Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 557

ตอนที่ 557

บทที่ 557 ไร้สาระ?
ภายในอาณาเขตวิมานบนดิน ไม่ไกลจากภาพมายาสะท้อนของคริสตจักรแห่งอาภา…

พระคาร์ดินัลหลวงทั้งสิบสาม นำโดยนักบุญเมลแม็กซ์ หัวหน้ากองอัศวินของวิหาร ได้มาถึงนครเรนทาโตผ่านทางวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่

เพราะพลังเหนือธรรมชาติของวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายบนท้องฟ้า พวกเขาจึงถูกดึงเข้าสู่อาณาเขตวิมานบนดินพร้อมกันและพลันรู้สึกว่าพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย พลังของพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญระดับตำนานขั้นที่หนึ่งเพิ่มขึ้นถึงหกเปอร์เซ็นต์

เมื่อวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายถูกใช้ เมแคนทรอน ราชาทูตสวรรค์ก็รายงานสถานการณ์ในเบื้องต้น เอ่ยอ้างว่านาตาชาล่อลวงซาร์ดให้ไปที่อื่นและริชาร์ด ซึ่งเป็นสายลับ ก็หยุดการป้องกันภายในคริสตจักรแห่งอาภา ในฐานะจุดสำคัญที่คอยสนับสนุนอาณาบริเวณในการควบคุมของศาสนจักร คริสตจักรจะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ มิมีศัตรูคนใดสามารถย่างกรายเข้ามาโดยไม่ไปกระตุ้นสัญญาณเตือนภัยได้

เมื่อสูญเสียพลังศักดิ์สิทธิ์สำหรับการป้องกัน คริสตจักรแห่งอาภาจึงตกอยู่ในการควบคุมของสภาเวทมนตร์อย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณพระคาร์ดินัลผู้มีศรัทธาแก่กล้าคนหนึ่งที่อัญเชิญ ‘ราชาทูตสวรรค์’ มาโดยแลกกับชีวิตเขา เมื่อเห็นว่านี่เป็นภาวะเร่งด่วน ราชาทูตสวรรค์จึงใช้ ‘พระเจ้าคุ้มครอง’ พลังอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเพื่อคุ้มกันวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ ดังนั้น เมลแม็กซ์กับผู้ติดตามจึงพอจะเข้าใจสถานการณ์เมื่อเคลื่อนย้ายมาถึง

ระลอกคลื่นลางเลือนที่คล้ายกับจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้พลันหายไป เมแคนทรอนกับกลุ่มพระคาร์ดินัลหลวงรีบกระจายกำลังออกไปเพื่อมิให้นักเวทชั้นตำนานจู่โจมใส่พวกเขา

ภาพธรรมชาติแสนกลมกลืนปรากฏขึ้นเมื่อ ‘แดนสัจธรรม’ ของดักลาสมาเยือน ดวงดาราเปล่งประกายงดงามส่องสว่างลุกโชนอยู่บนท้องนภา และแรงโน้มถ่วงรุนแรงก็ทำให้ทั้งพื้นที่นั้นบิดเบี้ยว

ปีกทั้งสามสิบหกปีกด้านหลังเมแคนทรอนกางออก แล้วภาพมายาสะท้อนของหุบเขาวิมานเบื้องหลังก็พลันกดข่ม ‘กรงแรงโน้มถ่วง’

เมแคนทรอนเอ่ยเสียงแผ่วทุ้ม “แสงพิพากษา”

จากบนปีกและภาพมายาสะท้อนของหุบเขาวิมาน แสงสว่างเป็นระเบียบระเบิดโพลงพร้อมกันราวกับว่าทุกอย่างผ่านการคิดคำนวณมาอย่างดีแล้ว

เหล่าคนบาป จงรับคำพิพากษาอันเที่ยงตรงนี้ไปเสีย!

ความมืดหายไปแล้ว ความปั่นป่วนและแรงกำลังเหลือประมาณก็หายไปแล้ว แสงพิพากษากำจัดทุกอย่างไปเหมือนกับดาบอันแหลมคม ด้วยความช่วยเหลือของ ‘วิมานบนดิน’ แม้แต่เฟอร์นันโดผู้อยู่ห่างออกไปไกลก็ยังรู้สึกสำนักผิดอย่างยิ่ง

ดักลาสหาได้หวาดกลัวเมแคนทรอนไม่ หากไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญไปเจอศัตรูที่หุบเขาวิมาน ทูตสวรรค์ตนนี้ก็คงมีพลังในระดับสูงสุดของชั้นตำนานเท่านั้นแม้ว่าว่าเขาจะมาเยือนโลกมนุษย์ด้วยตัวเองก็ตาม ในฐานะนักเวทผู้หนึ่ง ดักลาสมั่นใจว่าตนสามารถรับมือกับศัตรูในระดับนั้นไม่ว่าจะคนใดก็ตามได้อย่างแน่นอน

“เวทเตรียมอวกาศ”

อวกาศพลันบิดเบี้ยว แล้ว ‘แสงพิพากษา’ ของเมแคนทรอนก็ถูกลดทอนกำลังลง

กองกำลังที่กระจายตัวออกไปช่วยกันโหมกระพือพายุรุนแรงบนมหาสมุทรแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ มันดูเหมือนกำลังจะถูกทำลายลงเร็วๆ นี้!

เมื่อเห็นว่าพวกเขาได้เปรียบทั้งทางจำนวนคนและพละกำลัง เมลแม็กซ์จึงมิได้เข้าไปช่วยราชาทูตสวรรค์เพื่อต่อกรกับจักรพรรดิแห่งอาร์คานา เขากลับเตรียมกองกำลังให้พร้อมและกำจัดนักเวทชั่วร้ายไปทีละคนๆ!

ในตอนนั้นเอง เฟอร์นันโดก็มายืนอยู่ข้างหน้าเขา มหาสมุทรแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์กึ่งหนึ่งในเรนทาโตพลันดับมืดลง ราวกับมหาสมุทรในยามพายุกำลังก่อตัว สนามแม่เหล็กที่น่ากลัวปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง

บนท้องฟ้า หมู่เมฆมืดทึบสีตะกั่วมารวมตัวกัน แล้วสายฟ้าที่สามารถทำลายโลกทั้งใบได้ก็พลันฟาดลงใส่เมลแม็กซ์ ความร้อนและความเย็นที่เกือบจะถึงจุดศูนย์สัมบูรณ์สลับกันสำแดงฤทธิ์อยู่รอบกายเขา สั่นคลอนทุกอย่างทุกอย่างไปพร้อมกันนั้น

‘เขาเลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับสูงสุดของชั้นตำนานแล้วงั้นหรือ’

ยามต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจระดับนี้ เมลแม็กซ์จึงมีท่าทีเคร่งเครียดขึ้นและละทิ้งความคิดในการช่วยเหลือคนอื่นๆ ไป

ร่างกายเขาห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีเงินดูสูงส่ง เขายกดาบยาวในมือขึ้นสูง

ดาบยาวที่เปล่งประกายแสงเรืองรองดูเหมือนจะกดข่มปีศาจร้ายทั้งหลาย ภายใต้ดาบนั้น สัตว์อสูรต่ำต้อยทุกชนิดย่อมถูกกำจัดไปอย่างไม่เหลือซาก

ดาบยาวที่ตั้งชื่อตามเมลแม็กซ์ คือหนึ่งในอาวุธชั้นตำนานระดับสี่ที่มีเพียงสิบสามชิ้นเท่านั้น!

ความร้อนและความเย็นรอบกายเมลแม็กซ์หายไปแล้ว แต่น้ำแข็งกับรอยไหม้บนชุดเกราะของเขาบ่งชี้ว่ามันหาได้ง่ายดายอย่างที่เห็นไม่

“ตายเสียเถิด เจ้าปีศาจร้าย!”

ด้วยพลังโลหิต ‘อรุณรุ่ง’ ดวงอาทิตย์จึงโผล่ขึ้นที่ด้านหลัง ขับไล่ความกดอากาศจากพายุที่กำลังใกล้เข้ามาและสายฟ้าแล่บแปลบปลาบ

ศาสนจักรเหลือพระคาร์ดินัลหลวงอยู่สิบสองคน สี่ในนั้นคือนักบุญอนาสตา มาเรีย ออกัสตาและแอนโธนี ทว่า สภาเวทมนตร์มีมหาจอมเวทเพียงสามคน นักเวทชั้นตำนานหกคน และนครลอยฟ้าเพียงหนึ่ง ดูคล้ายกับจะเป็นฝ่ายปราชัย

โอลิเวอร์ หัตถ์ทำลายล้าง กำลังต่อสู้กับนักบุญแอนโธนี ‘ผู้พิทักษ์ราตรี’ ในขณะที่เฮลเลน แม่มดแห่งแดนน้ำแข็ง คอยสกัดกั้นนักบุญมาเรีย ส่วนเนตรคำสาป ศาสดาพยากรณ์ แสงแห่งดวงดาว ราชันแห่งสุริยา แดนป้องกันขั้นสูงสุด และปรมาจารย์แห่งรสายนเวทกำลังต่อกรกับพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญและอัศวินศักดิ์สิทธิ์หกคนโดยกระจายตัวอยู่ทิศทางต่างๆ พวกเขาเว้นระยะห่างจากกันด้วยเกรงว่าพระสันตะปาปาอาจมาที่นี่และสังหารพวกเขาทุกคนโดยแลกกับชีวิตตนเอง

การต่อสู้ของเหล่าบุคคลในระดับตำนานทำให้ ‘วิมานบนดิน’ สั่นสะเทือนเลือนลั่น ดูคล้ายกับจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ

อนาสตาและออกัสตา นักบุญอีกสองคน หลังจากติดต่อสื่อสารกับวารันไทน์ ก็ตัดสินใจว่านักบุญอนาสตาจะคอยดึงแฮททาเวย์เอาไว้กับตนและแอสทีราจะต้านกำลังจากอัลลิน ส่วนออกัสตาจะร่วมกับมือกับวารันไทน์เพื่อต่อกรกับแสงแห่งดวงดาวที่อ่อนแอที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าการจู่โจมสุดท้ายจะเป็นหนึ่งในพลังศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘แสงพิพากษา’

แต่ทันใดนั้น เสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกก็ดังก้อง “เวทพังทลายขั้นสุดยอด”

กร๊อบๆๆๆ อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์และพลังบนตัวพระคาร์ดินัลหลวงทั้งสี่พลันแตกสลายหายไป ปราการป้องกันจากพลังงานก็แยกออกเช่นกัน

หลังเกิดเสียงดังตูม เครื่องราง ‘ราชาวายุ’ บนตัวแอสทีรา พระคาร์ดินัลชั้นนักบุญที่อ่อนแอที่สุด ก็แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พร้อมกับที่สายลมกรรโชกพุ่งออกมา

ดวงตาของเขาพลันแดงก่ำ นั่นคืออุปกรณ์ระดับตำนานชิ้นเดียวที่เขามี!

เวทพังทลาย (ขั้นสูง) เป็นเวทมนตร์ระดับเก้าที่มีโอกาสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ในการทำให้อุปกรณ์ระดับตำนานแตกร้าว และเวทพังทลายขั้นสุดยอดคืออีกขั้นหนึ่งของเวทระดับเก้านั้น มันเพิ่มโอกาสขึ้นได้มากสุดสิบเปอร์เซ็นต์ เหตุใดเขาจึงโชคร้ายได้ถึงเพียงนี้กันนะ

อนาสตามีท่าทางเคร่งเครียดขึ้น

“นางเองก็เลื่อนขึ้นสู่จุดสูงสุดของชั้นตำนานแล้ว!”

“พลังของนางเหนือกว่าเจ้า มันจึงเป็นเช่นนั้น ไม่แปลกเลยที่สภาเวทมนตร์ใจกล้าพอจะเริ่มสงคราม!”

‘สวรรค์ธาตุ’ ของแฮททาเวย์มาเยือนและหยุดยั้งนักบุญทั้งสองเอาไว้ แต่เพราะนางเพิ่งจะเลื่อนระดับพลังขึ้น มันจึงยังยุ่งยากไม่น้อยในการรับมือกับพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญระดับสามสองคนในคราวเดียว

วารันไทน์ ผู้ไม่ถูกโจมตี กำลังจะเข้าร่วมการต่อสู้กับแสงแห่งดวงดาว เมื่อพบว่าเขาถูกกักขังอยู่ภายในโลกแห่งสายหมอก ราเวนติและผู้วิเศษคนอื่นๆ ได้ควบคุมนครอัลลินให้ลอยต่ำลงมาและเพิ่มรัศมีของหมอก กักขังเขาเอาไว้ภายในนั้น

แอสทีรากับอาร์ซาโรร่วมมือกันรับมือกับแสงแห่งดวงดาว แต่นักเวทผู้นั้นกลับมีเวทมนตร์คาถาอันยอดเยี่ยมมากมาย พวกเขาไม่อาจจัดการเขาได้ในเร็วๆ นี้แน่

ราเวนติกับคนที่เหลือเฝ้ารอให้บรูค จักรพรรดิแห่งอาร์คานา กลับมาด้วยความร้อนรนใจ ในฐานะผู้มีพลังขั้นสูงในชั้นตำนานระดับสูงสุดมาหลายปี เขาย่อมเป็นกำลังสำคัญในการทลายกองกำลังจากศาสนจักร

เมลแม็กซ์ที่ถูกเจ้าแห่งพายุบังคับให้เป็นฝ่ายตั้งรับ ยังคงคุ้มกันมิให้วงแหวนเวทเคลื่อนย้ายถูกทำลายลง เมื่อใดก็ตามที่พระสันตะปาปาระดมกำลังเหล่าพระคาร์ดินัลหลวงและอัศวินชั้นตำนาน แผนการของสภาเวทมนตร์ย่อมล้มเหลว นอกจากนี้ มันยังเป็นไปได้มากว่าพระสันตะปาปาจะมาถึงที่นี่ก่อน แทนที่จะรั้งรอคนอื่นๆ

เพราะตอนนี้มันยังไม่ถูกใช้งาน วงแหวนเวทเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่จึงค่อยๆ ออกจากมหาสมุทรแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีผู้ใดจะโจมตีมันได้หากว่า ‘วิมานบนดิน’ ไม่ถูกทำลายลง ซึ่งเป็นการขัดขวางแผนการของแฮททาเวย์ในการสะกดนักบุญทั้งสองด้วยเวทมนตร์แปลกประหลาดก่อนจะที่นางจะหาโอกาสทำลายวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายทิ้งเสีย

หลังจากที่ซาร์ดเข้ามาในพระราชวังเนคโซ ปีกของทูตสวรรค์เสราฟิมด้านหลังเขาก็สะบัดกระพือและพยุงตัวเขาให้แล่นผ่านปราการต่างๆ ทำให้เขามาถึงใจกลางพระราชวังที่ได้รับการป้องกันแน่นหนาด้วยวงแหวนคุ้มกันภายใน

ในชั่วเวลาต่อมา เขาก็เริ่มโจมตีโดยไม่ลังเล “แสงพิพากษา!”

การใช้เวทบทนี้แตกต่างจากที่เมแคนทรอนแสดงให้เห็น หุบเขาวิมานทั้งเจ็ดชั้นปรากฏขึ้นในดวงตาทั้งสองข้างของเขา รวมตัวกันเป็นแสงอันทรงพลังเด็ดขาด

เจ้ามีความผิดเมื่อข้าบอกว่าเจ้ามีความผิด!

ภายในแสงสว่างนั้น วงแหวนคุ้มกันภายในแตกร้าวและดูเหมือนจะคงอยู่ได้อีกไม่นาน และพลังศรัทธารับรู้ทั้งหลายของซาร์ดก็ปิดกั้นรอบๆ นั้นทั้งหมด เมื่อใดที่นาตาชาพยายามจะหนี เขาย่อมรู้ได้ในทันที นอกจากนี้ เขายังปิดกั้นการเคลื่อนที่ออกในระยะสั้นด้วยการถ่วงอวกาศอีกด้วย เผื่อว่านาตาชาจะมีม้วนคาถาอย่าง ‘เทเลพอร์ตวายป่วง’ หรือ ‘ประตูมิติสู่ดินแดนอื่น’ จากสภาเวทมนตร์

ด้านนอกพระราชวังเนคโซ ชายวัยสามสิบปีผู้มีหนวดเคราดกหนาตกตะลึงอย่างยิ่งและกำลังจะเข้าไปหยุดซาร์ด

แต่ในตอนนั้นเอง ชายร่างสูงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ผมของเขาดูจะกลายเป็นสีเทากว่าก่อนหน้านี้นัก

“วินสตัน สังเกตการณ์ต่อไปสักพักดีกว่า ก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าควรอยู่ฝ่ายศาสนจักรหรือสภาเวทมนตร์กันแน่” คริโทเนียบอกสั้นๆ

วินสตันขมวดคิ้วมุ่น “แล้วฝ่าบาทล่ะขอรับ”

“หากไม่มีฝ่าบาทพระองค์นี้ ก็ยังมีอีกหลายคนที่สามารถขึ้นเป็นราชาได้ เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเสี่ยงอะไร” คริโทเนียตอบอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าคงจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของพระองค์กับสภาเวทมนตร์นั้นดีมาก หากว่าเจ้าไปช่วยพระองค์ มันอาจหมายความว่าเจ้าเลือกถือหางสภาเวทมนตร์ เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”

วินสตันเงียบไป

ตูม วงแหวนคุ้มกันภายในเริ่มพังทลายลงในที่สุดหลังจากทานทนมามากกว่าสิบวินาที ซาร์ดก้าวเข้าไปยังตำหนักของนาตาชา

นาตาชาสวมชุดเกราะแห่งโฮล์มแล้ว ประกายแสงสีเงินจากมันเสริมรังสีฆ่าฟันของนางยิ่งขึ้นไปอีก ดาบยาวสีเทาเงินวางอยู่ตรงหน้านาง บนตัวดาบมิมีสิ่งใดประดับอยู่เลย

ทันทีที่นางเห็นซาร์ด นางก็ตะคอกอย่างกรุ่นโกรธ “พระคาร์ดินัลหลวงซาร์ด เจ้า…”

ซาร์ดไม่เสียเวลาพูดคุย เขาโจมตีด้วยแสงพิพากษาอีกระลอกหนึ่ง ไม่คิดมอบความหวังในการฟื้นคืนชีพใดๆ ให้นาง

ภายใต้แสงพิพากษา ตำหนักกึ่งหนึ่งถูกทำลายจนไม่เหลือซาก แต่นาตาชากลับรีบฉวยดาบขึ้นมาชูไว้ตรงหน้า ดวงตาของนางฉายประกายแน่วแน่เด็ดเดี่ยว นางฟันดาบใส่แสงพิพากษาโดยไม่คิดถอยหนี

หลังจากเกิดเสียงดังแกร๊ก แสงพิพากษาก็กระจายตัวออกไป และดาบยาวก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมา

‘ขั้นแปดหรือ ไม่สิ อัศวินทองคำขั้นที่เก้า!’

ซาร์ดได้ยินมาก่อนแล้วว่าดาบแห่งสัจธรรมนั้นมีความลับมากมายสำหรับสายเลือดนี้เพื่อให้เลื่อนระดับพลังขึ้นเป็นชั้นตำนานได้ ผู้ใดก็ตามที่ได้รับมันมาและเข้าใจวิธีการใช้งานย่อมมีความหวังที่จะได้เป็นอัศวินชั้นตำนาน เป็นเรื่องชัดเจนว่านาตาชาเลื่อนขึ้นสู่ขั้นที่แปดมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปีและได้รับดาบแห่งสัจธรรมมา ซึ่งทำให้นางกลายเป็นอัศวินขั้นที่เก้า!

“ซาร์ด ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของแผนการร้ายของเจ้า! เจ้าอยากให้พระผู้ทรงศีลสูงสุดต่อสู้กับสภาเวทมนตร์ก่อนเวลาอันควร เพื่อที่ท่านจะได้เสียชีวิตจากการตรากตรำใช้พลังพระเจ้าเสด็จใช่หรือไม่ เจ้าอยากจะเป็นพระสันตะปาปาคนต่อไป!” นาตาชาจ้องเขม็งที่ซาร์ด แผ่นหลังของนางงุ้มลงเล็กน้อยเหมือนกับเสือดาวที่เตรียมจะพุ่งตัวไปข้างหน้า

ซาร์ดส่งเสียงขึ้นจมูก “ถึงจะรู้เช่นนั้นแล้วเจ้าจะทำอะไรได้ อย่าได้ทึกทักเอาว่าเจ้าจะสกัดกั้นผู้มีพลังระดับตำนานที่แท้จริงได้ด้วยดาบแห่งสัจธรรมเลย คำพูดไร้สาระของเจ้าจะช่วยอะไรได้กันเล่า”

ขณะพูด เขาก็แยกร่างเงาออกเป็นสี่ร่างและร่ายเวทศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่บทจากสี่ทิศทาง ซึ่งมีทั้ง ‘แสงพิพากษา’ ‘เวทพายุพยาบาท’ ‘เวทสูบพลังงาน’ และ ‘เวทแผ่นดินไหว’ ด้วยความพยายามจะสังหารนาตาชาให้ได้โดยเร็วที่สุด

“มันไร้สาระจริงหรือ” นาตาชาหัวเราะขัน

“มันไร้สาระจริงหรือ”

ในขณะเดียวกันนั้น เสียงนุ่มทุ้มก็ดังก้องขึ้น แล้วชายชราผมขาวสวมมงกุฎศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับไม้เท้าทองคำ เขาดูเหมือนจะฉีกกระชากอวกาศเพื่อฝ่ามาโดยตรง

ในทางกลับกัน พลังศักดิ์สิทธิ์ของซาร์ดพลันหยุดลงด้วยตัวมันเองภายใต้เสียงนั้น

รูม่านตาของซาร์ดหดตัวลงอย่างรวดเร็ว “ท่านผู้ทรงศีลสูงสุด!”

ตามแผนที่สาม หากว่าซาร์ดหลบเลี่ยงคำสัญญาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นาตาชาจะติดต่อหาเบเนดิกต์ที่สองผ่านช่องทางลับในทันที!

แต่หากพวกเขาร่วมมือกันด้วยดี ทางสภาเวทมนตร์ก็จะใช้แผนที่สี่พวกเขาจะหงายไพ่ตายทั้งหมดที่เตรียมเอาไว้และรอดูว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้หรือไม่ หากว่าพระสันตะปาปาถูกหลอกมาตลอดแต่ไม่เชื่อใจนาตาชา แผนที่สี่ก็ยังจะถูกใช้อยู่ดี หากว่าพระสันตะปาปาเลือกที่จะรั้งรอ พวกเขาก็จะหาตำแหน่งที่อยู่ของซาร์ดให้เร็วที่สุดและเปิดเผยจุดเทเลพอร์ตที่ลูเซียนปรับเปลี่ยนเพื่อให้นาตาชาหลบหนีจากพระสันตะปาปาได้ ดังนั้นมนุษย์ครึ่งเทพผู้นี้จึงสามารถเฝ้าสังเกตการณ์หรือมาที่นี่ได้ด้วยตนเองผ่านช่องทางนี้!

มันเป็นเหมือนดั่งประตูมิติสู่ดินแดนอื่นที่ใช้กันมานาน เว้นแต่ว่ามันสามารถทำลายการถ่วงอวกาศของซาร์ดโดยไม่ต้องใช้พลังใดๆ!

……………………………………

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท