บทที่ 628 ค่ำคืนแห่งการสดุดี
ภายใต้ผลกระทบสีเทาของเวทหยุดเวลา แสงสีเงินก็เรืองแสงราวกับนาฬิกาทรายโบราณที่สลักลวดลายพระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวและพระจันทร์เสี้ยวก็บินออกมาจากกระเป๋าของไรน์!
เมื่อทรายสีเงินไหลเข้าไปข้างใน ผลของเวทหยุดเวลาก็หายไป แต่ทรายก็กลายเป็นผุยผงเช่นกัน
เป็นไปตามที่ผู้สังเกตการณ์คาดการณ์ไว้
ดักกลาสได้ร่าย ‘เปลวไฟนิรันดร์’ ไปแล้ว ลูเซียนที่เพิ่งฟื้นจากการโจมตี เขาก็มุ่งไปที่การใช้พลังโลหิตที่เปลี่ยนจากพลังวิญญาณของเขาไปยังโล่แห่งสัจธรรมโดยให้มันปรากฏอยู่ต่อหน้าตัวเขาเองและไรน์
ตูม!
อุณหภูมิที่น่าสยองพองเกล้าทำให้อิฐสีเทาระเหยกลายเป็นไอ และโลกแห่งสัจธรรมก็สร้างระลอกคลื่นลวงตาขึ้นมา พายุพลังงานที่รุนแรงเหมือนจะทำลายโลกได้พัดทั้งโล่และลูเซียนไปทางด้านหลัง
ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที ความรู้สึกมหัศจรรย์ในตอนที่พวกเขาอยู่ในโลกที่แตกต่างก็หายไป ระลอกคลื่นรอบตัวแตกกระจาย ผิวของ ‘โล่แห่งสัจธรรม’ เต็มไปด้วยร่องรอยน่าอนาถของพายุที่โหมกระหน่ำราวกับว่ามันกำลังจะได้รับความเสียหายอย่างถึงที่สุดในไม่ช้า
‘เสื้อคลุมของมหาจอมเวทย์’ ของลูเซียน สามารถตรวจจับอุณหภูมิ และพลังงานที่แทรกซึมเข้าไปกระตุ้น ‘ผิวหนังธาตุ’ และ ‘ดูดซับเวทมนตร์’ ก็เริ่มกลืนกินอย่างบ้าคลั่งเพื่อชดเชยความเสียหาย
ทันใดนั้นเสื้อคลุมสีแดงของไรน์ก็ปล่อยความมืดมนที่สุด โดยการเรียกนั้นมาจากการจิตใต้สำนึก และคำสดุดี
แสงสีดำกระจายออก และบิดเบือนทิศทางของอุณหภูมิให้สูงขึ้นเล็กน้อย พายุพลังงาน และพายุนิวตรอนก็รั่วไหลเข้ามา ในขณะเดียวกันร่างกายของเขาก็เลือนลางราวกับหมอกที่เข้าปกคลุมลูเซียน และนำเขาเข้าสู่ ‘ห่วงฝัน’
ในแสง และความร้อนที่ไม่อาจจินตนาการได้ ณ ใจกลางการระเบิดของ ‘เปลวไฟนิรันดร์’ โล่แห่งสัจธรรมอยู่กับลูเซียนและไรน์ก็ถูกลบเลือนไปในไม่ช้า แต่ดูเหมือนว่ามันพยายามจะปลุกพวกเขาจากห่วงฝัน
‘ฝันที่เป็นจริง’! ‘ท่องราตรี’! สองความสามารถของแวมไพร์!
การระเบิดที่รุนแรงขึ้นได้ทำลายห้องโถงทั้งหมดและฉีกกระชากกำแพงสีเทา และประตูสีดำออกจากกัน ของเหลวเปื้อนเลือดหยดลงมาจากเพดาน และประตู จากนั้นก็จะระเหยกลายเป็นไอ
หลังจากการระเบิดหยุดลง กำแพงสีเทาที่ดิ้นราวกับมีชีวิตก็เริ่มซ่อมแซมทุกอย่างด้วยตัวมันเอง ในไม่ช้าสถานที่นี้ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ยกเว้นว่ารูปแบบเวทมนตร์สีเงินบนพื้นจะถูกลบไปแล้ว
…
ภายในห้องโถงสีเทาอีกแห่ง …
ไรน์และลูเซียนได้ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่ากลางอากาศ ทั้งยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จึงตกลงมากระแทกพื้นเสียงดัง สร้างความเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย
“ข้ายังไม่ตายเหรอ? ข้ายืนอยู่ใจกลางการระเบิดไฮโดรเจนเลยนะ!” ความเจ็บปวดทำให้ลูเซียนรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ ท่ามกลางความยินดีเขาไม่ได้เรียกมันว่า ‘เปลวไฟนิรันดร์’ แต่เรียกว่า ‘ระเบิดไฮโดรเจน’ ซึ่งเป็นชื่อที่เขาคุ้นเคยที่สุด
“แค่ก” ผมของไรน์ยุ่งนิดหน่อย แต่เขาก็พยายามใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวปิดปาก ไม่นานต่อมาเขาก็หยุดอาการไออย่างรุนแรงลง และกลับมาพูดต่อได้ “ ‘เปลวไฟนิรันดร์’ ที่เจ้าประดิษฐ์ขึ้นนั้นเป็นเวทมนตร์ที่ใช้จัดการพวกผีดิบได้ดี แม้จะมีโล่แห่งสัจธรรมขัดขวางและ ‘ค่ำคืนแห่งการสดุดี’ อยู่ก็ตาม แต่ข้าก็อ่อนแอลงผิดปกติ หลังจากนี้อีกสักชั่วโมงข้าก็คงไม่สามารถใช้พลังได้มากนัก”
ดีที่เขาเป็นเจ้าชายแวมไพร์มีความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง ถ้าเป็นแวมไพร์ตัวอื่นผิวของพวกเขาก็คงจะถูกเผาจนเปื่อยยุ่ย และจะไม่มีทางหายดีจนต้องพักฟื้นไปอีกนาน
“ค่ำคืนแห่งการสดุดี?” ลูเซียนเหลือบมองเสื้อคลุมสีแดงของไรน์ที่มีความมืดมิด และความเงียบสงบไหลเวียนอยู่ ดูเหมือนว่านั้นจะเป็นชุดเกราะระดับตำนานในหมู่แวมไพร์พลังลดลงอย่างไม่น่าเชื่อจากอุปกรณ์ระดับตำนานขั้นสี่ที่สมบูรณ์แบบกลายเป็นระดับสูงขั้นสาม หากไม่ได้มันป้องกันไรน์และเขาเอาไว้ พวกเขาทั้งคู่ก็คงจะได้รับความเสียหายรุนแรงกว่านี้มากนัก
เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นลูเซียนก็มองไปที่โล่ในมือของเขา พื้นผิวที่ละเอียดอ่อนที่ได้รับการตกแต่งอย่างดีของโล่นั้นเต็มไปด้วยรอยกระแทก และรอยบุบ หลุมที่กลายเป็นไอภาพปรากฏอยู่มากมาย ดูเหมือนว่าตอนนี้ก็ไม่สามารถใช้งานโล่ได้เช่นกัน
ลูเซียนรู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าโล่จะไม่ได้รับความเสียหายอย่างถึงที่สุด มิฉะนั้นเขาคงจะรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก อุปกรณ์ระดับตำนานขั้นสูงที่มีการป้องกันพิเศษอย่าง ‘โล่แห่งสัจธรรม’ นั้นไม่สามารถหาอะไรมาแทนที่ได้เลย!
“ตามที่คิดไว้ ถ้าเป็นอุปกรณ์ประดับตำนานขั้นสามอย่างอื่น ก็คงจะกลายสลายกลายเป็นไอไปหมดแล้ว ไรน์สังเกตประตูสีดำอย่างระมัดระวัง จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้สัตว์ประหลาดจะไม่ปรากฏตัวในห้องโถงสีเทา แต่จะเจอหลังจากประตูปิด แน่นอนว่านั่นอาจเป็นเพียงงานอดิเรกของสัตว์ประหลาด
เมื่อสัมผัสพื้นผิวที่ขลุกขละของโล่ ลูเซียนก็กล่าวว่า “ที่โล่ยังไม่พังก็เป็นเพราะกลไกการป้องกันของมันแตกต่างจากวัตถุอื่นๆ”
เขายังกล่าวเสริมในใจว่า “นั่นคือเหตุผลที่เรารอดชีวิตมาได้”
‘เปลวไฟนิรันดร์’ เป็นการโจมตีในพื้นที่ชนวนเวท หรือเวทมนตร์อื่น ๆ อาจไม่สามารถพาเขาไปถึงขอบได้
ในขณะที่พูดคุย ลูเซียนก็นำกระท่อมเล่นแร่แปรธาตุขนาดเล็กแต่ซับซ้อนออกจากกระเป๋าเก็บของเขา และโยนมันลงเบื้องหน้า
กระท่อมทองคำมืดขยายใหญ่อย่างรวดเร็วกลายเป็นห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ที่มีรูปแบบการเล่นแร่แปรธาตุเต็มอย่างสมบูรณ์
“รูปแบบการเล่นแร่แปรธาตุแบบพกพา?” เมื่อความสามารถของไรน์เริ่มฟื้นคืน เขาก็เริ่มสังเกตห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ด้วยความสนใจอย่างมาก
ลูเซียนพยักหน้า “พวกเราควรเตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในการผจญภัยในโลกแห่งวิญญาณ รวมถึงสิ่งที่เราควรทำหลังจากอุปกรณ์ของเราเสียหาย…”
คราวนี้ลูเซียนไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายในการค้นหาวัสดุเพื่อซ่อมแซมสิ่งของของเขาเหมือนตอนที่เขาถูกบังคับให้เข้าไปในมิติอื่นอย่างครั้งที่แล้ว แต่เขาได้เตรียมวัสดุทั้งหมดที่เขาต้องใช้ตามอุปกรณ์ของเขา
“แต่เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ สัตว์ประหลาดอาจตามเรามาได้ทุกเมื่อ” ไรน์ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเมื่อครู่ อย่างน้อยปีกขนาดใหญ่บนหลังของเขาก็สามารถใช้ได้แล้ว
ลูเซียนพบวัสดุที่จำเป็นในการซ่อมแซมโล่ และโยนมันเข้าไปในห้องปฏิบัติการเวทมนตร์แบบพกพาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็วาง ‘โล่แห่งสัจธรรม’ ที่เสียหายลงบนแท่นเล่นแร่แปรธาตุ และส่งขั้นตอนการซ่อมแซมและข้อกำหนดไปยังห้องปฏิบัติการผ่านทางกระแสจิต จากนั้นเขาก็กล่าวปิดท้ายว่า “จัดการด้วย พิตส์เบิร์ก”
“ไม่ใช่ปัญหาอาจารย์ ข้าจะซ่อมในครึ่งวัน” ‘ห้องปฏิบัติการเวทมนตร์’ กล่าวอย่างยินดี
ริมฝีปากของไรน์กระตุก “ชีวินรสายนเวทที่สามารถช่วยบำรุงรักษาได้”
“พิตส์เบิร์กเป็นพี่ชายของพินอคคิโอผู้พิทักษ์หอคอยของข้า เป็นชีวินรสายนเวทที่ท่านเคลาส์ และข้าพัฒนาร่วมกัน หากเขาไม่ได้รับความเสียหายรุนแรงเกินไป เขาก็ยังสามารถซ่อมแซมสิ่งของระดับตำนานได้ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาได้มากโดยเฉพาะในระหว่างการผจญภัย” ลูเซียนแนะนำพิตส์เบิร์ก เขารู้สึกหม่นหมองเมื่อกล่าวถึงเคลาส์
ไรน์ใส่ผ้าเช็ดหน้าลงในกระเป๋าเสื้อ และถามด้วยความสับสนว่า “พิตส์เบิร์กเป็นพี่ชายของพินอคคิโอเพราะพวกเขาขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเดียวกัน?”
“ฮาฮา” ตามปกติแล้วลูเซียนจะไม่พูดว่าเขาตั้งชื่อชีวินรสายนเวทในลักษณะนี้เพราะอารมณ์ขันที่ไม่ดีของเขา
หลังจากย่อห้องปฏิบัติการเวทมนตร์แล้วเขาก็เก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นลูเซียนก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ห้องโถงสีเทานิรันดร์และเริ่มคำนวณตำแหน่งปัจจุบันของเขาโดยรวบรวมพารามิเตอร์ด้านสิ่งแวดล้อม ในระหว่างนี้เนื่องจากโล่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป เขาจึงไม่ได้แปลงร่างเป็นอัศวินระดับตำนานอีก แต่นำดาบแห่งสัจธรรมกลับคืนมา และเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับอันตรายด้วยเวทมนตร์
ทันใดนั้นสีหน้าของลูเซียนก็เปลี่ยนไป “สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับจุดสุดท้ายที่ท่านมาสเกลีนบันทึกไว้มาก เราเข้ามาในทวารานาจักรลึกเกินไปงั้นเหรอ?”
“นี้เป็นเรื่องบังเอิญที่น่าเศร้าใช่ไหม ข้าไม่สามารถควบคุมทิศทางของท่องราตรีในสถานการณ์นี้ได้ ข้าหวังว่าจะได้บินไปที่ไหนสักแห่งใกล้กับเตาหลอมวิญญาณแต่เมื่อปรากฎว่า…” ไรน์ยกมือขึ้นอย่างสง่างามและแสดงความขอโทษ
“เจ้าฟัง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ด้วยหรือ?” ลูเซียนสัมผัสได้ถึงรูปแบบการพูดของ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ จากสำนวนของไรน์
ในขณะที่เขาพูดเขา เขาก็ตรวจสอบประตูสีดำด้วยเวทมนตร์ และเตรียมพร้อมที่จะเปิดประตู
ไรน์หวีผมยาวสีเงินของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ “มันเป็นรายการที่น่าสนใจมากลูเซียน เจ้ากำลังจะไปที่ที่มาสเกลีนทิ้งตำแหน่งสุดท้ายไว้ใช้หรือไม่?”
ลูเซียนได้แบ่งปันสูตรคำนวณตำแหน่งกับเขา
“ใช่ กว่าจะถึงทางเข้าจากที่นี่ เราต้องผ่านห้องโถงสีเทาเกือบห้าสิบห้อง นั้นยากที่เราจะหลีกเลี่ยงสัตว์ประหลาดในการเดินทางอันยาวนานเช่นนี้ เมื่อพิจารณาถึงสถานะของเราในตอนนี้ เราอาจไม่สามารถหลบหนีได้” ลูเซียนจ้องมองไปที่ประตูสีดำเบื้องหน้าเขา “ในกรณีเช่นนี้เราอาจไปยังจุดที่ท่านมาสเกลีนทิ้งไว้ได้เช่นกัน มีโอกาสที่เราจะพบบันทึกหรือสิ่งของที่จะไขความลับของสัตว์ประหลาด และทำให้เรามีความหวังที่จะชนะได้!”
ยิ่งสถานการณ์ยากลำบากอันตราย และทำลายล้างมากเท่าใดลูเซียนก็จะยิ่งมีความมุ่งมั่นและแน่วแน่มากขึ้น แม้ว่าเขาจะถูกฆ่า แต่เขาก็ยอมตายระหว่างทางที่มองหาโอกาสแทนที่จะยอมจำนนต่อโชคชะตา!
“ข้าอยากจะบีบคอสัตว์ประหลาด!” ลูเซียนส่งเสียงเชียร์ตัวเอง และเปิดประตูด้วยมือนักเวท
พื้นที่สีเทาปรากฏต่อหน้าของลูเซียน ด้านหลังประตูไม่ใช่ห้องโถงสีเทา แต่เป็นป่าสีเทาที่มีอนุสาวรีย์สีเดียวกันตั้งตระหง่านอยู่!
ถิ่นทุรกันดารเงียบสงบ และไร้ขอบเขตราวกับโลกแห่งความตายจริงๆ
“อาจจะมีอะไรน่าประหลาดใจอยู่หลังประตู…” ไรน์ย้ำสิ่งที่เศษกระดาษพูด ในฐานะชายที่มีฉายาว่า ‘ผู้สังเกตการณ์’ เขาเต็มไปด้วยความสนใจในสิ่งที่ผิดปกติ “ดูเหมือนว่าด้านหลังประตูสีดำจะไม่ใช่แค่ห้องโถงสีเทา นอกจากนี้ยังมีโลกที่เหมือนมิติอื่นซึ่งอาจมีสิ่งของล้ำค่าและอันตรายที่ไม่อาจจินตนาการได้อยู่”
ลูเซียนรู้สึกปวดฟันอย่างแรง “ช่างเป็นโลกที่แปลกประหลาด อย่างไรก็ตามถิ่นทุรกันดารที่เต็มไปด้วยหลุมฝังศพนี้ค่อนข้างคล้ายกับ ‘สถานที่พักผ่อน’ ซึ่งเป็นมิติพิเศษของวิเซนเต ”
“บางทีโลกหลังประตูก็เป็นสถานที่แห่งความตายทุกประเภท มีโอกาสที่เราจะได้เห็นขุมนรกเก้าชั้นซ้ำๆ กัน” ไรน์คาดเดา
ลูเซียนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่เมื่อเขานึกอย่างอื่นขึ้นมาได้ เขาก็ถามด้วยความสับสนว่า “ถ้าสัตว์ประหลาดสามารถหาเราเจอได้ง่ายๆ ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่นี่”
“ตอนที่ข้าถูกสัตว์ประหลาดตามล่า ข้าไม่มีเวลาหายใจเลย และต้องอัญเชิญพลังบรรพบุรุษต้นกำเนิดอีก ฮาฮา บางทีเขาอาจจะยุ่งเกินไปที่จะจัดการกับคนอื่นๆ ที่จะมาตามเรา…บางทีอาจมีสัตว์ประหลาดเพียงตัวเดียวก็ได้” ไรน์กล่าว
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปหาสมบัติชิ้นสุดท้ายของท่านมาสเกลีนอย่างเร็วที่สุด” จากนั้น ลูเซียนก็บินเข้าไปในโลกของหลุมฝังศพด้วยการเสริมพลังตัวเองด้วยการป้องกันอวกาศด้วยคทาอวกาศ
…
ภายในห้องโถงสีเทา ดักลาสและเฟอร์นันโดก็ใช้กระพริบตาออกมา พวกเขาดูค่อนข้างรีบร้อน แต่ก็ยังปกติดี
“ไม่แสดงความผิดปกติหรือช่องโหว่เหมือนทั้งลูเซียน และเบเนดิกต์ที่ 3 ดูเหมือนว่าจะมีสัตว์ประหลาดลึกลับซ่อนตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้” เฟอร์นันโดยังคงดุดันเหมือนเดิม ตอนนี้เขาไม่ต้องหงุดหงิดเพราะต้องหนีหัวซุกหัวซุนแล้ว
ดักลาสกล่าวจากความคิดลึก ๆ ว่า “แต่ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมานั้นทรงพลังกว่าของ ‘อีวาน’ จากพลังพระคุณของพระเจ้าเพียงเล็กน้อย นั้นยังไม่ถึงระดับของเบเนดิกต์ที่ 3 หรือเราจะไม่รอดออกมาแม้แต่ชิ้นส่วนเดียว”
แม้ว่าเขาจะไม่เคยต่อสู้กับเบเนดิกต์ที่ 3 มาก่อน แต่เขาก็เคยท้าทายเบเนดิกต์ที่ 2 มาแล้วครั้งหนึ่ง หากไม่มีพลังพระเจ้าเสด็จ พระสันตปาปาทั้งสองก็ควรจะอยู่เคียงข้างกัน
“ตอนนี้เราตื่นตระหนกนิดหน่อย เราไม่ต้องหนีไปอย่างไร้จุดหมายแล้ว เราสามารถต่อสู้กับสัตว์ประหลาด และหาโอกาสที่จะถอยออกไปที่ทางเข้า” เฟอร์นันโดประเมินผลงานก่อนหน้านี้ และไม่ค่อยพอใจในตัวเองนัก
ดักลาสคำนวณตำแหน่ง และเปิดประตูด้วยเวทมนตร์ “ตอนนี้ยังมีเวลาให้กลับ เข้าต้องทิ้งรอยไว้ให้ลูเซียน”
แม้ว่าเขาจะคิดว่าลูเซียนแทบจะไม่สามารถรอดชีวิตจากการโจมตีของสัตว์ประหลาดที่มีพลังใกล้เคียงกับมนุษย์ครึ่งเทพได้ แต่เขาก็ยังพยายามจะช่วย
หลังจากประตูถูกเปิดออก ก็เป็นน้ำพุร้อนที่อยู่ด้านหลังประตู แต่ก็ไม่มีความรู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่น้อย คนแคระไร้หัวทั้งเจ็ดกำลังเดินไปในป่าโดยมีโลงศพสีเทาอยู่บนไหล่
………………………………………