Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 783 หนึ่งปีต่อมา

บทที่ 783 หนึ่งปีต่อมา

เดือนแห่งไฟ ปี 829 ภายในห้องปฏิบัติการเล่นแร่แปรธาตุในบาเบล

มีรูปแบบเวทมนตร์เรื่องแสงสีที่แตกต่างกัน บนผนัง เพดาน และพื้น และรวมกันเป็นวงแหวนเวทมนตร์ที่มีลวดลายสลับซับซ้อนครอบคลุมไปทั่วทั้งห้องปฏิบัติการ เพื่อป้องกันเสียง และแสงรบกวนไม่ให้เล็ดลอดเข้ามาภายในห้อง

ลูเซียนยังสวมเสื้อคลุมมหาจอมเวทในรูปแบบชุดสูทสีดำยาว แทนที่จะเป็นของจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณ ตอนนี้ ชุดพองออกเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้สารอันตรายรั่วไหลออกมาจากตัวของลูเซียน ขณะอยู่ในอวกาศ โลกแห่งปัญญาของเขาก็ส่งผลกระทบต่อความเป็นจริงด้วย ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่มีละอองธาตุที่ลอยไปรอบๆ ทั้งกิน และผสมผสานรวมกันเป็นในสิ่งที่ทั้งจับต้องได้และจับต้องไม่ได้

แม้ว่าเขาจะระมัดระวังในการทดลองมาโดยตลอด แต่กลับกันการทดลองนี้ เขายิ่งระมัดระวังมากขึ้นไปอีก สาเหตุเป็นเพราะการพัฒนาจันทรากาลที่เขาใช้วัสดุที่ได้รับจากดานิซอสล้มเหลว ส่วนเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้จันทรากาลยังอยู่ที่ระดับเดิม และเขาก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีในการรักษาตัว

แต่เวลานี้เขามั่นใจว่าเขาจะทำได้สำเร็จ แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาจันทรากาลให้อยู่ในระดับ 4 และทำให้เป็นอุปกรณ์ประดับตำนานอันดับที่ 14 ของเขาได้ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือวัสดุที่เขามีอยู่อย่างจำกัด เพราะถ้าเขาล้มเหลวอีกเป็นครั้งที่สอง เขาจะต้องไปมิติอื่นๆ เพื่อค้นหาอุปกรณ์ประดับตำนานกาล-อวกาศชิ้นอื่น

อย่างไรก็ตามยังมีทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ นั้นคือการที่ “จันทราสีเงิน” สามารถเลี้ยงมังกรโบราณไว้ในปากกา และเปลี่ยนให้เป็นแหล่งเลือด เนื้อ และกระดูกระดับตำนานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ลูเซียนไม่เคยคิดที่จะใช้วิธีนี้เลย เพราะมันจะใช้เวลาฟื้นฟูนานเกินไป

ตามที่เขารู้มา จนถึงตอนนี้ดานิซอสก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองจนกลับไปสู่ระดับตำนานจากการต่อสู้เมื่อปีที่แล้วได้ อาจต้องใช้เวลาอีกสองสามปีในการรักษาตัวจากการต่อสู้ และอาจต้องใช้เวลาอีกสองถึงสามร้อยปีในการฟื้นพลังอย่างเต็มที่

ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังอย่างมากเกี่ยวกับการทดลองในครั้งนี้ และเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้นาตาชาอยู่ในห้องปฏิบัติการได้ด้วยซ้ำ เพราะว่านางมีพลังที่จะทำลายห้องปฏิบัติการมากที่เดียว

บนโต๊ะปฏิบัติการเล่นแร่แปรธาตุ ลูเซียนใช้พลังวิญญาณชักนำหยดเลือดบริสุทธิ์ให้วาดเป็นวงแหวนเวทมนตร์แบบแปลกๆ

เมื่อมองแวบแรก วงแหวนเวทมนตร์นั้นดูซับซ้อนอย่างมาก แม้แต่นักเวทย์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับตำนานเมื่อมองดูก็ยังรู้สึกเวียนศรีษะอย่างมาก และยังต้องสูญเสียพลังจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับนักเวทย์ที่มีพลังจิตวิญญาณเพียงพอ เพียงแค่พิจารณาอย่างละเอียดพวกเขาก็สามารถระบุรูปแบบภายในแบบพิเศษแต่เรียบง่ายได้

มันก็เหมือนคำที่ซับซ้อน แต่เมื่อเข้าใจถึงรากศัพท์ การจำคำศัพท์ก็ไม่ซับซ้อนอีกต่อไป

บนหน้าผากของลูเซียนมีเหงื่อผุดพรายออกมา แต่เมื่ออยู่ในห้องแล็บสุดอลังกาลนี้ หยาดเหงื่อก็หายไปในอากาศทันที

หลังจากเวลาผ่านไปนาน ในที่สุดลูเซียนก็วาดวงแหวนเวทมนตร์เส้นสุดท้ายเสร็จ ทันใดนั้น วงเวทย์และห้องปฏิบัติก็สั่นสะเทือนเล็กน้อยราวกับว่ามีบางอย่างกำลังก่อกวนพื้นที่และเวลา

หลังจากที่ทุกอย่างสงบลง ลูเซียนก็จัดการกับปีก และเนื้อส่วนที่เหลือแล้ววางลงบนสุดปลายของวงแหวนเวทมนตร์

จากนั้นจันทรากาลก็บินออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วลงไปตรงกลางวงแหวนเวทมนตร์ที่มีแสงปกคลุมเหมือนกับน้ำ

จากผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้เส้นของวงแหวนเวทมนตร์เริ่มบิดตัวไปมาบนจันทรากาลราวกับว่ามีชีวิต จากนั้นเส้นวงแหวนจะเชื่อมต่อกับเข็มนาฬิกา และสัญลักษณ์กลุ่มดาวบนจันทรากาล

ในระหว่างกระบวนการนี้ ลูเซียนไม่แม้แต่จะกระพริบตา อีกทั้งเขายังคอยปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ โดยใช้พลังวิญญาณของเขา ทั้งหมด

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก สองขั้นตอนแรกเป็นไปด้วยดี นั้นหมายความว่าเขามีมั่นใจกับผลลัพธ์มากขึ้น ความล้มเหลวครั้งก่อนๆ มาจากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ เขาปล่อยปละ ละเลย จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นผลลัพธ์ที่น่าสยดสยอง

ขณะที่กำลังตั้งสมาธิ ลูเซียนก็เปิดใช้โต๊ะเล่นแร่แปรธาตุอีกครั้ง ทันใดนั้น พลังงานของหอคอยเวทมนตร์ทั้งหมดก็พวยพุ่งเข้าสู่วงแหวนเวทมนตร์ที่อยู่ตรงกลาง และปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินที่มี “หมอก” ปรากฏขึ้น

กระบวนการที่เกิดขึ้นใช้พลังงานมากจนทำให้ไฟคริสตัลทั้งหมดดับลง แม้แต่การป้องกันของหอคอยก็ยังถูกปิดลงไปด้วย ทำให้พิน็อกคิโอที่เป็นผู้พิทักษ์หอคอยถึงกับต้องเปิดใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานสำรอง

แหล่งพลังงานสำรองสามารถให้ได้ไม่ถึงหนึ่งนาที แต่จันทรากาลยังคงต้องใช้เวลามากขึ้นอีกเล็กน้อย ในเวลานี้เองที่ลูเซียนเอื้อมมือขวาออกมา และใช้ร่างกายของเขาดันมือขวากดลงบทโต๊ะปฏิบัติการ ตอนนี้เขากำลังถ่ายเทพลังวิญญาณของตัวเองเข้าไป

ทันใดนั้น แสงสว่างสุดตระการตาก็พุ่งออกมาทั้วทั้งห้องปฏิบัติการ

ติ๊ก ติ๊ก …

นาฬิกาทั้งหมดในหอคอยเวทย์มนตร์เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็วราวกับกำลังแข็งขันกันอยู่ ภายในจักรวาลอะตอม นาตาชาที่กำลังใช้ดาวเคราะห์ธาตุฝึกดาบอยู่ก็รู้สึกว่าเวลานั้นช่างไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเวลากำลังวิ่งไปให้ถึงจุดสิ้นสุด

สำเร็จงั้นหรอ? นาตาชามองขึ้นไปบนหอคอยบาเบล นี้เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมครั้งใหญ่ตั้งแต่ที่นางกลายเป็นอัศวินระดับตำนานขั้น 2

เพียงแค่คลิกเบาๆ เวลาที่กำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่งก็กลับสู่ปกติ แต่แค่รู้สึกว่าเวลาในห้องปฏิบัติการผ่านไปนาน

ลูเซียนจ้องไปที่จันทรากาลบนโต๊ะปฏิบัติการ เขาเชื่อว่ามันดูต่างจากปกติเล็กน้อย แสงของมันดูเก่าแก่มากขึ้น และมีปุ่มกดใหม่ปรากฏขึ้นข้างปุ่มเดิมของเวทหยุดเวลาขั้นสูง

สำเร็จไหม? ลูเซียนไม่แน่ใจ

เมื่อเขาหยิบจันทรากาลขึ้นมา เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณของเขา และดูคุ้นเคยกับเขามาก

จากนั้นไม่นาน ลูเซียนก็ใส่จันทรากาลกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ และยิ้มออกมา ในที่สุด อุปกรณ์ระดับตำนานของเขาก็กลายเป็นอุปกรณ์ระดับตำนานชิ้นที่สิบสี่ และเพิ่มลูกเล่นใหม่—ร่ายเร็วขึ้น เข้ามา!

ก็เหมือนกับพรสวรรค์ของดานิซอส เขาสามารถร่ายเวทย์ระดับตำนานเร็วขึ้นเป็นสองเท่าได้!

แต่ถึงอย่างนั้น ดานิซอสก็สามารถใช้พลังได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ในขณะที่ลูเซียนสามารถใช้ได้เพียงวันละสามครั้งเท่านั้น แต่ระยะเวลาร่ายของเขาจะลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็เทียบเท่ากับการร่ายเวทย์ระดับตำนานทั่วไป

เวทหยุดเวลาขั้นสูงและเวทแรงโน้มถ่วงยุบตัวได้พัฒนามาถึงระดับตำนานขั้นสูงสุดแล้ว แม้ว่าลูเซียนจะใช้พวกมันได้เพียงวันละห้าครั้ง แต่เขาก็ยังพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ เพราะเขารู้ว่าด้วยกลยุทธ์อันชาญฉลาด พลังจะเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะคู่ต่อสู้สำหรับเขา!

นาตาชายิ้มจนเห็นฟันขาว นางส่งข้อความผ่านแม่เหล็กไฟฟ้าดั้งเดิมเพื่อแบ่งปันความสุขกับลูเซียน จากนั้นนางก็กลับไปฝึกต่อ แม้ว่าการฝึกฝนนี้จะไม่สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับอัศวินระดับตำนานขั้น 2 ได้มากนัก

สิ่งที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ทำให้นางรู้สึกตื่นตัวอย่างมาก ดังนั้นนางจึงต้องฉกฉวยทุกวินาทีเพื่อพัฒนาตัวเอง

ในปีที่ผ่านมา ในสายตาของคนทั่วไปอาจมองว่าสถานการณ์ของทั้งโลกจะดูค่อนข้างสงบ แต่ในสายตาของระดับตำนานขั้นแนวหน้า พวกเขารู้ดีว่ามีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังคืบคลานอยู่ใต้พื้นผิวมหาสมุทรอันเงียบสงบ

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาสภาแห่งความมืด ศาสนจักรฝ่ายใต้ และศาสนจักรฝ่ายเหนือนั้นไม่เคยทำสงครามเลย พวกเขามุ่งเป้าไปที่อาณาจักรทางเหนือของเทือกเขาทมิฬที่ปกครองโดยพระเจ้าเทียมเท็จ พวกเขาค่อยๆ กลืนกินอาณาจักรเหล่านี้อย่างช้าๆ และทำให้อาณาเขตเล็กลงเรื่อยๆ สุดท้ายพระเจ้าเทียมเท็จระดับตำนานก็ยังสามารถล้มลงได้ทุกเมื่อ

เจ้าแห่งนรกยังรวบรวมพลังในมหาสมุทรไร้พรมแดนได้ความสำเร็จอีกด้วย แม้จะมีการแทรกแซงจากสภาแห่งเวทมนตร์ และราชสำนักเอลฟ์ก็ตาม

ท้องฟ้าปรากฏแสงสีฟ้าแล้วเมื่อตอนที่ลูเซียนเดินไปที่สถาบันอะตอม วันนี้นักเรียนของเขาทั้ง ไฮดี้ เชลีย์ โลวี่ และอัลฟาเลียจะรายงานความก้าวหน้าของ “ปัญญาประดิษฐ์” ของพวกเขา

ในปีที่ผ่านมา นักเวทมนตร์ส่วนใหญ่ยังคงทำความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีควอนตัม ในขณะที่นักเล่นแร่แปรธาตุในสถาบันได้เริ่มแปลงความรู้เหล่านั้นให้เป็นพลังของตนเองแล้ว ในหมู่พวกเขาทั้งหมด แอนนิคเป็นคนแรกที่สามารถก้าวไปสู่โลกแห่งปัญญาได้ และด้วยเหตุนี้เองนางจึงขึ้นเป็นระดับสูง ในขณะที่สปรินต์ ไฮดี้ และลาซาร์ก็ใกล้จะพัฒนาแล้วเช่นกัน

แม้แต่ในหมู่นักเวทฝึกหัดเหล่านั้น กระทั้งโลวี่ก็ขึ้นมาถึงวงแหวนที่สี่หรือห้าแล้ว

ทันใดนั้น ลูเซียนก็รู้สึกว่าพื้นสั่นเล็กน้อย เขารู้ได้ทันทีว่ามันไม่ได้มาจากการระเบิด แต่เป็น “ความสุข” ของนครลอยฟ้า

เขาก้าวพริบตาไปที่ใจกลางเมือง และทันเห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเฟอร์นันโด

“ฮ่าฮ่า ในที่สุด! เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชันก็เสถียรแล้ว!” เฟอร์นันโดกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ผมหงอกของเขาดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย

…………………………………

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท