Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 579 มิติพิเศษ

บทที่ 579 มิติพิเศษ

บทที่ 579 มิติพิเศษ
ก่อนที่ความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจของเขาจะหายไป คลื่นพลังวิญญาณภายหลังจากการถูกปรับแต่งโดยพิธีกรรม ‘ต้นกำเนิดเวทมนตร์’ ก็ไหลเข้าหาเขาเบาๆ ตามความถี่ของลูเซียน

ในขณะเดียวกัน ท้องฟ้ากว้างไกลไร้ขอบเขตก็สั่นไหวเล็กน้อย กองกำลังลึกลับกำลังจดจ่ออยู่กับภาพมายาสะท้อนของดาวหลักแห่งเทวลิขิตของลูเซียน เนื่องจากเฟอร์นันโดเป็นประธานในการประกอบพิธีกรรม ‘ต้นกำเนิดเวทมนตร์’ ด้วยตนเอง ความมืดที่น่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังซึ่งดูเหมือนจะสามารถดูดซับทุกสิ่งได้จึงไม่ถูกละเลย

ภาพมายาสะท้อนของดาวหลักแห่งเทวลิขิตส่งเสียงฮึมฮำ และสั่นด้วยเสียงที่ไม่อาจได้ยินสำหรับคนทั่วไป ในขณะเดียวกันลูเซียนปลุกโลกแห่งปัญญาของเขาในการทำสมาธิ เขาปล่อยให้ดาวหลักแห่งเทวลิขิตที่สว่างไสว และมืดมิดสั่นไหวในเวลาเดียวกัน ขณะที่พวกมันประสานกัน ลูเซียนมีความรู้สึกว่าโลกแห่งความจริงกำลังลดลง และโลกแห่งการรับรู้ของเขาล้อมรอบร่างกาย และจิตวิญญาณของเขา

หลังจากโลกแห่งปัญญาปิดผนึกครึ่งนึง ลูเซียนก็สามารถมีอิทธิพลต่อโลกแห่งความจริงได้ตามที่เขาต้องการ ดังนั้น ลูเซียนจึงค่อยๆ แผ่ความรู้สึก และเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งรอบตัวเขา

ที่ศูนย์กลางของพิธีกรรม ดวงดาวมีลักษณะโค้งอย่างคลุมเครือ สัญลักษณ์ของธาตุกระพริบเป็นสีต่างๆ โดยโครงสร้างภายในทำจากโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน พวกมันแยก และรวมตัวกันผลิตองค์ประกอบมากมายในโลกแห่งวัตถุก่อนที่องค์ประกอบทั้งหมดจะรวมตัวกันเป็นจักรวาลเหล็กบริสุทธิ์

ระดับขั้นตำนานของลูเซียนอย่าง ‘ผู้บัญชาอะตอม’ ดูเหมือนจะไม่ทับซ้อนกับเส้นทางของกลศาสตร์ควอนตัมที่เขาตั้งใจจะศึกษาต่อ แต่กลศาสตร์ควอนตัมนั้นขึ้นอยู่กับการสำรวจไมโครเวิลด์ การศึกษาเกี่ยวกับอิเล็กตรอนเพียงอย่างเดียวสร้างความสำเร็จที่น่าตื่นตาตื่นใจและไม่น่าเชื่อ จากนั้นแรงนิวเคลียร์ที่แข็งแกร่ง และแรงนิวเคลียร์ที่อ่อนแอซึ่งเป็นสองในสี่ของรากฐานสุดท้าย ได้รับการยอมรับ ก่อนที่จะมีการพัฒนาแบบจำลองพื้นฐานของอนุภาค อำนาจแม่เหล็กไฟฟ้า และแรงนิวเคลียร์ที่อ่อนแอให้รวกกันเป็นปึกแผ่น

ดังนั้นแบบจำลองของอะตอมนิวเคลียสที่อ่อนแอจึงถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้น และพัฒนาเป็นแบบจำลองมาตรฐานของอนุภาคโดยไม่ต้องเปลี่ยนรากฐาน

หลังจากนั้นไม่นานอิทธิพลอันบริสุทธิ์ของโลกแห่งปัญญาได้ ‘สัมผัส’ กับร่างกายของลูเซียนอย่างแท้จริงทำให้เขารู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่

เหนือร่างกายของเขา โลกแห่งปัญญา และจิตวิญญาณของเขาได้พบกันในโลกแห่งวัตถุ ภายใต้อิทธิพลของพวกมัน แบบจำลองเวทมนตร์ที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สร้างขึ้นภายในจิตวิญญาณของเขาล้วนเปล่งประกายด้วยความสดใสและสุกสกาวเหมือนความฝัน

ลูเซียนรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขากำลังสั่นคลอน และความสามารถในการคิด และควบคุมโลกแห่งปัญญาก็ลดลง มันยากขึ้นสิบเท่าสำหรับเขาที่จะดำเนินการปรับเปลี่ยนจิตวิญญาณของเขาต่อไปด้วยโลกแห่งปัญญา

แบบจำลองเวทมนตร์นั้นโค้งงอเหมือนดวงดาวจริงๆ ซึ่งค่อยๆ เพิ่มมุมมองของลูเซียน และทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ที่มองตัวเองลงมาจากที่สูง

การสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณนั้นรุนแรงยิ่งขึ้น ขอบเริ่มพร่ามัว และเชื่อมต่อกับโลกแห่งการรับรู้ที่ไม่อาจคาดเดาได้ จากนั้นก็ขยายตัวเป็นเมฆที่หายวับไปเพื่อปิดล้อมป้องกันโลกแห่งปัญญาจากภายนอก เมื่อมาถึงจุดนี้พลังจิตวิญญาณของลูเซียนก็เกือบจะเหือดแห้ง แต่พลังจิตวิญญาณของมหาจอมเวททั้งหกยังได้รับการพิสูจน์โดยพิธีกรรมต้นกำเนิดเวทมนตร์อย่างไม่หยุดหย่อนราวกับเป็นมหาสมุทรที่พร้อมให้ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย

ด้วยความทะนงตน ลูเซียนได้สติจากความตกตะลึงของการหลอมรวมพลังจิตวิญญาณของเขา เขาเฝ้าดูโลกแห่งปัญญาพังทลาย และพัฒนาไปเป็นจิตวิญญาณของเขาที่มีแบบจำลองเวทมนตร์

เป็นผลให้เกิดผ้าม่านสามผืน จิตวิญญาณอยู่ชั้นนอกสุด จากนั้นก็เป็นโลกแห่งการรับรู้ และมีแบบจำลองเวทมนตร์มากมายในโลกแห่งปัญญา เขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง

จู่ๆ ลูเซียนก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เขารู้ดีว่าบททดสอบที่ยากที่สุดมาถึงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจิตวิญญาณของเขายังไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานระดับตำนาน!

ทันใดนั้นโลกแห่งการรับรู้ของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น และฉีกช่องโหว่จิตวิญญาณที่อยู่ชั้นนอกสุด

ความเจ็บปวดจากจิตวิญญาณของเขาเกือบจะทำให้ลูเซียนต้องยอมแพ้ แต่เขาก็กัดฟัน และพยายามสนุกไปกับมัน ในขณะที่เขาซ่อมแซมจิตวิญญาณของเขาด้วยพลังที่ถ่ายทอดโดยพิธีกรรมต้นกำเนิดเวทมนตร์!

ไม่นาน ความเจ็บปวดก็มาถึงจุดสูงสุด ลูเซียนรู้สึกว่าวิญญาณของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล นอกจากนี้ต้นกำเนิดเวทมนตร์ยังไม่สามารถซ่อมแซมจิตวิญญาณของเขาได้อย่างรวดเร็วในตอนนี้

ถ้าเป็นเวลาอื่น ลูเซียนคงจะหมดสติไปแล้วเพราะความเจ็บปวดเกินกว่าที่ร่างกาย และจิตวิญญาณของเขาจะทนได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จิตใจ และจิตวิญญาณของเขาดูเหมือนจะแยกออกจากกัน ไม่มีวี่แววว่าเขากำลังตกอยู่ในสภาพสาหัส

ลูเซียนรู้ว่าความเจ็บปวดจะหายไปหากจิตใจของเขากลับคืนสู่ร่างกาย แต่พิธีกรรมก็จะล้มเหลวเช่นกันหากเป็นเช่นนั้น

ไม่มีเวลาหวนนึกถึงประสบการณ์ชีวิต หรือชะตากรรมที่ต้องคำสาป ลูเซียนมีเพียงความคิดเดียวในหัวของเขานั่นคือการคงอยู่ ยืนหยัด และมั่นคง!

เมื่อถึงจุดหนึ่งความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการได้ก็ค่อยๆ ลดลง และ ‘การต่อต้าน’ ของโลกแห่งการรับรู้ของเขาก็อ่อนโยนและนุ่มนวลลง แม้ว่าจิตวิญญาณของเขาจะเต็มไปด้วยหลุม แต่ก็ยังได้รับพลังจากต้นกำเนิดเวทมนตร์

ลูเซียนกำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ ที่ไม่ได้เป็นของโลกนี้กำลังเปล่งประกาย ห้องสมุดวิญญาณที่ติดตามเขามาตั้งแต่เกิดใหม่ได้ปรากฏขึ้น!

ภายในห้องสมุดวิญญาณ หนังสือทั้งหมดถูกเปิดผนึก จากนั้นห้องสมุดก็เล็กลงเรื่อยๆ ราวกับว่าลูเซียนบินสูงขึ้น จนกระทั่งมันถูกแทนที่ด้วยดาวเคราะห์ที่สวยงามชวนฝันที่ปกคลุมไปด้วยมหาสมุทรสีฟ้า

นี้คือโลก?

ความรู้สึกของลูเซียนค่อนข้างซับซ้อน

โลกที่เล็กลงๆ เมื่อลูเซียนบินสูงขึ้น ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ทั้งแปด และดาวพลูโตที่แร้นแค้นก็เชื่อมต่อกันเป็นเส้นเหมือนภาพ

นี้คือระบบสุริยะใช่หรือไม่?

ความรู้สึกของลูเซียนที่มองลงไปไม่ได้ทำให้ทุกอย่างหยุดลง แม้แต่ระบบสุริยะก็มีขนาดเล็กลง ดวงดาวนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นสายธารแม่น้ำ

“อย่าจมอยู่กับภาพลวงตา ชักนำพลังเข้าสู่โลกแห่งการรับรู้ในจิตวิญญาณของเจ้าเสีย” เสียงที่เข้มงวดของเฟอร์นันโดดังก้องอยู่ข้างหูของลูเซียน พวกเขาไม่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงภายในวิญญาณของลูเซียนได้ แต่พวกเขาสามารถคาดการณ์ได้จากพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างชัดเจนของเขา

ภาพลวงตา? มันเป็นภาพลวงตา?

ลูเซียนรู้สึกสับสนมาก แต่เขาก็ได้ชักนำพลังมหาศาลของต้นกำเนิดแห่งเวทมนตร์เข้าสู่จิตวิญญาณของเขาอย่างไม่รอช้า ไปยังโลกแห่งปัญญาที่กำลังดิ้นรน

เสียงฮึมฮัมหยุดลง และพายุพลังงานที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นในโลกแห่งการรับรู้ของเขา แบบจำลองเวทมนตร์เช่น ‘ฟิชชันปรมาณู’ ก็ถูกชำระล้างด้วยพายุพลังงาน โดยที่พวกมันส่องแสงสัญลักษณ์ทีละอัน และหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณเช่นเดียวกับแบบจำลองเวทมนตร์ตั้งแต่วงแหวนที่หนึ่งไปจนถึงวงแหวนที่เก้า

ตูม!

การระเบิดของ ‘ฟิชชันปรมาณู’ แบบไร้เสียงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ นั่นคือ ‘สิทธิพิเศษ’ ของมหาจอมเวทที่มีระดับขั้นตำนานและเวทมนตร์พื้นฐาน!

พลังงานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ประกายแสงระยิบระยับของ ‘เปลวไฟนิรันดร์’ ทำให้วิญญาณของเขาระเบิดขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็เงียบหายไป และไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ อีก

ถึงแม้ว่าจะเป็นเวทมนตร์ระดับตำนานขั้นพื้นฐาน เพื่อสร้างมันขึ้นมาลูเซียนก็จำเป็นต้องอยู่ในขั้นที่สามของระดับตำนาน ไม่อย่างนั้นวิญญาณของเขาจะไม่สามารถทนได้!

พลังงานยังคงหลั่งไหล สัญญาณที่ซับซ้อนของขั้นในตำนานอย่าง ‘ผู้บัญชาอะตอม’ เรืองแสงพร้อมกับ ‘ฟิชชันปรมาณู’ ที่จุดศูนย์กลาง จนกระทั่งถูกรวบรวม และปลดปล่อยพลังวิญญาณที่ไม่อาจจินตนาการได้ออกมาซ่อมแซม และปรับปรุงจิตวิญญาณของเขา

ลูเซียนสัมผัสได้ถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของจิตวิญญาณของเขาที่เปลี่ยนจากอ่อนแอเป็นสมบูรณ์ และกำลังจะระเบิด

ลูเซียนรวบรวมพายุพลังงาน และพลังวิญญาณของเขาโดยพยายามไม่ให้ตื่นตระหนก และปล่อยพลังงานออกสู่ความว่างเปล่าภายนอก!

กระแสน้ำที่ดังกึกก้องสร้าง ได้สร้างมิติพิเศษเล็กๆ ในความว่างเปล่าเบื้องหน้าเขา

มิติพิเศษขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยดูดซับวัสดุจากพิธีกรรมสร้างความก้าวหน้าของ ‘ผู้บัญชาอะตอม’ และเปลี่ยนไปตามโลกแห่งปัญญาของลูเซียน นี่เป็นพื้นที่ไม่สิ้นสุดซึ่งดาวทุกดวงถูกสร้างขึ้นจากสองในสี่ส่วนที่ต่างกัน และล้อมรอบด้วย ‘ดาวเคราะห์’ ลวงตาจำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดมากขึ้น พวกเขาก็จะอยู่ในจุดเดียวเท่านั้น

ในหมู่พวกดาวเคราะห์ที่เป็นตัวแทนของเหล็กมีขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นสถานที่ที่หอคอยเวทมนตร์ของลูเซียนตั้งอยู่

มิติพิเศษสั่น และค่อยๆ มั่นคง หนวดอวกาศเชื่อมต่อกับวิญญาณของลูเซียนโดยตรง ดังนั้นเขาจึงสามารถข้ามไปยังมิติพิเศษของตัวเองได้ทุกที่ตราบเท่าที่ไม่มีอะไรขัดขวางการเคลื่อนย้าย ชีวิตของเขาก็ปลอดภัยขึ้นมาก

หลังจากที่มิติพิเศษหยุดสนิท ลูเซียนก็ลืมตาขึ้นเพียงเพื่อจะพบว่าท้องฟ้าลวงตาแห่งโชคชะตากรรมได้หายไป วัสดุในพิธีกรรมได้หายไป และวัสดุสำหรับพิธีกรรมต้นกำเนิดเวทมนตร์ก็กลายเป็นขี้เถ้า

เมื่อรู้สึกได้ถึงอิทธิพลของเขาที่มีต่อโลกแห่งความจริง และความแข็งแกร่งที่น่ากลัว ลูเซียนจึงถามด้วยความยินดีว่า

“นี่คือพลังระดับตำนานใช่ไหม”

เฟอร์นันโดถามเสียงดัง “ขั้นระดับตำนานของเจ้าชื่ออะไร”

“ผู้บัญชาอะตอม” ตอบลูเซียนด้วยรอยยิ้ม

“ชื่อมิติพิเศษของเจ้าล่ะ?”

…ลูเซียนแทบจะโพล่งออกมาเป็นวิทยาศาสตร์หนึ่ง เขากล่าวว่า “โครงสร้างภายในของอะตอมค่อนข้างคล้ายกับอวกาศ โลกแห่งกล้องจุลทรรศน์เป็นเหมือนจักรวาลเศษส่วน ดังนั้นมันจะถูกตั้งชื่อเป็น ‘จักรวาลอะตอม’

“การผสมผสานระหว่างสิ่งที่เล็กที่สุด และใหญ่ที่สุด ดี” โอลิเวอร์กล่าวชื่นชมเขา

ดักลาสยิ้ม” เจ้าควรปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของจิตวิญญาณ และพลังทางจิตวิญญาณให้ดีขึ้น หลังจากที่เจ้ากลับมา วันมะรืนนี้เจ้าจะได้เข้าร่วมการประชุมของสภาสูงสุดเป็นครั้งแรก”

“ขอรับ ท่านประธาน” ลูเซียนยังให้ความเคารพเช่นเดิม

เฟอร์นันโดเดินออกไปพร้อมกับลูเซียน และเริ่มแนะนำอย่างจริงจังว่า “เจ้าต้องเลือกเวทมนตร์ระดับตำนานอย่างชาญฉลาด ระดับหนึ่งขั้นตำนานสามารถรองรับเวทมนตร์ระดับตำนานได้เพียงแค่สามบทเท่านั้น เมื่อพลังของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นก็จะสามารถเพิ่มเป็นหกบทได้ ดังนั้นเจ้าต้องเลือกให้เหมาะสมโดยต้องคิดถึงความต้องการของเจ้าในการโจมตี ป้องกัน หลบหนี ควบคุม และด้านอื่นๆ ทั้งหมด”

“อาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะเลือกเวทมนตร์ระดับตำนานอย่างรอบคอบหลังจากที่ข้าฟื้นตัวดีแล้ว” ลูเซียนพยักหน้า

นี้เป็นเรื่องธรรมดาของนักเวทระดับตำนาน เมื่อระดับของพวกเขาสูงขึ้น พวกเขาก็จะสามารถเลือกเวทมนตร์ได้มากขึ้น และมิติพิเศษของพวกเขาก็จะสมบูรณ์มากขึ้น ระดับสองของขั้นตำนานสามารถรองรับสูงสุดสิบบท และระดับสามได้สิบห้าบท สำหรับผู้มีพลังชั้นสูง เช่นท่านประธานนั้น พวกเขาสามารถใช้ได้ถึงยี่สิบเอ็ดบท นอกจากนี้ ทุกระดับของความก้าวหน้ายังเกี่ยวข้องกับการผสมผสานของจิตวิญญาณ และโลกแห่งปัญญา และการเสริมสร้างโลกแห่งปัญญาให้ดีขึ้น

เฟอร์นันโดพยักหน้า “ตอนนี้ เจ้าต้องเก็บเรื่องพิธีกรรมความก้าวหน้าไว้เป็นความลับ อย่าบอกใครนอกจากพระราชินี เราจะไม่บอกเรื่องนี้ในสภาสูงสุดด้วย ท้ายที่สุดชื่อของมหาจอมเวทก็เพียงพอแล้วสำหรับเจ้าที่จะเพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษทั้งหมด เรื่องนี้ศาสนจักรจะต้อง ‘ประหลาดใจ’ หากพวกเขาวางแผนที่จะต่อต้านเจ้า”

ส่วนเจ้าแห่งผีดิบที่ไม่ได้รับเชิญ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาอยู่ในมิติอื่น และส่วนหนึ่งเป็นเพราะหัตถ์ไร้ชีวาไม่เป็นมิตรกับลูเซียนมากนัก ต้องเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับ

ภายในบาเบล…

ลูเซียนนั่งบนโซฟาอย่างเกียจคร้าน เขาเปิดวิทยุเวทมนตร์ และฟังคำปราศรัยของท่านประธาน เขากล่าวว่า

“…ข้ายอมรับว่าข้าสับสนมากเกี่ยวกับธรรมชาติของแรงโน้มถ่วง แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าอ้างถึงคือสัจธรรมของโลก และกฎของจักรวาลซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทพเจ้า…”

“…บนเส้นทางของอาร์คานา ข้ามีคำถามมากพอๆ กับพวกท่าน ข้ามักจะหลงทาง และต้องกัดฟันในการศึกษา และค้นคว้า ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างท่านกับข้าคือตอนนี้ข้าเดินมาไกลกว่าท่านแล้ว แต่อาจเป็นไปได้ว่าใครบางคนจะทำได้มากกว่าข้าในอนาคต ดังนั้น ข้าไม่ได้เป็นตัวแทนของความจริงของอาร์คานา การลบล้าง และการสังเกตอย่างสมบูรณ์แบบ ตลอดจนข้อมูล และผลการทดลองที่ถูกต้องของท่าน เฉพาะการศึกษาอาร์คานาตามสิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่มีความสำคัญอย่างแท้จริง และแนวคิดอื่นๆ ก็ยังอยู่ในหมวดหมู่ของปรัชญา…

“…จักรวาลกว้างใหญ่มากจนเราอาจจะสะดุดล้มด้วยความหวาดกลัว แต่เราจะไม่ยอมแพ้…”

“…คราวนี้เบเนดิกต์ที่สามได้แสดงความเข้าใจ และการใช้เวทมนตร์จากอาณาจักรเวทมนตร์โบราณ นั้นแสดงให้เห็นว่าเขายังด้อยพัฒนากว่าเรามาก และพวกเขาอยู่ในช่วงยุคที่เปื้อนเลือด หมายความว่าเรามาถูกทางแล้ว…”

ลูเซียนที่ฟังคำปราศรัยของท่านประธานอย่างเงียบๆ ก็ยิ้มออกมา

……………………………………………………

(จบเล่มที่ 6)

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท