เมืองอัลโต้ในเดือนตุลาคมก็เปรียบเสมือนผลไม้ที่อยู่บนเค้ก เพียงแต่เย็นกว่าเล็กน้อย ภาพชนบทกว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งนาสีทองที่ตัดกับสีเหลืองของต้นลาวาลในเมือง ประกอบกันเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ประกอบกับเสียงดนตรีอันไพเราะจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดที่ได้ยินมาจากที่ไกลๆ ยิ่งทำให้อัลโต้สมควรกับตำแหน่งเมืองแห่งเสียงดนตรี
“ป่าดำเมลเซอร์ดูมืดมนอยู่เสมอ…” นาตาชากล่าว นางยืนอยู่ริมแม่น้ำเบเล็ม และกำลังมองต้นไม้ที่อยู่อีกฟากของริมแม่น้ำ ลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดเอาผมยาวสลวยสีม่วงของนางให้ลอยล่องไปในอากาศ
ป่าดำแห่งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำในวัยเด็กของนาง ทั้งความพยายาม ความเจ็บปวด และความสุข และนางจะไม่มีวันลืมว่าครั้งหนึ่งเคยเกิดอะไรขึ้นกับนางในสถานที่แห่งนั้น
“ต้นสนดำเป็นลักษณะเฉพาะของพื้นที่โดยรอบเทือกเขาแห่งความมืด สีของมันอาจมาจากการปนเปื้อนของมิติทางเลือก…” ลูเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงของศาสตราจารย์
นาตาชารู้สึกขบขัน “ข้าไม่สนใจว่าทำไมพวกมันถึงเป็นสีดำ สิ่งที่สำคัญมากสำหรับข้าคือ ครั้งหนึ่งข้าเคยถูก ปีศาจหัวสุนัขไล่ล่า และเจ็บปวดอย่างมากจากการกินผลไม้ที่ไม่ถูกต้อง ศีรษะของข้ากระแทกกับพื้นจากการเป็นอัมพาตเพราะโดนพิษจากการถูกแทงที่ท้องแล้วก็มีใครบางคนทิ้งข้าไว้เพื่อวิ่งหนีเอาชีวิตรอด…”
นางรู้ว่าลูเซียนต้องการให้กำลังใจนาง
“เจ้าถูกไล่ล่าโดยปีศาจหัวสุนัขงั้นหรือ? ข้าคิดว่าพวกมันไม่คณามือเจ้าซะอีก” ลูเซียนค่อนข้างสนใจ ในสายตาของเขา นาตาชาต้องเป็นวาลคิรีตั้งแต่นางยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ๆ
นาตาชาเม้มริมฝีปาก “ใช้ ถ้ามีไม่ถึง 10 คน ข้าคงจัดการพวกมันได้ แต่ปัญหาคือมีคนหลายร้อยคน และหนึ่งในนั้นก็สามารถร่ายเวทได้ด้วย!”
“เจ้าทำอะไรกันแน่จึงทำให้พวกปีศาจหัวสุนัขไล่ล่า” ลูเซียนหัวเราะ
นาตาชาลังเลเล็กน้อย และโบกแขนของนางในอากาศ “จำไม่ได้!”
“แต่เจ้าเคยบอกว่าเจ้าจำได้ทุกอย่าง…”
“ไม่ใช่ตลอดเวลา ข้าจำไม่ได้!”
พวกเขาเดินไปตามริมแม่น้ำ และเพลิดเพลินไปกับสายลมอ่อน ๆ ทั้งคู่คุยกันอย่างสนุกสนาน
ในเวลานี้เอง นาตาชาก็หยุดและชี้ไปที่ริมแม่น้ำที่มีขยะกองอยู่มากมาย “นี่คือสถานที่ที่เจ้าขุดเงินถังแรกของเจ้าใช่ไหม”
“ใช่…ขอบคุณมากเจ้าหญิงที่ทิ้งผ้าคลุมไนติงเกลและนั้นก็ช่วยให้ข้าได้ก้าวออกจากสลัม” ลูเซียนรู้สึกมีอารมณ์เล็กน้อยเมื่อเขามองไปที่กองขยะ
บนกองขยะมีคนจนสองสามคนที่ทนกับกลิ่นเหม็นเพื่อมองหาสิ่งที่อาจยังมีค่าบางอย่าง ที่ริมฝั่งแม่น้ำมีชายร่างท้วมคนหนึ่งที่แม้แต่ในเดือนตุลาคมเขาก็ยังสวมเพียงเสื้อโค้ทบาง ๆ สีน้ำตาลกำลังยืนกอดอกมองพวกเขาอยู่
นาตาชาถอนหายใจ “ที่นี่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกอันธพาล”
“กลุ่มอันธพาลกลุ่มใหม่หลังจากกลุ่มของอารอน” ลูเซียนไม่แปลกใจ การเกิดขึ้นของกลุ่มใหม่ไม่น่าแปลกใจในอัลโต้ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลา
ชายร่างท้วมสังเกตเห็นลูเซียน และนาตาชา เขากำลังจะเตือนคนทั้งคู่เพื่อให้เดินจากไป แต่เมื่อเขาหันไปมองเสื้อผ้าหรูหราที่ทั้งคู่สวมใส่อยู่ ในสายตาของเขา พวกเขาทั้งคู่อาจเป็นขุนนางก็ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องระวัง
โชคดีอย่างมากที่ทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเดินไปที่ประตูของเขตตลาด
มีเป็นช่วงชายามบ่ายแล้ว และภูมิคุ้มกันที่ยืนอยู่ตรงประตูก็รู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก หลังจากเหลือบไปเห็นลูเซียนและนาตาชาซึ่งได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเล็กน้อย ผู้คุมคนหนึ่งก็โบกมือให้พวกเขาเข้าไป เพราะทั้งคู่แต่งตัวดูดีทีเดียว
เขตตลาดยังคงยุ่งวุ่นวายเหมือนเดิม และภาษาที่ใช้กันทั่วไปด้วยสำเนียงอัลโต้ และวิธีที่ผู้คนแต่งตัวก็พลันดึงพวกเขากลับไปสู่ความทรงจำในวัยเด็กได้ทันที
“รู้สึกเหมือนเราไม่เคยจากที่นี่ไป…” นาตาชากล่าว นางสวมผ้าคลุมหน้าขี่ม้าผ่านประตูหลายครั้ง และมาที่ตลาดเพื่อหาอุปกรณ์ที่น่าสนใจ ดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี
ลูเซียนพยักหน้าแล้วหายใจเข้าลึก ๆ อากาศที่ปนไปด้วยกลิ่นของบาร์บีคิว เครื่องเทศหลากชนิด สีย้อม ยาสูบ สุรา และกลิ่นเหม็น ดึงเขากลับไปสู่จุดเริ่มต้นเมื่อเขาต้องก้มลงเพื่อหาอาหารให้ตัวเอง
“ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็นคนงานที่นี่” ลูเซียนชี้ไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่งแล้วพูด “แต่ข้าไม่เข้มแข็งพอ กระสอบทรายใบเดียวอาจทำให้ข้าถึงกับล้มลงได้”
นาตาชายิ้มและรับฟัง ในบางครั้ง นางก็ชี้ไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง และพูดว่า “ร้านขายของชำนี้มีอายุห้าสิบปีแล้ว ตอนที่ข้าเข้าไปครั้งแรกก็เป็นคุณปู่ที่ดูแลที่นี่อยู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลานจะรับช่วงต่อแล้ว …
“ …เจ้าของร้านที่นั้นจำข้าได้ตอนที่ข้ากำลังซื้อพิณ เขาเกือบจะเป็นลมแหละ…”
ลูเซียนก็ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของเขา “ …บนถนนสายนี้ ข้ากับจอห์นได้สั่งสอนบทเรียนดีๆ ให้กับพวกอันธพาลด้วย…”
นั่นเป็นก้าวแรกของลูเซียนที่เริ่มยอมรับโลกนี้
ผู้คนที่สัญจรไปมาสังเกตเห็นทั้งคู่ที่แต่งกายด้วยชุดหรูหราเดินผ่านตลาด แต่ลูเซียนและนาตาชาก็ไม่สนใจ
ทั้งคู่เดินออกจากเขตตลาด และเข้าไปในเขตการปกครอง ถนนเริ่มเงียบลง มีเพียงนักดนตรี และนักกวีข้างถนนบางคนเท่านั้นที่กำลังเล่นดนตรีอย่างไพเราะและผ่อนคลาย
บทเพลงรักเครื่องสายคีย์จีเมเจอร์ ของเพลงแสงจันทร์ เพลงที่สองของเพลงซิมโฟนีดินแดนใหม่ จากนั้นก็เพลงเปียโนโซนาตาแห่งเวทนาสำหรับซิลเวีย …
ขณะที่นาตาชาฟังเพลงเหล่านี้อยู่ มันก็ได้เรียกความทรงจำของนางมากมายออกมา นางพูดกับลูเซียนว่า “เจ้าจากอัลโต้ไปนานแล้ว แต่ผลงานเพลงของเจ้าก็ยังคงเป็นที่จดจำของผู้คน มันดีมาก”
“ฟังสิ เพลงเดินทัพของเจ้าก็ยังเล่นอยู่” ลูเซียนกล่าว
นาตาชารู้สึกภูมิใจมาก แต่นางก็บอกด้วยว่า “ถ้าเทียบกับสองสามปีที่แล้ว ข้าต้องบอกว่าตอนนี้เพลงของเจ้าได้รับความนิยมน้อยลง เพราะมีผลงานใหม่ ๆ ออกมามากมาย”
ทั้งสองคนให้ความสนใจอย่างมากกับการพัฒนาการทางด้านดนตรีในอัลโต้ ดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกับผลงานใหม่ ๆ
“ดีจริง สิ่งต่างๆ มีการพัฒนา และก้าวหน้าเสมอ หากไม่มีผลงานใหม่ออกมา เพลงของอัลโต้ก็คงจะตายไปแล้ว แต่โชคดีที่ไม่ใช่” ลูเซียนไม่ได้ไม่ชอบอะไรแบบนี้
นาตาชา และลูเซียนมาที่ร้านอาหารที่ด้านหน้าประตูมีนักดนตรีที่กำลังเล่นเพลงเปียโนโซนาตาแห่งเวทนาอยู่ริมถนน มันค่อนข้างท้าทายสำหรับนักดนตรีส่วนใหญ่ แต่เขาก็เล่นได้ดีมาก หลายคนมารวมตัวกันเพราะพวกเขาสามารถมาชื่นชมทักษะและพรสวรรค์ได้
ช่วงแรกของดนตรีเล่นได้ดีมากเนื่องจากความหดหู่ ความเจ็บปวด และโศกนาฏกรรมในบทเพลงนั้นล้วนถูกนำเสนออย่างเต็มที่ และการบรรเลงในช่วงสุดท้ายก็ดียิ่งกว่า ทักษะที่ยอดเยี่ยมนี้ได้ไปเกาะกุมหัวใจของผู้ฟังอย่างเหนียวแน่น
จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังตามมา
นักเปียโนหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับเสียงปรบมือ เขาแค่นั่งอยู่หลังเปียโน และดูสับสนนิดหน่อย
เขามาจากเมืองเล็ก ๆ และมาถึงเมืองอัลโต้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขามีพรสวรรค์ และเขาก็ฝึกฝนอย่างหนักมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่สิ่งต่าง ๆ ที่เขาประสบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้เขาสงสัยในตัวเอง และความยากจนที่เขาได้รับทำให้เขาต้องรับงานเล่นดนตรีหน้าร้านอาหาร เสียงปรบมือรอบข้างที่อบอุ่นนั้นเกินความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง
“ดี เขามีความรู้สึกที่แท้จริงอยู่ในนั้น ไม่ใช่แค่การแสดงทักษะ และการบรรเลง” นาตาชาปรบมือ และหยิบเหรียญออกมา
ลูเซียนยิ้ม และพูดขัดนาง “เจ้าจะให้เหรียญราชินีแก่เขาหรือ?”
หลังจากออกจากศาสนจักรฝ่ายใต้ อาณาจักรโฮล์มก็ทำเหรียญขึ้นมาใหม่ เหรียญราชินีมีค่าเท่ากับธาเล เพียงแต่มีรูปเหมือนของราชินีอยู่
นาตาชารู้สึกอายนิดหน่อย “ข้าไม่ทันสังเกต เจ้ามีธาเลหรือไม่?”
ลูเซียนหยิบเหรียญขึ้นมา และขีดมันเบาๆ จากนั้นเหรียญนางราชินีก็กลายเป็นธาเลทันที
ผู้บรรเลงหนุ่มน้อยเริ่มโค้งคำนับให้กับผู้ฟังเพื่อแสดงความขอบคุณ ในขณะนั้นเองเขาก็เห็นเหรียญแวววาวตกอยู่ตรงหน้าเขา
ธาเล? เขาตกใจมาก นี้มันมากเกินไป
จากนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาพูดว่า “เจ้าเล่นได้ดีมาก และมีความรู้สึกอัดแน่นอยู่ในนั้น ความรู้สึกของเจ้าเปลี่ยนดนตรีนี้ให้กลายเป็นแบบฉบับของตัวเจ้าเอง นั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ความเข้าใจของเจ้าเกี่ยวกับดนตรี และทักษะบางอย่างยังคงมีปัญหาอยู่เล็กน้อย…”
หนุ่มน้อยรู้สึกประหลาดใจมาก แต่การวิเคราะห์ของสุภาพบุรุษท่านนั้นถูกต้อง เขารู้สึกกังวลกับปัญหาบางอย่างในการเล่นของเขา แต่ไม่สามารถหาวิธีแก้ไขได้ และคำพูดจากสุภาพบุรุษท่านนั้นก็ได้สอนบทเรียนที่ยอดเยี่ยมให้กับเขา
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็พบว่าสุภาพบุรุษและภริยาของเขาก็จากไปแล้ว เขาทำได้เพียงแค่เห็นพวกเขาเดินออกไปจากทางด้านหลังเท่านั้น
เขาต้องการที่จะไล่ตามพวกเขาเพื่อกล่าวขอบคุณ แต่เจ้าของร้านอาหารยังคงเฝ้าดูเขาอยู่
“ขอบคุณ!” เขาพูดไล่หลังออกมาเสียงดัง
สุภาพบุรุษที่มีมารยาทและลึกซึ้งเช่นนี้ต้องเป็นนักดนตรี!
ลูเซียนไม่ได้มองย้อนกลับไป เขาแค่ยกมือขึ้น
“เจ้าชอบที่จะเป็นอาจารย์” นาตาชายิ้ม
ลูเซียนกล่าวว่า “จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ปัญหาของการเป็นอาจารย์ มันเป็นเพราะความชื่นชม ถ้าไม่ใช่ท่านวิกเตอร์ และคำสั่งสอนของท่าน ตอนนี้ข้าก็คงไม่ประสบความสำเร็จเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อข้าเห็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ถ้าข้าทำได้ ข้าก็จะให้ความช่วยเหลือพวกเขา บางทีความช่วยเหลือบางอย่างอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาต้องการเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ข้ากำลังตอบแทนสังคม”
“ตอบแทนสังคม…อืมม…” นาตาชารู้สึกขบขันเล็กน้อย
ตอนนี้พวกเขาเดินไปที่สมาคมนักดนตรีในเมืองอัลโต้ และได้เห็นอาคารรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามที่ไม่สมดุล
ในสายตาของพวกเขา ในสายตาของพวกเขา อาคารยังคงเหมือนเดิม ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งเห็นมันเมื่อวานนี้ แต่หลังจากนั้นไม่นานนาตาชาก็ส่ายศีรษะ และมองไปรอบ ๆ “ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องดีหรือเปล่าที่อัลโต้ ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่เรนทาโตกลับเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
นครเรนทาโตอยู่ในช่วงการพัฒนาที่รวดเร็วอย่างถึงที่สุด เหมือนกับที่ลูเซียนคาดไว้ ทั้งเมืองกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“ถ้าเราไม่คำนึงถึงชีวิตของคนทั่วไป บางทีอัลโต้อาจจะเหมาะรูปแบบเพลงในปัจจุบันมากกว่า…” ลูเซียนพูดอย่างเป็นกลาง
“เจ้าพูดถูก ข้าไม่คิดว่าบรรยากาศของเรนทาโตจะเหมาะกับซิมโฟนีจริงๆ ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างอื่น” นาตาชาพยักหน้าอย่างจริงจัง
“วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และวัยที่แตกต่างกันทำให้เกิดดนตรีประเภทต่างๆ” ลูเซียนพูดอย่างตรงไปตรงมา เขาเชื่อว่าวันหนึ่งเรนทาโตจะสร้างเพลงร็อคด้วยซ้ำ
นาตาชากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีสีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “ท่านวิกเตอร์…”
ท่านวิกเตอร์กำลังเดินออกจากอาคารสมาคม ล้อมรอบไปด้วยนักดนตรีมากมาย เขาขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าไปยัง โรงละครซาล์มฮอล
ลูเซียนเฝ้ามองท่านวิกเตอร์ขึ้นไปบนรถม้า แต่เขากลับไม่ได้ทำอะไร
“เจ้าไม่อยากพบเขาเหรอ” นาตาชาถาม
ลูเซียนส่ายศีรษะและพูดเสียงเบา“ ไม่จำเป็น…”
การไปปรากฏตัวต่อหน้าจะเป็นการไปรบกวนชีวิตอันสงบสุขของเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ลูเซียนจะทำให้ศาสนจักรลืมเรื่องเกี่ยวกับวิคเตอร์
นาตาชายิ้ม และพูดเรื่องอื่น “งั้นเราไปที่โรงละครซาล์มฮอลเถอะ ข้าสงสัยว่าใครกำลังเล่นอยู่ที่นั่น”
“แน่นอน” ลูเซียนเห็นด้วย วงเวทปิดกั้นมนตราไม่มีประโยชน์สำหรับระดับตำนาน
………………………………………………