Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 617 การเปลี่ยนแปลง

บทที่ 617 การเปลี่ยนแปลง

บทที่ 617 การเปลี่ยนแปลง
หลังจากได้ยินลูเซียนกล่าวว่าเขามองเห็นเทวภาพ เฟอร์นันโด ดักลาส และคนที่เหลือจึงกระตุ้นพลังใช้อุปกรณ์พิเศษของตน ทำให้ทุกคนมองเห็นดวงแสงแห่งเทวภาพทั้งห้าเช่นกัน

ในตอนนั้นเอง ฝาโลงศพสีดำที่วางตั้งตรงอยู่ๆ ก็ร่วงลงกระแทกพื้น ก่อให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย ก่อนจะเผยให้เห็น ‘เจ้าของ’ โลงด้านในนั้น!

เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ ดักลาส เฟอร์นันโดและคนที่เหลือต่างเตรียมร่ายคาถาเวทมนตร์ และลูเซียนยังมีนาฬิกาพกสีเงินอยู่ในมือเพิ่มมาอีกด้วย

บุรุษผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ผมสีทอง ในชุดคลุมตัวยาวสีขาวยืนอยู่ภายในโลงศพโลหะนั้น เขาตัวสูงใหญ่ ดวงตาหลับสนิท และมือทั้งสองข้างก็วางไขว้กันอยู่ตรงช่วงอก

ไม่มีสัญญาณแห่งชีวิตแม้เพียงสักนิดจากตัวเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเสียชีวิตมาแล้วหลายปี แต่ผิวหนังกลับยังดูสุขภาพดีและนุ่มเนียนไร้ร่องรอยของการเน่าเปื่อย เครื่องหน้าที่ดูดีที่สุดบนใบหน้าเขาคือจมูกโด่งเป็นสันที่ทำให้เขาดูแข็งกร้าวอย่างยิ่ง

“อีวานหรือ”

จู่ๆ ลูเซียนก็ได้ยินน้ำเสียงตกตะลึงของดักลาสและเฟอร์นันโดผ่านทางกระแสจิตพร้อมๆ กัน!

อีวานงั้นหรือ

มันเป็นชื่อที่สามัญธรรมดาอย่างยิ่งในจักรวรรดิชาชราน แต่เมื่อมันปรากฏขึ้นโดยมีไม้กางเขนแบบเก่ารายล้อมรอบ ลูเซียนจึงนึกถึงได้เพียงคนเดียว ซึ่งก็คือ

นักบุญอีวาน พระสังฆราชคนแรกของศาสนจักรเหนือ!

นักบุญอีวาน ‘ตัวการ’ ผู้ก่อให้เกิดความแตกแยกภายในศาสนจักร!

นักบุญอีวาน ผู้ยินยอมให้ตั้งชื่อเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิชาชรานตามชื่อเขา!

เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้

ชั่วครู่หนึ่งผ่านไป ‘อีวาน’ ที่อยู่ในโลงศพสีดำก็พลันลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นเป็นสีน้ำเงินสดใสเสียยิ่งกว่ามหาสมุทรและใสกระจ่างยิ่งกว่าอัญมณีใด ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำเสียจนแสงสว่างรอบๆ ถูกดูดซับเข้าไป ยังผลให้ทั้งห้องมืดทึบลงครู่หนึ่ง

ภายในคริสตจักรนักบุญอีวาน แห่งเมืองซานอีวานส์เบิร์ก ในห้องสารภาพบาปลับ…

เบลคอฟสกี ผู้ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชแห่งศาสนจักรฝ่ายเหนือ ซึ่งเป็นผู้มีรูปจมูกใหญ่ตามแบบฉบับของชาวชาชราน กำลังสวดภาวนาอยู่หน้าไม้กางเขน แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ลืมตาโพลง ดวงตาสีเหลืองสดใสของเขาพลันถูกแทนที่ด้วยสีน้ำเงินสดใส

“ผู้ใดกันที่บุกรุกเข้าไปในห้องแห่งพระจิต” เขากล่าวเสียงเดือดดาล วินาทีถัดมา ร่างของเขาก็กลายเป็นลำแสงดุจภาพมายา ราวกับเขาได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศธาตุ

ภายในคริสตจักรนักบุญอเล็กเซย์ คริสตจักรนักบุญเฟลิกซ์ คริสตจักรนักบุญยูริเอล และคริสตจักรนักบุญจีโน พระคาร์ดินัลหลวงทั้งสี่ผู้มีพลังชั้นนักบุญต่างก็ลืมตาขึ้นขณะหลับตาสวดภาวนาอยู่

ดวงแสงแห่งเทวภาพเบื้องหน้าโลงศพของ ‘อีวาน’ พลันลอยหายเข้าไปในร่างเขา ปีกแห่งเทวภาพที่เปล่งแสงเรืองรองจึงกางออกจากกลางแผ่นหลัง ปีกเหล่านั้นดูบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าแสงตะวันและเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดาราดวงใด!

จมูกของเขายื่นออกมาและมีขนาดใหญ่กว่าเดิม ทำให้เขาดูเหมือนชนชาวจักรวรรดิชาชรานอย่างที่สุด และดวงตาเขาก็ค่อยๆ กลายเป็นสีเหลือง ที่ด้านหลังศีรษะของเขา ประกายแสงแห่งเทวภาพปรากฏเป็นภาพใบหน้ามายามากมาย รวมถึงนักบุญอีวานที่พวกเขาเพิ่งเห็น และคนแปลกหน้าอีกจำนวนมากที่ลูเซียนไม่รู้จัก

ผัวะๆๆ ฝาโลงศพอีกสามโลงที่วางราบกับพื้นถูกกระแทกเปิดออก แล้วบุรุษสามผู้ในชุดคลุมยาวสีขาวก็ลอยขึ้นมา และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับดวงแสงแห่งเทวภาพตรงหน้าแต่ละคน ก่อนจะกางปีกแห่งเทวภาพออก

โลงศพโลงสุดท้ายยังคงนิ่งเงียบ แต่คล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างลอยเข้าใส่ดวงแสงแห่งเทวภาพเหนือโลงนั้น ทำให้มันเล็กลงและยืดยาวเป็นเทวทูตแห่งแสงผู้มีดวงตาสีเหลือง

ถ้อยคำจากบันทึกพลันผุดขึ้นในหัวลูเซียน ‘…พระคาร์ดินัลหลวงทั้งหก อันได้แก่ อีวาน อเล็กเซย์ นิคอน ยูริเอล จีโน เฟลิกซ์ ได้ลอบโจมตีมิติพิเศษในหอคอยเวทมนตร์ของวิลเฟรด ในการต่อสู้อันดุเดือดนี้ พระคาร์ดินัลหลวงทั้งหกสังหารนักเวทศาสตร์มืดและทำลายกล่องแห่งชีวิตได้สำเร็จ… ทว่านิคอนกลับถูกวิลเฟรดสังหาร’

‘ในระหว่างการต่อสู้กับวิลเฟรด นักเวทศาสตร์ผู้ชั่วร้าย พระคาร์ดินัลหลวงจีโนได้รับบาดเจ็บสาหัสในวินาทีสุดท้ายก่อนที่วิลเฟรดจะดับดิ้น ดวงจิตของจีโนถูกพลังแห่งความตายเข้าพัวพัน เจ็ดปีหลังจากนั้น จีโนก็เสียชีวิตลง ณ นครศักดิ์สิทธิ์แลนซ์…’

‘…ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจ้องมองลงมายังนครศักดิ์สิทธิ์ นักบุญทั้งสี่ อันได้แก่ อีวาน อเล็กเซย์ ยูริเอล และเฟลิกซ์ ผู้เป็นพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญทั้งเจ็ด เมื่อรวมซ็อตต์ อเลสเตอร์ และซิริซีอุส ยืนอยู่ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์และประณามเกรกอรีว่าเป็นอวตารของเจ้าแห่งนรกภูมิ…’

ณ เวลานั้น ทั้งห้องโถงลับพลันให้ความรู้สึกบริสุทธิ์สูงส่งและเปล่งประกายจนดูขัดแย้งกับสีขาวดำและความเงียบงันภายในห้องเมื่อไม่กี่นาทีก่อนจนดูแปลกประหลาด

“เวทหยุดเวลาขั้นสูง!”

“เวทปราการพายุ!”

“เวทกายามรณะ!”

“เวทแปลงกายชั้นตำนาน!”

“เวทหุ่นเชิดมาร!”

“เวทเพ่งพยาบาท!”

เวทมนตร์ทั้งหกบทถูกร่ายออกมาพร้อมกัน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่ามันหาใช่เรื่องดีและจำต้องหยุดมันบัดเดี๋ยวนี้!

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ‘นักบุญอีวาน’ ก็อ้าแขนออกกว้าง ราวกับเขากำลังโอบกอดมวลมนุษย์และโลกอันโสมมเอาไว้

เทวทูตตัวน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบกายและขับร้องเพลงสรรเสริญกับเพลงสวดที่ฟังเหมือน ‘เพลงฮาเลลูยา’ ที่ลูเซียนเคยได้ยินจากโลกเดิม

อากาศสีดำ ขาว และเทาเหนือศีรษะยุบตัวกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ยักษ์ ภาพมายาสะท้อนของหุบเขาวิมานพลันปรากฏขึ้น แสงสว่างหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของนักบุญอีวานผ่านทางเส้นสายที่เชื่อโยงกับดวงแสงแห่งเทวภาพ ทำให้ปีกแห่งเทวภาพยิ่งดูเปล่งประกายมะลังมะเลือง พลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่นานก็ก้าวล้ำเฟอร์นันโดกับดักลาสขึ้นไปแตะระดับที่ใกล้จะเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ!

นี่คือพลังพระคุณของพระเจ้า!

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เวลาและอวกาศสั่นสะเทือนเลือนลั่น และห้องลับก็ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์เข้าโอบล้อม เวทมนตร์ระดับตำนานของดักลาส ลูเซียน และคนที่เหลือต่างสิ้นฤทธิ์ก่อนที่พวกมันจะเริ่มเข้าโจมตีด้วยซ้ำ!

“สิ่งเลวทรามทั้งหลายควรถูกลงทัณฑ์” อีวาน ผู้มีดวงตาสีน้ำเงินแผ่รัศมีสีเหลืองเบาบาง ก้าวมาข้างหน้าและประกาศด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ก่อนที่แสงศักดิ์สิทธิ์จะพุ่งทะลักออกมาดุจสายน้ำเชี่ยวกราด

ฉับพลันนั้น ลูเซียนก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกาล-อวกาศ ราวกับว่าตัวเขาเพิ่งหลุดออกจากโลกแห่งวิญญาณและเข้ามาสู่จักรวาลกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด เขามองเห็นดวงดาววิบวับดารดาษอยู่ห่างออกไป แต่เขาไม่อาจจับกระแสพลังของเฟอร์นันโด เอริก้า และคนที่เหลือในกลุ่มซึ่งอยู่ข้างกายเขาเมื่อครู่ก่อนได้เลย

ในตอนนั้นเอง กระแสเสียงอันเคร่งขรึมเนิบนาบของดักลาสก็ดังก้อง “เวทกรงแรงโน้มถ่วง”

ความว่างเปล่ามืดมิดพลันปรากฏขึ้น แล้วจักรวาลอันกว้างใหญ่ก็หายลับไป จากนั้นลูเซียนก็พบว่าตนถูกเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมายังปราสาทที่เขาไม่อาจทราบได้เลยว่าเป็นปราสาทหลังใด!

“ท่านประธานหยุด ‘นักบุญอีวาน’ เอาไว้ได้หรือเปล่านะ”

เหนือปราสาทหลังหนึ่งภายในอารามแห่งวิญญาณ วัตถุและกำแพงทั้งหลายต่างบิดเบี้ยวและแตกร้าวภายใต้แรงกดดันที่น่าคร้ามเกรง แต่ไม่ว่าความมืดมิดจะเข้มข้นลึกล้ำเพียงใด ปีกโปร่งแสงที่แปรสภาพจากเทวภาพก็เหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าค้นพบเส้นทางสู่การเป็นมนุษย์ครึ่งเทพแล้วจากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ข้าสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ยิ่งนัก” ‘นักบุญอีวาน’ แย้มยิ้มขณะแบมือขวาและทำลายกรงขังแรงโน้มถ่วงลงอย่างง่ายดายหลังจากแตะเพียงครั้งเดียว

“สวรรค์แห่งหมู่ดาว!” ท้องนภาในลูกบอลรูปทรงประหลาดปรากฏขึ้นบนมือทั้งสองข้างของดักลาส เมื่อมันแผ่รัศมีแสงอันเจิดจรัสออกมา พื้นที่รอบตัวเขาก็กลายเป็นจักรวาลแท้จริงที่ดำมืดและไร้ขอบเขต

นี่คืออุปกรณ์ชั้นตำนานพิเศษของเขาที่สามารถสร้างมิติ ‘สวรรค์แห่งหมู่ดาว’ ขึ้นมาเพื่อเพิ่มพลังให้กับตนเองและสะกดข่มศัตรู

ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็แผ่พุ่งพลังจิตออกไป “เจ้าหาใช่อีวาน!”

ในเมื่อสภาเวทมนตร์มีโอกาสถีบตัวมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะนักบุญอีวานกระทำการแบ่งแยกศาสนจักร ดักลาสและเฟอร์นันโดจึงเคยพบกับนักบุญอีวานบ่อยครั้งในช่วงเวลานั้น หลังจากตรวจสอบยืนยันตัวตนเพียงครู่หนึ่ง ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

ปีกที่แปรสภาพจากเทวภาพด้านหลัง ‘นักบุญอีวาน’ หุบกระพรือ ส่งผลให้ดาวตกทั้งหลายภายในมิติแตกร้าว “สำคัญด้วยหรือ พวกเราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว หลังจากที่เราได้รับความเป็นอมตะที่แท้จริง ข้าก็จะเป็นอีวาน และอีวานก็จะเป็นข้า และเราก็ยังเป็นคนผู้อื่นอีกมากมายเช่นกัน”

“การสืบทอดพลังเช่นนั้นหรือ” ต้องขอบคุณประสบการณ์ของตนที่ทำให้ดักลาสเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง “ไม่แปลกใจเลยที่มีโลงศพเพียงสี่โลงเท่านั้นที่เปิดออกได้ นั่นก็เพราะโลงสุดท้ายเป็นของจีโน ผู้ที่วิญญาณสูญสลายไปอย่างสิ้นเชิงหลังกลับไปที่นครศักดิ์สิทธิ์เพียงไม่กี่ปี ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่อาจใช้ส่งของบางอย่างเป็นตัวแทนเพื่อส่งต่อพลังของเขา!”

“ไม่แปลกใจเลยที่อัตราผู้มีพลังชั้นนักบุญถึงได้สูงเพียงนี้ในศาสนจักรฝ่ายเหนือ

นักบุญอีวานแย้มยิ้มกว้าง และโดยไม่รั้งรออะไรอีก เขาก็แสดงพลังที่ใกล้เคียงกับระดับมนุษย์ครึ่งเทพออกมาสะกดข่มดักลาสผู้ที่มีเพียงมิติเป็นตัวช่วย

ภายในปราการพายุ พายุหมุนสีดำหลายลูกกำลังโหมกระหน่ำกวาดล้าง และสายฟ้าใหญ่ยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ฟาดลงมาไม่หยุด ยังส่งผลให้บรรยากาศแห่งความตายเปี่ยมด้วยแรงกดดันและสีดำ ขาว เทาแข็งทื่อแตกร้าว ความร้อนและความเย็นผลัดกันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบ

“อเล็กเซย์ ยูริเอล” โลกแห่งพายุคล้ายกับจะเกิดขึ้นในดวงตาสีแดงของเฟอร์นันโด ผู้ใดก็ตามที่มองสบตากับเขาจะต้องเผชิญหน้าและแบกรับความหวาดหวั่นเหนือจินตนาการ ปราการพายุของเขาโอบล้อมบุรุษในชุดคลุมยาวสีขาวและราชันเทพอสูร-ลิชที่กำลังเตรียมการเพื่อลอบโจมตีอยู่

นักบุญทั้งสองในชุดคลุมยาวสีขาวหาใช่คนแปลกหน้าสำหรับเฟอร์นันโด พวกเขาคือสองในสามนักบุญที่ติดตามนักบุญอีวานหลังจากแบ่งแยกศาสนจักร และแน่นอนว่าคนสุดท้ายก็คือเฟลิกซ์

‘ยูริเอล’ ผู้มีดวงตาและผมสีดำ ส่ายศีรษะและไม่กล่าวอันใด เพียงร่ายคาถาว่า “แสงพิพากษา!”

ปีกแห่งเทวภาพหุบลง พร้อมกับที่มีแสงซึ่งดูคล้ายจะมาจากหุบเขาวิมานชั้นสูงสุดแผ่พุ่งออกมา เพื่อพิพากษาทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้

น่าเสียดายที่เขากับ ‘อเล็กเซย์’ มีพลังเกือบจะถึงชั้นตำนานระดับสูงสุดเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะหลอมรวมกับดวงแสงแห่งเทวภาพแล้วก็ตาม เมื่อนับรวมการให้ความช่วยเหลือจากราชันเทพอสูร-ลิช พวกเขาก็ยังรับมือกับเฟอร์นันโดได้เพียงแบบสูสีและต้องต่อสู้ติดพันหนักหน่วง ทั้งยังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการต่อสู้เสียด้วยซ้ำ

การต่อสู้ของพวกเขาได้ทำลายล้างปราสาทรอบๆ นั้นจนหมด จึงมีเสียงโหยหวนชวนขนลุกดังขึ้นไม่หยุดภายในอารามแห่งวิญญาณ

ภายในปราสาทอีกหลังหนึ่ง เจ้าแห่งผีดิบกำลังเผชิญหน้ากับ ‘เฟลิกซ์’ และตกเป็นรองฝ่ายศัตรูที่หลอมรวมพลังกับดวงแสงแห่งเทวภาพเล็กน้อย ส่วนเอริก้าที่แปลงกายเป็นมังกรรุ้งกับเทวทูตแห่งแสงที่แปรสภาพจากดวงแสงแห่งเทวภาพเหนือโลงศพของ ‘จีโน’ ก็กำลังต่อสู้กันอยู่บนฟ้า และขณะนี้ได้ย้ายไปต่อสู้ในทะเลสาบมารอย่างดุเดือด แม้ว่านางจะมีพลังต่ำกว่าอีกฝ่ายหนึ่งระดับ แต่นางก็มีอุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนานช่วย ศัตรูของนางจึงไม่นับเป็นอะไร นางยังพอต้านทานศัตรูได้ในยามนี้

“แม้จะอยู่ภายใต้พลังพระคุณของพระเจ้า แต่ ‘นักบุญอีวาน’ ก็ยังมีพลังไม่ถึงระดับมนุษย์ครึ่งเทพ เขาย่อมไม่สามารถสังหารท่านประธานได้ ท่านผู้นั้นคือบุรุษผู้ที่เคยต่อกรอย่างซึ่งหน้ากับมนุษย์ครึ่งเทพตัวจริง และพระสันตะปาปา แล้วกลับมาอย่างปลอดภัยครบถ้วน แม้ว่าครู่หนึ่งท่านจะดูเหมือนมีพลังอ่อนด้อยกว่า แต่ก็ยังต้องรอดูว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะเมื่อผลจากพลังพระคุณของพระเจ้าหมดลง” ลูเซียนไม่นึกกังวลเกี่ยวกับดักลาส หรือเฟอร์นันโด อาจารย์ของตน “อาจารย์ข้าเป็นผู้มีพลังชั้นตำนานระดับแนวหน้ามาตลอด ท่านย่อมหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัยแม้จะถูกศัตรูสี่คนกลุ้มรุมก็ตาม”

เสียงที่เกิดขึ้นยามดวงแสงแห่งเทวภาพถูกหลอมรวมนั้นดังเกินไป ซึ่งนั่นบ่งบอกถึงความสามารถทั้งหลายของศัตรูให้ลูเซียนทราบอย่างชัดแจ้ง แม้ทั้งหมดนั้นจะร่วมมือกันโจมตีอาจารย์เขา พวกนั้นก็จะเป็นฝ่ายเหนือกว่าอาจารย์ตนเพียงตอนนี้เท่านั้น จริงอยู่ว่าเมื่อใดที่ปีศาจชั้นตำนานระดับสามทั้งสี่ตนยื่นมือเข้าช่วย อาจารย์อาจจะตกอยู่ในอันตราย แต่อาจารย์เขาหาใช่คนโง่เขลาที่จะอยู่รอกำลังเสริมของศัตรูให้มาถึงโดยไม่ทำอะไรเลย

“สำหรับผู้ที่มีพลังอยู่ในชั้นตำนานระดับสูงสุด พวกเขาสามารถจากไปเมื่อใดก็ตามที่ตกอยู่ในอันตราย เว้นแต่ว่าจะถูกผู้ที่มีพลังระดับเดียวกันหยุดยั้งไว้” ลูเซียนเอ่ยด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย แท้จริงแล้วเป็นตัวเขา เอริก้า และเคลาส์ที่ตกอยู่ในอันตราย นอกจากนี้ แม้ว่าวิเซนเตจะเป็นมหาจอมเวทในสำนักศาสตร์มืด มันก็ยังเป็นเรื่องไม่แน่นอนว่าเขาจะสามารถฟื้นคืนชีพได้หรือไม่หากเขาเสียชีวิตในที่แห่งนี้

เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ลูเซียนก็พอจะเดาได้แล้วว่าบุคคลที่อยู่ในโลงศพนั้นคือผู้ใด “นักบุญทั้งห้า… ดูเหมือนว่าโลงศพที่ไม่เปิดออกจะเป็นของจีโน เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว พวกมันเลยใช้ประโยชน์จากเขาด้วยวิธีการอื่นงั้นหรือ”

ภายในห้องโถงลับ เพราะพลังพระคุณของพระเจ้าที่ ‘นักบุญอีวาน’ ใช้ ทำให้ทุกคนแตกกลุ่มหรือถูกเคลื่อนย้ายไปที่อื่น สถานที่แห่งนี้จึงตกอยู่ในความเงียบงันอีกครา

แต่ทันใดนั้น โลงศพของ ‘จีโน’ ก็เปิดออก ชายในชุดคลุมตัวยาวสีขาวผู้มีดวงตาสีแดงสดใสค่อยๆ คลานออกมา กล้ามเนื้อบนตัวที่เน่าเปื่อยเริ่มหลุดร่วงลงไป และแทนที่ด้วยเนื้อหนังที่สร้างขึ้นมาใหม่

เขามองไปทางจุดที่ ‘นักบุญอีวาน’ กับดักลาสกำลังต่อสู้กันอยู่ไกลๆ แล้วแย้มยิ้มหยัน ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูทางเข้า!

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท