Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 633 แตรสวรรค์

บทที่ 633 แตรสวรรค์

บทที่ 633 แตรสวรรค์
เหล่าเทวดานางฟ้ากำลังเต้นรำกันท่ามกลางแสงสว่างที่แผ่วงกว้างดูศักดิ์สิทธิ์และเสียงเพลงสรรเสริญแสนไพเราะ ลูเซียนเชื่อว่าตนมิมีทางลืมภาพที่น่าตกตะลึงเช่นนี้แน่ หากว่าเขารอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้แล้วล่ะก็

ลูเซียนนึกอยากจะพูดออกไปว่า ‘ขออภัยขอรับ จดหมายฉบับนี้คงจะเป็นของประตูถัดไป…’ โดยไม่รู้ตัว แต่ในขณะที่ความคิดแปลกๆ ผุดขึ้นในหัว การกระทำของลูเซียนกลับมิได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เขาหันหลังกลับและตะโกนร้องบอกผ่านทางกระแสจิต “วิ่ง!”

ในขณะเดียวกันนั้นเอง พลังแห่งแสงจันทร์ก็ระเบิดออก ขณะที่เขาพยายามจะปิดประตูที่สลักลวดลายสีขาว

ทันใดนั้นเอง เสียงเคร่งขรึมก็ดังกึกก้องจากภายในโลกที่รูปลักษณ์ดุจหุบเขาแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์

“มีปีศาจบุกรุก!”

ทูตสวรรค์ผู้มีปีกเปล่งแสงสว่างไสวสามคู่บินออกมาจากหุบเขาชั้นหกและจ้องเขม็งมาที่ลูเซียนกับไรห์นด้วยดวงตาสีทองอมฟ้าจากระยะไกล ก่อนที่เขาจะหยิบเขาสัตว์ทองคำออกมาและยกขึ้นแนบปาก

หวูด! หวูด! หวูด!

เสียงอันไพเราะจากเขาสัตว์พลันดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วหุบเขาวิมาน เทวดานางฟ้าที่กำลังเล่นเครื่องดนตรีและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าเที่ยงแท้ต่างตื่นตัวและกรูกันออกมาพร้อมอาวุธในมือ

หวูด! หวูด! หวูด!

เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณจากเขาสัตว์ที่ฟังแล้วให้กระชุ่มกระชวยและเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้ ลูเซียนก็ถึงกับลอบสบถในใจ ‘ฉิบหาย!’

มันคือภาพเหตุการณ์ที่มีพรรณนาไว้ในพระคัมภีร์ของศาสนจักร นั่นคือแตรพิพากษาและไถ่บาป ตามมาด้วยคำตัดสินสุดท้าย มันคือ ‘แสงแห่งสวรรค์’ ที่แท้จริง!

หวูด! หวูด! หวูด!

หุบเขาวิมานเจ็ดชั้นแผ่รัศมีสดใสเจิดจ้าออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่เสียงแตรดังขึ้น เปลี่ยนให้โลกทั้งใบกลายเป็นท้องทะเลแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์และวิมานอันเปี่ยมล้นด้วยความเบิกบาน!

แสงนั้นแผ่พุ่งออกมาเร็วมากเสียจนลูเซียนกับไรห์นจมอยู่ในกระแสธารนั้นก่อนที่พวกเขาจะทันได้ร่ายคาถา ‘เวทเคลื่อนที่ตรงพิกัด’ หรือ ‘ท่องราตรี’

แสงศักดิ์สิทธิ์มิใช่สิ่งที่จับต้องได้ แต่ลูเซียนกลับรู้สึกราวกับว่าตัวเขาจมอยู่ใต้มหาสมุทรลึกโดยไร้เวทมนตร์ใดๆ ดูเหมือนว่าเขาอาจถูกกระแสธารแห่งแสงอันหนาแน่นนี้ทำให้ขาดอากาศหายใจได้ทุกเมื่อ

เวทแปลงกายเป็นอัศวินชั้นตำนานถูกทำให้สิ้นฤทธิ์แสดงผล เวทมนตร์หลายๆ บทที่ร่ายกำกับไว้บนตัวลูเซียนก็หยุดทำงานไปเช่นกัน และพลังจิตของเขาก็ถูกสะกดข่มเอาไว้ ปอดทั้งสองข้างคล้ายกับจะมี ‘น้ำทะเล’ อยู่เต็มแน่น ทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งและหายใจลำบาก เขากำลังสูดหายใจเอา ‘แสงศักดิ์สิทธิ์’ เข้าออกปอดผ่านทางจมูก ปาก และรูขุมขนอย่างไม่หยุดยั้ง

โชคยังดีที่แสงแห่งสวรรค์เพียงยกเลิกการแสดงผลของเวทมนตร์และสะกดข่มพลังจิตของเขา แต่ไม่ได้ทำให้ลูเซียนสูญเสียความสามารถในการร่ายคาถาหรือขยับร่างกาย เขาเดินโซเซไปเปิดประตูดำและรีบหนีออกไปพร้อมกับไรห์น

สภาพของไรห์นย่ำแย่กว่าลูเซียนมากนัก ควันดำผุดพรายขึ้นจากร่างกายเขา ทำให้เขาดูโปร่งแสงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้พลังแสงจันทร์ที่คุ้มกันกายเขาไว้ เขาคงจะระเหยหายไปกับแสงแห่งสวรรค์เหมือนอย่างเจ้าชายแวมไพร์ตนอื่นๆ แล้ว ทว่า เขาเพียงแต่สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ และตอนนี้ร่างกายก็เปลี่ยนไปมาระหว่างร่างมนุษย์และค้างคาว!

เช่นเดียวกันกับแหวนคอนกัสบนมือซ้ายของลูเซียน ที่สีสันทั้งหมดเลือนหายไปและไม่อาจใช้การได้ในเร็วๆ นี้

เวทเร่งความเร็วและหลบหนียังเรียกใช้ได้ก็ต้องขอบคุณความสามารถในการเก็บเวทมนตร์ของเสื้อคลุมมหาจอมเวท ลูเซียนลากตัวไรห์นพุ่งผ่านห้องโถงสีเทา เปิดประตูดำไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเงาพร่าเลือนสายหนึ่ง

คราวนี้ ลูเซียนหาได้สนใจว่าเบื้องหลังประตูแต่ละบานจะมีโลกอันแปลกประหลาดใดอยู่ไม่ ไม่ว่ามันจะแปลกประหลาดและชวนขนลุกมากเพียงใด ก็คงไม่อาจเทียบเคียงหุบเขาวิมานได้กระมัง

เสียงแตรหยุดไป ทูตสวรรค์ผู้มีดวงตาสีทองอมฟ้ามองไปทางสหายทั้งห้าที่อยู่บนชั้นหก ก่อนจะประกาศกร้าว “ตามปีศาจไป!”

ตามบันทึกในพระคัมภีร์ เขาผู้นี้คือ ‘บุตรแห่งแสง’ ‘ทูตสวรรค์แห่งการพิพากษา’ ‘ทูตสวรรค์แห่งความยุติธรรม’ และผู้นำของเหล่าทูตสวรรค์ทั้งมวล เว้นก็แต่ราชาทูตสวรรค์ เขาแทบจะนับเป็นผู้มีพลังชั้นตำนานอันดับต้นๆ และพละกำลังของเขาจะเพิ่มขึ้นครึ่งระดับหากต่อสู้อยู่ภายในอาณาเขตของหุบเขาวิมาน

ทูตสวรรค์เสราฟิมสี่จากห้าตนยืนขึ้นและทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนบนอก “สัจจะคงอยู่นิรันดร์ ปีศาจจักถูกกำจัด!”

จากเอกสารของศาสนจักร ทูตสวรรค์เสราฟิมทุกตนจะมีพลังชั้นตำนานระดับสาม และสามในห้าตนนั้นก็เกือบจะมีพลังอยู่ในขั้นสูงสุด

ปีกสีขาวบริสุทธิ์ด้านหลังทูตสวรรค์เสราฟิมทั้งสี่กระพรือขึ้นลง ส่งพวกเขาออกจากหุบเขาวิมานไปยังห้องโถงสีเทาในพริบตา ฉับพลันนั้น มหาสมุทรแห่งแสงก็คล้ายกับได้พบเจอกับผู้ที่มันหลงรักอย่างลึกซึ้ง มันแตกตัวกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนเข้ารายล้อมพวกเขา จุดแสงเหล่านั้นก็คือเทวดานางฟ้าตัวน้อยที่กำลังร้องเพลงสรรเสริญพวกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ

“พลังแสงแห่งสวรรค์ยังติดตัวปีศาจพวกนั้น พวกมันคงไปไหนไม่ได้ไกล ทั้งหมดที่ต้องกังวลก็คือ เราคนใดจะจับมันได้ เออร์วิน เจ้าจะไปทางใด” ทูตสวรรค์เสราฟิมผู้มีดวงตาสีแดงฉานดุจเปลวเพลิงลุกโหมและถือดาบกางเขนแดงเป็นผู้เอ่ยถาม

เขาคือเคลเมนต์ ทูตสวรรค์แห่งอัคคี และยังเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘ทูตสวรรค์ชำระล้าง’ เขาคือผู้มีพลังชั้นตำนานขั้นสูงสุด

ทูตสวรรค์เสราฟิมผู้มีดวงตาสีดำดุจท้องนภายามราตรีชี้ไปทางประตูดำบานหนึ่ง “ข้าจะไปทางนี้”

เขาคือเออร์วิน หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘เนตรศักดิ์สิทธิ์’ ‘ทูตสวรรค์แห่งแรงบันดาลใจ’ และ ‘ทูตสวรรค์แห่งสายลม’ เขาเองก็เป็นผู้มีพลังชั้นตำนานขั้นสูงสุด

“เพราะเหตุใดเล่า” เคลเมนต์ถามออกไปตามความเคยชิน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักรูปแบบการเปลี่ยนแปลงภายในทวารานาจักรเป็นอย่างดี และมิได้กังวลเลยสักนิดว่าพวกตนอาจไม่เจอตัวลูเซียนกับไรห์น

เออร์วินผู้หล่อเหลาและอ่อนโยน แย้มยิ้ม “สัญชาตญาณน่ะ”

ขณะพูด เขาก็กระพรือปีกและไปปรากฏตัวที่หน้าประตูดำบานนั้น แต่เขากลับไม่ได้เปิดมันจนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายวินาที

เคลเมนต์ไม่ถามอะไรอีก เออร์วินคือเนตรศักดิ์สิทธิ์ ทูตสวรรค์แห่งแรงบันดาลใจและ ‘สาวก’ ผู้มีพลังใกล้เคียงสายธารแห่งโชคชะตา สัญชาตญาณของเขาจึงเป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงกระจายตัวออกไล่ล่าศัตรูจากทิศทางอื่น

มาสมุทรแห่งแสงลดระดับลง แล้วความเงียบงันสงบสุขก็กลับมาเยือนห้องโถงสีเทาอีกครา

การหายใจเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ให้สัมผัสดุจสายน้ำดูเหมือนจะมีอยู่เต็มอากาศ หลอดเลือดและอวัยวะภายในกาย ทำให้ลูเซียนรู้สึกเหมือนจมอยู่ใต้น้ำในแบบที่เขาอยากจะลืมเลือนมันไปเสีย

ลูเซียนใช้ทั้งกล่องพยาบาลของวิเซนเต้ เวทรักษาขั้นสูง เวทกรองอากาศ และเวทมนตร์อื่นๆ แล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าอาการต่างๆ ถูกกำจัดไปได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และคงต้องใช้เวลานานนับนิรันดร์กว่าที่เขาจะขจัดความเจ็บป่วยนี้ไปได้อย่างหมดจด ทว่า ภายในทวารานาจักรแสนอันตรายนี้ สัตว์อสูรแปลกพิกล ทูตสวรรค์เสราฟิมที่ทรงพลัง และพระสังฆราชผู้ชั่วร้ายอาจไล่ตามพวกเขาทันได้ทุกเมื่อ

เวลาเป็นสิ่งล้ำค่ามากและเป็นสิ่งที่ลูเซียนต้องการในยามนี้อย่างยิ่งยวด!

ตอนที่เขาร่ายคาถา ลูเซียนยังค้นพบอีกด้วยว่าพลังแสงแห่งสวรรค์นั้นแทรกซึมเข้ามากดข่มพลังจิตของเขาจนปั่นป่วน ทำให้เขารีดเค้นพลังออกมาได้อย่างยากลำบาก

‘สมแล้วกับที่เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ระดับมนุษย์ครึ่งเทพที่ได้พลังเสริมจากหุบเขาวิมาน’ ลูเซียนมองไปทางไรห์นที่ตอนนี้กลายเป็นค้างคาวนอนหมดสติ อุปกรณ์ชั้นตำนานบนตัวเขาไม่ถูกกระตุ้นใช้ และเขาก็ไม่ได้บอกวิธีใช้ให้กับลูเซียนเช่นกัน

ขณะถือประคองไรห์นในร่างค้างคาวแสงจันทร์ ลูเซียนก็เร่งมือรักษาตนเองด้วยเวทมนตร์ สิบนาที เขาต้องการเพียงสิบนาทีเท่านั้นเพื่อกำจัดพลังแสงแห่งสวรรค์! อย่างไรเสีย มันก็ไม่ได้รับการเสริมพลังจากหุบเขาวิมานอีกต่อไปแล้ว!

ประตูดำถูกเปิดออก แล้วรูม่านตาลูเซียนก็พลันหดลง ภายในห้องโถงสีเทานั้น ปรากฏทูตสวรรค์เสราฟิมผู้หล่อเหลาแผ่กลิ่นไอศักดิ์สิทธิ์ ปีกทั้งสามคู่ของเขากระพรือน้อยๆ ส่งสัมผัสของแสงอาทิตย์และสายลมโชย ในดวงตาเขาดูราวกับมีห้วงจักรวาลขนาดใหญ่อยู่ในนั้น

เขายืนอยู่ที่นี่ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับว่าเขาอ่านเส้นทางของลูเซียนได้อย่างทะลุปรุโปร่งมาตลอดและตั้งตาคอยเขาอยู่

‘ทูตสวรรค์แห่งสายลม!’ ลูเซียนรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด และร่ายคาถาเวทมนตร์อย่างไม่ลังเล

“เพ่งพยาบาท!”

ในช่วงเวลาเช่นนี้ การล่าช้าไปเพียงวินาทีเดียวอาจทำให้เขาตายได้ เขาจำต้องโจมตีพร้อมกับมองหาโอกาสหลบหนี!

‘เวทหัตถ์แห่งความไม่แน่นอน’ และ ‘เวทเพ่งพยาบาล’ ถูกใช้ออกไปพร้อมกัน ดวงตาข้างซ้ายของลูเซียนเปล่งแสงเจิดจรัสสดใส ดูราวกับทับทิมน้ำงามอย่างหาที่สุดมิได้ ก่อนที่มันจะยิงลำแสงสีแดงใส่ทูตสวรรค์แห่งสายลมอย่างจัง!

หลังจากที่เขาลงมือโจมตี ลูเซียนก็สะกดข่มพลังแสงศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายแล้วกระตุ้นใช้ ‘เวทเทเลพอร์ตวายป่วง’ จากแหวนมงกุฎแห่งโฮล์ม

สายลมโชยหมุนวนเร็วขึ้น มันเข้าปกคลุมและทำให้ลำแสงสีแดงลดกำลังลง ก่อนจะหายไปตรงหน้าเออร์วิน เนตรศักดิ์สิทธิ์

เขาสูดจมูกเล็กน้อย ราวกับเขาสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างในเวทมนตร์นั้น จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วมาทางศัตรู “เวทจองจำ!”

สายลมโชยหลายสายพัดพาไปมาระหว่างสองห้องโถง ส่งผลให้ห้วงอวกาศปั่นป่วนและกำจัดคลื่นความถี่ไป ลูเซียนไม่สามารถหลบหนีโดยใช้เวทเคลื่อนที่ได้!

“คทาอวกาศ!” ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ลูเซียนทำได้เพียงมีปฏิกิริยาตอบโต้ไปตามสถานการณ์โดยไม่คิดถึงเรื่องอื่น!

ระลอกคลื่นมารวมตัวกันในคทาแห่งราชันย์ เมื่อลูเซียนแตะมัน สายลมโชยทั้งหมดก็พลันแตกสลาย จากนั้น เขาก็เรียกใช้ ‘เวทการทำลายล้างยิ่งใหญ่’ จากเสื้อคลุมมหาจอมเวท!

จุดสีดำเล็กจิ๋วที่บรรจุพลังแห่งการทำลายล้างไว้อย่างหนาแน่นพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเนตรศักดิ์สิทธิ์ แต่สีหน้าเขากลับมิมีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ปีกทั้งหกข้างกางออกเต็มที่ แล้วแสงสว่างดุจดวงตะวันก็เปล่งแสงจ้าเต็มห้องโถง ยังผลให้ฤทธิ์เดชของเวทการทำลายล้างยิ่งใหญ่ลดลง

“ชุมนุมย้อนกลับ!”

ลูเซียนเรียกใช้เวทมนตร์รักษาชีวิตที่ประทับฝังอยู่ในตัว!

มันคือเวทมนตร์ชั้นตำนานที่ถูกร่ายคาถาประทับไว้ในดวงจิตล่วงหน้า ดังนั้นมันจึงไม่ถูกพลังแสงแห่งสวรรค์ทำให้เสื่อมฤทธิ์!

ตัวเขาหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ ลูเซียนพร้อมแล้วที่จะ ‘ย้อนกลับ’ ไปหานาตาชา

ทว่า เมื่อเขาปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ตัวเขากลับยังอยู่ภายในห้องโถง เว้นแต่ว่า เขามายืนอยู่ตรงหน้าประตูดำอีกบานหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้มิมีความเชื่อมโยงทางกาล-อวกาศกับโลกภายนอกจริงๆ!

ความผิดหวังมิได้ทำให้ลูเซียนทดท้อ เพราะอย่างน้อยเขาก็หลบหนีจากทูตสวรรค์แห่งสายลมมาได้ ฉับพลันนั้น ลูเซียนก็แยกร่างและวิ่งตรงไปยังประตูที่อยู่คนละทิศทาง

เออร์วินส่งเสียงขึ้นจมูก ‘คิดจะใช้ภาพมายาต่อหน้าเนตรศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นรึ’

“เนตรศักดิ์สิทธิ์!”

ดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งประกายอยู่ในดวงตาของเขา ทำลายภาพมายาของลูเซียนและเปิดเผยตำแหน่งของลูเซียนตัวจริงที่กำลังจะเปิดประตูดำบานหนึ่งเพื่อหลบหนีไป

ลูเซียนถือนาฬิกาพกสีเงินอันงดงามประณีตอยู่ในมือขวา เขาไล้นิ้วหัวแม่มือไปบนหน้าปัดอย่างรวเร็ว เข็มวินาทีสีดำเดินช้าลง ส่งผลให้เวลารอบๆ นั้นเชื่องช้าลงตามไปด้วย

‘เหอะๆ’ เออร์วินส่งเสียงขึ้นจมูกอีกครา แสงอาทิตย์และสายลมโชยที่ครอบคลุมทั่วทั้งห้องโถงพลันระเบิดอย่างพร้อมเพียงกัน ทำลายความเปลี่ยนแปลงของกาลและอวกาศไปเสียสิ้น

ทูตสวรรค์แห่งโชคชะตาย่อมเก่งกาจด้านเวลาและอวกาศอยู่แล้ว!

“สายลมครวญคร่ำ!” เออร์วินฉวยโอกาสนี้โจมตีด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์

สายลมสีอมน้ำเงินแผ่พุ่งมาพร้อมกับกลิ่นอายพิพากษา

“คทาอวกาศ!” คทารูปลักษณ์ชวนฝันกลับมาปรากฏต่อหน้าลูเซียนอีกครั้ง และก่อร่างสร้างปราการห้วงอวกาศให้กับเขา

เมื่อพลังสายลมครวญคร่ำกระทบเข้ากับปราการห้วงอวกาศ เสียงแตกร้าวก็พลันดังกึกก้องไม่หยุด ก่อนที่มันจะพังทลายลงหลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เพราะความต่างชั้นที่เกือบจะมากกว่าสามขั้น คทาอวกาศของลูเซียนจึงไม่อาจต้านทานการโจมตีได้ทั้งหมด แม้ว่ามันจะค่อนข้างทรงพลังก็ตาม

ลูเซียนหาได้คิดยอมแพ้ท่ามกลางสถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ เขาวางแผนว่าจะแปลงกายเป็นอัศวินชั้นตำนานและมองหาโอกาสในการเอาชีวิตรอดด้วยดาบแห่งสัจธรรม!

แค่ก ณ ช่วงเวลาสำคัญ แสงศักดิ์สิทธิ์ประดุจน้ำที่ท่วมเต็มปอดเขากลับออกฤทธิ์ ลูเซียนหายใจได้อย่างยากลำบาก และเวทมนตร์ของเขาก็หยุดชะงักไป

เออร์วินฉวยโอกาสนี้ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “สายลมคืนสุข”

‘หนัก’ วิญญาณของเขาให้ความรู้สึกหนักอึ้งจนลูเซียนแทบจะลืมตาต่อไปไม่ได้

‘ฉันจะหลับไม่ได้! หลับไม่ได้นะ!’

ลูเซียนเหนี่ยวรั้งสติสัมปะชัญญะเสี้ยวสุดท้ายที่เหลืออยู่เอาไว้ และตัดสินใจว่าเขาจะต้องระเบิดตัวเองเพื่อไม่ให้โดนแสงพิพากษาโจมตี!

เขาจะไปฟื้นคืนชีพที่หอคอยเวทมนตร์หรือไม่หากว่าเขาระเบิดตัวเองภายในทวารานาจักรแห่งนี้

“เจ้าช่างทนทายาดนัก ข้าเคารพเจ้าในส่วนนี้ แม้ว่าเจ้าจะเป็นปีศาจก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนหรอกที่จะต่อสู้ภายใต้ฤทธิ์ของแสงแห่งสวรรค์ได้นานถึงเพียงนี้” เออร์วินเดินเข้ามาใกล้ลูเซียนและยื่นมือเรียวยาวขาวนวลออกมา “การกำจัดเจ้าจักถือเป็นการที่ข้าให้ความเคารพแก่เจ้า”

ภายในโลกแห่งความตายแสนลี้ลับ…

ดักลาสกับเฟอร์นันโดต่างตกเป็นรองเบเนดิกต์ที่สามที่ ‘สัตว์ประหลาด’ แปลงกายมา

…………………………………

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท