บทที่ 662 การเตรียมการ
หลังจากไฮดี้กลับถึงอัลลิน นางไม่ได้ไปส่งรายงานที่เขตภารกิจ หรือฝ่ายบริหารจัดการนักเวท เพื่อขอให้นักโหราศาสตร์อาวุโสช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและข้าวของเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเวทมนตร์ปีศาจ แต่กลับไปที่หอคอยเวทมนตร์ ‘บาเบล’ และเข้าไปยังมิติพิเศษ ‘จักรวาลอะตอม’ ตามหลังข้ารับใช้ที่นำทางไปส่ง
นางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล และต้องรายงานเรื่องนี้ให้อาจารย์รับรู้
ภายในจักรวาลอะตอม หอคอยบาเบลของจริงตั้งสูงตระหง่านอยู่บนดาวเคราะห์เหล็ก เผยให้เห็นภาพงดงามอันน่าอัศจรรย์
“สวัสดีตอนบ่ายเพคะ ฝ่าบาท” ไฮดี้เห็นนาตาชาทันทีที่นางเข้ามาและรีบกล่าวทักทายด้วยความตกใจอยู่ในที นางชื่นชมบุคลิกและการวางตัวของนาตาชา จึงค่อนข้างประหม่าเมื่อพบหน้ากัน
ด้วยความขำในท่าทางเก้งๆ กังๆ ของไฮดี้ นาตาชาเกาคางและถามว่า “ข้าไม่ใช่สัตว์ร้ายกินเนื้อคนนะ เจ้าจะกลัวทำไม”
“เปล่าเพคะ หม่อมฉันแค่…” ไฮดี้รีบอธิบาย
นาตาชาโบกมือขัด “อาจารย์รอเจ้าอยู่”
“อาจารย์รู้ได้ไงว่าหม่อมฉันจะมาเพคะ” ไฮดี้โล่งอกขึ้นหน่อย พอเปลี่ยนมาคุยเป็นการเป็นงาน แต่พอนาตาชาจะตอบ นางก็ชิงพูดกับตัวเอง “เราเรียกใช้พลังมิติพิเศษของอาจารย์ อาจารย์น่าจะคอยดูว่าตอนนั้นเราทำอะไร”
ในขณะที่คิด นางก็เดินตามนาตาชามาถึงห้องสมุด แล้วเห็นอาจารย์ของนางกำลังยิ้มให้อยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
ลูเซียนยังคงสวมชุดสูทกระดุมสองแถว ผมของเขายาวขึ้นเล็กน้อย และแว่นตาข้างเดียวของเขาก็สะท้อนแสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา “ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เอาเอกสารกับของมาดูสิ”
“อาจารย์ค่ะ ข้าไม่คิดว่ามันจะง่ายอย่างนั้น เหมือนมีอะไรที่ลึกซึ้งและแปลกๆ ในพิธีกรรมเวทมนตร์นี้อีก…” ไฮดี้ส่งเอกสารกับของให้กับลูเซียน
“ข้ารู้ ข้าจะคุยกับท่านประธาน อาจารย์ข้า และท่านยายแฮททาเวย์ เจ้าช่างสังเกตมาก จริงๆ แล้วรูปแบบพิธีกรรมเวทมนตร์ปีศาจอาจทำให้เข้าใจผิดได้” ลูเซียนเปิดเอกสารดูผ่านๆ “เจ้าค่อยส่งภารกิจทีหลังนะ ภารกิจต่อจากนี้เกินกำลังที่เจ้าจะเข้าร่วมได้”
ไฮดี้พยักหน้าอย่างสุขุม “ค่ะ อาจารย์”
ในฐานะราชินีแห่งโฮล์ม นาตาชาสนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว พอไฮดี้เดินกลับออกไป นางจ้องลูเซียนตาเขม็งและพูดขึ้น “ข้ารู้สึกว่ามันเกี่ยวกับปีศาจบรรพกาลทั้งเจ็ด การตัดไส้เป็นเพียงขั้นตอนแรกๆ เท่านั้น สิ่งที่พวกมันต้องการจริงๆ คือความรู้สึกเจ็บปวด… ไวเค็นรู้ว่าเจ้ารู้ตัวตนของเขา จึงเผยวิธีการพัฒนาผ่านปีศาจบรรพกาลโดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นเลย หวังให้อาณาจักรกับสภาเกิดความขัดแย้งภายในสินะ?”
“ความโลภเป็นต้นตอของทุกปัญหา” ลูเซียนถอนหายใจ “เราตรวจสอบไม่ได้ว่าไวเค็นขอให้ผู้พิทักษ์ราตรีเผยแพร่ หรือมีใครอยู่เบื้องหลัง เราทำได้เพียงตอบโต้ด้วยวิธีอื่น แล้วต้องแอบทำภารกิจของเรากันลับๆ”
นาตาชาพยักหน้าและขมวดคิ้วเล็กน้อย “ปีศาจบรรพกาลพลังสูงมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดการทั้งหมด ยังโชคดีที่พลังโลหิต ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ กำราบพวกมันได้ ลูเซียน เจ้าวิเคราะห์เวทมนตร์ชั้นตำนานเสร็จหรือยัง? พร้อมขึ้นชั้นตำนานระดับสามไหม?”
การพัฒนามหาจอมเวทในสามขั้นแรกเป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากลูเซียนได้ตีพิมพ์บทความสำคัญมากพอในช่วงสองปีที่ผ่านมา อีกเพียงครึ่งขั้นก็จะขึ้นสู่ระดับสาม แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสู่ระดับสูงสุดจากระดับสามก็เป็นปัญหาใหญ่ ก่อนลูเซียนตีพิมพ์บทความเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย มีนักเวทชั้นตำนานระดับสูงสุดในสภาเพียงสองคนเท่านั้น! นอกจากนี้ โอลิเวอร์ เฮลเลน และวิเซนเตก็ยังไม่มีการพัฒนาที่น่าประทับใจ แม้จะอยู่ในยุคของการพัฒนาอาร์คานาอันยิ่งใหญ่ก็ตาม
ในการก้าวข้ามจากผู้มีพลังตำนานสูงสุดเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ หลายๆ คนพยายามมานานหลายหลายปี แต่ก็มีเพียงธานอสและไวเค็นเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จอย่างไร้ที่ติ เดาได้ไม่ยากเลยว่ากระบวนการสาหัสสากรรจ์แค่ไหน!
“ข้าวิเคราะห์เวท ‘ความพิโรธของเทพธิดาหิมะ’ กับเวท ‘ความเงียบงันสีคราม’ ข้าได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว ตอนนี้กำลังพัฒนาเวท ‘ความพิโรธของเทพธิดาหิมะ’ กับผลที่เพิ่งพบ จะทำให้เป็นเวทมนตร์ชั้นตำนานบทใหม่” ลูเซียนบอกนาตาชาหมดเปลือก และอธิบายงานให้ฟัง
อันที่จริง เขาพัฒนาเวทได้ง่ายกว่าจอมเวทคนอื่นเพราะเวท ‘เปลวไฟนิรันดร์’ ถูกสร้างขึ้นในโลกแห่งปัญญาของลูเซียนอยู่แล้ว แม้จะเป็นเวทมนตร์ที่มีเพียงระดับตำนานขั้นสามเท่านั้นที่เรียนรู้ได้ แต่เขาก็ก้าวหน้าด้วยการประกอบพิธีกรรมเวทมนตร์
ตอนนี้ ลูเซียนได้สร้างเวทมนตร์ชั้นตำนานขึ้นมาเก้าบทในวิญญาณของเขา ได้แก่ ‘ฟิชชันปรมาณู’ ‘เพ่งพยาบาท’ ‘คทาอวกาศ’ ‘หัตถ์แห่งความไม่แน่นอนอีวานส์’ ’เวทพังทลายขั้นสุดยอด’ ‘เวทมนตร์พลิกผัน’ ‘จิตแตกซ่าน’ ‘ปราการวายุ’ และ ‘กระจกแห่งชะตา’ หลังจากการพัฒนาเวท ‘ความพิโรธของเทพธิดาหิมะ’ สำเร็จ และฝังเวทมนต์ในวิญญาณแล้ว เขาจะพัฒนาถึงจุดสูงสุดของชั้นตำนานระดับสอง และพัฒนาเวท ‘เปลวไฟนิรันดร์’ ไปพร้อมกัน
นาตาชามองลูเซียนอย่างใคร่รู้ “พัฒนา? เจ้าได้อะไรจากเวทน้ำแข็งชั้นตำนานทั้งสองมากขนาดนั้นเชียว?”
“อุณหภูมิแสดงการเคลื่อนที่ด้วยความร้อนของโมเลกุล ยิ่งโมเลกุลเคลื่อนที่มาก อุณหภูมิก็จะยิ่งสูง ถ้าอุณหภูมิต่ำก็ตรงข้ามกัน พอเป็นเวทชั้นตำนาน วิธีลดอุณหภูมิปกติกลับไม่ได้ผล ข้าต้องวิเคราะห์เวทน้ำแข็งชั้นตำนานทั้งสองบท หารูปแบบที่ลดอุณหภูมิ หาจุดเชื่อมโยงกับนัยสำคัญของอาร์คานา…”
“ผลลัพธ์ไม่ต่างกับที่คาดการณ์ ข้าประหยัดเวลาสร้างแบบจำลองใหม่ เหลือแค่พัฒนาในบางส่วน วิธีนี้จะมีความสำคัญในการศึกษาโลกจุลภาค” ลูเซียนชี้ไปที่เอกสารบนโต๊ะขณะอธิบาย
นาตาชาค่อนข้างสนใจเรื่องที่ลูเซียนพูด “ข้าเคยได้ยินว่านักเวทตำนานของกระท่อมแห่งพาล์เมราค่อนข้างอ่อนแอเพราะไม่เข้าใจนัยสำคัญเชิงอาร์คานาของเวทน้ำแข็งชั้นตำนาน จึงสร้างเวททื่อๆ ด้วยพลังวิญญาณและเข้าใจแค่ผิวเผินเท่านั้น เวทพวกนั้นเลยเข้าใจยากและไม่ค่อยได้ผลดี”
“ขนาดท่านหญิงเฮลเลนเป็นจอมเวทที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง ยังต้องสร้างเวท ‘ความพิโรธของเทพธิดาหิมะ’ โดยเน้นกำลัง ตอนศึกษาเวทนี้”
นางพูด นางก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น “เจ้ารู้อะไรกันมากันแน่”
“ …” ลูเซียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพยายามอธิบายแนวคิดในการยับยั้งการเคลื่อนที่ของโมเลกุลด้วยสนามแม่เหล็กหรือเลเซอร์ให้เข้าใจง่ายที่สุด นั่นทำให้เวทน้ำแข็งชั้นตำนานเข้าใกล้จุดศูนย์สัมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
นาตาชาตาลอย ขณะกำลังฟังคำอธิบาย จู่ๆ นางก็ลุกขึ้น แค่นยิ้มออกมา “ข้าต้องไปฝึกพลังโลหิตแล้วล่ะ ข้ารู้สึกเหมือนเข้าใกล้โลกพลังชั้นตำนานมากขึ้นๆ ทุกที!”
เขามองนาตาชาเดินจากไปอย่างร่าเริง ลูเซียนส่ายหน้า แล้วหยิบจดหมายเชิญฉบับหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก บนจดหมายเขียนว่า
“กราบเรียน ท่านอาจารย์ใหญ่ นักเวทในวิทยาลัยกำลังสับสนและสิ้นหวัง เรื่องการพัฒนาโลกจุลภาคและการเล่นแร่แปรร่วมสมัย แม้แต่คนในวิทยาลัยก็ไม่ค่อยเข้าใจ เราอยากเชิญท่านมาสอนพวกเราได้หรือไม่ หมอกที่บังตาครูและศิษย์ของเราจะได้ถูกปัดเป่าออกไป…”
ลูเซียนคิดหนัก แล้วเขาก็เคาะลงบนจดหมายเชิญและพูดขึ้น “พิน็อกคิโอ บอกลีโอให้ไปที่วิทยาลัยเวทมนตร์โฮลต์ แจ้งว่าข้าจะเปิดสอนวิชาโลกจุลภาคในอีกหนึ่งสัปดาห์”
ขณะพูด เขาก็มองไปที่ห้องปฏิบัติการเวทมนตร์ ของนับไม่ถ้วนที่เขาใช้ ‘ผีร้อยเนตร’ แลกมา ข้อมูลการพัฒนาและการแก้ไขอีกมากตอนนี้จะได้ใช้ประโยชน์แล้ว…
“รับทราบขอรับ นายท่าน” พิน็อกคิโอตอบกลับด้วยเสียงร่าเริงไร้กังวลเช่นเคย
…
ภายในห้องประชุมสภาสูงสุด…
ลูเซียนเสนอรายงานภารกิจของไฮดี้และสรุป “จะเห็นว่านี่คล้ายกับ ‘พิธีกรรมอัญเชิญพิเศษของไวเค็น’ มาก พิธีที่ตัดลำไส้และทำให้ศพเดินได้นี้ตั้งใจหลอกทรมานนักเวท เขาแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่เพราะพิธีกรรม แต่เพราะปีศาจความเจ็บปวดฉายภาพเข้าไปในหัวใจของเขา”
ดักลาสรับลูกต่อ เขามองไปรอบๆ ที่สมาชิกสภาสูงสุด แล้วพูดเสียงเครียด “เอกสารรายละเอียดปีศาจแห่งบรรพกาลเข้าถึงได้เฉพาะนักเวทอาวุโส แต่นักเวทระดับนั้นคงไม่ยุ่งกับปีศาจที่ไว้ใจไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุผลเฉพาะ ข้าว่าไวเค็นจงใจปล่อยข้อมูลการขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ ซึ่งหลอกนักเวทบางคนได้…”
“จากเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ที่เราได้มา เรารู้ว่าการยอมกลายเป็นปีศาจบรรพกาลเพียงพอให้เป็นมนุษย์ครึ่งเทพ แต่ต้องรวบรวมพลังแห่งศรัทธา เราต้องตรวจสอบลัทธินี้ ข้าจะขอให้คริสตจักรแห่งโฮล์มร่วมมือกับเรา หวังว่าเราจะไม่มองข้ามปัญหานี้”
สมาชิกทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ ยกเว้นเฟอร์นันโดและแฮททาเวย์ที่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่ที่ไม่พูดไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจหรือมีเหตุผลอื่น
ไม่กี่นาทีต่อมา บรูคก็เอ่ยทำลายความเงียบ “ลัทธินี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งและต้องถูกควบคุม เราต้องเด็ดขาด แม้จะมีใครในสภาสูงสุดพัวพันด้วยก็ตาม”
ดูเหมือนเขาจะสงสัยว่าจะมีนักเวทชั้นตำนานหรือผู้วิเศษบางคนอยู่เบื้อง เขาจึงประกาศเตือนล่วงหน้า
หลังจากเตือนทุกคนแล้ว ดักลาสก็พูดขึ้นต่อ “ตามข้อมูลเส้นทางสู่ความเป็นอมตะและการพัฒนาของลูเซียน ปริศนามนุษย์ครึ่งเทพสัมพันธ์กับการซ้อนทับทางควอนตัม เราสามารถค้นหาวิธีที่ปลอดภัยกว่าจากการศึกษาโลกจุลภาค เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงถูกปีศาจแห่งบรรพกาลสิงสู่”
วิเซนเต แอตแลนต์ และสมาชิกคนอื่นๆ ของสภาสูงสุดต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งปี พวกเขาก็เคารพผลการทดลองและยอมรับคำอธิบายความเป็นได้ แต่ก็เหมือนกับดักลาสและเฟอร์นันโด ที่เชื่อว่าความน่าจะเป็นและความไม่แน่นอนไม่ใช่ลักษณะของอนุภาคจุลภาค แต่เป็นเพราะปัจจัยซ่อนเร้นอื่นๆ ตราบเท่าที่ยังพบ ‘เงื่อนไขภายนอก’ ก็จะสามารถใช้โลกจุลภาคนำทางสู่โลกมหภาค ซึ่งจะเป็นการเข้าสู่เส้นทางมนุษย์ครึ่งเทพ
เมื่อรุ่งอรุณและความหวังรออยู่ข้างหน้า แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเดินบนเส้นทางที่อันตราย
หลังจากการประชุมเสร็จ ลูเซียน ดักลาส เฟอร์นันโด และแฮททาเวย์หารือกันถึงปัญหาก่อนหน้านี้ จู่ๆ ดักลาสก็พูดขึ้น “ข้าได้สร้างแบบจำลองของ ‘เลนส์ความโน้มถ่วง’ และรู้ด้วยว่าระยะทางดาวเคราะห์ที่เคยคำนวณกันมาผิด ข้าวางแผนการกระโดดข้ามอวกาศระยะไกลอีกครั้งในอีกสอง เพื่อค้นหาดาวเคราะห์”
ลูเซียนมองไปที่ดักลาสอย่างไม่แปลกใจ “ท่านประธานขอรับ ข้าเชื่อว่าดาวเคราะห์มีอยู่จริง แต่ความพยายามของท่านคงไม่สำเร็จ ถ้าเป็นปัญหาเรื่องเลนส์ความโน้มถ่วงจริงๆ ปริศนาที่สุดมหาสมุทรไร้ขอบเขตคงไม่มีอยู่ และเราจะได้เห็นดาวเคราะห์ของเรา หลังจากกระโดดข้ามอวกาศ”
ลูเซียนสันนิษฐานไว้บ้างแล้ว แต่เขาต้องยืนยันหลายๆ เรื่องก่อน
ดักลาสพยักหน้า “ข้ารู้ แต่ต้องลองดู บางทีข้าอาจจะพบอะไรที่น่าสนใจพอเป็นเบาะแสให้เราไขปริศนาได้”
เขาพูดเสียงเบาลง “ข้าพัฒนาเวทชั้นตำนานมาสองสามบท และเกือบจะสร้างอุปกรณ์ชั้นตำนานที่ใช้ทดลองอิเล็กตรอนแบบร่องผ่านคู่ ข้าเชื่อว่าจะสรุปเรื่องโลกจุลภาคเร็วๆ นี้แหละ”
“แน่นอน” ลูเซียนสูดหายใจเข้าลึกๆ
…………………………………………………………