บทที่ 567 เป้าหมายของเบเนดิกต์ที่สาม
ในบรรดาพระคาร์ดินัลหลวงที่ยืนอยู่ภายในหอประชุมแสงพิสุทธิ์ ด้านข้างของผู้มีพลังระดับตำนาน เช่น พระคาร์ดินัลชั้นนักบุญ และอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ก็มีคณะนักบวชระดับเก้าอยู่ประมาณสิบคน นอกจากนี้ ก็มีพระคาร์ดินัลหลวง และทุกคนต่างเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่โป๊บและผู้มีพลังชั้นตำนานต่างตั้งความคาดหวังไว้สูงสุด ทุกคนต่างเป็นผู้นำสังฆมณฑลขนาดย่อมๆ หรือไม่ก็รับผิดชอบกิจการต่างๆ ในนครศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับผู้วิเศษระดับเก้าทั้งหกคนในสภาสูงสุดของสภาเวทมนตร์
หลังจากอนาสตาประกาศด้วยน้ำเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ว่าเขาคือเบเนดิกต์ที่สาม ฟิลิป บิชอประดับเก้า ก็รู้สึกว่าสติสัมปชัญญะของเขาแจ่มชัดและลืมทุกอื่นๆ ในโลก เมื่อเขาได้ยินเสียงบทสวดสรรเสริญอันงดงามและสัมผัสกับแสงอันสงบสุข ขณะที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่ามีแสงเรืองรองอยู่ภายในหัวใจของเขา แล้วแสงนั้นก็ค่อยๆ ขยายตัวเป็นภาพสะท้อนของหุบเขาวิมานทั้งเจ็ดชั้น
เงาของทูตสวรรค์หกปีกบินเข้าสู่หัวใจแห่งศรัทธาของฟิลิป ทำให้วิญญาณของเขาบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ภายในหอประชุมแสงพิสุทธิ์ ฟิลิปถูกรายล้อมด้วยชั้นแสงสีงาช้างที่หลั่งไหลไม่หยุดหย่อน อารมณ์ความรู้สึกของเขาทะยานขึ้นเป็นทวีคูณและทำให้บรรยากาศโดยรอบสะอาดสดใสและแลดูศักดิ์สิทธิ์
เมื่อสังเกตเห็น เบเนดิกต์ที่สองก็ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ “นี่คือพระคุณของพระเจ้า เรามีภราดรเพิ่มขึ้นหนึ่งคน เพิ่มมิตรที่จะช่วยกำจัดสิ่งชั่วร้าย!”
เมลแม็กซ์เข้าใจว่าฟิลิปได้ ‘เห็น’ ภาพสะท้อนของเมลแม็กซ์ในจิตของเขา เมื่อได้ยินเสียงของพระเจ้า และเขาได้ก้าวหน้าขึ้นสู่ระดับพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญ
ภายในแสงศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณของฟิลิปกระจ่างชัดจากภายในออกมาสู่ภายนอก เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาบริสุทธิ์และยินดีปรีดา และเขาก็ทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนบนหน้าอก “สัจจะคงอยู่นิรันดร์”
“ยินดีต้อนรับ สหาย เรามาร่วมมือกันทำงานให้หนักขึ้นเพื่อให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ให้แผ่นดินโลกเป็นอย่างสวรรค์” นักบุญเมลแม็กซ์ นักบุญมาเรีย ออเด็น และพระคาร์ดินัลหลวงรูปอื่นๆ ต่างแสดงความยินดีกับเขา
เบเนดิกต์ที่สามมีผมสีเทาแซมขึ้นมากกว่าช่วงเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและมั่นคง “พระคุณของพระเจ้าไม่เคยเลือนหาย เราจะรอดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้ในที่สุด”
“เมลแม็กซ์ ภารกิจตามหาตัวทอร์เรนส์ของเจ้าให้โอนให้กับออเด็น และเจ้าจะนำพระคาร์ดินัลรูปหนึ่งและกลุ่มนักพรตไปยังอัลโต้เพื่อเสริมกำลังกับฟีลิเบลและเบลเลีย ดานิซอสแสดงพฤติกรรมขัดขืน มาเรีย เจ้าจงไปตอนเหนือพร้อมกับพระคาร์ดินัลสองรูป เผื่อเหตุพวกนอกรีตบุกดินแดนใต้ เคธี เจ้านำพระคาร์ดินัลสองรูปไปยังสจวร์ตและปรับแผนป้องกันในช่องแคบสตอร์มด้วยความช่วยเหลือจากอัศวินชั้นตำนาน” เคธีเป็นนักบุญสตรีอีกคนหนึ่ง
เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องป้องกันช่องแคบและแนวชายฝั่งด้านเหนือ และพวกเขามีความช่วยเหลือจากอัศวินชั้นตำนาน ศาสนจักรก็ยังมีขุมกำลังมากพอและไม่ต้องละทิ้งดินแดนในมิติดินแดนใหม่มากเกินไป
เมลแม็กซ์เห็นด้วยกับแผนนี้ แม้ว่าผู้มีพลังชั้นตำนานของศาสนจักรจะให้ความสำคัญกับราชรัฐออร์วาริต จักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์ สจวร์ต และมิติดินแดนใหม่ที่สำคัญอีกสองสามแห่ง และทำให้นครศักดิ์สิทธิ์ แลนซ์ และพื้นที่ส่วนกลางไร้การป้องกัน แต่ก็ยังมีพระสันตะปาปา ราชาทูตสวรรค์ และฟิลิปที่เพิ่งก้าวหน้าขึ้นมาใหม่ ก็ไม่มีใครสามารถโจมตีนครศักดิ์สิทธิ์ได้ในทันที
หลังจากสถานการณ์ลงตัว พวกเขาจะสามารถฟื้นฟูกิจการอย่างเช่นที่ผ่านมา โดยมีพระคาร์ดินัลหลวงชั้นตำนานหนึ่งหรือสองรูปเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ป้องกันพร้อมกับอัศวินชั้นตำนานในพื้นที่ ส่วนกำลังที่เหลือจะตั้งอยู่ในนครแลนซ์เพื่อการเสริมกำลังและการโจมตีอย่างทันท่วงที
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมลแม็กซ์ก็ถามขึ้น “ท่านสันตะปาปา แกรนด์ดยุกแห่ออร์วาริตหายตัวไป เราจะจัดการกับตระกูลไวโอเล็ตอย่างไรขอรับ?”
เบเนดิกต์ที่สามส่ายศีรษะ “นั่นเป็นแผนส่วนตัวของนาตาชา การลงโทษแกรนด์ดยุกแห่งออร์วาริตคงไม่เป็นไร แต่การโจมตีทั้งตระกูลไวโอเล็ตอาจทำให้พวกขุนนางโกรธและสถานการณ์เลวร้ายลง เจ้ากับมิลตันจะช่วยคนเลือกคนจากตระกูลไวโอเล็ตมารับตำแหน่ง”
“ตามบัญชาขอรับ” เมลแม็กซ์ไม่คัดค้าน เขาไม่ต้องการให้ตระกูลที่ได้ชื่อว่า ‘โล่แห่งสัจธรรม’ ละทิ้งศาสนจักรฝ่ายใต้เหมือนกับตระกูล ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ซึ่งจะทำให้ทุกคนแตกตื่น
ขณะที่เบเนดิกต์ที่สามประกาศคำสั่ง และพระคาร์ดินัลหลวงถูกส่งออกไปยังสถานที่ต่างๆ สถานการณ์อันตรายหลังจากศาสนจักรฝ่ายใต้สูญเสียดินแดนอีกฝั่งของช่องแคบสตอร์ม ผู้มีพลังชั้นตำนานสี่คน พระคาร์ดินัลชั้นนักบุญสามคน และอัศวินชั้นตำนานหกคนก็เริ่มมีพลังมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ และสภาแห่งความมืดก็พลาดโอกาสที่จะเล่นงานศาสนจักร เนื่องจากการแก่งแย่งชิงดีภายในอีกครั้ง
ขณะที่มีฟีลิเบล มิลตัน และเบลเลียปกป้องป้อมปราการทางตอนเหนือ และด้วยวงเวทพลังเทพของอัลโต้ ดานิซอสไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยตัวเอง แม้เขาจะมีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีความขัดแย้งภายในเผ่าพันธุ์มังกรซึ่งหลายตัวกำลังอยู่ในช่วงนิทรา ในทางกลับกัน แดรกคูลามัวใช้เวลาไปมากมายกับการตามล่าเจ้าชายหมาป่า เพื่อปั่นป่วนสภาแห่งความมืด
หลังจากอินส์กลับมาถึงแลนซ์ และทอร์เรนส์ ‘เทวทูตแห่งปัญญา’ เข้าร่วมกับศาสนจักรฝ่ายเหนือ ‘เมฆรูปเห็ด’ ของสภาเวทมนตร์ก็ดูเหมือนจะมอดดับไป เมื่อมีมนุษย์ครึ่งเทพหนึ่งตน ผู้มีพลังชั้นตำนานสิบห้าคน และอัศวินชั้นตำนานสิบสามคนในประเทศอื่นๆ ศาสนจักรฝ่ายใต้ก็ยังคงเป็นฐานกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ช่องว่างระหว่างศาสนจักรฝ่ายเหนือและสภาเวทมนตร์ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
…
หลังจากกลับมายังห้องสมุดของโป๊บผู้ล่วงลับ เบเนดิกต์ที่สามก็โบกมือให้สัญญาณกับพระคาร์ดินัลสองสามรูปให้ออกไป เขานั่งลงบนเก้าอี้และมองดูรูปภาพใหม่ ‘เบเนดิกต์ที่สอง 602-824’
ทันใดนั้น หน้าของเขาก็ซีดเผือดอีกครั้ง มือทั้งสองข้างก็สั่นเกินควบคุม อารมณ์ความรู้สึกของเขาขึ้นๆ ลงๆ หลายครั้งก่อนที่จะเสถียรในที่สุด แต่ผมของเขาก็ดูมีสีเทาปะปนมากขึ้น และดวงตาก็ขุ่นมัวมากขึ้น
“‘ความผาสุก’ นี่ยากจะแบกรับจริงๆ…” เขารู้สึกโล่งอกขึ้นมา
หลังจากฟื้นตัว เขาก็มองไปยังห้องที่มีเมแคนตรอนอยู่ ‘ราชาทูตสวรรค์’ ราวกับเขาเห็นเมแคนตรอนผ่านทางวงเวทพลังเทพและกำแพง
เมแคนตรอนซึ่งสง่างามราวกับสตรี ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ผมสีทองยาวสลวยของเขาดูหมองลงมาก
เขาได้รับบาดเจ็บหนักจาก ‘เวทเปลวไฟนิรันดร์’ และการย้อนกลับของ ‘พลังสวรรค์บนดิน’ เขาไอเป็นระยะๆ สำลักเลือดสีทองที่เต็มไปด้วยมวลพลังงานออกมา
อย่างไรก็ตาม บาดแผลดังกล่าวไม่ทำให้ราชาทูตสวรรค์ถึงแก่ความตายแน่นอน เขากำลังฟื้นตัวด้วยความรวดเร็วที่เห็นได้ชัด
เบเนดิกต์ที่สองถอนสายตากลับมาและยิ้มอย่างน่าขนลุก
แล้วเขาก็ยืนขึ้นและเดินไปยังตู้เก็บเอกสารสำคัญ ขณะหาแถวเอกสารที่เขียนว่า ‘ดักลาส’ เขาก็ดึงเอกสารออกมามากมายและอ่านซ้ำอีกครั้ง “เป้าหมายดูเหมือนไม่ปฏิเสธความคิดของข้า…” “เขามักรู้สึกหลงทาง…” “เขาอาจกำลังโลเล…”
“โดย อาร์ทิล”
ขณะอ่านเอกสารดังกล่าว เบเนดิกต์ที่สามหยิบรายงาน ‘ทฤษฎีอาร์คานาล่าสุด’ จากแถวเอกสาร ‘สภาเวทมนตร์’ และพยายามจะทำความเข้าใจคำอธิบายเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ เขาพูดขึ้นเบาๆ
“แม้อาร์ทิลจะไม่ได้อยู่คอยปั่นหัวเขา หลักฐานก็ว่าระบบการเคลื่อนที่ของเขามีปัญหา บางที เขาอาจหลงทางมากขึ้นในตอนนี้ ข้าน่าจะมีโอกาสได้คุยกับเขา…”
…
ณ นครแอนทิฟเฟอร์ ในจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์…
ภายในพระราชวังของจักรวรรดิ จู่ๆ รูดอล์ฟที่สองก็เงยหน้าขึ้นมาในห้องสวดภาวนา ปีกสิบแปดคู่ที่งดงามราวความฝันบนหลังของเขาสยายออก แล้วเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสับสนและดีใจ “เขาบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อทบทวนความรู้สึกของตน รูดอล์ฟที่สองก็ปิดตาลง เปลี่ยนเป็นท่าทางศักดิ์สิทธิ์อย่างคาดไม่ถึง
…
ในโลกแห่งวิญญาณอันเย็นยะเยือกที่ไม่มีเสียงและสีใดๆ เสื้อคลุมสีแดงของไรน์ดูโดดเด่นสะดุดตา
ขณะเดินอยู่ในเงาอันสับสนอลหม่านของนครเรนทาโต เขาก็พูดกับตัวเองอย่างเคร่งขรึม “ของที่อยู่ในตัวซาร์ดหนีไปไหนนะ?”
…
หลังเขาออกจาก ‘มิตินรกสายฟ้า’ ลูเซียนก็กลับไปยังสถาบันอะตอม จึงพบว่าลาซาร์ แอนนิค และลูกศิษย์คนอื่นๆ ของเขาต่างกำลังทั้งตื่นตระหนกและมีความสุข
“อาจารย์ เราเพิ่งประกาศสงครามกับศาสนจักรหรือขอรับ?” อัลลินหมุนไปมาเหมือนกับลูกแก้วภายใต้พายุพลังของ ‘เวทเปลวไฟนิรันดร์’ หลังจากสูญเสียโมเมนตัมส่วนใหญ่ไป ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าสยองขวัญของไฮดี้ยิ่งกว่าตอนนั่งเรือผ่านช่องแคบสตอร์มเสียอีก ใบหน้าของนางซีดเผือด เพราะอาเจียนและเสียงของนางก็ดูอ่อนแรง
ลูเซียนยิ้ม “เรื่องแบบนี้ต้องเก็บเป็นความลับอยู่แล้ว มีสายลับมากมายในสภา”
ครอบครัวของพวกเขาต่างย้ายมายังอัลลิน บรรดาลูกศิษย์ต่างปลาบปลื้ม หลังจากได้อยู่ร่วมกับครอบครัว เมื่อมีการประกาศว่าพวกเขาสามารถเดินทางในเรนทาโตและที่อื่นๆ ได้ในที่สุด ในฐานะลูกศิษย์ของลูเซียน พวกเขาแทบไม่กล้าเดินทางออกจากอัลลิน ก่อนที่จะพัฒนาถึงระดับสาม
หลังจากนั้น ไฮดี้ แคทรีนา และลูกศิษย์คนอื่นๆ ก็ถามถึงการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังชั้นตำนาน แล้วลูเซียนก็เล่าให้ทุกคนฟังอย่างที่เขารู้ตรงไปตรงมา
“อาจารย์ ท่านได้สังหารนักบวชระดับเก้าหรือไหมคะ? พระคาร์ดินัลหลวงมาด้วยหรือเปล่า?” แคทรีนาค่อนข้างมั่นใจในตัวอาจารย์ ซึ่งหนีรอดมาจากเทพอสูร-ลิช ตอนที่ยังอยู่ในระดับหกเท่านั้น!
ลูเซียนส่ายศีรษะ “ข้าจะไปร่วมรบกับผู้มีพลังตำนานได้อย่างไร? ข้าเพียงช่วยปราสาทเนคโซที่ปราสาทเท่านั้น”
เนื่องจากเขาอ่อนพลังเกินไป เขาแทบไม่ได้มีส่วนร่วมกับแผนปฏิบัติการครั้งนี้ นอกจากจะแจ้งกับสภาสูงสุดว่าปราสาทเนคโซสามารถติดต่อโป๊บได้โดยตรง ดังนั้น พวกหมาป่าเฒ่าจึงสามารถวางแผนสามได้
ในอีกทางหนึ่ง ลูเซียนก็เป็นคนเขียนปาฐกถาให้นาตาชาที่ใช้เพื่อจูงใจขุนนาง ในกรณีที่นางสงวนสิทธิอำนาจยับยั้งและอำนาจจัดเก็บภาษีจากดินแดนภายใต้ปกครองของขุนนาง นางไม่ได้ประนีประนอมมากเท่าทีเห็น
“อาจารย์ ท่านจะกลายเป็นชั้นตำนานเร็วๆ นี้ใช่ไหมคะ” เชลีย์ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากลูเซียน ยกยอเขาด้วยอารมณ์ที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุข
ลูเซียนไม่ได้พูดอะไรออกมา ยังเหลืออีกหลายเรื่องให้จัดการ ดังนั้น เขาจึงเดินผ่านพวกเขาเข้าไปในห้องทำงาน
“เลย์เรีย เจ้าเห็นแหวนเหล็กบนมือซ้ายอาจารย์ไหม? ฮ่าๆ บางที เขาคงไม่โสดอีกแล้ว” ไฮดี้สังเกตและแสดงความเห็นอย่างหลักแหลม
แล้วเลย์เรียก็มองเห็นว่า “แหวน ‘ธาตุ’ รางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มบนมือขวาของอาจารย์หายไป คนเก่งๆ ได้รับเลือกก่อนเสมอ ข้าอิจฉานางจัง”
เหล่าสตรีรู้สึกสดใสขึ้นมาทันที ในเรื่องการซุบซิบนินทา สาวๆ พูดจ้อกันไม่หยุด
…
ภายในมิติแดนสัจธรรม ดักลาสได้รับรายงานจากองครักษ์หอคอยซึ่งระบุว่าฟรังซัวส์ สมาชิกของคณะกรรมการกิจการและผู้วิเศษระดับเก้า มาเยี่ยมเยือนเขา
ฟรังซัวส์เป็นนักเวทโบราณซึ่งติดตามดักลาสมาช่วยก่อตั้งสภาเวทมนตร์ตั้งแต่ต้น ทั้งสองสนิทกันมาก ดังนั้น ดักลาสก็บอกให้องครักษ์อนุญาตให้เขาเข้ามา หลังผ่านการตรวจสอบ
………………………………………………………………