยุคใหม่
สภาขุนนางภายใน โคคัส ราชรัฐคาเลส์

“คำพูด และสัญญาทั้งหมดของข้าจะเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ข้าพร้อมที่จะเป็นราชา และราชินีที่จะปฏิบัติตามกฎหมายเช่นเดียวกับขุนนางทั้งหมดในอนาคต! และสภาแห่งเวทมนตร์จะเป็นผู้ควบคุม!”

เมื่อเหล่าขุนนางได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากนาตาชาก็ไม่มีใครสามารถยับยั้งอารมณ์ได้อีกต่อไป ในวินาทีต่อมาหลังจากเกิดการระเบิดที่ดังสนั่นอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงเหล่านั้นก็ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิงหลงเหลือไว้เพียงแต่กระแสไฟฟ้าเท่านั้น

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“มีอะไรเกิดขึ้นที่พระราชวังเนคโซหรือเปล่า?! เป็นเพราะสงครามระหว่างตำนานเหล่านั้นหรือเปล่า”

“หรือจะเป็นศาสนจักร? หรือสภา”

บทเพลงสนธยา ยอร์ซนาร์มองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ตั้งของนครเรนทาโต

เพราะอยู่ในฐานะอัศวินระดับตำนานทำให้เขาสามารถมองเห็นภาพที่มีดวงอาทิตย์ที่แผดเผา และแผ่แสงพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดบนท้องฟ้าจากนั้นก็ปรากฏเมฆรูปเห็ดลอยขึ้นมา

ในตอนนี้เอง วาคีนที่เป็นประธานของสหพันธ์บทเพลงจันทราก็เดินอยู่ที่ประตูด้านหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปิติยินดี เขากล่าวเสียงดังว่า “สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าขัดข้อง หมายความว่าเปลวไฟนิรันดร์เกิดขึ้นแล้ว!”

“เปลวไฟนิรันดร์?” ยอร์ซนาร์ทวนคำอย่างสับสน เขาไม่เคยได้ยินคาถาระดับตำนานที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน

แต่เขาก็ไม่ได้ถามกลับไป ถ้าเขารู้ว่าสิ่งที่วาคีนรู้ก็ไม่ได้มากไปกว่าเขา เขาคิดว่าการสื่อสารทั้งหมดในเรนทาโตถูกตัดขาด

ความสุข และความมั่นใจของวาคีนมีอิทธิพลต่อเหล่าขุนนาง เมื่อนึกถึงคำพูดของนาตาชาหัวใจของพวกเขาก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง แรงผลักดัน และความตื่นเต้นที่พวกเขาประสบเป็นเหมือนเปลวไฟที่ทำให้พวกเขารู้สึกกระสับกระส่าย ตอนนี้ขุนนางบางคนมองไปที่แกรนด์ดยุกแห่งคาเลส์ ส่วนที่เหลือก็มองไปยังยอร์ซนาร์เหมือนจะขอร้องเขา

ยอร์ซนาร์ถอนหายใจ และไม่มีความลังเลอีกต่อไป เขาเดินไปที่แกรนด์ดยุก และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง

“ฝ่าพระบาท ยุคเก่าสิ้นสุดลงแล้ว และยุคใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น โปรดรับสั่งให้มีการขับไล่ศาสนจักรใต้หัวรุนแรงออกไป และให้เหล่า Moderates เป็นลัทธิในราชรัฐเท่านั้น!

ภายใต้การนำของเขา ขุนนางทั้งหมดยืนขึ้น และคุกเข่าลงพร้อมกัน

“ฝ่าพระบาท โปรดรับสั่งให้เตรียมพร้อมสำหรับศักราชใหม่เถิด!”

กระแสเสียงเห็นด้วยดังก้องในห้องโถงสภาเหมือนคลื่น ไม่มีใครกล้าที่จะหยุด เพราะแนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!

แกรนด์ดยุกแห่งราชรัฐคาเลส์รู้ดีว่าไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธสิ่งนี้ได้ โซ่ตรวนแห่งยุคเก่าได้ถูกทำลายลง และคำสั่งใหม่กำลังก่อตัวขึ้น ในขณะนี้แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายก็ยังต้องเชื่อฟังแนวโน้มของยุคสมัย มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกโยนออกจากบัลลังก์ไม่อย่างนั้นเราขุนนางจะถือว่าพวกเขาเป็นผู้ทรยศที่รับใช้ศาสนจักร

ไม่มีทางเลือกอื่นให้กับแกรนด์ดยุก ครอบครัวของเขายังไม่มีอัศวินระดับตำนานถือกำเนิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นและประกาศเสียงดังว่า

“ข้า แกรนด์ดยุกแห่งราชรัฐคาเลส์ ขอสั่งให้มีการขับไล่ศาสนจักรใต้ แต่อนุญาตให้พวก Moderates ยังคงอยู่!”

“ณ ที่แห่งนี้ ข้าขอสาบานด้วยจิตวิญญาณ และชะตากรรมของข้าต่อเจ้าแห่งนรก ข้าจะคืนอำนาจให้เจ้าเหมือนที่อาณาจักรโฮล์มจะทำ!”

ยอร์ซนาร์ และขุนนางที่เหลือพากันยิ้ม

“เราสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อฝ่าบาทตลอดชีวิตของพวกเรา!”

ซัลลีแวร์ เมืองหลวงของบริแอนน์

ค้อนแห่งการลบล้าง บีเดรนกา และ บาเซอร์ อัศวินแห่งความพินาศคุกเข่าลงต่อหน้าราชาแห่งบริแอนน์ เบื้องหลังพวกเขาคือสมาชิกสภาขุนนาง

“ฝ่าบาท นี่เป็นสิ่งที่ปล่อยผ่านพ้นไม่ได้ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ โปรดตัดสินใจโดยเร็วที่สุด เพราะหากสภาสามารถชนะสงครามได้ด้วยตนเอง เราก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา!”

อาณาจักรโคเล็ตต์

ไม่ว่ามัจจุราชพรากวิญญาณจะอายุมากซักแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กวัยรุ่นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ร่าเริง แต่ในขณะนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ และเขาคุกเข่าลงเช่นเดียวกับขุนนางที่เหลือ และกล่าวว่า

“เวทมนตร์ของท่าน ยุคใหม่กำลังจะมาถึง และเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม โปรดสั่งให้พวกเราไปช่วยสภาแห่งเวทมนตร์ด้วย!”

แคสวิก เมืองหลวงของสมาพันธ์เมืองทางชายฝั่งเมืองเหนือ

ในฐานะผู้นำ ท่านหญิงเพลิงผลาญเองก็ได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรพจน์ของนาตาชา เนื่องจากคำพูดของนาตาชาทำให้นางมีหนทางที่จะรวบรวมเหล่าสมาพันธ์เข้าด้วยกัน นอกจากนี้นางยังได้รับข่าวสารที่ส่งกลับมาจาก บริแอนน์ โคเล็ตต์ และคาเลส์ นางยิ้มราวกลับดอกกุหลาบสีแดงแล้วก็ลุกขึ้นยืน

“ยุคใหม่อยู่ที่นั่นแล้ว ดังนั้นข้าจะช่วยสภาแห่งเวทมนตร์ และปฏิรูปสมาพันธ์เมืองขึ้นใหม่ ทุกคนเห็นด้วยหรือไหม”

บรรดาขุนนางต่างคุกเข่าลงด้วยความยินดี “ทั้งหมดตามแต่ท่านจะประสงค์ นายท่าน”

ตอนนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

หลังจากที่แกรนด์ดยุกแห่งราชรัฐคาเลส์ออกคำสั่ง บทเพลงสนธยาก็ได้ออกจากห้องโถง และทะยานสู่ท้องฟ้าเพื่อค้นหาทอร์เรนส์ เพื่อทำการโจมตี และจะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ที่จะเป็นสัญลักษณ์ของพวกเขา

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะเข้าใกล้ เทวทูตแห่งปัญญา ทอร์เรนส์ก็ได้รีบหลบไปอีกด้านหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงลมหายใจของมังกรสายรุ้ง หลังจากร่ายเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้แน่ใจว่าเอริก้าจะไม่สามารถกักขังเขาได้อีกในช่วงเวลาสั้นๆ ทอร์เรนส์ก็ได้ร่ายเวทมนตร์บางอย่างเช่น เวทบ่วงหายนะ เวทเคลื่อนที่ และวิ่งหนีออกจากสนามรบ

ยอร์ซนาร์ค่อนข้างสับสน ทอร์เรนส์รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือ

เมื่อเห็นว่ายอร์ซนาร์ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายนาง เอริก้าจึงกลับสู่ร่างมนุษย์ นางยิ้ม “ข้ากำลังจะหนีเหมือนกันเพราะใครก็ตามที่เข้าใกล้ตอนนี้อาจเป็นศัตรูได้ มันปลอดภัยกว่าที่จะกลับมาหลังจากตัดสินใจว่าใครคือศัตรูหรือไม่ใช่”

นางเสียสมาธิเล็กน้อยกับการมาถึงของบทเพลงสนธยา หรือนางจะสามารถกักขังทอร์เรนส์ไว้ที่นี่ได้

ยอร์ซนาร์ตระหนักว่าเอริก้าพูดถูก การวิ่งหนีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทอร์เรนส์ ไม่ว่าเขาจะเป็นศัตรูหรือพันธมิตรก็ตาม ทอร์เรนส์สามารถกลับมาได้ในภายหลังหากยอร์ซนาร์มาเพื่อช่วยเหลือ

“ไม่มีเวลาแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องคาเลส์ เผื่อว่าทอร์เรนส์จะกลับมา ท่านไปที่เรนทาโตเถิด” ยอร์ซนาร์กล่าว แม้ว่าทอร์เรนส์จะรู้ดีว่ามันจะดีกว่า และมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์มากกว่าหากเขาไปที่เรนทาโตด้วยตัวเอง แต่สภาเวทมนตร์อาจสงสัยในความตั้งใจที่แท้จริงของเขา เมื่อมาถึงจุดนี้ สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการจะทำคือการเบี่ยงเบนความสนใจของสภา เอริก้ากลับไปที่เรนทาโต และพบกับจอมเวทระดับตำนาน และพระมหาคาร์ดินัลจะอธิบายทุกอย่างเมื่อวงแหวนเคลื่อนที่ที่เชื่อมต่อโคคัส และนครศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลาย

เอริก้าพยักหน้า แม้ว่านางจะยังคงตื่นตัวเต็มที่เมื่อเผชิญหน้ากับยอร์ซนาร์ นางไปที่เรนทาโต ด้วยการใช้เวทเคลื่อนที่ ตอนนี้มันไม่ปลอดภัยในการใช้วงแหวนเคลื่อนที่เพื่อย้อนกลับ เนื่องจากพายุยังมีพลังมากเกินไป

ชายฝั่งเมืองเหนือสถานการณ์ก็ค่อนข้างเหมือนกัน แม้ในการต่อสู้ พระมหาด์คาร์ดินัลก็ยังพบโอกาสที่จะหลบหนี และแอบหนีไป แต่ที่โคเลตต์ อินส์ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น เพราะเขากำลังเผชิญหน้ากับเจ้าแห่งผีดิบ การวิ่งหนีจะทำให้เขาเสียแขน และขา อาการบาดเจ็บสาหัสระดับสองเหลือเพียงระดับหนึ่ง และจะเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะฟื้นตัว

เมื่อแสงพร่างพราวปรากฏบนท้องฟ้า โอลิเวอร์ เฮลเลน และแฮททาเวย์ต่างก็หันหลังกลับทันที และบินไปยังทิศทางตรงกันข้ามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

พวกเขาจะไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้ถ้าวิมานบนดินไม่ได้ปิดกั้นเวทมนตร์เคลื่อนที่ทั้งหมด

พวกเขาสามารถร่ายเวทมนตร์ป้องกันระดับตำนานที่พวกเขาถนัดจากระยะไกลได้

นักเวทระดับตำนานที่เหลือก็ไม่สนใจที่จะป้องกันไม่ให้พระมหาคาร์ดินัลหลบหนีไป แม้ว่าพระคาร์ดินัลทั้งหมดจะหนีออกจากสนามรบได้ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการฟื้นตัว และกลับมา และถ้าพวกเขาถูกฆ่าทั้งหมดศาสนจักรก็จะส่งพระมหาคาร์ดินัลที่แข็งแกร่งกว่ามาที่นี่ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับอัลลิน และทำลายเครื่องมือในการฟื้นคืนชีพของเหล่าตำนาน นอกจากนี้เนื่องจากพระมหาคาร์ดินัลไม่ได้อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางพื้นที่ระเบิด ทำให้แรงระเบิดไม่เพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาได้ แต่ก็ทำให้บาดเจ็บได้อย่างรุนแรง

ตูม!

“พระอาทิตย์” ขึ้น และแสงก็สว่างมากจนทำให้ดวงตาของพวกเขามองไม่เห็นสีสันใดๆ เหลือเพียงสีขาวในรูม่านตาของพวกเขา จากนั้นเมฆเห็ดรูปร่างประหลาดก็ค่อยๆ ลอยขึ้น หลังจากการระเบิดที่อึกทึก เมฆก็ลอยขึ้นในความเงียบ แต่ฉากนั้นก็น่าตกใจมากจริงๆ

แสงศักดิ์สิทธิ์สลายไปภายในไม่กี่วินาที จากนั้นวิมานบนดินก็เริ่มแตก และพังทลายลงเหมือนของเล่นที่ทำจากแก้ว

เมแคนทรอนพ่นเลือดสีทองออกมาอึกใหญ่ และปีกทั้งสิบแปดคู่ของเขาก็จางลง ตอนนี้ปีกของเขาสั่น และพลิ้วไหวเหมือนกิ่งไม้แห้งท่ามกลางพายุที่น่ากลัว และมีความร้อนสูง เพราะวิมานบนดินถูกสร้างขึ้นจากพลังของเขา

เมื่อดักลาสหันกลับมาป้องกันตัวเองจากพลังของเปลวไฟนิรันดร์ เมแคนทรอนก็คว้าโอกาสนั้นไว้ และคุกเข่าลง

“ใครก็ตามที่สวดอ้อนวอนต่อนามแห่งท่านจะไม่ได้รับอันตราย”

คลื่นลวงตาแผ่กระจายออกจากตัวเมแคนทรอน และเป้าหมายของเขาคือวงแหวนสัญญาณขนาดใหญ่

วิมานบนดินยังคงแตกร้าวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพลังของ “พระอาทิตย์” แผ่ขยายไปทั่วทุกมุมของเรนทาโต วงแหวนส่งสัญญาณขนาดใหญ่ก็เริ่มแตกร้าวเช่นกัน แต่เมื่อใกล้จะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์เวทพระเจ้าคุ้มครองก็ช่วยไว้ได้

เมแคนทรอนต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้นจากการขัดขวางของเวทพระเจ้าคุ้มครอง มีเลือดไหลออกมาจากปากของเขามากขึ้น และออร่าของเขาก็อ่อนลงอย่างมาก

หลังจากทำลายวิมานบนดินลงอย่างสมบูรณ์ พลังงานที่เหลืออยู่ของพายุก็ยังคงดำเนินต่อไป ปราการพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ลูเซียนเปิดใช้งานก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเช่นกัน ในที่สุดมันก็หายไปอย่างช้าๆ

ทางด้านตะวันตกของเรนทาโตยังคงสภาพสมบูรณ์ แต่ย่านขุนนางทางตะวันออกถูกรื้อถอนจนราบเป็นหน้ากลอง ที่เป็นอย่างนี้ก็เกิดจากผลกระทบของการต่อสู้ระดับตำนานที่ได้ผลักดันผู้คนให้ไปทางทิศตะวันตก หรือใกล้กับพระราชวังเนคโซ ไม่อย่างนั้นการบาดเจ็บล้มตายที่รุนแรงกว่านี้ก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

พระราชวังเนคโซอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพลังศักดิ์สิทธิ์ ด้วยคลื่นกระทบที่เหลือของเปลวไฟนิรันดร์ก็ยังทำให้คงสภาพเดิมได้

เหล่าบรรดาขุนนางมองออกไปนอกหน้าต่าง หัวใจของพวกเขาถึงกับหลั่งเลือด บ้าน สมบัติ และของสะสมของพวกเขาหายไปหมดแล้ว!

ภายในบริเวณใจกลางของการระเบิด เมฆ และควันค่อยๆ ฟุ้งกระจาย และหายไป Holy Avenger เมลแม็กซ์ ตอนนี้สภาพยุ่งเหยิงมาก ชุดเกราะระดับตำนานของเขาตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ชิ้นที่ยังอยู่และร่างกายของเขา ครึ่งหนึ่งระเหยกลายเป็นไอ โชคดีที่ดาบในมือขวาของเขาไม่ถูกทำลายจนหมด แต่ตอนนี้พลังของเขาลดลงอย่างมาก มากจนถึงขั้นต่ำสุดในระดับตำนาน

นักบุญทั้งสองที่อยู่ข้างหลังเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่า อนาสตา และมาเรียถูกไฟไหม้จนเป็นสีดำ และตอนนี้พวกเขาก็กำลังดิ้นรนเพื่อรักษาตัวเอง

พลังแห่งศรัทธากำลังหมดลง และพลังของพวกเขาก็ลดลงหนึ่งระดับ พวกเขาต้องขอบคุณเมลแม็กซ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาเพื่อรับการระเบิด มิฉะนั้นความเสียหายจะคงอยู่ถาวร

ส่วนแอนโทนี และออกัสตาซึ่งยืนอยู่ห่างจากเมลแม็กซ์ และไม่มีพลังเทียบเท่าพวกเขาก็ถูกระเหยไปจนหมด ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลย

“นักบุญทั้งสองของข้า…!”

ดวงตาของเมลแม็กซ์มีน้ำตาคลอ

ในเวลานี้ราวกับว่าเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เมลแม็กซ์มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาเห็นสมเด็จพระสันตะปาปาค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ที่ตอนนี้ดูแก่ชรากว่ามาก

ในที่สุดความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ก็กลับมา! เมลแม็กซ์ตื่นเต้น

เมื่อเห็นการมาถึงของเบเนดิกต์ที่สองเหล่ามหาจอมเวท และการจอมเวทระดับตำนานต่างก็ตื่นตัวเต็มที่

แต่ความสุขของเมลแม็กซ์ก็อยู่ได้ไม่นาน ในขณะที่เขารู้สึกได้ว่ามีการระเบิดเกิดขึ้นในร่างกาย ร่างในชุดคลุมสีแดงยี่สิบองค์ พระคาร์ดินัลกว่าร้อยองค์ นักบวชกว่าพันองค์ และทูตสวรรค์จำนวนเท่ากันก็ระเบิดทีละคนราวกับว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวิมานบนดินได้สะท้อนให้พวกเขาเห็น

อย่างไรก็ตามการระเบิดที่น่าขนลุกไม่ได้ทำร้ายใครที่อยู่รอบๆ เลือด เนื้อ และเนื้อเยื่อเกาะเกี่ยวกัน และลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ประตูสีแดงเข้มซึ่งมีรูปแบบและสัญลักษณ์ที่ยุ่งเหยิงถูกสร้างขึ้นในอากาศ

จู่ๆ ประตูก็เปิดออก สัตว์ประหลาดก็ยื่นมือออกมา

รูปลักษณ์ของสัตว์ประหลาดนั้นเกินคำบรรยาย มันดูยุ่งเหยิงไปหมด ทั้งมีดวงตากว่าร้อยดวง สิบสองหัว กรงเล็บ และเท้าจากสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วน ร่างเนื้อก็ดิ้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ทันทีที่สัตว์ประหลาดปรากฏพลังอันวุ่นวาย และชั่วร้ายก็แผ่กระจายออกไป พลังของมันก่อตัวเป็นลูกสีดำ และเป้าหมายคือพระสันตะปาปา!

ในขณะที่เจ้าแห่งนรกก่อตัวขึ้นจากบาปแห่งความปรารถนา สิ่งนี้ก่อตัวขึ้นโดยไม่มีเหตุผล คงอยู่เพียงเพื่อการเข่นฆ่า และการทำลายล้างเท่านั้น

“เจตจำนงแห่งอเวจี…” ใบหน้าของเบเนดิกต์ที่สองซีดลง

ในเวลานี้ ดวงอาทิตย์ และพระจันทร์เต็มดวงก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกัน เป้าหมายของมันก็คือเบเนดิกต์ที่สอง!

พวกมันจะฆ่าเจ้าในขณะที่เจ้าป่วย และอ่อนแอ!

………………………………………

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท