Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 572 ขอแสดงความขอบคุณ

บทที่ 572 ขอแสดงความขอบคุณ

บทที่ 572 ขอแสดงความขอบคุณ
การเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งปัญญาเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดโดยสมบูรณ์ เว้นแต่เพียงรูปแบบเวทมนตร์และสัญลักษณ์พิเศษเพิ่มเติม ที่เหลือก็ดูไม่ต่างจากโลกแห่งปัญญาเดิม อย่างไรก็ตาม หากสังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็จะพบเส้นส่วนโค้งบริเวณขอบโลกแห่งปัญญาและรอบๆ หมู่ดาว นอกจากนี้ จุดแสงของธาตุที่อยู่ทั่วทุกพื้นที่ก็กระจ่างชัดขึ้นมาก โปรตอนและนิวตรอนก็ถูกจำกัดจากพลังที่ไม่อาจอธิบายได้ และอิเล็กตรอนที่อยู่โดยรอบก็รวมตัวกันเป็นรูปก้อนเมฆ อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกค้นพบ ธาตุต่างๆ ก็หดตัวกลายเป็นอนุภาคในทันที

ในขณะที่ฉากหลัง แรงพื้นฐานอีกสามประการก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย สนามแม่เหล็กไฟฟ้าและแสงเชื่อมมีความสัมพันธ์กับ ‘ลม’ และแรงปริศนาที่ควบคุมนิวเคลียสอะตอมก็ประกอบด้วย ‘น้ำ’ ที่ส่องแสงระยิบระยับ

องค์ประกอบภายในของอะตอมรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ ในสัญลักษณ์เวทมนตร์ต่างๆ และกลายเป็นรูปแบบเวทมนตร์ ‘ฟิชชันปรมาณู’ และ ‘เปลวไฟนิรันดร์’ ซึ่งสองบทเวทมนตร์ระดับชั้นตำนาน รูปแบบเวทมนตร์ทั้งสองยังประกอบด้วยสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนในรูปแบบลูกบาศก์ที่ดูน่าสับสน

“นี่คือพลังระดับชั้นตำนานตาม ‘การเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่’ สินะ?” ลูเซียนเฝ้าสังเกตด้วยความสนอกสนใจ เนื่องจากเขายังไม่เคยย่างก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งกลศาสตร์ควอนตัมจริงๆ จึงยังไม่มีเวทมนตร์ระดับชั้นตำนานที่สอดคล้องกัน และยังคงเป็นรูปแบบเหมือนกับ ‘ฟิชชัน’ และ ‘ฟิวชัน’ ก่อนหน้านี้

เวทมนตร์ระดับชั้นตำนานพื้นฐานเป็นทักษะพื้นฐานที่สุดของการขึ้นเป็นระดับชั้นตำนาน เวทมนตร์จะมีขนาดสั้นและง่ายกว่าในการปล่อย และทรงพลังกว่าเวทมนตร์ชั้นตำนานที่ไม่ใช่โครงสร้างรากฐาน สำหรับผู้มีพลังระดับตำนาน ในช่วงแรก จะสามารถมีเวทมนตร์พื้นฐานได้เพียงสองบทเท่านั้น แต่เมื่อศึกษาลึกเข้าไปในศาสตร์ จำนวนของเวทมนตร์ดังกล่าวก็จะเพิ่มขึ้น

ตัวอย่างเช่น เวทมนตร์ชั้นตำนานพื้นฐานของ ‘เทพอสูร-ลิช’ ได้แก่ ‘เวทโหยหวนเทพอสูร-ลิช’ และ ‘พิธีกรรมชีวิต’ ส่วนเวทมนตร์พื้นฐานของเจ้าแห่งวายุ ก็คือ ‘เวทวายุโทสะ’ และ ‘เวทปราการวายุ’

พลังชั้นตำนานของลูเซียนที่มีรากฐานจาก ‘การเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่’ มีลักษณะพิเศษที่เวทมนตร์ระดับตำนานทั้งสองบทไม่ได้อาศัยมิติพิเศษของเขา อย่างไรก็ตาม ‘เวทเปลวไฟนิรันดร์’ จะสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีพลังอย่างน้อยอยู่ในชั้นตำนาน ระดับสาม

ลูเซียนหาแผ่นกระดาษทรงพลังสองแผ่นที่ผลิตมาจากเปลือกไม้เอลฟ์ ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้สร้างคัมภีร์ขั้นสูง แล้วเขาจึงคัดลอกเวทมนตร์ระดับชั้นตำนานบทใหม่ และเวทมนตร์ระดับชำนาญพื้นฐานลงบนกระดาษเปลือกไม้

แสงสีเขียวที่สว่างสดใสปรากฏขึ้นควบคุมและบันทึกรูปแบบทรงลูกบาศก์ปริศนา และแน่นอน เนื่องจากลักษณะตามธรรมชาติของวัสดุ จึงทำหน้าที่ได้แค่เพียงการบันทึกเท่านั้น

“จะเรียกเวทมนตร์ตำนานบทใหม่ว่าอะไรดีนะ?” ลูเซียนดันแว่นข้างเดียวของเขาขึ้น เขาไม่อยากเสียเวลาคิดมาก จึงตัดสินใจใช้ชื่อที่ตรงไปตรงมาที่สุด

ขณะที่ปากกาขนนกจรดลงบนกระดาษ มีคำเพียงสองสามคำถูกเขียนเพิ่มลงด้านข้างของกระดาษ

“ผู้บัญชาอะตอม!”

และสำหรับเวทมนตร์พื้นฐานสองบท เนื่องด้วยเวลาที่จำกัด ลูเซียนก็ยังคงใช้ชื่อเหมือนเดิม: ‘ฟิชชันปรมาณู’ และ ‘เปลวไฟนิรันดร์’

สำหรับเวทมนตร์ชั้นตำนานอีกบทที่อาศัยทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ลูเซียนตัดสินใจจะเก็บไว้ใช้เป็นไพ่ตาย และจะหารือกับอาจารย์ของเขาเกี่ยวกับเวทมนตร์พื้นฐานซึ่งรวมถึงเวทมนตร์ชั้นตำนานเสียก่อน

“เวทมนตร์ชั้นตำนานบทใหม่นี้จะชื่อว่า ‘ผู้สังเกตการณ์ กาลและอวกาศ’…ส่วนเวทมนตร์พื้นฐานอีกสองบทจะตั้งชื่อว่า ‘เวทแรงโน้มถ่วงยุบตัว’ และ ‘คทาอวกาศ’” ลูเซียนตั้งชื่อตามศักยภาพของเวทมนตร์ น่าเสียดายที่สองบทนี้ไม่ใช่เวทมนตร์ชั้นตำนานที่เขากำลังจะก้าวหน้าขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หลังจากการก่อตั้งระบบควอนตัม ก็จะเกิดมุมมองเกี่ยวกับกาลและอวกาศขึ้นด้วยเช่นกัน

หลังจากแผ่นกระดาษลงในกล่อง ลูเซียนก็รู้ตัวในที่สุดว่าเขาได้ก้าวขึ้นสู่ผู้มีพลังระดับเก้าโดยไม่รู้ตัว และเขาก็ยังมี ‘เวทหยุดเวลา’ เพิ่มเติม เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด ‘ยิ่งอยู่ในระดับสูงเท่าไหร่ ความรู้สึกที่เรียกว่า ‘การตอบสนองของโลกความเป็นจริง’ ก็ยิ่งแปลกขึ้นเท่านั้น…’

‘นอกจากนี้ ไม่เคยมีนักเวทชั้นตำนานคนไหนเคยบันทึกเกี่ยวกับอวกาศอันกว้างใหญ่และโปร่งแสง เคยแต่พรรณนาว่ามีบางสิ่งมองลงมาจากเบื้องบนที่แสนไกล บางสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ข้ารู้สึกเหมือนกัน แต่ก็มี ‘ภาพมายาอวกาศ’ เพิ่มขึ้นมาอีก การตอบสนองของโลกความเป็นจริงดูเหมือนจะเป็นปฏิกิริยาระหว่างกัน’

เมื่อไม่อาจหาคำตอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลูเซียนก็ละทิ้งความสับสนและเปิดประตูห้องออกไป จึงได้เจอกับเฟอร์นันโดซึ่งเทเลพอร์ตมาอยู่ตรงหน้าเขา

“ไปคุยกันที่ ‘ความจริงของโลก’” ด้วยความกระเหี้ยนกระหือรืออยากรู้คำตอบ เฟอร์นันโดพาลูเซียนตรงไปที่ห้องออกอากาศ หลังจากขยิบตาให้ เขาก็บอกกับซาแมนธาว่า “เตรียมตัวให้พร้อม เริ่มออกอากาศ ‘ความจริงของโลก’ ลูเซียนจะเป็นแขกรับเชิญ!”

“รับทราบค่ะ” ซาแมนธามองลูเซียนและเจ้าแห่งวายุด้วยความสงสัย แล้วจึงเปิดวงเวทกระจายเสียงโดยไม่รอช้า

จอมเวทในห้องออกอากาศต่างจ้องมองทั้งคู่ด้วยความตื่นเต้น ทุกคนต่างกระหายใคร่รู้ถึงทฤษฎีที่สนับสนุนปรากฏการณ์แปลกประหลาดของภาพสะท้อนแรงโน้มถ่วงซึ่งจะช่วยกอบกู้ความเชื่อมั่นที่สั่นคลอนของพวกเขา

เฟอร์นันโดใช้โอกาสนี้ถามลูเซียน “เจ้าได้ทฤษฎีอะไรมาใหม่?”

หลังจากอยู่สักครู่ เขาจึงถามต่อว่า “เป็นทฤษฎีหักล้างหรือเปล่า?”

ลูเซียนเบ้ปาก “อาจารย์ขอรับ ข้าเคยบอกท่านว่าข้ากำลังรวมแรงโน้มถ่วงเข้ากับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ แล้วนำมาใช้อ้างอิงกับกรอบอ้างอิงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จริงๆ กำลังอยู่ระหว่างเตรียมการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้บังคับให้ข้าต้องทำให้เสร็จล่วงหน้า ด้วยระบบนี้ เราจะมีคำอธิบายใกล้เคียงกับความเป็นจริงยิ่งขึ้นเกี่ยวกับลักษณะของแรงโน้มถ่วง”

“คำอธิบายเกี่ยวกับลักษณะของแรงโน้มถ่วง…” เฟอร์นันโดดูโล่งอกขึ้น “ตราบใดที่คำอธิบายของเจ้าไม่ได้ระบุว่าพระผู้เป็นเจ้าสร้างแรงโน้มถ่วง ก็ไม่มีปัญหา แล้วปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นล่ะ?”

ลูเซียนสารภาพด้วยข้อแก้ตัวที่เขาเตรียมไว้แล้ว “ข้าอยู่ในสถาบันอะตอมเพื่อทดลองค้นหานิวตรอน ข้าตื่นเต้นเกินไปตอนที่โลกแห่งปัญญาเป็นกึ่งปึกแผ่นขึ้นมาและตอนทดลองสำเร็จ ทำให้มั่นใจว่านิวตรอนมีอยู่จริง แล้วเวทมนตร์ชั้นตำนานจาก ‘การเล่นแร่แปรธาตุ’ ก็ตอบสนอง ทำให้โลกแห่งปัญญาของข้าพัฒนาไปทางนั้น”

“นั่นมันบังเอิญเกินไป! เจ้าอาจหลอกคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่ข้า!” เฟอร์นันโดคำรามเสียงเบาๆ เขาสงสัยว่าลูเซียนคงรู้วิธีค้นหานิวตรอนอยู่แล้ว เว้นแต่ว่าเขายังไม่เคยทำการทดลอง เพราะมีวัตถุประสงค์อื่น หรือบอกว่าที่เขายังไม่เสนอเรื่องใหม่ เพราะยังอยากได้คะแนนอ้างอิงจากการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่เพิ่มอีก “เจ้ามาทำสำเร็จในจังหวะนี้ ก็เพราะอยากให้เวทมนตร์ชั้นตำนานมีแนวโน้มไปสู่การเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่ มากกว่าเรื่องแรงโน้มถ่วงหรือทฤษฎีสัมพัทธภาพหรือเปล่า?”

ลูเซียนยิ้มด้วยความละอายใจ “ขอรับ เรื่องอะตอมเป็นพื้นฐานและทิศทางในอนาคตของข้า”

หลังจากยอมรับคำอธิบายของลูเซียน เฟอร์นันโดต้องฝืนความรู้สึกอยากคำรามเอาไว้ “ส่งบทความของเจ้ามา เข้าไปเตรียมคำพูดของเจ้าให้ดีๆ”

ลูเซียนพยักหน้าและส่งบทความให้อาจารย์ ก่อนที่เขาจะนั่งลงตรงข้ามกับซาแมนธา

ในตอนนั้นเอง เฮลเลนซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมเวทมนตร์สีขาวก็มาถึงห้องออกอากาศ

“เจ้ามาที่นี่ทำไม?” เฟอร์นันโดจ้องหน้าเฮลเลน และไม่ห่วงว่าจะต้องรักษามารยาทต่อสตรีแม้แต่น้อย

เฮลเลนพยักหน้าและทักทายเขา “โอลิเวอร์มา เขาเชี่ยวชาญเรื่องการปิดกั้นมิติมากกว่าข้า เขาพยายามจะเปิดประตูมิติสัจธรรมอยู่ ข้ามาดูบทความของอีวานส์”

นางสนทนาผ่านทางการส่งข้อความลับ เพื่อไม่ให้จอมเวทในห้องออกอากาศตื่นตระหนก

เฟอร์นันโดยกบทความที่เขายังไม่ได้เปิดอ่านขึ้นมา และเห็นชื่อบทความขนาดยาว

‘การตีความเชิงสัมพัทธนิยมและคำอธิบายเชิงเรขาคณิตของแรงโน้มถ่วง และระบบสัมพัทธภาพภายใต้กรอบอ้างอิงที่ขยายความครอบคลุม’

“ทฤษฎีสัมพัทธภาพ…” เฮลเลนนึกถึงตอนที่ลูเซียนเคยอ้างว่าแรงโน้มถ่วงจะถูกรวมอยู่ในระบบนี้ นางไม่คาดคิดว่ามันจะเสร็จสมบูรณ์ได้เร็วขนาดนี้

ทั้งสองคนเริ่มอ่านบทความอย่างตั้งอกตั้งใจ

อีกฟากหนึ่ง ซาแมนธายิ้มและพูดกับวงเวทตรงหน้านาง “เมื่อสักครู่ สถานีวิทยุของเราถูกเบเนดิกต์ที่สามแทรกแซงระบบค่ะ คำโกหกของเขาอาจทำให้เกิดความตระหนกตกใจ เราต้องขออภัยท่านนักเวททั้งหลายสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ตอนนี้ ท่านลูเซียน อีวานส์ จะมาอธิบายปรากฏการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ทุกท่านได้ทราบกันค่ะ”

จอมเวททุกคนในห้องออกอากาศถึงกับกลั้นหายใจ

ภายในคฤหาสน์ เบลคซึ่งยังอยู่ภายใต้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องที่ตามมา ก็ได้ยินเสียงอันน่าฟังดังขึ้น เขาจะรู้ได้ทันทีว่าท่านหญิงลาร์คกลับมากระจายเสียงสดได้แล้ว

“สภาเวทมนตร์จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร? ท่านอีวานส์จะพูดอะไรกันแน่?”

ด้วยความกระวนกระวายและความหวัง เขานั่งยองๆ อยู่ข้างวิทยุและตั้งใจฟังเสียงของลูเซียน “สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นเพียงแผนร้ายของศาสนจักร ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปพูดถึง”

ลูเซียนเองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังบทสนทนาหรือสถานการณ์จริงของท่านประธาน เขาจึงเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เบลค รวมถึงจอมเวทคนอื่นๆ ที่เฝ้ารออยู่หน้าวิทยุต่างรู้สึกไม่พอใจและรับไม่ได้กับเรื่องนี้

ราเวนติซึ่งอยู่ในสำนักงานใหญ่ของกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุก็ได้คำตอบจากแอนโนนิสในที่สุด และรู้ว่าโลกแห่งปัญญาของใครบางคนพัฒนาเป็นกึ่งปึกแผ่น เขาจึงโล่งอกขึ้นมา และรู้สึกขอบคุณที่ไม่ใช่หายนะ

หลังจากเขาได้รับรู้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความสับสนของท่านประธานเกี่ยวกับทฤษฎีแรงโน้มถ่วงก็กลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้เขาเองสงสัยในลักษณะที่แท้จริงของแรงโน้มถ่วง และในตอนนั้น คำอธิบายของลูเซียนก็ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว คำอธิบายกลุ่มเครือเกินไป เกิดเหตุผิดปกติขึ้นจริงๆ หรือไม่?

“ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปพูดถึง เพราะคำถามของเบเนดิกต์ที่สามก็ไม่ได้อาศัยปฐมเหตุเป็นสำคัญ และข้ามีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของแรงโน้มถ่วงในแบบของข้า”

อะไรนะ?

ราเวนติ อันโนนิส เบลค และจอมเวทคนอื่นๆ ที่กำลังฟังอยู่ต่อหน้าวิทยุมองอุปกรณ์สีดำชิ้นนี้ด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าทุกคนพยายามจะมองลูเซียนผ่านทางวิทยุเสียให้ได้

ภายในห้องอากาศ ซาแมนธาและจอมเวทคนอื่นต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน ทุกคนหวังเพียงว่าลูเซียนได้ทำการศึกษาเรื่องแรงโน้มถ่วงลงรายละเอียดมากขึ้น แต่ไม่คิดว่าลูเซียนจะให้คำตอบสุดท้ายเกี่ยวกับลักษณะของแรงโน้มถ่วงซึ่งเป็นเรื่องที่ดักลาสกำลังกลุ้มใจ นั่นเป็นปริศนาลึกลับที่สุดในเรื่องแรงโน้มถ่วง!

เฮลเลนถึงกับทำคิ้วย่น หลักแห่งความสมมูลและทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปเป็นเรื่องที่นางสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย แต่การพรรณาเชิงเรขาคณิตในส่วนหลังทำให้นางต้องตะลึงงัน

นางถามเฟอร์นันโดด้วยความสับสน “ข้าเข้าใจทุกคำและรู้จักสัญลักษณ์ทั้งหมด แต่ข้าไม่รู้ว่ามันจะมีความหมายอะไร เมื่อมันเชื่อมโยงถึงกัน…”

เฟอร์นันโดเองก็ยังมีปัญหาในการทำความเข้าใจ “นี่เป็นการใช้เรขาคณิตอีวานส์ และเครื่องมือที่เกี่ยวข้องในการวิเคราะห์ หากเจ้าไม่ได้อ่านวารสาร ‘ธรรมชาติ’ ในช่วงสามปีมานี้ ข้าเกรงว่าเจ้าคงมีปัญหาในการทำความเข้าใจบทความนี้”

เขาศึกษาวารสาร ‘ธรรมชาติ’ เพื่อคอยตรวจสอบบทความของลูกศิษย์คนนี้ เพราะฉะนั้นเขาจึงสามารถคิดตามบทความชิ้นนี้ของลูเซียนได้

“พวกท่านน่าจะรู้ว่าข้าเคยพยายามผนวกเอาทฤษฎีแรงโน้มเข้ากับระบบสัมพัทธภาพ และพยายามแก้ปัญหา หลังผลลัพธ์ไม่อาจใช้พาดพิงในกรอบอ้างอิงทั้งหมด ดังนั้น ข้าจึงเขียนบทความเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษเมื่อปีที่แล้ว แล้วก็ศึกษาเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนนั้น เป็นการเดินทางที่ยากลำบากทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อตระหนักว่าระบบเรขาคณิตแบบเก่าไม่อาจพรรณนาทฤษฎีนี้ได้ จนกระทั่งข้าบังเอิญค้นพบ ‘เรขาคณิตอีวานส์’ และเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถสนับสนุนระบบทฤษฎีนี้ได้อย่างลงตัว จนได้ผลวิจัยที่น่าตกตะลึงออกมา”

การพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ของลูเซียนช่วยคลายความกังวลของจอมเวท เช่น เบลค ซึ่งคิดว่าเขาอาจค้นพบลักษณะของแรงโน้มถ่วงแล้วจริงๆ

“… ตอนทฤษฎีที่อาศัยหลักเรขาคณิตแบบใหม่นี้กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ข้าต้องจนปัญญาอีกครั้ง เพราะไม่อาจหาคำตอบของปัญหาต่างๆ ได้ แต่จนกระทั่งข้าได้ฟังบทสนทนาที่ถูกเบเนดิกต์ที่สามตัดต่อ ข้าจึงเกิดแรงบันดาลใจและคิดค้นสูตรสุดท้ายสำเร็จ ข้าต้องขอบคุณท่านอาจารย์เฟอร์นันโด สภาเวทมนตร์ และเบเนดิกต์ที่สาม ที่ช่วยให้ข้าเข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปและมีคำอธิบายลักษณะของแรงโน้มถ่วง”

จอมเวทส่วนใหญ่ในห้องออกอากาศต่างขบขันกับคำพูดของลูเซียน เบลคและคนอื่นๆ ก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ความสับสนและความรู้สึกหลงทางก่อนหน้านี้หายไปไม่เหลือ

ไกลออกไปจากนครอัลลิน คริโทเนียกำลังฟังสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าที่เบเนดิกต์ที่สามจับสัญญาณมา และมองเขาที่แสงรอบตัวกำลังริบหรี่ลงด้วยความกังวล

“ยอดเยี่ยม พูดได้ดี” เบเนดิกต์ที่สามกล่าวขึ้นอย่างไร้อารมณ์

……………………………………………….

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท