บทที่ 617 การเปลี่ยนแปลง
หลังจากได้ยินลูเซียนกล่าวว่าเขามองเห็นเทวภาพ เฟอร์นันโด ดักลาส และคนที่เหลือจึงกระตุ้นพลังใช้อุปกรณ์พิเศษของตน ทำให้ทุกคนมองเห็นดวงแสงแห่งเทวภาพทั้งห้าเช่นกัน
ในตอนนั้นเอง ฝาโลงศพสีดำที่วางตั้งตรงอยู่ๆ ก็ร่วงลงกระแทกพื้น ก่อให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย ก่อนจะเผยให้เห็น ‘เจ้าของ’ โลงด้านในนั้น!
เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ ดักลาส เฟอร์นันโดและคนที่เหลือต่างเตรียมร่ายคาถาเวทมนตร์ และลูเซียนยังมีนาฬิกาพกสีเงินอยู่ในมือเพิ่มมาอีกด้วย
บุรุษผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ผมสีทอง ในชุดคลุมตัวยาวสีขาวยืนอยู่ภายในโลงศพโลหะนั้น เขาตัวสูงใหญ่ ดวงตาหลับสนิท และมือทั้งสองข้างก็วางไขว้กันอยู่ตรงช่วงอก
ไม่มีสัญญาณแห่งชีวิตแม้เพียงสักนิดจากตัวเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเสียชีวิตมาแล้วหลายปี แต่ผิวหนังกลับยังดูสุขภาพดีและนุ่มเนียนไร้ร่องรอยของการเน่าเปื่อย เครื่องหน้าที่ดูดีที่สุดบนใบหน้าเขาคือจมูกโด่งเป็นสันที่ทำให้เขาดูแข็งกร้าวอย่างยิ่ง
“อีวานหรือ”
จู่ๆ ลูเซียนก็ได้ยินน้ำเสียงตกตะลึงของดักลาสและเฟอร์นันโดผ่านทางกระแสจิตพร้อมๆ กัน!
อีวานงั้นหรือ
มันเป็นชื่อที่สามัญธรรมดาอย่างยิ่งในจักรวรรดิชาชราน แต่เมื่อมันปรากฏขึ้นโดยมีไม้กางเขนแบบเก่ารายล้อมรอบ ลูเซียนจึงนึกถึงได้เพียงคนเดียว ซึ่งก็คือ
นักบุญอีวาน พระสังฆราชคนแรกของศาสนจักรเหนือ!
นักบุญอีวาน ‘ตัวการ’ ผู้ก่อให้เกิดความแตกแยกภายในศาสนจักร!
นักบุญอีวาน ผู้ยินยอมให้ตั้งชื่อเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิชาชรานตามชื่อเขา!
เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้
ชั่วครู่หนึ่งผ่านไป ‘อีวาน’ ที่อยู่ในโลงศพสีดำก็พลันลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นเป็นสีน้ำเงินสดใสเสียยิ่งกว่ามหาสมุทรและใสกระจ่างยิ่งกว่าอัญมณีใด ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำเสียจนแสงสว่างรอบๆ ถูกดูดซับเข้าไป ยังผลให้ทั้งห้องมืดทึบลงครู่หนึ่ง
…
ภายในคริสตจักรนักบุญอีวาน แห่งเมืองซานอีวานส์เบิร์ก ในห้องสารภาพบาปลับ…
เบลคอฟสกี ผู้ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชแห่งศาสนจักรฝ่ายเหนือ ซึ่งเป็นผู้มีรูปจมูกใหญ่ตามแบบฉบับของชาวชาชราน กำลังสวดภาวนาอยู่หน้าไม้กางเขน แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ลืมตาโพลง ดวงตาสีเหลืองสดใสของเขาพลันถูกแทนที่ด้วยสีน้ำเงินสดใส
“ผู้ใดกันที่บุกรุกเข้าไปในห้องแห่งพระจิต” เขากล่าวเสียงเดือดดาล วินาทีถัดมา ร่างของเขาก็กลายเป็นลำแสงดุจภาพมายา ราวกับเขาได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศธาตุ
ภายในคริสตจักรนักบุญอเล็กเซย์ คริสตจักรนักบุญเฟลิกซ์ คริสตจักรนักบุญยูริเอล และคริสตจักรนักบุญจีโน พระคาร์ดินัลหลวงทั้งสี่ผู้มีพลังชั้นนักบุญต่างก็ลืมตาขึ้นขณะหลับตาสวดภาวนาอยู่
…
ดวงแสงแห่งเทวภาพเบื้องหน้าโลงศพของ ‘อีวาน’ พลันลอยหายเข้าไปในร่างเขา ปีกแห่งเทวภาพที่เปล่งแสงเรืองรองจึงกางออกจากกลางแผ่นหลัง ปีกเหล่านั้นดูบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าแสงตะวันและเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดาราดวงใด!
จมูกของเขายื่นออกมาและมีขนาดใหญ่กว่าเดิม ทำให้เขาดูเหมือนชนชาวจักรวรรดิชาชรานอย่างที่สุด และดวงตาเขาก็ค่อยๆ กลายเป็นสีเหลือง ที่ด้านหลังศีรษะของเขา ประกายแสงแห่งเทวภาพปรากฏเป็นภาพใบหน้ามายามากมาย รวมถึงนักบุญอีวานที่พวกเขาเพิ่งเห็น และคนแปลกหน้าอีกจำนวนมากที่ลูเซียนไม่รู้จัก
ผัวะๆๆ ฝาโลงศพอีกสามโลงที่วางราบกับพื้นถูกกระแทกเปิดออก แล้วบุรุษสามผู้ในชุดคลุมยาวสีขาวก็ลอยขึ้นมา และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับดวงแสงแห่งเทวภาพตรงหน้าแต่ละคน ก่อนจะกางปีกแห่งเทวภาพออก
โลงศพโลงสุดท้ายยังคงนิ่งเงียบ แต่คล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างลอยเข้าใส่ดวงแสงแห่งเทวภาพเหนือโลงนั้น ทำให้มันเล็กลงและยืดยาวเป็นเทวทูตแห่งแสงผู้มีดวงตาสีเหลือง
ถ้อยคำจากบันทึกพลันผุดขึ้นในหัวลูเซียน ‘…พระคาร์ดินัลหลวงทั้งหก อันได้แก่ อีวาน อเล็กเซย์ นิคอน ยูริเอล จีโน เฟลิกซ์ ได้ลอบโจมตีมิติพิเศษในหอคอยเวทมนตร์ของวิลเฟรด ในการต่อสู้อันดุเดือดนี้ พระคาร์ดินัลหลวงทั้งหกสังหารนักเวทศาสตร์มืดและทำลายกล่องแห่งชีวิตได้สำเร็จ… ทว่านิคอนกลับถูกวิลเฟรดสังหาร’
‘ในระหว่างการต่อสู้กับวิลเฟรด นักเวทศาสตร์ผู้ชั่วร้าย พระคาร์ดินัลหลวงจีโนได้รับบาดเจ็บสาหัสในวินาทีสุดท้ายก่อนที่วิลเฟรดจะดับดิ้น ดวงจิตของจีโนถูกพลังแห่งความตายเข้าพัวพัน เจ็ดปีหลังจากนั้น จีโนก็เสียชีวิตลง ณ นครศักดิ์สิทธิ์แลนซ์…’
‘…ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจ้องมองลงมายังนครศักดิ์สิทธิ์ นักบุญทั้งสี่ อันได้แก่ อีวาน อเล็กเซย์ ยูริเอล และเฟลิกซ์ ผู้เป็นพระคาร์ดินัลชั้นนักบุญทั้งเจ็ด เมื่อรวมซ็อตต์ อเลสเตอร์ และซิริซีอุส ยืนอยู่ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์และประณามเกรกอรีว่าเป็นอวตารของเจ้าแห่งนรกภูมิ…’
ณ เวลานั้น ทั้งห้องโถงลับพลันให้ความรู้สึกบริสุทธิ์สูงส่งและเปล่งประกายจนดูขัดแย้งกับสีขาวดำและความเงียบงันภายในห้องเมื่อไม่กี่นาทีก่อนจนดูแปลกประหลาด
“เวทหยุดเวลาขั้นสูง!”
“เวทปราการพายุ!”
“เวทกายามรณะ!”
“เวทแปลงกายชั้นตำนาน!”
“เวทหุ่นเชิดมาร!”
“เวทเพ่งพยาบาท!”
เวทมนตร์ทั้งหกบทถูกร่ายออกมาพร้อมกัน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่ามันหาใช่เรื่องดีและจำต้องหยุดมันบัดเดี๋ยวนี้!
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ‘นักบุญอีวาน’ ก็อ้าแขนออกกว้าง ราวกับเขากำลังโอบกอดมวลมนุษย์และโลกอันโสมมเอาไว้
เทวทูตตัวน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบกายและขับร้องเพลงสรรเสริญกับเพลงสวดที่ฟังเหมือน ‘เพลงฮาเลลูยา’ ที่ลูเซียนเคยได้ยินจากโลกเดิม
อากาศสีดำ ขาว และเทาเหนือศีรษะยุบตัวกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ยักษ์ ภาพมายาสะท้อนของหุบเขาวิมานพลันปรากฏขึ้น แสงสว่างหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของนักบุญอีวานผ่านทางเส้นสายที่เชื่อโยงกับดวงแสงแห่งเทวภาพ ทำให้ปีกแห่งเทวภาพยิ่งดูเปล่งประกายมะลังมะเลือง พลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่นานก็ก้าวล้ำเฟอร์นันโดกับดักลาสขึ้นไปแตะระดับที่ใกล้จะเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ!
นี่คือพลังพระคุณของพระเจ้า!
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เวลาและอวกาศสั่นสะเทือนเลือนลั่น และห้องลับก็ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์เข้าโอบล้อม เวทมนตร์ระดับตำนานของดักลาส ลูเซียน และคนที่เหลือต่างสิ้นฤทธิ์ก่อนที่พวกมันจะเริ่มเข้าโจมตีด้วยซ้ำ!
“สิ่งเลวทรามทั้งหลายควรถูกลงทัณฑ์” อีวาน ผู้มีดวงตาสีน้ำเงินแผ่รัศมีสีเหลืองเบาบาง ก้าวมาข้างหน้าและประกาศด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ก่อนที่แสงศักดิ์สิทธิ์จะพุ่งทะลักออกมาดุจสายน้ำเชี่ยวกราด
ฉับพลันนั้น ลูเซียนก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกาล-อวกาศ ราวกับว่าตัวเขาเพิ่งหลุดออกจากโลกแห่งวิญญาณและเข้ามาสู่จักรวาลกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด เขามองเห็นดวงดาววิบวับดารดาษอยู่ห่างออกไป แต่เขาไม่อาจจับกระแสพลังของเฟอร์นันโด เอริก้า และคนที่เหลือในกลุ่มซึ่งอยู่ข้างกายเขาเมื่อครู่ก่อนได้เลย
ในตอนนั้นเอง กระแสเสียงอันเคร่งขรึมเนิบนาบของดักลาสก็ดังก้อง “เวทกรงแรงโน้มถ่วง”
ความว่างเปล่ามืดมิดพลันปรากฏขึ้น แล้วจักรวาลอันกว้างใหญ่ก็หายลับไป จากนั้นลูเซียนก็พบว่าตนถูกเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมายังปราสาทที่เขาไม่อาจทราบได้เลยว่าเป็นปราสาทหลังใด!
“ท่านประธานหยุด ‘นักบุญอีวาน’ เอาไว้ได้หรือเปล่านะ”
…
เหนือปราสาทหลังหนึ่งภายในอารามแห่งวิญญาณ วัตถุและกำแพงทั้งหลายต่างบิดเบี้ยวและแตกร้าวภายใต้แรงกดดันที่น่าคร้ามเกรง แต่ไม่ว่าความมืดมิดจะเข้มข้นลึกล้ำเพียงใด ปีกโปร่งแสงที่แปรสภาพจากเทวภาพก็เหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าค้นพบเส้นทางสู่การเป็นมนุษย์ครึ่งเทพแล้วจากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ข้าสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ยิ่งนัก” ‘นักบุญอีวาน’ แย้มยิ้มขณะแบมือขวาและทำลายกรงขังแรงโน้มถ่วงลงอย่างง่ายดายหลังจากแตะเพียงครั้งเดียว
“สวรรค์แห่งหมู่ดาว!” ท้องนภาในลูกบอลรูปทรงประหลาดปรากฏขึ้นบนมือทั้งสองข้างของดักลาส เมื่อมันแผ่รัศมีแสงอันเจิดจรัสออกมา พื้นที่รอบตัวเขาก็กลายเป็นจักรวาลแท้จริงที่ดำมืดและไร้ขอบเขต
นี่คืออุปกรณ์ชั้นตำนานพิเศษของเขาที่สามารถสร้างมิติ ‘สวรรค์แห่งหมู่ดาว’ ขึ้นมาเพื่อเพิ่มพลังให้กับตนเองและสะกดข่มศัตรู
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็แผ่พุ่งพลังจิตออกไป “เจ้าหาใช่อีวาน!”
ในเมื่อสภาเวทมนตร์มีโอกาสถีบตัวมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะนักบุญอีวานกระทำการแบ่งแยกศาสนจักร ดักลาสและเฟอร์นันโดจึงเคยพบกับนักบุญอีวานบ่อยครั้งในช่วงเวลานั้น หลังจากตรวจสอบยืนยันตัวตนเพียงครู่หนึ่ง ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
ปีกที่แปรสภาพจากเทวภาพด้านหลัง ‘นักบุญอีวาน’ หุบกระพรือ ส่งผลให้ดาวตกทั้งหลายภายในมิติแตกร้าว “สำคัญด้วยหรือ พวกเราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว หลังจากที่เราได้รับความเป็นอมตะที่แท้จริง ข้าก็จะเป็นอีวาน และอีวานก็จะเป็นข้า และเราก็ยังเป็นคนผู้อื่นอีกมากมายเช่นกัน”
“การสืบทอดพลังเช่นนั้นหรือ” ต้องขอบคุณประสบการณ์ของตนที่ทำให้ดักลาสเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง “ไม่แปลกใจเลยที่มีโลงศพเพียงสี่โลงเท่านั้นที่เปิดออกได้ นั่นก็เพราะโลงสุดท้ายเป็นของจีโน ผู้ที่วิญญาณสูญสลายไปอย่างสิ้นเชิงหลังกลับไปที่นครศักดิ์สิทธิ์เพียงไม่กี่ปี ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่อาจใช้ส่งของบางอย่างเป็นตัวแทนเพื่อส่งต่อพลังของเขา!”
“ไม่แปลกใจเลยที่อัตราผู้มีพลังชั้นนักบุญถึงได้สูงเพียงนี้ในศาสนจักรฝ่ายเหนือ
นักบุญอีวานแย้มยิ้มกว้าง และโดยไม่รั้งรออะไรอีก เขาก็แสดงพลังที่ใกล้เคียงกับระดับมนุษย์ครึ่งเทพออกมาสะกดข่มดักลาสผู้ที่มีเพียงมิติเป็นตัวช่วย
…
ภายในปราการพายุ พายุหมุนสีดำหลายลูกกำลังโหมกระหน่ำกวาดล้าง และสายฟ้าใหญ่ยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ฟาดลงมาไม่หยุด ยังส่งผลให้บรรยากาศแห่งความตายเปี่ยมด้วยแรงกดดันและสีดำ ขาว เทาแข็งทื่อแตกร้าว ความร้อนและความเย็นผลัดกันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบ
“อเล็กเซย์ ยูริเอล” โลกแห่งพายุคล้ายกับจะเกิดขึ้นในดวงตาสีแดงของเฟอร์นันโด ผู้ใดก็ตามที่มองสบตากับเขาจะต้องเผชิญหน้าและแบกรับความหวาดหวั่นเหนือจินตนาการ ปราการพายุของเขาโอบล้อมบุรุษในชุดคลุมยาวสีขาวและราชันเทพอสูร-ลิชที่กำลังเตรียมการเพื่อลอบโจมตีอยู่
นักบุญทั้งสองในชุดคลุมยาวสีขาวหาใช่คนแปลกหน้าสำหรับเฟอร์นันโด พวกเขาคือสองในสามนักบุญที่ติดตามนักบุญอีวานหลังจากแบ่งแยกศาสนจักร และแน่นอนว่าคนสุดท้ายก็คือเฟลิกซ์
‘ยูริเอล’ ผู้มีดวงตาและผมสีดำ ส่ายศีรษะและไม่กล่าวอันใด เพียงร่ายคาถาว่า “แสงพิพากษา!”
ปีกแห่งเทวภาพหุบลง พร้อมกับที่มีแสงซึ่งดูคล้ายจะมาจากหุบเขาวิมานชั้นสูงสุดแผ่พุ่งออกมา เพื่อพิพากษาทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้
น่าเสียดายที่เขากับ ‘อเล็กเซย์’ มีพลังเกือบจะถึงชั้นตำนานระดับสูงสุดเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะหลอมรวมกับดวงแสงแห่งเทวภาพแล้วก็ตาม เมื่อนับรวมการให้ความช่วยเหลือจากราชันเทพอสูร-ลิช พวกเขาก็ยังรับมือกับเฟอร์นันโดได้เพียงแบบสูสีและต้องต่อสู้ติดพันหนักหน่วง ทั้งยังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการต่อสู้เสียด้วยซ้ำ
การต่อสู้ของพวกเขาได้ทำลายล้างปราสาทรอบๆ นั้นจนหมด จึงมีเสียงโหยหวนชวนขนลุกดังขึ้นไม่หยุดภายในอารามแห่งวิญญาณ
ภายในปราสาทอีกหลังหนึ่ง เจ้าแห่งผีดิบกำลังเผชิญหน้ากับ ‘เฟลิกซ์’ และตกเป็นรองฝ่ายศัตรูที่หลอมรวมพลังกับดวงแสงแห่งเทวภาพเล็กน้อย ส่วนเอริก้าที่แปลงกายเป็นมังกรรุ้งกับเทวทูตแห่งแสงที่แปรสภาพจากดวงแสงแห่งเทวภาพเหนือโลงศพของ ‘จีโน’ ก็กำลังต่อสู้กันอยู่บนฟ้า และขณะนี้ได้ย้ายไปต่อสู้ในทะเลสาบมารอย่างดุเดือด แม้ว่านางจะมีพลังต่ำกว่าอีกฝ่ายหนึ่งระดับ แต่นางก็มีอุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนานช่วย ศัตรูของนางจึงไม่นับเป็นอะไร นางยังพอต้านทานศัตรูได้ในยามนี้
…
“แม้จะอยู่ภายใต้พลังพระคุณของพระเจ้า แต่ ‘นักบุญอีวาน’ ก็ยังมีพลังไม่ถึงระดับมนุษย์ครึ่งเทพ เขาย่อมไม่สามารถสังหารท่านประธานได้ ท่านผู้นั้นคือบุรุษผู้ที่เคยต่อกรอย่างซึ่งหน้ากับมนุษย์ครึ่งเทพตัวจริง และพระสันตะปาปา แล้วกลับมาอย่างปลอดภัยครบถ้วน แม้ว่าครู่หนึ่งท่านจะดูเหมือนมีพลังอ่อนด้อยกว่า แต่ก็ยังต้องรอดูว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะเมื่อผลจากพลังพระคุณของพระเจ้าหมดลง” ลูเซียนไม่นึกกังวลเกี่ยวกับดักลาส หรือเฟอร์นันโด อาจารย์ของตน “อาจารย์ข้าเป็นผู้มีพลังชั้นตำนานระดับแนวหน้ามาตลอด ท่านย่อมหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัยแม้จะถูกศัตรูสี่คนกลุ้มรุมก็ตาม”
เสียงที่เกิดขึ้นยามดวงแสงแห่งเทวภาพถูกหลอมรวมนั้นดังเกินไป ซึ่งนั่นบ่งบอกถึงความสามารถทั้งหลายของศัตรูให้ลูเซียนทราบอย่างชัดแจ้ง แม้ทั้งหมดนั้นจะร่วมมือกันโจมตีอาจารย์เขา พวกนั้นก็จะเป็นฝ่ายเหนือกว่าอาจารย์ตนเพียงตอนนี้เท่านั้น จริงอยู่ว่าเมื่อใดที่ปีศาจชั้นตำนานระดับสามทั้งสี่ตนยื่นมือเข้าช่วย อาจารย์อาจจะตกอยู่ในอันตราย แต่อาจารย์เขาหาใช่คนโง่เขลาที่จะอยู่รอกำลังเสริมของศัตรูให้มาถึงโดยไม่ทำอะไรเลย
“สำหรับผู้ที่มีพลังอยู่ในชั้นตำนานระดับสูงสุด พวกเขาสามารถจากไปเมื่อใดก็ตามที่ตกอยู่ในอันตราย เว้นแต่ว่าจะถูกผู้ที่มีพลังระดับเดียวกันหยุดยั้งไว้” ลูเซียนเอ่ยด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย แท้จริงแล้วเป็นตัวเขา เอริก้า และเคลาส์ที่ตกอยู่ในอันตราย นอกจากนี้ แม้ว่าวิเซนเตจะเป็นมหาจอมเวทในสำนักศาสตร์มืด มันก็ยังเป็นเรื่องไม่แน่นอนว่าเขาจะสามารถฟื้นคืนชีพได้หรือไม่หากเขาเสียชีวิตในที่แห่งนี้
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ลูเซียนก็พอจะเดาได้แล้วว่าบุคคลที่อยู่ในโลงศพนั้นคือผู้ใด “นักบุญทั้งห้า… ดูเหมือนว่าโลงศพที่ไม่เปิดออกจะเป็นของจีโน เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว พวกมันเลยใช้ประโยชน์จากเขาด้วยวิธีการอื่นงั้นหรือ”
…
ภายในห้องโถงลับ เพราะพลังพระคุณของพระเจ้าที่ ‘นักบุญอีวาน’ ใช้ ทำให้ทุกคนแตกกลุ่มหรือถูกเคลื่อนย้ายไปที่อื่น สถานที่แห่งนี้จึงตกอยู่ในความเงียบงันอีกครา
แต่ทันใดนั้น โลงศพของ ‘จีโน’ ก็เปิดออก ชายในชุดคลุมตัวยาวสีขาวผู้มีดวงตาสีแดงสดใสค่อยๆ คลานออกมา กล้ามเนื้อบนตัวที่เน่าเปื่อยเริ่มหลุดร่วงลงไป และแทนที่ด้วยเนื้อหนังที่สร้างขึ้นมาใหม่
เขามองไปทางจุดที่ ‘นักบุญอีวาน’ กับดักลาสกำลังต่อสู้กันอยู่ไกลๆ แล้วแย้มยิ้มหยัน ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูทางเข้า!