เปลวเพลิงสีส้มที่ปกคลุมเจ้าแห่งเพลิงบรรพกาลอยู่ถึงกับไร้สีหลังจากเสาแสงตกกระทบ และกลายเป็นสีดำทมึนที่เข้มที่สุด เหมือนกับจะดูดกลืนความอบอุ่นและแสงสว่างให้หายไปทั้งหมด
เสาแสงพุ่งออกไปเป็นรังสี และกระแสไฟฟ้าสีเงินกระจายอยู่ทั่วทุกแห่งนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังอยู่ใกล้กันมากจนไหลไปรวมกันอย่างคาดไม่ถึง และกลายเป็นตาข่ายอันน่ากลัวที่กักขังเจ้าแห่งไฟไว้ด้านใน
ในตาข่ายขนาดใหญ่ ทุกอย่างถูกแช่แข็ง และถูกทำให้อยู่ในสภาวะหยุดนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ ดูเหมือนว่าแม้แต่อนุภาคขนาดเล็กก็ไม่มีข้อยกเว้น
ทันทีที่มันเริ่มสัมผัสกับเปลวไฟที่พื้นผิวรอบ ๆ เจ้าแห่งเพลิงบรรพกาล พลังที่แปลกประหลาดก็ไหลเข้าไปใต้เกร็ดปีศาจของมันและไหลเข้ามาในร่างกายทันที
เจ้าแห่งไฟถูกทำให้อยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง ราวกับว่ามีใครใช้เวทหยุดเวลาขั้นสูง ทันใดนั้นร่างของมันก็เริ่มโปร่งใสและแกนปีศาจของมันก็เผยออกมาให้เห็น – มันเหมือนลูกไฟที่ดูราวกับจะเผาไหม้ไปตลอดกาล
ลูกไฟพยายามต้านทานพลังประหลาดนี้ แต่ภายในไม่กี่วินาทีมันก็ถูกแช่แข็ง
ในขณะเดียวกันอุณหภูมิของมหาสมุทรลาวาก็ลดลงแม้ว่าจะยังมีไฟโหมกระหน่ำ และในวินาทีต่อมามหาสมุทรก็ถูกแช่แข็งและกลายเป็นสีดำอย่างลึกลับ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนแม้แต่กอนไฮล์ม “เดโมกอร์กอนแห่งความมืด” ผู้ที่กำลังเฝ้าดูสนามรบอยู่ก็ไม่สามารถช่วยเจ้าแห่งไฟได้ได้ทัน เมื่อกอนไฮล์มเห็นเสาน้ำแข็งโจมตีเจ้าแห่งไฟ ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็สายไปแล้ว ในตอนนี้เอง เจ้าแห่งปีศาจระดับตำนานขั้นสามนี้ก็สลายไปแล้ว เวทมนตร์ระดับตำนานที่ลูเซียนร่ายนั้น เรียกว่าความเมตตาของเทพธิดาหิมะที่แปลกประหลาด แต่พลังของเวทมนต์นั้นก็ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกไปไกลจากป้อมปราการเยือกแข็ง!
ความเหน็บหนาวได้มาถึงขีดจำกัดของโลกแล้ว แม้แต่กอนไฮล์มเองก็กลัวมากเช่นกัน! ด้วยพลังแห่งความหนาวเย็น ความมืด และของกำนัลจากอเวจี จนกระทั่งกอนไฮล์มได้กลายเป็นระดับตำนานอันดับต้น ๆ ที่ในที่สุดก็ใกล้ถึงขีดจำกัดอุณหภูมิแล้ว
ดังนั้น เมื่อเห็นว่าเวทมนต์โจมตีไปที่เจ้าแห่งเพลิงบรรพกาล และกำจัดเขตป้องกันเปลวไฟออกไป กอนไฮล์ม จึงต้องยกเลิกแผนการต่าง ๆ ที่จะช่วยเจ้าแห่งไฟ
อุณหภูมิที่สูงกว่าศูนย์องศาสัมบูรณ์เพียงหนึ่งองศาก็ไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป เนื่องจากโลกทั้งใบได้เกิดการต่อต้าน ในทะเลเดือดทุกอย่างเริ่มละลาย และไม่นานน้ำแข็งก็หายไป
ร่างโปร่งแสงของเจ้าแห่งไฟยังคงอยู่กลางอากาศ และเท้าของมันก็อยู่บนมหาสมุทรเปลวเพลิงที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา ในเวลานี้เองลมร้อนเผาไหม้จากทะเลเดือดก็ได้พัดร่างของเจ้าแห่งไฟให้กลายเป็นอนุภาคเล็ก ๆ และทำให้พวกมันสลายหายไปจากโลกตลอดกาล
ในที่สุดชีวิตของเจ้าแห่งเพลิงบรรพกาลก็มาถึงจุดจบหลังจากผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน!
บูม!
ใจกลางทะเลเดือดมีเสาลาวาพุ่งและลอยขึ้นไปในอากาศ เปลวไฟลุกท้วมมิติพิเศษทั้งหมดในทันที!
จากนั้นเสาลาวาอันน่าสยดสยองก็ก่อตัวเป็นบัลลังก์เปลวเพลิงตัวใหม่กลางอากาศ จิตวิญญาณแห่งไฟระดับสูงทั้งหมดที่กำลังต่อสู้อยู่กับจิตวิญญาณแห่งหิมะระดับสูง เหล่าเอลฟ์หิมะ และยักษ์น้ำแข็งก็มองกลับมาด้วยดวงตาสีแดงของพวกเขา บัลลังก์สำหรับพวกเขาคือการอัญเชิญความปรารถนาที่จะฆ่าจากอเวจี และสิ่งใดก็ตามที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในเวลานี้ได้ทั้งหมดจะกลายเป็นเจ้าแห่งไฟคนใหม่และได้ครอบครองบัลลังก์! เจ้าแห่งไฟคนใหม่จะได้รับพลังทั้งหมดของมิติพิเศษ และได้รับรางวัลจากเจตจำนงแห่งอเวจี แม้ว่ามันจะต้องเริ่มจากระดับตำนานขั้นหนึ่งอีกครั้ง
มีผู้ชายสองคนในพายุ คนหนึ่งสวมสูทกระดุมสองแถวสีดำ และหมวกทรงสูงพร้อมนาฬิกาพกสีเงินในมือขวาราวกับว่าเขากำลังตรวจว่าจะสายเกินไปสำหรับงานปาร์ตี้หรือเปล่า อีกคนหนึ่งมีผมยาวสีม่วง และชุดเกราะสีเงินที่นางสวมอยู่ก็ส่องประกายแวววาวอันเย็นยะเยือกออกมา ในมือขวาของนางมีดาบที่ดูธรรมดาๆ และในมือซ้ายก็มีโล่สีดำขนาดเล็กอยู่
ทั้งคู่คือลูเซียน อีวานส์ และนาตาชา ไวโอเล็ต!
กอนไฮล์มที่นั้งหรี่ตาเล็กน้ออยู่บนบนบัลลังก์แห่งความมืดในป้อมปราการเยือกแข็ง จากนั้นเขาก็เอื้อมมือขวาออกไปอย่างรุนแรงราวกับว่าพยายามจะคว้าบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้า!
การกระทำนี้ถึงกับทำให้อากาศแตกออก จากนั้นทะเลเดือดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า!
แม้ว่าการตายของเจ้าแห่งไฟจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แต่แผนของกอนไฮล์มก็ยังคงดำเนินต่อไป ในตอนแรก กอนไฮล์มไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าแห่งเพลิงบรรพกาลจะสามารถหยุดลูเซียน อีวานส์ที่เตรียมพร้อมเต็มที่ไว้ได้ เพราะมีเพียงสองเส้นทางเท่านั้นหลังจากเข้าสู่จักรวาลวายป่วง ลูเซียนจึงต้องเตรียมตัวสำหรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่งั้นเขาจะกลายเป็นไอ้โง่!
จากใจของเดโมกอร์กอนแห่งความมืด การตายของเจ้าแห่งไฟเป็นเพียงข้อแก้ตัว มันจำเป็นต้องมีข้ออ้างเพื่อที่จะเข้าไปแทรกแซงให้ลูเซียน อีวานส์ต้องติดพันระยะหนึ่ง และการช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชานั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน ดังนั้นแผนของมันจึงต้องจัดลำดับเวลาอย่างเข้มงวดจึงสามารถดำเนินการได้สำเร็จ
นั้นเป็นเหตุผลอันชอบธรรมที่เจ้าแห่งเพลิงบรรพกาลจะใช้หยุดสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ตามไม่ให้ผ่านทะเลเดือด และเขาควรช่วยเหลือเจ้าแห่งไฟในฐานะเจ้านายมัน เพราะเหตุนี้ ลูเซียนจึงต้องทนลำบาก และจะไม่สามารถตระหนักได้ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการป้องกันไม่ให้เขาได้รับแผ่นกาลเวลา
เมื่อกอนไฮล์มเอื้อมมือขวาออกไปจากในห้องโถงไปด้านนอกของป้อมปราการ ใบหน้าอันไร้ที่ติของเขาก็ปรากฏขึ้นบนกำแพงน้ำแข็งคริสตัล เขาปีศาจขนาดเล็กสองอันบนศีรษะสามารถดูดกลืนแสงทั้งหมดได้
“ข้าลองคิดดูแล้ว ข้อเสนอของเจ้าไม่ได้ดีนักหรอก แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย แผ่นกาลเวลาไม่ได้ช่วยอะไรข้าได้มากนักหรอกนะ” กอนไฮล์มพูดกับร่างที่อยู่ในแสงสว่าง
ครั้งนี้เคลเมนต์ถึงกับมาที่นี่ด้วยตนเอง แม้ว่าเขาจะเตรียมการบางอย่างไว้ในห้องโถงของป้อมปราการ แต่เมื่อเขาถูกล้อมรอบด้วยกำแพงน้ำแข็งจากทุกทิศทุกทาง เขาก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยมากมัก และด้วยเหตุนี้เขาจึงหวังว่าเขาจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม เดโมกอร์กอนแห่งความมืดก็ใช้เวลา 10 นาทีในการตอบรับ!
เมื่อได้ยินคำตอบ เคลเมนต์ก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก “นายท่าน ท่านตัดสินใจได้ดีมาก”
หากเขาไม่ได้รับแจ้งว่า เดโมกอร์กอนแห่งความมืดคนใหม่เปิดให้มีการเจรจา และซื้อขายละก็ เคลเมนต์ก็จะไม่มีวันมาถึงโลกแห่งความสิ้นหวังแน่นอน เพราะอย่างไรซะที่นี่ก็เป็นที่อยู่ของระดับตำนานขั้นแนวหน้า และเขาอาจจะถูกฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นที่ทราบกันดีว่าเจ้าชายปีศาจคนก่อนเป็นผู้ที่ชื่นชอบการฆ่า และการทำลายมากกว่าการเจรจา
เขาได้เตรียมแผนการอื่นเอาไว้ หากกอนไฮล์มไม่เห็นด้วย จากนั้นเขาก็จะต้องผ่านทะเลเดือด
ด้วยความช่วยเหลือของกอนไฮล์ม เคลเมนต์จึงกระโดดเข้าไปในจักรวาลวายป่วง
…
อเวจีขั้นที่ 554 ของทะเลเดือด
ท้องฟ้าสีแดงแยกออกจากกัน มือขวาอันเรียนยาว และผอมแห้งเอื้อมออกไป และความมืดอันไร้ขอบเขตก็ตามมา
ความมืดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ลูเซียนเคยสัมผัสมา แม้ว่าจะเป็นความมืดที่มาจากเจ้าชายปีศาจคนก่อนก็ตาม คราวนี้ความมืดมาจากที่ที่ลึกที่สุดในจักรวาล มันเป็นจึดสุดยอดแห่งความมืดมิด มันเป็นความเยือกเย็นขั้นสูงสุด
ในบางตำนานเมื่อโลกทั้งใบรวมถึงท้องฟ้ามาถึงจุดจบ มันจะไม่มีการระเบิดของภูเขาไฟ แผ่นดินไหว หรือน้ำท่วม แต่แผ่นดินจะค่อย ๆ สูญเสียแสงสว่าง อุณหภูมิ และจะตกไปสู่ความมืดมิด และความหนาวเหน็บชั่วนิรันดร์
ต่อมาบรรดาผู้ที่เพ้อฝันถึงตำนานก็ได้พบสิ่งที่เรียกว่าการสนับสนุนทางทฤษฎีจากการศึกษาอุณหพลศาสตร์ของสภา ว่าด้วยการเสียชีวิตจากความร้อน จอมเวทดั้งเดิมบางคนเคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แล้วพวกเขาก็พบว่าการเพิ่มขึ้นของทฤษฎีข่าวสารเป็นปัญหามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูเหมือนจะบ่งชี้ว่าในที่สุดเอกภพก็จะมาถึงจุดจบ
ท่ามกลางความมืดมิด และความหนาวเหน็บจากพายุที่โหมกระหน่ำรุนแรง ทันใดนั้นมันก็รวมตัวกันเป็นลูกบอลเล็ก ๆ เหมือนหัวใจที่บริสุทธิ์ของน้ำแข็ง และหิมะ
จากนั้นหัวใจดวงเล็ก ๆ ก็พุ่งไปสู่ความมืดอันไร้ขอบเขตพร้อมกับแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ราวกับว่ามันกำลังพยายามที่จะหยุดยั้งความมืด!
กอนไฮล์มหัวเราะเยาะ ไม่มีใครเอาชนะการควบคุมอุณหภูมิต่ำของเขาได้ เขาจึงไม่แปลกใจกับการโจมตีของ เทพธิดาหิมะที่ต้องการป้อมปราการเยือกแข็ง และแกนอสูรมาเนินนาน!
เขาร่ายเวทมนตร์เป็นภาษาถิ่นแห่งความมืด ในความมืดมิดที่ลึกที่สุด มีประกายแสงสว่างขึ้น จากนั้นอุณหภูมิที่ต่ำที่สุดเกินจะจินตนาการก็ถูกอัญเชิญออกมา เป็นอุณหภูมิที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งตั้งแต่ขนาดใหญ่ที่สุดไปจนถึงจุดที่เล็กที่สุด
นี่เป็นเวทมนต์ที่เดโมกอร์กอนแห่งความมืดใช้อำนวยความสะดวกของตัวเอง และมันก็สามารถสำแดงพลังได้อย่างเต็มที่หลังจากที่เดโมกอร์กอนไปถึงระดับตำนาน มันถูกเรียกว่าเยือกแข็งโลกาวินาศ
ในเวลานี้เอง นาตาชาก็ฟันดาบแห่งสัจธรรมลงมาด้วยความรุนแรง แสงจากดาบสีเงินได้มาถึงก่อนที่ความมืดจะแผ่ออกไป
แสงทะลุผ่านความมืด แต่ในไม่ช้ามันก็ถูกแช่แข็งเหมือนปลาสีเงินที่สวยงาม
“ปราการวายุ!” ลูเซียนร่ายเวทมนต์ออกมา ดวงตาของเขาที่ใส่แว่นข้างเดียวอยุ่สะท้อนให้เห็นถึงพายุ และสายฟ้า
ความเมตตาของเทพธิดาหิมะส่งผลได้ไม่ดีนักเพราะเดโมกอร์กอนก็มีพลังเช่นเหมือนกัน ในขณะที่เปลวไฟนิรันดร์นั้นก็ยากที่จะควบคุม ดังนั้น ลูเซียนจึงเลือกเวทมนตร์ระดับตำนานบทนี้เพราะสามารถสร้างอุณหภูมิที่สูงมากได้เช่นกัน
บูม!
ฟ้าร้องอึกทึกครึกโครมในความมืด และสายฟ้าก็ส่องสว่างไปทั่ว อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงภายในแกนกลางของความหนาวจัด จากนั้นก็ดูดกลืนทั้งความหนาวเย็นและความมืดเข้าไป
กอนไฮล์มหัวเราะเยาะอีกครั้ง เพราะไม่ว่าเวทมนตร์ใด ๆ ที่มีระดับต่ำกว่าตำนานขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถทำอันตรายกับเขาได้มากนัก เขาใช้ภาษาถิ่นแห่งความมืดอีกครั้ง และความหนาวเย็นอย่างรุนแรงก็กลับมาอีกครั้ง
ทันใดนั้นผลึกน้ำแข็งก็ระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน และเทพธิดาหิมะก็พุ่งตัวเข้าสู่พายุที่เต็มไปด้วยความมืดมิดอีกครั้ง พายุโจมตีเดโมกอร์กอนได้พลังทั้งหมดของมัน!
กอนไฮล์มรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเทพธิดาหิมะกำลังใช้พลังทั้งหมดเพราะมีคนช่วยเหลือ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าความมืดที่โอบล้อมป้อมปราการอยู่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีซีด และจากเมฆสีซีดก็ปรากฏสัตว์ประหลาดในชุดคลุมสีดำ สิ่งมีชีวิตใดที่เห็นมันจะต้องตาย เพราะมันคือความตายนั่นเอง!
สัตว์ประหลาดลากเคียวขนาดใหญ่ฟันไปที่ป้อมปราการเยือกแข็งทันที มันคือแอ็ปซิส “เจ้าแห่งความตาย” และ “เจ้าแห่งอสุรกาย” นั้นเอง มันรอคอยโอกาสนี้เพื่อที่จะได้สังหารเดโมกอร์กอน และชิงบัลลังก์เจ้าชายปีศาจมา!
นี่คือสิ่งที่กอนไฮล์มคาดหวัง เมื่อรู้สึกถึงความหนาวจัดของเทพธิดาหิมะ มันก็ได้ตระหนักว่าพลังของความหนาวจัดนี้ไม่ใช่พลังที่แท้จริงจากนรกเงียบงัน แต่กลับมีใครบางคนยืมพลังแห่งความตายของนางไป และนางก็ได้รับพลังออโรร่ามาเป็นของนาง ดังนั้นความเงียบ และความหนาวเย็นภายนอกนั้นอาจจะเป็นของปลอมก็ได้!
ดังนั้นกอนไฮล์มจึงเตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของ “เจ้าแห่งความตาย” แอ็ปซิส ไว้อยู่แล้ว!
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ที่ขอบทะเลเดือด และท้องฟ้าที่มืดมิด พายุที่นำพาสายฟ้าก็มาถึง ภายในพายุมีทั้งความร้อนสูง และความหนาวเย็นอย่างรุนแรง!
จากนั้นจุดแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับบทเพลงสรรเสริญราวกับว่าพวกเขากำลังต้อนรับสรวงสวรรค์ของพวกเขา ปรากฏหญิงสาวที่งดงามที่อยู่ในอ้อมกอดแห่งแสง แต่สีหน้าของนางกลับดูเย็นชา นางยกมือขวาขึ้นชี้แล้วพูดว่า “เวทพังทลายขั้นสุดยอด!”
อีกด้านหนึ่งทะเลเดือดก็กลายเป็นทะเลธรรมดา และสภาพแวดล้อมทั้งหมดก็กลายเป็นธรรมชาติที่แท้จริง ในขณะเดียวกัน ดวงดาวก็สว่างไสวในความมืด และพลังอันยิ่งใหญ่ก็ตกลงสู่ทะเล
กอนไฮล์มตกใจมาก นั้นคือ ดักลาส แฮททาเวย์ และเฟอร์นันโด!
จากนั้นเขาก็เห็นลูเซียนยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมทั้งโค้งคำนับให้เล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังกล่าวอำลา
“เพ่งพยาบาท!” ลูเซียนร่ายเวทออกมา
สมองของกอนไฮล์มว่างเปล่าไปชั่ววินาทีจากนั้นเขาก็พลันตื่นตระหนก –
เป้าหมายของลูเซียน อีวานส์ไม่ใช้แผ่นกาลเวลา แต่เป็นตัวของมันเอง!
………………………………….