มิใช่เพียงโอเกอร์เท่านั้น ผู้มีพลังชั้นสูงทุกคนที่มีความสามารถด้านโหราศาสตร์หรือคุ้นเคยกับพลังทำนายที่อยู่ในที่นี้ ต่างเริ่มทำนายสถานภาพชีวิตของนาทราวอส เจ้าแห่งอเวจี
พวกเขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตนเองมากกว่าเมื่อเป็นเรื่องสำคัญเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับ ‘ผู้ร่วมมือ’ ทั้งหลายที่พวกเขาไม่อาจเชื่อใจได้
ลูเซียนเองก็มิใช่ข้อยกเว้น ลูกแก้วในมือทั้งสองข้างของเขากลับกลายเป็นไร้สีสันอย่างรวดเร็ว และเริ่มมืดครึ้มลง พร้อมกับปรากฏดวงดาวขึ้นมาเป็นเส้นโคจรรูปแบบแปลกๆ
เมื่อมิมีผู้ใดยื่นมือเข้าไปยุ่งหรือปกปิดสถานภาพของนาทราวอส ลูเซียนจึงได้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว นักเวทชั้นตำนานผู้ครองตำแหน่ง ‘เจ้าแห่งอเวจี’ สิ้นชีพดับสูญแล้วจริงๆ
“นาทราวอสตายแล้วจริงๆ…” หลังจากนั้นหลายวินาที โอเกอร์ก็บอกผลัพธ์ของตนด้วยเสียงแหบพร่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย
หลังจากนั้น นักเวทชั้นตำนานคนอื่นๆ ก็ได้ผลสรุปคล้ายคลึงกันนี้ บรรยากาศโดยรอบยิ่งเย็นยะเยียบ ราวกับว่าพายุกำลังก่อตัวขึ้น
แต่ทันใดนั้น ดานิซอส มังกรแห่งกาลเวลาและแสงสว่าง ก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ทว่าข่มขวัญ “ข้าตรวจสอบร่องรอยแห่งกาลเวลาแต่ไม่อาจหาสาเหตุการตายของนาทราวอสหรือนักฆ่าได้เลย บางทีผู้มีพลังชั้นสูงอาจจงใจทำลายร่องรอยเหล่านั้น หรือมันอาจจะถูกทำลายไปเพราะพายุทำลายล้างที่เป็นสาเหตุการตายของนาทราวอสก็เป็นได้”
ดานิซอสไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ทว่า ทุกสรรพสิ่งย่อมทิ้งร่องรอยไว้ในสายธารแห่งกาลเวลาไม่มากก็น้อย มีเพียงผู้มีพลังชั้นสูงที่เข้าใจปริศนาลี้ลับแห่งกาลเวลาเท่านั้นที่จะตรวจสอบมันได้
ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่ ร่องรอยเหล่านั้นก็จะยิ่งจางหายไป แม้แต่ดานิซอสก็ไม่อาจตรวจสอบทัศนียภาพที่อยู่ไกลเกินไปได้ เว้นแต่ว่ามันจะทิ้งร่องรอยไว้บนสายธารแห่งกาลเวลาอย่างลึกล้ำยิ่ง แต่แน่นอนว่า จะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี มันย่อมมีกรณีที่สิ่งต่างๆ ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยชัดเจนแม้ว่าเหตุการณ์จะเพิ่งเกิดขึ้นก็ตาม
เดโมกอร์กอนแห่งดวงตา โซนิเต ดูเบนอล เซร์วานเตส อัศวินชั้นตำนานที่รู้จักกันในนามของ ‘ผู้ไต่สวนหกกร’ สเตอร์ลิง เซท ราชาแห่งฝันร้าย และผู้มีพลังชั้นสูงคนอื่นๆ หาได้ปักใจเชื่อคำพูดของดานิซอส พวกเขาหันไปมองโอเกอร์ จิตอาวุโส และลูเซียน อย่างไรเสีย มันก็เป็นไปได้ว่าดานิซอสกับแดรกคูลาจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ลูเซียนเก็บลูกแก้วกลับไปและพยักหน้าให้ราชาแห่งฝันร้ายกับเซท เจ้าชายแวมไพร์ ด้วยท่าทีเคร่งขรึม บอกเป็นนัยๆ ว่าผลสรุปจากนาฬิกาจันทรากาล ลูกแก้ว เวทกระจกแห่งชะตานั้นออกมาเหมือนกัน ในขณะเดียวกันนั้น โอเกอร์ ราชันย์ร่มเงา ก็ยืนยันคำพูดของดานิซอสผ่านการใช้เวทพยากรณ์บทอื่น
จิตอาวุโสนิ่งงันไป ร่างของเขาดูว่างเปล่าเหมือนกับว่าวิญญาณหลุดลอยออกไปแล้ว ทว่าดวงตาทั้งสองบนศีรษะปลาหมึกยักศ์ของเขากลับหม่นแสงลงดูแก่ชรา แต่ก็มิได้แสดงถึงความชราภาพ ผู้มีพลังชั้นสูงทุกคนที่มองสบตากับอีกฝ่ายต่างรู้สึกว่าความคิดของตนถูกทำให้เชื่องช้าลง
“‘เจ้าแห่งจิต’ ครอบครองร่างโดนสมบูรณ์แล้ว..” ลูเซียนพยักหน้าเล็กน้อย วิธีการที่ ‘เจ้าแห่งจิต’ สามารถควบคุมจิตอาวุโสได้จากระยะไกลทั้งๆ ที่อยู่ในเทือกเขาไร้แสงซึ่งเต็มไปด้วยช่องว่างมิตินั้นย่อมเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การศึกษา
เสียงของจิตอาวุโสกลับกลายเป็นแหบเครืออย่างยิ่ง “ข้า ‘เห็น’ เพียงบว่า จิตใจของนาทราวอสนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความปีติยินดีก่อนที่เขาจะตาย…”
ความเจ็บปวดและความปีติยินดีเช่นนั้นรึ ความรู้สึกแรกนั้นพอจะเข้าใจได้ วิธีการตายส่วนใหญ่แล้วมักจะสร้างความเจ็บปวด แต่ความปีติยินดีนี่มันอย่างไรกัน
ผู้มีพลังชั้นตำนานทุกคน ณ ที่นั้นต่างเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่นานพวกเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่านาทราวอสเป็นพวกมีความสุขกับการทำร้ายตัวเอง ยิ่งเขาเจ็บปวดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น มันก็เหมือนกับเวลาที่มนุษย์ทั่วไปได้ลิ้มลองอาหารหรือไวน์เลิศรส หรือได้พบกับสิ่งที่น่าพอใจ
‘นี่นาทราวอสเผลอ “เล่น” กับตัวเองแรงเกินไปหรือไม่ แต่การระเบิดเครื่องรางกักพลังก็ยังเกินกว่าเหตุไปมากนัก…หรือบางทีความเจ็บปวดที่ไม่ทำให้เขาเสียชีวิตอย่างแท้จริงจะนำความสุขสำราญมาให้เขาได้ไม่เพียงพอกันนะ’ ความคิดเหมือนๆ กันที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ผุดขึ้นมาในหัวของลูเซียน สำหรับใครบางคนแล้ว พวกเขาอาจไม่เคยพอใจหากไม่ได้รับความสุขสมจากความตาย ‘ดูเหมือนว่านาทราวอสจะมีปัญหาทางจิตอย่างรุนแรง น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รับการเยียวยารักษาอย่างทันกาล’
ทว่า นี่เป็นเพียงความคิดเห็นของ ‘เจ้าแห่งจิต’ และมันก็หาได้มีหลักฐานมาสนับสนุน นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าผลสรุปจะเป็นจริง ความเป็นไปได้ที่นาทราวอสจะถูกสังหารก็ยังไม่อาจตัดทิ้งไป มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจเจ็บปวดและปีติยินดียามที่มีคนทารุณกรรมเขาอยู่
ในขณะที่ความคิดทุกรูปแบบผุดขึ้นในใจลูเซียน โอเกอร์ เซร์วานเตส และคนที่เหลือก็เริ่มพูดคุยสื่อสารกันทางจิตแล้ว
“ไม่ว่านาทราวอสจะถูกฆาตกรรมจริงๆ หรือไม่ เราก็ต้องฉวยโอกาสนี้เลื่อนการประชุมออกไปก่อน!” โอเกอร์กล่าวอย่างเร่งร้อน เขาดูจะไม่เห็นด้วยกับแผนการปฏิรูปสภาของดานิซอสและแดรกคูลา
สเตอร์ลิงกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ใช่ เราต้องหาสาเหตุการตายของนาทราวอสก่อน มิเช่นนั้น เราคงมีจุดจบที่ไม่สวยนักแม้ว่าเราจะเห็นด้วยกับคำสั่งของดานิซอสและแดรกคูลา มันเป็นไปได้ว่า ในอนาคต เราอาจจะตายอย่างเป็นปริศนาเหมือนกับนาทราวอส!”
เขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปและไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
“แต่ว่า หากเราเห็นด้วยกับการปฏิรูป ในฐานะผู้มีพลังชั้นตำนาน เราต่างก็มีอิทธิพลมาเกินกว่าที่ดานิซอสกับแดรกคูลาจะมองข้ามเราไปได้ เหตุใดพวกเขาจะต้องสังหารเราด้วยเล่า” เซร์วานเตส ผู้ไต่สวนหกกร ถามด้วยความมึนงง เขาค่อนข้างเป็นกลางเกี่ยวกับการปฏิรูปนี้
“เหอะๆ แล้วถ้าเกิดว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขามิใช่การปฏิรูปเล่า เราไม่รู้เสียหน่อยว่าเหตุใดผู้มีพลังชั้นตำนานหลายคนจึงสิ้นชีพไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้…” โซนิเต เจ้าชายมนุษย์หมาป่าอีกตนหนึ่ง เกลียดชังแวมไพร์จากก้นบึ้งของหัวใจ
เมื่อเห็นว่าทุกคนนิ่งเงียบ ดูเบนอลจึงเชิดหน้าขึ้นพลางบังคับน้ำเสียงของตนขณะสื่อสารผ่านกระแสจิต “เรื่องนี้เกิดขึ้นค่อนข้างกะทันหัน แม้ว่าจะมีคนปล่อยข่าวออกไปล่วงหน้า แต่ระยะเวลานั้นสั้นเกินไปสำหรับเรา และหลายๆ วิธีก็ใช้การไม่ได้”
เดโมกอร์กอนแห่งดวงตา จิตอาวุโส และผู้มีพลังชั้นสูงคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงกับฝีปากคมคายของเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ดูเบนอลกลายเป็นนักคิดเชิงปรัชญาเช่นนี้
“ระหว่างทางมาที่นี่ข้ายังคิดหาทางแก้ดีๆ ไม่ได้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าก็คงจะเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ” ดูเบนอลมองไปทางคนอื่นๆ รอดูการยอมรับ
ก็ยังเป็นดูเบนอลคนเดิมนั่นแหละ!
ทว่า คำพูดของดูเบนอลดูเหมือนจะไปจุดประกายบางอย่างให้กับโอเกอร์ เขาส่งเสียงเยาะก่อนจะกล่าวว่า “ด้วยเหตุนี้ การตายของนาทราวอสจึงมอบโอกาสในการเลื่อนการประชุมออกไป เมื่อเรามีเวลามากพอ ก็เป็นไปได้ว่าเราจะขัดขวางแผนร้ายของดานิซอสกับแดรกคูลาได้”
“ใช่แล้ว เคานต์เนตรเงินมิได้อยู่ที่นี่ด้วย เรื่องนี้อาจแตกต่างออกไปหากเขาคัดค้านในฐานะตัวแทนของแวมไพร์ส่วนหนึ่ง อย่างไรเสีย เขาก็หาได้เกรงกลัวการต่อสู้กับแดรกคูลา เพราะเขาสามารถอัญเชิญจันทราสีเงินมาได้” เดโมกอร์กอนแห่งดวงตากับเซร์วานเตสเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
จิตอาวุโสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “เหล่ามังกรเองก็ใช่ว่าจะสมัครสมานสามัคคีกันนัก มิเลอเรียสกับดานิซอสเป็นศัตรูหัวใจกันมานานนม ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิดแม้ว่าอะฟลอราจะจากไปแล้วก็ตาม ตราบใดที่เราโน้มน้าวใจเขาได้ การจะทำให้พวกมังกรแบ่งฝักแบ่งฝ่ายก็อาจเป็นไปได้”
“อีกอย่าง ดานิซอสกับแดรกคูลาต่างก็หยิ่งยโสโอหังอย่างยิ่ง แม้ว่าทั้งสองจะร่วมมือกันในยามนี้ แต่ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะเคารพกันและกันอย่างแท้จริง หากเราได้ข้อสรุปจากคนส่วนใหญ่แล้ว เราอาจแสร้งทำเป็นเห็นด้วยไปก่อนและยุแยงให้พวกนั้นต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้นำในสภารูปแบบใหม่นี้ จากนั้น สภามืดรูปแบบใหม่ก็จะเป็นเหมือนกับในตอนนี้”
“แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกทำลาย เราก็จะได้ผลประโยชน์และตำแหน่งในสภามืดรูปแบบใหม่มามากพอ”
ผู้มีพลังชั้นตำนานส่วนใหญ่จะมีสติปัญญาเฉียบแหลมและมีประสบการณ์เจนจัด ที่อีกฝ่ายเป็นต่อในสถานการณ์นี้ก็เพราะมันเกิดขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายเกินไป และดานิซอสกับแดรกคูลาก็ดุดันและหยิ่งยโสเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ ในเมื่อตอนนี้พวกเขามีโอกาสและเวลามากมาย พวกเขาจึงคิดแผนการขัดขวางที่มีโอกาสสำเร็จสูงขึ้นมาได้
ดูเบนอลพยักด้วยความพึงพอใจกับคำหารือ เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ หากไม่มีเขา สติปัญญาของทุกคนก็คงไม่ได้รับการกระตุ้น
หการพูดคุยผ่านกระแสจิตดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานนักพวกเขาก็หารือกันเสร็จสิ้น ก่อนที่ดานิซอสกับแดรกคูลาจะได้กล่าวอะไร โอเกอร์ก็ยืนขึ้นและพูดว่า “มังกรแห่งกาลเวลาและแสงสว่าง เจ้าชายแดรกคูลา นาทราวอสได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน โดยที่ไม่รู้ตัวฆาตกร แผนการร้ายอาจกำลังมาเยือนเทือกเขาไร้แสงก็เป็นได้ เราจำต้องวางอคติและทิ้งปัญหาอื่นๆ ไปก่อน เพื่อพุ่งความสนใจของเราไปที่สาเหตุการตายของนาทราวอสและภัยร้ายที่อาจเกิดขึ้น ข้าเชื่อว่านี่ยังเป็นโอกาสอันดีงามที่พวกเจ้าจะแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าสภามืดรูปแบบใหม่นั้นดีกว่าในยามนี้อย่างไร”
“ใช่แล้ว เราจะเข้าร่วมสภามืดรูปแบบใหม่อย่างสบายใจได้อย่างไรหากเราไม่ทราบสาเหตุเบื้องหลังการตายของนาทราวอส” จิตอาวุโสเห็นด้วยกับโอเกอร์
การตายอย่างกะทันหันของนาทราวอสเป็นเรื่องน่าตื่นตระหนกอย่างยิ่งสำหรับเหล่ามังกรและแวมไพร์เช่นกัน แม้แต่ผู้ที่ให้การสนับสนุนดานิซอสกับแดรกคูลาอย่างสุดโต่งก็ยังอดที่จะเห็นด้วยมิได้ อย่างไรเสีย มันก็เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของพวกตนด้วย
ในตอนนั้นเอง ราชาแห่งฝันร้ายก็หันขวับมาพูดกับลูเซียนเสียงแผ่ว “หากว่าเจ้าแห่งอเวจีถูกใครบางคนสังหารจริงๆ ข้ากลับนึกไม่ออกเลยว่าฆาตกรคนใดจะสามารถจัดการเหยื่อได้ภายในมิติพิเศษและหอคอยเวทมนตร์ของเหยื่อเอง แม้แต่มนุษย์ครึ่งเทพยังลงมืออย่างรวดเร็วและเป็นความลับถึงเพียงนี้มิได้เลย”
“บางทีเขาอาจใช้ประโยชน์จากงานอดิเรกในการทารุณตัวเองของเจ้าแห่งอเวจี และบางทีเขาอาจไม่ได้อยู่ในมิติพิเศษตอนที่ตายก็ได้ขอรับ พลังทำลายล้างนั้นแท้จริงเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างวิญญาณและเครื่องรางกักพลังผ่านการใช้เวทมนต์แปลกๆ ในเรื่องนั้น ไวเค็นนับว่าเป็นนักเวทโบราณที่ครอบครองเวทมนตร์คาถาแปลกประหลาดมากมาย เขาสามารถแปรสภาพตนเองให้อยู่ในสถานะปีศาจแห่งบรรพกาล และเขาก็แข็งแกร่งกว่าเจ้าแห่งอเวจีมากนัก ฉะนั้นแล้ว เขาจึงเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับต้นๆ” ลูเซียนเดาจุดประสงค์ของราชาแห่งฝันร้ายออก จึงจงใจพูดถึงไวเค็น
และก็เป็นไปตามคาด ผู้มีพลังชั้นตำนานทุกคนในที่นั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ‘เป็นไวเค็นจริงๆ หรือที่ลอบมาทำลายแผนการเมื่อเขาได้ยินว่าสภามืดจะปฏิรูป แล้วเขายังอยู่แถวนี้หรือไม่’
“เพื่อความปลอดภัยของเราเอง เราต้องไปตรวจสอบการตายของนาทราวอส” ชายวัยกลางคนท่าทางเข้มงวดที่ดูเหมือนกับพ่อมดหมอผี กล่าวขึ้นเสียงทุ้มแผ่ว เขาคือไมเออร์ มังกรแดงแห่งบรรพกาล
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ดานิซอสกับแดรกคูลาจะยืนกรานต่อไป ดังนั้น ดานิซอสจึงกล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้น เราจะไปที่หอคอยเวทมนตร์ของนาทราวอสเพื่อตรวจสอบดูด้วยกัน เผื่อว่าผู้ใดจะสงสัยว่าแดรกคูลากับข้าอาจทำลายเบาะแสและสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา”
“ก็ได้” โอเกอร์เห็นดีด้วย “อีวานส์ สตานิส ข้าขอเป็นตัวแทนสภามืดเชิญเจ้าเป็นพยานในการตรวจสอบครั้งนี้”
“ไม่มีปัญหา” สตานิสตอบยิ้มๆ
ที่หอคอยเวทมนตร์ย่อมต้องมีเอกสารและบันทึกเวทมนตร์ที่ไม่ถูกทำลายของนาทราวอสอยู่เป็นแน่ ในฐานะนักสะสมตัวยงผู้มีเชื้อสายจากโบราณกาล สิ่งของของเขาย่อมมีค่าหาใดเปรียบ ที่โอเกอร์เชื้อเชิญทั้งสองก็เพราะว่าเขาต้องการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับการที่พวกเขาเป็นประจักษ์พยาน ลูเซียนจึงพยักหน้าด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มแย้ม
……………………………………..