Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 761.2 สื่อกลางการร่ายคาถาเวท (2)

บทที่ 761.2 สื่อกลางการร่ายคาถาเวท (2)

นาตาชามาหยุดยืนอยู่หน้าลูเซียนพร้อมกับถือดาบแห่งสัจธรรมแทนที่จะเข้าโจมตีมัลติมุสพร้อมกับเขา เพราะลำแสงแช่แข็งนี้ไม่แบ่งแยกมิตรหรือศัตรูและนางก็สามารถโจมตีศัตรูได้หลังจากที่มันเริ่มละลาย นอกจากนี้ นางก็จำต้องหวาดระแวงราชินีเอลฟ์ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น

นั่นคือความสงบนิ่งที่อัศวินผู้ยึดหลักการปกป้องจำต้องเรียนรู้

เงาดำที่แทบจะกลืนกินฮาเร็กซ์โดยสมบูรณ์พลันถ่มของเหลวเหม็นโฉ่ออกมา มันดูเหมือนกับตัวแทนทางฆานประสาทของความรู้สึกด้านลบ!

ของเหลวเหนียวข้นนั้นแผ่กลายเป็นม่านบางๆ บนแท่นบูชา พยายามสกัดกั้นเวท ‘ความเมตตาของเทพธิดาหิมะ’

ในตอนนั้นเอง คันธนูอันใหญ่รูปลักษณ์งดงามก็ปรากฏขึ้นในมืออะเกลียยา นางขึ้นศรอย่างช่ำชองและเล็งเป้ามาที่มัลติมุส

ดวงใจแห่งธรรมชาติเบื้องหลังนางพลันเปล่งแสงวูบ รังสรรค์เป็นพลังธรรมชาติอันสงบสุขเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

‘พลังธรรมชาติ’ นั้นมารวมกันเป็นศรมายาขนาดยาวพร้อมกับพลังที่บรรจุวัฏจักรแห่งธรรมชาติทั้งหมดเอาไว้ จากนั้น เมื่อมือของอะเกลียยาที่ดูไม่เหมือนกับมือของพรานนักล่าเลยสักนิดปล่อยลูกธนูออกไป ศรยาวสีเขียวก็พุ่งออกไปและหายลับไปกับความว่างเปล่า

อากาศรอบๆ แท่นบูชาสั่นสะเทือนรุนแรง ก่อนจะเริ่มเกิดเสียงฮัมยืดยาว จากนั้น ความว่างเปล่าก็แตกสลาย ศรสีเขียวอันเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเติบโต การโตเต็มวัย การผุสลาย และการตายก็พุ่งออกมา มันถูกยิงออกมาช้ากว่าแต่กลับมาถึงก่อน มันกระแทกเข้ากับม่านดำก่อนหน้าเวทความเมตตาของเทพธิดาหิมะ

ความเขียวขจีบนพื้นผิวพลันแบ่งบาน ราวกับมีป่าที่กำลังเติบโตขึ้น สิ่งแปลกประหลาดใดก็ตามพลันแตกสลายอย่างไร้ซุ่มเสียง พวกมันถูกขจัดไป หรือพูดให้ถูกต้องก็คือ พวกมันได้เข้าสู่ ‘วัฏจักรแห่งธรรมชาติ’

นั่นก็คือหนึ่งในสิบสามอาวุธชั้นตำนานระดับสี่ ‘ธรรมชาติลงทัณฑ์!’

แม้ว่าในประวัติศาสตร์จะมีผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุดอยู่มากมาย แต่นั่นมิได้หมายความว่าอุปกรณ์หรืออาวุธชั้นตำนานที่พวกเขาใช้จะต้องเป็นชั้นตำนานระดับสี่ เหล่ามังกรและปีศาจที่พึ่งพาเพียงความสามารถของตนเองย่อมไม่สามารถสร้างสิ่งของระดับสูงเพียงนั้นได้ กระทั่งนักเวทเองก็ไม่อาจเลื่อนระดับอุปกรณ์ชั้นตำนานพิเศษได้โดยไม่ใช้วัตถุดิบชั้นตำนานที่เหมาะสม เช่น จนถึงตอนนี้ อุปกรณ์ชั้นตำนานของเฟอร์นันโดกับแฮทธาเวย์ก็ยังคงไม่ได้เลื่อนระดับ เมื่อหักลบจากอุปกรณ์ที่หายสาบสูญไปหรือถูกทำลายด้วยเหตุผลหลายประการ ยามนี้จึงมีเพียงสิบสามชิ้นเท่านั้นที่ผู้คนรู้จักมักคุ้น

นั่นหมายความว่าดักลาส ผู้มีอุปกรณ์ชั้นตำนานระดับสี่อยู่ในครอบครองถึงสองชิ้น คือคนกลุ่มน้อยในหมู่คนกลุ่มน้อยอีกทอดหนึ่ง ที่รองลงมาก็คือเจ้าชายปีศาจ เจ้าแห่งนรกชั้นแรก เจ้าแห่งพายุ และเจ้าแห่งธาตุ ทุกคนต่างปรารถนาที่จะครอบครองมัน เจ้าแห่งนรกชั้นแรก ที่ถูกเขาขโมย ‘คัมภีร์นักเวท’ มา เกลียดชังเขาเป็นพิเศษเลยเชียว แต่แน่นอนว่า ตราบใดที่ยังมีโอกาส ทั้งเฟอร์นันโดและแฮทธาเวย์ต่างมีหวังอย่างยิ่งในการเพิ่มจำนานอุปกรณ์ชั้นตำนานระดับสี่เป็นสิบห้าชิ้น

ภายใต้พลังอำนาจของธรรมชาติลงทัณฑ์ ม่านพลังป้องกันภายนอกของเจ้าแห่งนรกพลันสลายไป และลำแสงโปร่งใสไร้สีสันจากเวทความเมตตาของเทพธิดาหิมะก็กระแทกโดนตัวเขาอย่างเหมาะเจาะ

โลกทั้งใบพลันตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่อาจได้ยินเสียงใดอีกต่อไป สายลมและสายน้ำถูกแช่แข็ง เช่นเดียวกับแสงสว่าง

ฮาเร็กซ์ยืนอยู่ใจกลางโลกที่ถูกแช่แข็ง และร่างของเขาก็ยังคงชูตรีศูลทองคำขึ้นสูง ความสับสนและสิ้นหวังสลักอยู่บนใบหน้า

ในฐานะชั้นตำนานระดับสูงสุด แม้ว่าเขาจะสามารถรับเวท ‘ความเมตตาของเทพธิดาหิมะ’ จากลูเซียนโดยตรงได้โดยไม่บาดเจ็บ แต่นั่นก็เป็นเพียงตอนที่ปราการป้องกันของเขายังอยู่ดี ทว่า ปราการป้องกันตัวของเขากลับถูกมัลติมุส อะเกลียยา ลูเซียน และนาตาชาทำลาย ส่งผลให้แม้แต่ดวงวิญญาณของเขายังบาดเจ็บสาหัสและใกล้ดับสูญ เขาไม่อาจควบคุมร่างกายให้ต้านรับการโจมตีได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกเวท ‘ความเมตตาของเทพธิดาหิมะ’ แช่แข็งเอาได้

ทางด้านมวลพลังปีศาจแห่งบรรพกาลที่เจ้าแห่งนรกสิงสู่อยู่นั้นยังเลื่อนระดับไปไม่ถึงชั้นตำนานระดับสี่ และมันก็มิได้มีพลังป้องกันอันแข็งแกร่ง มันจึงถูกแช่แข็งอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิต่ำสุดขีด ดูเหมือนกับกาวสีดำที่เกาะกลุ่มเป็นก้อน

สายน้ำสาดซัดออกมา แล้วความหนาวเย็นเหนือธรรมชาติก็ละลายหายไปอย่างรวดเร็ว ร่างของฮาเร็กซ์และกาวสีดำละลายและระเหยหายไปพร้อมกันนั้น

ตุบ

เงื้อมมือจักรพรรดิ หนึ่งในสิบสามอาวุธชั้นตำนานระดับสี่ ตกอยู่ข้างประตูน้ำเงิน มันคืออาวุธที่สามารถรับการโจมตีจากดาบยาวด้วยปราการที่แข็งแกร่ง ดังนั้นมันจึงเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ตรีศูลทองคำแผ่รัศมีดูน่าหลงใหลออกมาเป็นระลอกๆ กระทั่งลูเซียนยังรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นเร็วขึ้น ทว่า นั่นหาใช่จุดสนใจของเขา เขาส่งคลื่นเสียงไปในอากาศเพื่อถามว่า “มันจบแล้วหรือ”

อย่างไรทั้งสองก็เป็นถึงผู้มีพลังชั้นตำนานสูงสุดและมนุษย์ครึ่งเทพที่กำลังมาเยือน นอกจากนี้ มันยังมิใช่ ‘การมาเยือนที่มีข้อบกพร่อง’ เหมือนกับคราวก่อน แต่แทบจะเป็นการหลอมรวมอย่างสมบูรณ์จนสามารถรองรับพลังส่วนใหญ่ของเจ้าแห่งนรกได้อีกด้วย

“…การหลอมรวมยังไม่สมบูรณ์ มัลติมุสสามารใช้พลังได้อย่างจำกัด และฮาเร็กซ์ก็อยู่ในสภาพอ่อนแอหลังจากโดยโจมตีอย่างต่อเนื่อง” อะเกลียยาลังเลแต่ก็แสดงความเห็นจากอีกฟากฝั่งที่นางอยู่

ลูเซียนพยักหน้า นั่นฟังดูสมเหตุสมผลไม่น้อย แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจ อีกความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นตามมา ‘อะเกลียยาคงจะต้องมาถึงนานแล้วแน่ๆ นางไม่โจมตีก็เพราะกำลังเฝ้ารอจังหวะที่ดีที่สุด ถ้านางโจมตีเร็วกว่านี้ ฮาเร็กซ์ ศัตรูตัวฉกาจของนางคงจะหลุดรอดจากภัยร้ายและเพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ถ้านางโจมตีช้าไป นางย่อมต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์ครึ่งเทพที่เข้าใจในปริศนาของปีศาจแห่งบรรพกาลเป็นอย่างดี หากเป็นเช่นนั้นนางคงทำอะไรไม่ได้นอกจากป้องกันตัวเองและมองหาทางหนีทีไล่’

‘เพราะอย่างนี้ นางจึงจำเป็นต้องรอโอกาสในการทำลายทั้งฮาเร็กซ์และมวลพลังปีศาจแห่งบรรพกาลพร้อมกัน นางจำต้องรอแม้ว่าจะเกิดเรื่องผิดปกติก็ตาม’

แม้เขาจะรู้ดีว่านี่คือการตัดสินใจเลือกที่สมเหตุสมผลแล้วของอะเกลียยาเมื่อดูจากความสนใจของนาง แต่ลูเซียนก็ยังเกิดโทสะเมื่อคิดว่าพฤติกรรมนี้คือการเพิ่มโอกาสที่เจ้าแห่งนรกจะมาเยือนโลกหลักได้สำเร็จ ‘อีกอย่าง นางค้นพบประตูน้ำเงินแล้ว เกรงว่านางจะวางแผนนี้มานานและรู้ว่าฮาเร็กซ์จะมาที่นี่ เพื่อที่จะครอบครองประตูน้ำเงิน นางจึงปล่อยให้เอลฟ์แห่งท้องทะเลกลายเป็นเครื่องบูชายัญ’

‘เงื้อมมือจักรพรรดิจะต้องไม่ตกเป็นของคนออกอุบายแสนทะเยอทะยานที่ไม่รู้จักขอบเขต’

โทสะในใจนั้นรุนแรงเสียจนลูเซียนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทันใดนั้นเอง เขาก็ให้แตกตื่น เขาไม่อาจควบคุมตนเองได้เช่นนั้นหรือ

โดยไม่ลังเล ลูเซียนทาบมือบนอกและร่ายเวทระดับตำนานใส่ตนเอง

“เวทจิตแตกซ่าน!”

ตูม!

เสียงที่ดังมาจากส่วนลึกสุดของหัวใจเขาพลันดังกึกก้อง ราวกับระฆังในโบสถ์ที่ถูกเคาะหรือเสียงของรากหญ้าใต้ผืนดินกำลังชอนไชขึ้นมาบนหน้าดิน

วิญญาณทั้งดวงของลูเซียนพลันสั่นสะเทือน สมองเขาเหมือนอยู่ในตาพายุจนเขาแทบควบคุมร่างกายตนเองมิได้ ในตอนนั้นเอง เมื่อผนวกรวมกับการระเบิดจนดวงวิญญาณปั่นป่วน เงาดำก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายลูเซียน

จากนั้น ด้วยมีประสบการณ์กับสถานการณ์สุดโต่งอย่างการที่ดวงวิญญาณแผ่ออกและแตกสลาย ลูเซียนจึงสามารถควบคุมวิญญาณของตนกลับมาได้ ก่อนที่เวทแสงแห่งอาร์คานาจะสว่างขึ้น ท่ามกลางแสงอบอุ่นแสนบริสุทธิ์ เงาไหววูบจึงระเหยหายไปอย่างรวดเร็ว

สมองลูเซียนพลันโล่ง โทสะอันไร้เหตุผลเมื่อครู่นี้มลายหายไปโดยสิ้นเชิง อะเกลียยาคงจะมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคนของนางด้วยการติดตามศัตรูมาและบังเอิญเจอกับพวกเขา นางอาจจะมิได้ชั่วร้ายอย่างที่เขาคิดก็เป็นได้

เขาถูกปีศาจแห่งบรรพกาลครอบงำความคิดแม้ว่าเขาจะร่ายเวทปราการคุ้มกันจิตให้กับตัวเองแล้วก็ตาม การควบคุมความรู้สึกด้านลบและสถานะของปีศาจแห่งบรรพกาลของเจ้าแห่งนรกนั้นน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง หากเขาไม่เคยผ่านการแปรสภาพมาก่อนและเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับปีศาจแห่งบรรพกาล เขาคงจะหลบหนีไม่พ้นแล้ว!

มันคือความจริงที่ว่าเมื่อเจ้าแห่งนรกร่วมมือกับปีศาจแห่งบรรพกาลนั้นไม่มีทางทำลายได้ง่ายๆ!

ทันทีที่ลูเซียนร่ายเวทจิตแตกซ่านที่จำกัดความเสียหายไว้เพียงตัวเขา ใบหน้านาตาชาก็พลันเปลี่ยน ก่อนที่นางจะฟาดฟันดาบแห่งสัจธรรมใส่ตนเองอย่างไม่ลังเล!

เมื่อดาบเงินโดนตัวนาง ร่างกายนางก็พลันบิดเบี้ยวและกลายเป็นดาบแบบเดียวกัน จากนั้น ดาบก็ถูกแยกออก และเงาภายในนั้นก็ถูกเผาทำลายเหลือเพียงเถ้าถ่านที่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน

วินาทีถัดมา ร่างนาตาชาที่กลายเป็นดาบก็หลอมรวมเข้ากับแสงจากดาบแห่งสัจธรรม โดยหลบเลี่ยงช่องว่างมายาที่ถูกตัดเฉือน

หลังจากที่นางกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ ใบหน้าของนางก็ซีดเซียวลงมาก ในหมู่คนทั้งสาม นางถือว่าอ่อนแอที่สุด และนางก็มิได้นำโล่แห่งสัจธรรมออกมาด้วย นางจึงทำได้เพียงกำจัดเงามืดจากความคล้ายคลึงกันของดาบแห่งสัจธรรมและพลังโลหิตของตน

เมื่อเห็นเช่นนั้น ลูเซียนก็ลอยถอนหายใจ เมื่อครู่นี้เขาประมาทและถืออารมณ์เป็นใหญ่เกินไป หากไม่เช่นนั้นแล้ว มันคงเป็นเรื่องยากที่ปีศาจแห่งบรรพกาลจะครอบงำผู้มีพลังชั้นตำนานอย่างตัวเขาและนาตาชา

เห็นได้ชัดว่าเงื้อมมือจักรพรรดิคือสื่อกลางที่เจ้าแห่งนรกจงใจทิ้งไว้เพื่อร่ายเวทของมัน!

วิธีของอะเกลียยานั้นง่ายกว่าลูเซียนกับนาตาชามาก ร่างของนางพร่าเลือนกลายเป็นเงามายาแห่งธรรมชาติ มันดูเหมือนกับว่านางมีอยู่ทุกหนแห่งที่มีการเคารพบูชาธรรมชาติ ท่ามกลางม่านหมอกสีเขียว จุดสีดำนั้นเห็นได้ชัดเจนยิ่ง

แสงสีเขียวเจิดจ้าแผ่พุ่งออกมาจากร่างของอะเกลียยา หลอมละลายเงามืดนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นางจะกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไปกันเถิด เราช้าไปเล็กน้อย เขารวมร่างสำเร็จแล้ว!”

“ฮ่าๆ หากเจ้าไม่รั้งรอโอกาส ข้าจะมีเวลาได้หลอมรวมกับเขาเช่นนั้นหรือ” เสียงหัวเราะเย้ยหยันคล้ายกับจะดังมาจากทุกทิศทาง

แมกมาเริ่มปะทุขึ้นจากพื้นดิน พร้อมกับที่กลิ่นเหม็นฉุนของกัมมะถันจะแผ่คละคลุ้ง

อะเกลียยามาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือคนของนางที่ถูกจับตัวมา ระหว่างทาง นางโชคดีที่ได้พบกับพวกคัสโทนกลุ่มหนึ่งที่กำลังพาตัวเชลยศึกมา นางจึงได้ล่วงรู้ถึงสถานการณ์ของประตูน้ำเงินและเร่งรีบมาที่ยี่โดยเร็วที่สุด

เมื่อนางมาถึง ก็เป็นตอนที่ฮาเร็กซ์ระเบิดพลังใช้กระแสน้ำเงินเชี่ยวกราก หลังจากช่างน้ำหนักระหว่างข้อดีกับข้อเสีย นางก็ตัดสินใจรั้งรอตามระสบการณ์ น่าเสียดายที่การเลือกเวลาของนางผิดพลาดไปเล็กน้อยเพราะมัลติมุสสัมผัสได้ล่วงหน้าถึงการมาเยือนของนาง

แม้จะเสียดาย แต่อะเกลียยาผู้เคยอยู่ในสถานะของปีศาจแห่งบรรพกาลด้วยตัวเองมาก่อน จึงสามารถสะกดข่มความรู้สึกในใจได้ นางชูมือขวาขึ้นห่างๆ ปล่อยให้ต้นไม้ต้นใหม่เติบโตอยู่ภายในแมกมาและทำให้กระแสของมันช้าลง

ลูเซียนกับนาตาชาห้าวพริบตาและบินถอยหลังจนมาถึงขอบแอ่งกระทะในเวลาเดียวกัน

………………………………………..

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท