Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 784 จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติพลังงานและข้อมูล

บทที่ 784 จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติพลังงานและข้อมูล

ใจกลางวงแหวนเวทมนตร์ปรากฏแสงสีเงิน และสีดำพันกันเหมือนไฟฟ้า โอบล้อมวัตถุที่อยู่ตรงกลางที่กำลังทำปฏิกิริยาฟิชชัน พลังงานมหาศาลที่ล้นหลามนี้ถูกสร้างจากวงแหวนเวทย์มนต์ที่อยู่ใกล้เคียงกันแล้วถ่ายเทเป็นพลังงานให้นครลอยฟ้าได้ใช้ประโยชน์

ครั้งนี้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชั่นไม่ได้ส่งผลรุนแรง จนไม่สามารถแก้ไขได้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แม้ว่าจะยังคงมีอันตรายร้ายแรง แต่ตอนนี้ก็สามารถควบคุมได้แล้ว

“อาจารย์ ขอแสดงความยินดีกับท่านยายแฮททาเวย์ ท่านราเวนติ และท่านประธานมอร์ริสด้วย” ลูเซียนกล่าวด้วยความจริงใจเพราะเขาแทบจะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อความสำเร็จครั้งนี้เลย ยกเว้นการเสนอปฏิกิริยาฟิชชัน และช่วยวิเคราะห์การระเบิดตัวเอง ผลงานในครั้งนี้จึงถือว่านี้เป็นผลผลิตจากภูมิปัญญาของระดับตำนานทั้งสี่คน

เครื่องปฏิกรณ์ฟิชชั่นถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากบนโลก เนื่องจากเป็นการผสมผสานระหว่างวิศวกรรมย้อนกลับและการวิจัยเป็นประจำ ในระหว่างการออกแบบ อันตรายต่างๆ ที่ไม่รู้สาเหตุอาจเกิดได้ในระหว่างการคิดค้นอยู่เสมอ มีแม้กระทั่งการระเบิด และคำสาปถ้าหากว่าปล่อยปละละเลยไปชั่วขณะ ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่มีบุคคลระดับตำนานเข้าร่วม เนื่องจากการขาดแคลนผู้มีฝีมือ เฟอร์นันโดและแฮททาเวย์จึงไปลากระดับตำนานของสำนักธาตุอย่างราเวนติและมอร์ริสเข้ามาอยู่ในโครงการด้วย

เฟอร์นันโดถึงกับยิ้ม แต่เขาก็พ่นลมหายใจอย่างแรง และกล่าวว่า “นี้น่าจะเสร็จได้ตั้งนานแล้ว แต่เพราะข้างี่เง่าเกินไปจนทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่จำเป็นมากมาย”

เขาไม่แม้แต่จะปล่อยให้ตัวเองหลงระเริง แต่เขากลับยิ่งเอาใจใส่อย่างเข้มงวด และมักจะวิจารณ์ผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ

“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ด้วยเครื่องปฏิกรณ์ฟิชชันขนาดมหึมาที่มีความเสถียรนี้ จะทำให้นครลอยฟ้ามีแหล่งพลังงานใช้อยู่เสมอ พูดอย่างมั่นใจได้ว่านี่เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการวิจัยเกี่ยวกับบ่อพลังงานของพวกเรา หลังจากนี้ปัญหาด้านพลังงานที่คอยผูกมัดพวกเราไว้จะได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ” ลูเซียนค่อนข้างดีใจที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์นี้

เฟอร์นันโดหวีผมยุ่งๆ ของเขาแล้วใช้ดวงตาที่ขุ่นเล็กน้อยจ้องไปที่เครื่องปฏิกรณ์ฟิชชัน “ต่อจากนี้ เราจะเน้นไปที่การลดขนาดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชันให้เล็กที่สุด เมื่อถึงตอนนั้น ดาวเคราะห์ประดิษฐ์ เรือเหาะ ห้องสงเกตการณ์จักรวาล และรถไฟไอน้ำที่ต้องการการป้องกัน และการโจมตีจากวงแหวนเวทย์ที่ทรงพลังจะได้รับ ‘หัวใจ’ ที่มีประสิทธิภาพ”

เมื่อถึงตอนนั้น ดาวเคราะห์และเรือเหาะจะสามารถใช้พลังงานจำนวนมาก เช่น ปืนใหญ่แม่เหล็กไฟฟ้าหรือลำแสงเลเซอร์ในการโจมตี ในสงคราม การปิดกั้นขัดขวางไม่เพียงแต่มีทั้งทางพื้นดิน ท้องฟ้า และพื้นที่โดยรอบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจักรวาลด้วย… ลูเซียนนึกถึงการเปลี่ยนกระบวนทัพของสงครามโดยไม่รู้ตัว ถ้าอย่างนั้นการยิง “อุกกาบาต” ลงบนศีรษะของศัตรูโดยไม่ใช้เวทมนตร์ใดๆ ก็ไม่ไกลเกินจริง

นอกจากนี้ ในโลกเวทมนตร์ การย่อขนาดทำได้ง่ายกว่าการรักษาเสถียรภาพมาก!

“แต่อย่างไรก็ตาม พลังงานของเครื่องปฏิกรณ์ฟิชชันยังไม่เพียงพอ หากเราสามารถควบคุม การรักษาความเสถียร และการลดนิวเคลียร์ฟิวชันให้เหลือน้อยที่สุดจนสำเร็จ เราทุกคนจะเป็นราชันย์แห่งสุริยา” ลูเซียนกล่าวติดตลก “นอกจากนี้ ตอนนี้เราสามารถใส่เรื่องการทดลองอนุภาคจำนวนมากในขอบเขตกล้องจุลทรรศน์ลงในวาระการประชุมได้ เครื่องชนอนุภาคขนาดใหญ่ที่ข้าเสนอในการประชุมสภาสูงสุดก็สามารถรวมอยู่ในโครงการลับของคณะกรรมการการวิจัยเวทมนตร์ได้เช่นกัน”

ในหลายๆ โครงการของขอบเขตกล้องจุลทรรศน์ เครื่องปฏิกรณ์แบบฟิชชันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะพวกมันสามารถหาอนุภาคจำนวนมากที่สามารถพบได้ตามปกติ และสามารถเข้าร่วมในการทดลองได้โดยตรง ดังนั้นเครื่องปฏิกรณ์ฟิชชันที่เสถียรจึงเป็นความสำเร็จที่นักวิจัยจำนวนมากต้องการอย่างมาก

ลูเซียนเสนอเครื่องชนอนุภาคขนาดใหญ่เพราะปกติเครื่องไซโคลตรอนและวงแหวนเวทย์ที่ชนกันไม่สามารถตอบสนองความต้องการของนักเวทย์ระดับสูงได้

“ถูกต้อง ตอนที่เราได้ศึกษาลักษณะของนิวตรอน ก็เป็นตอนที่ข้าได้ค้นพบความสำคัญของเครื่องปฏิกรณ์ที่เสถียรแล้ว” เฟอร์นันโดเคร่งเครียดและจริงจังมาพูดเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาอาร์คานาศาสตร์ จากนั้น เขาก็พูดเยาะเย้ยตนเองว่า “ข้าไม่รู้ว่านิวตรอนที่มีความเร็วต่างกันอาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างอย่างมากขนาดนี้…”

ในขณะที่เขาพูด เขาก็คิดอยู่ลึกๆ ว่า “การทดลองนิวตรอน และโปรตอนทำให้ข้ารู้สึกว่าพวกมันไม่จำเป็นต้องเป็นอนุภาคพื้นฐานตลอดไป ตัวอย่างเช่น อนุภาคที่หนักมากๆ มีเกี่ยวข้องกับพลังงานนิวเคลียร์นั้นก็ค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกสำหรับข้าแล้ว”

ต้องขอบคุณอนุภาคใหม่—มิวออน—ที่ไฮดี้ได้ค้นพบ เพราะอนุภาคใหม่นี้ทำให้นักเวทอุทิศตนเพื่อการศึกษารังสีคอสมิกมากขึ้นเรื่อยๆ ในปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ทำให้มีผู้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกในสถาบันอะตอมหรือหอคอยมากเกินไป จนถึงขนาดรอเข้าแถวสมัครเป็นเวลาสามเดือนไม่ใช่เรื่องแปลก ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด แอนนิคค้นพบมิวออนทั้งแบบที่มีประจุบวกและไม่มีประจุ ส่วนอันโนนิสจากหอคอยนั้นได้ค้นพบอนุภาคที่หนักกว่านิวตรอนและโปรตอน และอนุภาคใหม่นี้ยังมีปฏิกิริยาที่รุนแรงมาก – หรือพูดง่ายๆ ก็คือ – แรงนิวเคลียร์ – จนได้รับการตั้งชื่อว่า “ไฮเปอร์รอน”

“ข้าไม่เคยพูดว่านิวตรอนและโปรตอนเป็นอนุภาคพื้นฐาน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีทฤษฎีใดที่นำไปสู่ข้อสรุปได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ข้าอธิบายไว้เสมอว่านั้นเป็นโครงสร้างภายในของนิวเคลียสของอะตอม” ลูเซียนเข้าใจว่าอาจารย์แค่เตือนเขาตามสัญชาตญาณที่เฉียบแหลม นั่นเพราะว่าผู้ค้นพบ และผู้บุกเบิกขอบเขตด้วยกล้องจุลทรรศน์จะสูญเสียศีรษะไปเมื่อเขาค้นพบอนุภาคพื้นฐานมากขึ้น

เขาต้องยอมรับว่าเมื่อเวลาผ่านไป มหาจอมเวทและนักเวทระดับตำนานนั้นก็ไม่ได้เชื่อทุกอย่างที่เขาพูดอย่างไม่ลืมหูลืมตาในการวิจัยเกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์อีกต่อไป พวกเขามีการขยายตัวแยกย่อยความรู้หลังจากที่ตัวเองเข้าใจลึกซึ้ง

เมื่อเห็นว่าลูเซียนเข้าใจที่เขาพูด เฟอร์นันโดก็ไม่พูดอะไรอีก ไม่มีการทดลองหรือปรากฏการณ์ใดที่สามารถนำไปสู่การตั้งคำถามได้โดยตรง ที่นี่เป็นเพียงสถาบันอาร์คานาศาสตร์ของเขาเท่านั้น

“เอาล่ะ วันนี้ข้าต้องหารือกับแฮททาเวย์เพื่อพูดเกี่ยวกับการย่อขนาดให้เล็กลงให้ได้” เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เฟอร์นันโดจากไปอย่างรวดเร็ว เขายังใจร้อนเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยน

“การย่อขนาด… นั่นเกินกว่าระดับโลกไปแล้ว…” ลูเซียนยิ้มพลางส่ายศีรษะ นั้นจะเป็นทั้งเส้นทางที่สวยงามและอันตราย ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ฟิชชันที่ลดขนาดลงจะเสียหายได้ง่ายหรือไม่ และเป็นไปได้ไหมที่จะมีวิธีจัดการกับการรั่วไหลของนิวเคลียร์ ในแง่ดังกล่าวนั้น อุปกรณ์ฟิวชันจะปลอดภัยกว่ามาก เพราะการระเบิดสามารถสร้างความเสียหายให้อยู่ภายในขอบเขตที่กำหนดเท่านั้น มันจะไม่มีปัญหาในระยะยาว ทั้งดีกว่าและปลอดภัยกว่า

ทันทีที่เขากลับมาที่สถาบันอะตอม ลูเซียนก็เห็นแววตาที่มีร่องรอยบ่นอุปของไฮดี้

“ท่านอาจารย์ ท่านมาช้า…” ไฮดี้เตรียมการนำเสนอด้วยความไม่สบายใจตั้งนาน แต่อาจารย์ของนางซึ่งมักจะมาเกือบไม่ทันเสมอ

ลูเซียนพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “ข้ามาช้าเพราะมีเรื่องไม่คาดคิด เอาล่ะ เริ่มกันเถอะ.”

ไฮดี้หยุดคร่ำครวญ และเดินเข้าไปในห้องทดลองของนางกับเชลีย์ โลวี่ และอัลฟาเลีย ส่วนลาร์ซา แอนนิค สปรินต์ และจอมเวทคนอื่นๆ ที่อยู่ในสถาบันก็ติดตามพวกเขาไป สำหรับพวกเขาแล้วการนำเสนอรายเดือนมักจะให้สิ่งใหม่ๆ แก่พวกเขาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่พวกเขาไม่ถนัด ดังนั้น แม้ว่าลูเซียนจะไม่ได้ขอให้พวกเขาเข้าร่วม แต่พวกเขาก็ยังอาสาเข้าร่วมด้วยทุกครั้ง

คราวนี้ “ปัญญาประดิษฐ์” ของไฮดี้และเชลีย์มีขนาดลดลงครึ่งนึงจากเมื่อก่อน ในตอนนี้แม้ว่าจะยังมีขนาดใหญ่อยู่ แต่ก็เป็นที่ยอมรับไม่มากก็น้อย

ไฮดี้เปิดเครื่อง จากนั้นเสียงของกระแสไฟฟ้าก็ดังก้อง จากนั้นไฟสีแดงและสีเขียวก็กะพริบ

“หลังจากการทดสอบครั้งล่าสุด เราพบปัญหามากมายและทำการปรับปรุงดังต่อไปนี้…” ตามปกติแล้ว ไฮดี้จะเป็นคนนำเสนอเพราะนางพูดในที่สาธารณะได้ดีที่สุด ในขณะที่แนะนำทฤษฎี การออกแบบเฉพาะ การประยุกต์แบบแยกส่วน การจัดเก็บโปรแกรม ฯลฯ นางก็ควบคุม “ปัญญาประดิษฐ์” ไปด้วย

แม้ว่าจะยังมีหนทางอีกยาวไกลในการศึกษาอาร์คานาศาสตร์ที่แท้จริง ต้องขอขอบคุณ “การทรมาน” ของลูเซียน เพราะผู้ฟังทุกคนสามารถบอกแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังและการจำลองความคิดของมนุษย์ได้ นอกจากนี้ ระบบที่ 0 และ 1 แทนทุกอย่างนั้นทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง ดูเหมือนนี้จะเป็นตัวแทนของความงามที่เรียบง่ายและธรรมชาติของโลก

หลังจากไฮดี้พูดแนะนำ นางก็มองสปรินต์ด้วยท่าที “ยั่วยุ” “ไม่ใช่เจ้าบอกว่าเจ้าคำนวณได้เร็วกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ ของเราเหรอ?

หากไม่ใช่เพราะว่าอวดดี สปรินต์ก็มีความมั่นใจอย่างมากเสมอ ดังนั้น เขาจึงสูดหายใจเข้าและพูดว่า “ก็ได้ ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องมาเป็นผู้ช่วยของข้าหนึ่งเดือน และถ้าข้าแพ้ ข้าก็จะทำแบบเดียวกัน แต่ไม่ใช่ให้เจ้าเป็นผู้ดำเนินการทดสอบ”

ขณะที่เขาพูด เขาก็มองไปที่ลูเซียนด้วย “รบกวนทดสอบให้หน่อยครับอาจารย์”

ลูเซียนพยักหน้าและเลือกคำถามยากๆ ที่ต้องการการคำนวณด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล จากนั้นเขาก็ประกาศเริ่มการทดสอบด้วยรอยยิ้ม

ไฟสีแดงและสีเขียวกะพริบไม่หยุด เร็วจนไม่มีใครแยกแยะได้ จากนั้นห้องปฏิบัติการทั้งหมดก็กลายเป็นลูกบอล หลังจากผ่านไปสี่วินาที ไฮดี้ก็พูดด้วยความยินดี “นี่คือผลลัพธ์!”

ถ้านางถ่ายเทพลังงานด้วยพลังจิตวิญญาณ ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานในการได้ข้อมูล

สปรินต์เงยหน้าขึ้นมองไฮดี้อย่างไม่เชื่อสายตา หลังจากผ่านไปสิบวินาที ในที่สุดเขาก็พูดด้วยเสียงเบาว่า “ข้าก็ได้ผลลัพธ์เช่นกัน มันถูกต้อง… มาเริ่มใหม่อีกครั้ง”

ไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้แพ้ที่เจ็บปวด แต่เหมือนกับว่าเขากำลังทดสอบขีดจำกัดของปัญญาประดิษฐ์

แอนนิคและแคทรีนาเป็นผู้ทำการทดสอบในครั้งนี้ แต่สปรินต์กลับล้มเหลวแม้ว่าเขาจะใช้วงแหวนเวทช่วยคำนวณ

“ฮ่าๆ ตอนนี้ปัญญาประดิษฐ์ของเราสามารถคำนวณได้เท่ากับการความสามารถคำนวณของนักเวทระดับสูง นอกจากนี้มันจะเป็นผลดีในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และการคำนวณระยะยาวมากกว่านักเวทย์ระดับสูง แอนนิค เจ้าลองดูก็ได้” ไฮดี้หัวเราะเยาะ

แอนนิคไม่ได้เดิมพันอะไรแต่ยังเข้าร่วมการแข่งขันด้วยความอยากรู้ เขาใช้วงแหวนเวทช่วยคำนวณ และได้รับชัยชนะถ้าเป็นการทดสอบที่ไม่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก จาก “ปัญญาประดิษฐ์” แต่ถ้าพูดถึงข้อมูลขนาดใหญ่มหาศาลที่ต้องใช้การประมวลผล เขาก็ต้องยอมรับว่า “ปัญญาประดิษฐ์” นั้นแข็งแกร่งกว่าเขา

“ดีมาก ขอแสดงความยินดีกับก้าวแรกที่มั่นคง ตอนนี้เจ้าส่งบทความได้แล้ว สิ่งนี้จะช่วยให้เจ้าได้รับรางวัล” ลูเซียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

การค้นพบอนุภาคใหม่ไม่ได้ทำให้ไฮดี้ได้รับชื่อเสียง แม้ว่านางจะพิสูจน์ว่าอนุภาคไม่ได้เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ที่รุนแรง และไม่ใช่มิวออนที่คาดการณ์ไว้ แต่กลับเป็นอนุภาคใหม่ นั้นทำให้นางไม่ได้รับรางวัลมงกุฎแห่งฮอล์มเนื่องจากมาตรฐานสำหรับรางวัลนั้นสูงกว่ามาก

ไฮดี้และเชลีย์ต่างก็มีรอยยิ้มสดใส และตั้งตารอกับอนาคตในไม่ช้า “แฮททาเวย์ เฮลเลน และโอลิเวอร์กำลังแนะนำความรู้ด้านควอนตัมบางส่วนในการศึกษาคริสตัลเวทมนตร์ และหวังว่านี้จะมีการพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อถึงตอนนั้น ‘ปัญญาประดิษฐ์’ จะไม่หนักและเงอะงะอีกต่อไป”

ในขณะนี้ สปรินต์มีกระตือรือร้นมากพอที่จะสังเกตเห็นสัญลักษณ์แปลก ๆ บนหน้าจอ ดังนั้นเขาจึงเปิดใช้งานด้วยพลังวิญญาณด้วยความอยากรู้อยากเห็น เป็นผลให้ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนไป ทำให้มีแถวสี่เหลี่ยมแบบง่ายๆ เป็นแถวๆ ตกลงมา

“นี่คืออะไร?” ลูเซียนลืมตาขึ้นด้วยรอยยิ้มเบาๆ

ไฮดี้และเชลีย์พลันหน้าแดง จนไฮดี้พูดตะกุกตะกักว่า “ท่านอาจารย์ นี้เป็นเกมเล็กๆ ที่จะทดสอบโมดูล เรา… เราไม่ได้…”

“ดีมาก ดีมาก” ลูเซียนโพล่งโดยไม่รอให้นางพูดจบ เขาไม่โกรธเลยสักนิด

ฮะ? ไฮดี้ตกตะลึงในทันที

…………………………………

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท