Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 696 การใช้ปัญญาประดิษฐ์

บทที่ 696 การใช้ปัญญาประดิษฐ์

ลูเซียนคลี่ยิ้มเมื่อมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของไฮดี้ และพูดว่า “นี้เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ดูแย่มาก และมันแทบจะไม่สามารถใช้งานได้จริง…”

ฮะ? ไฮดี้หน้าตึงทันทีหลังจากที่ได้ยิน เชลีย์, อัลฟาเลีย, โลวี่, เบลคและนักเวทคนอื่น ๆ ที่มีส่วนร่วมในการสร้างก็รู้สึกผิดหวังเช่นกัน

และสปรินต์ก็ไม่ลังเลที่จะพูดจาเยาะเย้ยไฮดี้ที่มักจะทำท่าทีไร้กังวลอยู่เสมอ “เจ้าเห็นไหม? อาจารย์ยังคิดว่านี่เป็นแค่ของเล่น ของเล่นที่ดูเทอะทะ และใหญ่เสียจนคนทั่วไปไม่สามารถใช้งานได้เลย”

ในสายตาของเขาปัญญาประดิษฐ์นี้ไม่มีสิ่งใดที่ควรค่าแก่การชมเชยเลยนอกจากที่มันขับเคลื่อนได้ด้วยไฟฟ้า โดยที่ไม่ต้องใช้นักเวท แสดงว่าแม้แต่คนธรรมดาถ้าสามารถคำนวณให้สมบูรณ์ได้ เขาก็สามารถเข้าใจคู่มือได้เช่นกัน แต่ปัญหาคือเครื่องมันใหญ่เกินไป ทั้งหนัก บอบบาง และมีราคาแพงเกินกว่าที่จะสนับสนุน

“วงแหวนเวทช่วยคำนวณเป็นของนักเวทย์ระดับกลางเท่านั้น ถ้าในการคำนวณขั้นสูง หรือในห้องปฏิบัติการระดับตำนานของอาจารย์ มันจะระเบิดแล้วทำให้เจ้าอับอาย ฮิฮิ อาจารย์ของเราเอาชนะมันได้แม้จะคำนวณด้วยสมอง…” สปรินต์ไม่ปล่อยไฮดี้ไปง่ายๆ

ที่เขาทำอย่างนี้ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นศัตรูกับไฮดี้ เขารู้ว่าแอนนิค ไฮดี้ และเพื่อนคนอื่น ๆ เป็นเพื่อนแท้เพียงไม่กี่คนของเขา เขาแค่รู้สึกว่ายิ่งทำให้ไฮดี้ผิดหวังมากเท่าไหร่ ไฮดี้ก็มีแรงจูงใจเพื่อปรับปรุงปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น เพราะถ้าเป็นเขาเอง เขาก็คงจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด และปรารถนาที่จะเอาชนะให้ได้!

เขาเป็นแบบนี้มาตลอด แต่มันดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ฟังก็เท่านั้น

ไฮดี้ขึงตามองเขา และสาบานกับตัวเองว่านางจะสร้างปัญญาประดิษฐ์ที่สมบูรณ์แบบที่พร้อมจะบดขยี้วงแหวนเวทช่วยคำนวณของสปรินต์อย่างแน่วแน่ จนเขาต้องตกตะลึง และแม้แต่กรามของเขาก็จะต้องตกลงมากระแทกพื้น!

ไอริสทีน และโนดาเนียลย์ตั้งใจจะปลอบใจไฮดี้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เพราะพวกเขาไม่มีความรู้เรื่องนี้ แต่ในทางกลับกันแคทรีนา และเลย์เรียกลับยกนิ้วโป้งให้กำลังใจไฮดี้ ว่านี้เป็นผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อสำหรับการทดลองครั้งแรก!

แม้แต่นาตาชาที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ยังยิ้มอย่างมีความหมาย ตามความเข้าใจของนางเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาของลูเซียนมักเป็นการชมเป็นนัยๆ และถ้าหากเขากล่าวชมใครตั้งแต่เริ่มนั้นก็มักจะตามมาด้วยการโต้แย้ง และการกล่าวหาทางอ้อมในภายหลัง เหล่านี้เรียกว่า ‘ความละเอียดอ่อน’

“ …แม้จะมีข้อบกพร่องหลายประการ แต่จิตวิญญาณ และแนวทางนำเสนอนั้นก็สมควรได้รับรางวัลอาร์คานาศาสตร์” อย่างที่นางคาดไว้ จากนั้นลูเซียนก็เดินจากไป

ฮะ?

อะไรน่ะ?

ไฮดี้แคะหูอย่างไม่รู้ตัว นี่นางกำลังประสาทหลอนหรือเปล่า ปัญญาประดิษฐ์แย่ๆ และใช้จริงไม่ได้แบบนี้สมควรได้รับรางวัลอีวานส์ในอาร์คานาศาสตร์หรือไม่? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?

ลูเซียนหัวเราะเบา ๆ “เครื่องจักรนี้เป็นของโบราณ และใช้ไม่ได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เวทมนต์ต้นกำเนิดที่บรรพบุรุษของเราสร้างขึ้นตามรูปแบบของสัตว์เวทในยุคบรรพกาลของเวทมนตร์นั้นมีความเก่าแก่ และไม่สามารถใช้งานได้จริง ในสายตาของพวกเรา พวกมันอาจจะดูน่าตลก และน่าสงสาร พวกเขาต้องร่ายเวทที่ต้องปรับให้ง่ายขึ้นกับระดับเวทมนต์วงแหวนที่ 5 ของนักเวทย์ฝึกหัด แต่เราสามารถปฏิเสธผลงานของพวกเขาเพียงเพราะสิ่งนี้ได้หรือ?”

“ไม่ เราทำไม่ได้…” ลาซาร์ตอบอย่างเห็นด้วย

สปรินต์ และแอนนิคก็พยักหน้าเช่นกัน มันไม่มีอะไรที่น่าตลก และด้วยความพยายามที่ล้มเหลวของนักเวทในยุคแรกเริ่ม ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีอะไรจะทำเวทย์มนต์ในวันนี้!

“ความสำเร็จทั้งหมดในอาร์คานาศาสตร์ และเวทมนตร์ทั้งหลายเกิดขึ้นทีละขั้นตอน ไฮดี้ เชลีย์ โลวี่ เบลค และอัลฟาเลียได้สร้างเครื่องต้นแบบทั้งที่ไม่มีความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ มันไม่ง่ายเลย แม้ว่ามันจะดูย่ำแย่ ใหญ่เทอะทะ และดูเงอะงะเท่าไหร่ แต่แนวคิดและแนวทางของมันก็มีค่ามาก” ลูเซียนกล่าวอย่างจริงจัง

ในที่สุด ไฮดี้ก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ของนาง นางเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจก่อนที่จะหน้าแดงก่ำ “อาจารย์ เราออกแบบมันไม่ได้หากไม่มีคำแนะนำจากท่าน”

“ข้าแค่ให้คำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ยกเว้นแนวคิด รายละเอียดส่วนใหญ่พวกเจ้าทำได้ด้วยตัวเอง” ลูเซียนมองไปที่ไฮดี้และเชลีย์ “หากไม่คำนึงถึงขนาด น้ำหนัก และแหล่งจ่ายไฟ ปัญญาประดิษฐ์นี้จะคำนวณได้เร็วขึ้นเท่าไหร่กันนะ?”

“ …ประมาณห้าครั้ง หากการวิจัยเกี่ยวกับคริสตัลมีการพัฒนาก้าวหน้า ก็เป็นไปได้ที่จะพัฒนาความเร็วในการคำนวณได้หลายสิบเท่าโดยไม่ต้องเพิ่มขนาด และน้ำหนัก” ยิ่งอธิบายดวงตาของนางก็ยิ่งหม่นหมองเมื่อนางอธิบายถึงอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ “เมื่อถึงตอนนั้นมันจะทรงพลังพอ ๆ กับสมองของนักเวทระดับสูง และวงแหวนช่วยคำนวณระดับกลาง!”

ประสิทธิภาพจะดีขึ้นอย่างนั้นหรือ? สปรินต์ค่อนข้างประหลาดใจ

ลูเซียนพยักหน้าและมองไปที่นาตาชา ลาร์ซา แคทรีนา และคนอื่น ๆ ที่กำลังสับสน และกล่าวว่า “จากการออกแบบ ข้อจำกัดของปัญญาประดิษฐ์อยู่ที่วัสดุ และชิ้นส่วน และการพัฒนาวัสดุ และชิ้นส่วนขึ้นอยู่กับการศึกษาอาร์คานาเป็นอย่างมาก”

“นี่เป็นยุคที่สาขาต่าง ๆ ต่างก็พึ่งพา และอำนวยความสะดวกซึ่งกันและกัน หากไม่มีตัวช่วยคำนวณ การทดลองมากมายในขอบเขตของกล้องจุลทรรศน์ก็จะไม่สามารถสำเร็จได้ และการพัฒนาก็จะช้าลง”

“บางทีเมื่อเราใช้สถานะการซ้อนทับทางควอนตัมกับปัญญาประดิษฐ์ ความเร็วในการคำนวณของมันจะสูงกว่านักเวททุกคนรวมทั้งท่านประธาน และข้าด้วย” ลูเซียนวาดภาพอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ ก่อนที่เขาจะคิดเสริมเงียบๆ ว่า แม้ไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่ปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ก็จะคำนวณได้ทรงพลังกว่าตัวเขาเอง และท่านประธานเมื่อวงจรรวมเติบโตเต็มที่

แน่นอนว่าในโลกแห่งเวทมนตร์ ก็อาจข้ามขั้นตอนบางอย่างไปได้!

“ความสามารถในการคำนวณที่เหนือกว่านักเวทระดับตำนาน…” ไฮดี้กล่าวอย่างตกตะลึง นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าปัญญาประดิษฐ์จะไปได้ถึงขนาดนี้!

ในสายตาของพวกเขา นักเวทระดับตำนานมีความสามารถในการคิดคำนวณในใจที่น่ากลัวมาก แม้ว่าจะไม่ได้ใช้วงแหวนเวทช่วยคำนวณก็ตาม พวกเขาเกือบจะ ‘ไม่ใช่มนุษย์’!

ไอริสทีนที่ฟังเงียบ ๆ พูดซ้ำคำที่นางได้ยิน “การซ้อนทับทางควอนตัม…ปัญญาประดิษฐ์…”

เมื่อสังเกตไฟสีแดง และสีเขียวที่กระพริบอยู่ นาตาชาก็ถามอย่างสงสัยว่า “ปัญญาประดิษฐ์นี้ดูเหมือนว่าคนทั่วไปก็ควบคุมได้…แต่จะลดขนาด น้ำหนัก และต้นทุนได้อย่างไร? มันต้องใช้เวลากี่ปีกว่าเครื่องนี้จะได้รับการส่งเสริมสนับสนุน และเป็นที่นิยม”

หลังจากอาศัยอยู่กับลูเซียนมานาน นางก็เริ่มมีนิสัย และความคิดคล้ายคลึงกัน ท้ายที่สุดแล้ว นางก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้นในอาณาจักรของนาง และประชาชนของนางก็มีชีวิตที่สะดวกสบาย และมีความศิวิไลซ์มากขึ้น

“หลังจากประดิษฐ์หลอดคริสตัลแล้ว มันควรมีขนาดเท่าโกเลม และพร้อมที่จะให้เหล่าขุนนางใหญ่ใช้เท่านั้น การลดขนาดลงจะขึ้นอยู่กับการพัฒนาวัสดุอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุ” ไฮดี้ประมาณการคร่าวๆ “แม้ว่าวัสดุเล่นแร่แปรธาตุและรูปแบบเวทมนตร์ในปัญญาประดิษฐ์นั้นจะง่ายพอที่นักเวทระดับทั่วไปจะทำสำเร็จได้ แต่จำนวนชิ้นส่วนนั้นก็มีมาก และเพราะไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนได้ ราคาจึงเท่ากับอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับห้า”

“ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาหลายปี ข้าไม่คิดว่าขุนนาง และประชาชนจะต้องการใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการคำนวณจริงๆ” นาตาชาไม่ได้รู้สึกผิดหวังมากเท่าไหร่

ลูเซียนยิ้ม เขาตั้งใจจะแสดงการประยุกต์ใช้ที่ ‘เป็นไปได้’ ของคอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่มีการคิดค้นใดเลยที่เหมือนโทรทัศน์ ดังนั้น เขาจึงไม่สะดวกที่จะพูดออกมาดัง ๆ เขาพูดได้แค่ว่า “หลังจากที่ความสามารถในการคำนวณดีขึ้น หลาย ๆ สิ่งก็จะสามารถทำได้ และโลกจะมีสีสันมากขึ้น!”

ฮะ? นาตาชามองไปที่ลูเซียนอย่างอยากรู้อยากเห็น ไฮดี้ และเชลีย์ก็เช่นกัน พวกเขาหวังว่าจะได้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์จากอาจารย์ของพวกเขา

“ตัวอย่างเช่น เราสามารถวาดรูปแบบเวทมนตร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่ซึ่งจะแม่นยำ และมั่นคงกว่าเดิมเพราะมันถูกสร้างขึ้นในรูปแบบดิจิทัลทั้งหมด” ลูเซียนตั้งใจหยิบยกเรื่องที่จะทำให้เหล่านักเวทหลงใหลขึ้นมา “จากนั้น เราสามารถปล่อยให้ปัญญาประดิษฐ์สร้างแบบจำลองเวทมนตร์จากรูปแบบเหล่านั้นได้!”

“แล้วยังไงต่อ? ปัญญาประดิษฐ์ร่ายเวทได้ไหม” ไฮดี้สนใจแน่นอน

ลูเซียนคลี่ยิ้ม “แบบจำลองเวทมนตร์สามารถเปลี่ยนเป็นเวทมนตร์ได้ด้วยการทดของพลังงานเท่านั้น เราสามารถใช้มันด้วยพลังจิตวิญญาณของเราเอง และปัญญาประดิษฐ์อาจใช้ไฟฟ้า แต่ปัญหาคือ ถ้ามันเป็นแบบจำลองเวทมนตร์เหมือนกับในจิตวิญญาณของเราที่ไม่มีตัวตนที่แท้จริง มันสามารถแทรกแซงโลกภายนอกได้ด้วยพลังจิตวิญญาณเท่านั้น เนื่องจากเรายังไม่เข้าใจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบพิเศษ เราจึงไม่สามารถให้พลังวิญญาณกับปัญญาประดิษฐ์ได้”

“หากไม่มีตัวตนที่แท้จริง…” ดูเหมือนว่าแอนนิคจะนึกอะไรบางอย่างได้ อุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุทั้งหมดมีตัวตนอยู่จริงซึ่งนั้นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อเรียกใช้เวทมนต์ที่เกี่ยวข้องได้

“ถูกตัอง ดังนั้นเราจึงสามารถพิมพ์แบบจำลองเวทมนต์ที่ปัญญาประดิษฐ์สร้างขึ้นด้วยวัสดุหรือม้วนกระดาษที่สอดคล้องกัน หากเราออกแบบเกณฑ์ได้ดี อุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุ หรือม้วนเวทมนตร์จะถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการที่สมบูรณ์แบบ และถูกต้อง จากนั้นเราก็สามารถเปิดใช้งานสินค้าด้วยพลังจิตวิญญาณของเราได้” ลูเซียนนำแนวคิดของการพิมพ์ 3 มิติมาใช้ในการผลิตม้วนหนังสือเวทมนตร์ และสิ่งของที่เกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุ

ในขณะที่ลูเซียนพูดก็มีภาพแปลก ๆ สองสามภาพปรากฏขึ้นในศีรษะของเขา บางทีนักเวทในอนาคตอาจเปิดคอมพิวเตอร์ค้นหาแบบจำลองเวทมนตร์ที่ต้องการ รวมทั้งคัดลอก และสร้างม้วนเวทย์มนตร์ด้วย ‘การพิมพ์ 3 มิติ’ ของปัญญาประดิษฐ์ แน่นอนว่ามันจะไม่ยุ่งยากและซับซ้อนเหมือนตอนนี้

การร่ายเวทมนตร์นั้นไม่มีค่าใช้จ่าย…นั่นอาจเป็นสโลแกนของปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต แต่แน่นอนว่าเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการพิมพ์ 3 มิติไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปฏิบัติ

ไฮดี้ ไอริสทีน และคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงกับความคาดคิดที่ลูเซียนอธิบายไว้ อนาคตอะไรกันนี้! แล้วแบบนี้นักเวทย์สมควรจะถูกยับยั้งไหม? เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนว่าจะไม่จำกัดเฉพาะนักเวท สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่สามารถเปิดใช้งานม้วนหนังสือ และสิ่งของต่าง ๆ จะสามารถใช้เวทมนตร์ได้ด้วยปัญญาประดิษฐ์! ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกนักเวทย์ใช่ไหม?

การพัฒนาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อนักเวทย์หรือไม่ เพียงเท่านี้ไฮดี้ เชลีย์ และคนอื่น ๆ ในกลุ่มก็ยิ่งกระตือรือร้นกับปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น พวกเขากำลังทำบางสิ่งที่เหลือเชื่อ!

เลย์เรีย สปรินต์ ร็อค และคนอื่น ๆ ก็มีความคิดคล้าย ๆ กัน หากพวกเขาไม่ได้อยู่ในระหว่างการศึกษาอาร์คานาศาสตร์ และเวทมนตร์ของตัวเอง พวกเขาก็อาจจะเข้าร่วมกลุ่มวิจัยของไฮดี้แน่นอน

นาตาชามองลูเซียนที่เต็มไปด้วยความสนใจ โลกใบนั้นดูเหมือนจะน่าสนุกขึ้นมาก เวทมนตร์ช่างน่าสนใจจริงๆ!

………………………………….

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท