ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่ดูแตกต่างจากทั้งสี่อาณาจักรทางฝั่งตะวันออกของช่องแคบและตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนืออย่างสิ้นเชิง กับสิ่งมีชีวิตบนทุ่งหญ้านั้นเผยสู่สายตาผู้รับชมในทุกรายละเอียด พาให้ผู้รับชมเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์แปลกตาและอาหารตาที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน
สำหรับคนที่แทบไม่เคยได้ออกไปนอกเมืองหรือนอกอาณาจักร ภาพเบื้องหน้าย่อมสร้างความตื่นตะลึงชวนหลงใหลให้กับพวกเขา ราวกับวิญญาณของพวกเขาได้ไปยังทุ่งหญ้าอย่างแท้จริง ทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจกับภาพทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่ตระการตาและสดใหม่ ต่างกรีดเสียงร้องแหลมและโห่ร้องเมื่อเห็นภาพการล่อเหยื่อ
ภายในโรงเรียนมิลส์ หน้าจอแบบเดียวกันนี้ตั้งอยู่ตรงกลางจัตุรัส เหล่านักเรียนจากชนชั้นสูงที่เพิ่งเรียนเสร็จช่วงค่ำต่างถูกดึงดูดความสนใจไปที่มัน จากนั้น เท้าของทุกคนก็ราวกับถูกติดกาวกับไว้พื้น แน่นหนาจนไม่สามารถเคลื่อนไหวไปที่ใดได้
“นี่น่ะหรือทุ่งหญ้า” เจนที่มักจะนิ่งสงบและเงียบอยู่ตลอด มองไปที่ผืนป่าสีเขียวขจีบนหน้าจอ ซึ่งตรงตามความคิดจินตนาการแสนโรแมนติกของนางขณะอ่านหนังสือเกี่ยวกับทุ่งหญ้ากว้าง ดังนั้น นางจึงพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว ทว่า ประสบการณ์ครั้งนี้ยังชวนตะลึงน้อยกว่าตอนที่นางขึ้นไปเที่ยวชมอวกาศมากนัก
สหายชนชั้นสูงข้างกายนางเองก็แสดงอาการตกตะลึงเช่นกัน แม้ว่าตระกูลพวกนางจะมีคฤหาสน์ ที่ดิน ป่า และพื้นที่ล่าสัตว์ แต่อาณาจักรแห่งนี้หาได้มีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขตเช่นนี้อยู่ไม่ นั่นคือทิวทัศน์ชวนหลงใหลของอาณาจักรกัสตาทางตอนใต้ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของช่องแคบสตอร์ม
แต่ด้วยเพราะพวกเขาเคยเพลิดเพลินกับทิวทัศน์มามากมาย ความรู้ความเข้าใจของพวกเขาจึงมีมากกว่าสามัญชนทั่วไป พวกเขาไม่ถึงกับนิ่งอึ้งหรือรู้สึกทำอะไรไม่ถูก และยังพูดคุยกันเบาๆ ได้
“การถ่ายทอดสดครั้งนี้น่าประหลาดใจเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ ข้าเพียงรู้สึกว่ารายการ ‘มนุษย์และธรรมชาติ’ สนุกดีก็เท่านั้น ข้าไม่เคยรู้เลยว่ามันจะน่าตื่นตาตื่นใจมากจนกระทั่งวันนี้” เหล่าสตรีชนชั้นสูงนั้นเป็นคนประเภทโรแมนติกไม่มากก็น้อย
“นี่มิใช่การถ่ายทอดสด ตามที่ท่านหญิงไนติงเกลว่าไว้ก่อนหน้านี้ มันคือโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม” สหายของเจนกล่าวแก้พลางยกมือขึ้นจับใบหน้า ด้วยรู้สึกว่าสองแก้มของตนร้อนผ่าว นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหม่อลอย “ข้าวาดหวังว่าจะได้ไปยังทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ นั่งอยู่บนหลังม้าป่า และเฝ้ามองดวงอาทิตย์อาบย้อมหญ้าสีเขียวขจีให้กลายเป็นสีแดง เจน ทิวทัศน์บนอวกาศนั้นงดงามตระการตากว่านี้อีกใช่หรือไม่”
แม้ว่าพวกนางจะพูดถึงเรื่องนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่อวกาศอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตก็ยังเป็นความโรแมนติกตลอดกาล
“ใช่แล้ว ดวงดาวบนนั้นงดงามยิ่งกว่ายามมองจากพื้นดิน มันดูทั้งบริสุทธิ์ แจ่มใส และบางดวงยังมีวงแหวนแสนงดงามอยู่ด้วย…” เจนสาธยายถึงทัศนียภาพนั้นอีกครั้งอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย สิ่งที่นางได้เห็นและได้ยินมานั้นสลักลึกลงในสมองนางแล้ว
ไม่นาน รายการ ‘มนุษย์และธรรมชาติ’ ก็จบลง และภาพก็ตัดกลับมาที่ห้องส่ง ไนติงเกลแย้มยิ้มขณะเอ่ยขึ้น “ตั้งแต่วันจันทร์หน้าเป็นต้นไป รายการ ‘มนุษย์และธรรมชาติ’ บนช่อง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ จะหยุดกระจายเสียง และจะถ่ายทอดผ่านช่องสกายของสถานีโทรทัศน์แห่งอัลลิน ท่านจะได้รับชมรายการแปลกใหม่ที่เป็นของช่องสกายแต่เพียงแห่งเดียวและแตกต่างจากรายการอื่นๆ ในอดีต ท่านจะได้พบกับประสบการณ์แสนมหัศจรรย์รูปแบบใหม่”
“สหายข้า พวกท่านพร้อมหรือไม่”
เสียงอันไพเราะหวานหูของไนติงเกลลอยเข้าหูของผู้ชมทุกท่าน ปลุกให้ทุกคนตื่นจากความตกตะลึงที่โลกแห่งทุ่งหญ้าและสัตว์ป่านำมาให้ กระทั่งนักผจญภัยที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ยังแทบไม่เคยไปยังอาณาจักรกัสตาและทุ่งหญ้าทางตอนใต้เลย จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาเองก็รู้สึกลุ่มหลงตะลึงงันเช่นกัน
“รายการแปลกใหม่อะไรกัน”
“จะยังมีอะไรที่น่าตื่นเต้นไปกว่าทุ่งหญ้าเมื่อครู่นี้อีกหรือ”
คำพูดของไนติงเกลยิ่งทำให้ลองแมน เจน และอาลีนึกสงสัยใคร่รู้และวาดหวัง
ไนติงเกลกล่าวต่อ “หากพวกท่านพร้อมแล้ว เรามาเริ่มต้นการเดินทางสู่การค้นพบกันเลย!”
แสงนวลตาสว่างวาบและค่อยๆ จางหายไป มหาสมุทรสีครามปรากฏบนจอภาพ คลื่นมากมายสาดซัด และนกทะเลทั้งหลายก็โผบินขึ้นๆ ลงๆ
“มหาสมุทร!” มันยังคงสร้างความตกตะลึงอย่างใหญ่หลวงสำหรับสามัญชนที่ไม่เคยไปยังเมืองท่า แต่เพราะเพิ่งจะได้ชมภาพทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไป พวกเขาจึงไม่ถึงกับอึ้งงันไปเหมือนเมื่อครู่ มันดูไม่ค่อยแตกต่างจากรายการ ‘มนุษย์และธรรมชาติ’ สักเท่าไหร่แม้ว่าทัศนียภาพจะแตกต่างกันก็ตาม
สำหรับลูกหลานตระกูลขุนนางอย่างเจน แม้ว่าพวกตนจะไม่เคยเดินทางทางเรือ แต่พวกเขาก็เคยไปเยี่ยมเยือนเมืองตามแนวชายฝั่ง อย่างเช่น ท่าเรือแพดเดรย์ และเคยเพลิดเพลินไปกับความสดชื่นของมหาสมุทร พวกเขาจึงค่อนข้างสงบนิ่ง ต่างหันมาพูดคุยกันเองด้วยความงุนงง “นี่น่ะหรือสิ่งที่ยอดเยี่ยมดั่งที่ท่านหญิงไนติงเกลกล่าวไว้”
“ไม่เลย ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นประสบการณ์แปลกใหม่อะไร”
เจนที่จ้องมองหน้าจออยู่ค่อนข้างมั่นใจมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ไม่เคยทำให้นางผิดหวังสักครั้ง นางเชื่อมั่นว่า ‘สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมสกาย’ ก็จะไม่ทำให้นางผิดหวังเช่นกัน!
ในตอนนั้นเอง กล้องที่เคลื่อนเข้าไปใกล้ เผยภาพเรือกลไฟต่อสายตาทุกผู้คน ปืนใหญ่เวทมนตร์แปดกระบอกที่ถูกเสริมด้วยเวทบอลไฟของลูเซียนตั้งยื่นออกมาจากทุกทิศทางดูตระการตา จากนั้น กล้องก็เคลื่อนเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้ชมมองเห็นสองบุรุษและสตรีสองนางบนดาดฟ้าเรือ
“ที่นี่คือมหาสมุทรบริเวณใกล้เคียงกับเกาะซิเนล เราได้รับการติดต่อจากชาวเกาะให้มาตรวจสอบดูปลาตายที่ช่วงนี้มักพบเห็นลอยเกลื่อนในมหาสมุทร…
“บนเกาะซิเนล มีเรื่องที่เล่าขานกันว่า เมื่อนานมาแล้ว ที่แห่งนี้เคยเป็นอาณาเขตปกครองของนักเวทผู้หนึ่ง แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็หายตัวไปไม่หวนคืนกลับมาอีกเลย นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชาวเกาะก็จะได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและเห็นดวงไฟสีเขียวลอยเลียบท้องทะเลอยู่ตลอด บางครั้ง พวกเขาอาจหายตัวไปนานหลายวันยามออกเรือหาปลา ว่ากันว่ายามที่ชาวประมงหายตัวไป พวกเขาจะมองเห็น ‘ประภาคาร’ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ…”
ขณะที่เสียงนุ่มทุ้มชวนติดตามของบุรุษดังต่อไปนั้น ลองแมนที่ยังเป็นเพียงวัยรุ่นคนหนึ่งก็ให้ขนลุกไปทั่วสรรพางค์กาย ‘นี่มันรายการเขย่าขวัญหรืออย่างไร’
“รายการ ‘การเดินทางสู่การค้นพบ’ นี้ จะนำรายการโดยนักเวทระดับกลางสองคนและมหาอัศวินสองคน พวกเขาจะเปิดเผยสาเหตุที่อาจเป็นชนวนของเหตุการณ์ลี้ลับเหล่านี้และค้นหาขุมสมบัติเบื้องหลังมัน…”
หลังจากที่ผู้บรรยายกล่าวจบ ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันบนดาดฟ้าเรือก็ปัดเสื้อคลุมเวทมนตร์แบบฉบับพ่อมดพลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีนามว่ากริลล์ส และข้าเชี่ยวชาญทางด้านภาพมายา ศาสตร์มืด และเวทธาตุ ข้าคือกัปตันในการเดินทางสู่การค้นพบครั้งนี้ เรากำลังจะถึงเกาะซิเนลแล้ว”
ตรวจสอบเหตุการณ์ลี้ลับ สำรวจหอคอยเวทมนตร์ที่อาจยังอยู่ และตามหาขุมสมบัติที่อาจจะมีอยู่ก็เป็นได้…ลองแมน เจน อาลี และคนธรรมดาที่ไม่เคยได้ออกไปผจญภัยมาก่อนต่างรู้สึกราวกับหัวใจของพวกตนกำลังจะระเบิด ดวงตาของพวกเขาจ้องมองด้วยความตื่นเต้น และต่างจดจ่อกับรายการ ‘สาเหตุจะเกิดจากอะไรกัน พวกเขาจะค้นพบคำตอบหรือไม่ แล้วพวกเขาจะพบเจอภัยอันตรายใดหรือไม่’
ส่วนบรรดานักผจญภัย อัศวินจากชนชั้นสูง และนักเวท แม้ว่าพวกตนจะเคยมีประสบการณ์คล้ายคลึงกันนี้มาก่อน แต่พวกเขาต่างไม่เคยเห็นการเดินทางมุมมองนี้มาก่อน พวกเขาจึงตื่นเต้นไม่ต่างกัน
เมื่อเรือกลไฟมาถึงเกาะซิเนล นักเวท อัศวิน ผู้ฝึกใช้มนตราและอัศวินฝึกหัดก็แยกย้ายกันไปถามชาวเกาะเพื่อหาเบาะแส ภาพเหล่านั้นถูกฉายให้ผู้ชมดูอย่างเป็นลำดับขั้นตอนชวนติดตาม ทำให้ผู้ชมยิ่งจดจ่อสมาธิและยังถึงกับเริ่มวิเคราะห์เสียงแผ่ว เสนอคำตอบที่เป็นไปได้และชี้ให้เห็นถึงคำให้การของชาวเกาะที่ขัดแย้งกันเองเป็นครั้งคราว
ขณะทำการตรวจสอบ กริลล์สกับนักเวทคนอื่นๆ ต่างก็ใช้เวทมนตร์เพื่อช่วยเหลือพวกตนไขปริศนาที่ผู้ชมคิดว่ายากได้อย่างง่ายดาย มันทำให้พวกเขาทึ่งเสียจนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเวทมนตร์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
รายการดำเนินไปแล้วครึ่งชั่วโมง โดยที่เวลาในนั้นผ่านไปแล้ว ‘สามวัน’ การตรวจสอบก็มาถึงบทสรุปในขั้นต้น ทุกเบาะแสชี้ชัดไปที่สายน้ำ
“ฉะนั้นแล้ว เราจึงจำเป็นต้องสำรวจก้นทะเลของมหาสมุทรส่วนนี้…” ขณะพูด กริลล์สก็ร่ายเวทเสริมอย่าง ‘หายใจใต้น้ำ’ แล้วนำผู้มีพลังระดับกลางดำดิ่งลงสู้ท้องทะเล
“พวกเขา…พวกเขาลงไปใต้น้ำจริงๆ…”
“พวกเขาจะลงไปสำรวจจริงๆ หรือนี่”
เสียงอุทานด้วยความตกตะลึงดังขึ้นอยู่เนืองๆ ไม่มีผู้ชมคนใดเชื่อว่าพวกตนจะได้เป็นประจักษ์พยานการผจญภัยในครั้งนี้
สายน้ำรอบๆ สั่นสะเทือนแผ่วเบา แล้วปลาทั้งแบบธรรมดาและพิสดารก็แหวกว่ายผ่านไปอย่างเร็วรี่ ทำให้ผู้ชมรู้สึกสายตาพร่าเลือน บางครั้งก็จะมีอสูรทะเลดุร้ายพุ่งเข้าใส่กลุ่มสำรวจ แต่ก็ถูกเหล่าอัศวินและนักเวทกำจัดไปอย่างง่ายดาย
กระทั่งเด็กสาวผู้เงียบสงบอย่างเจนยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจสั่นระรัว แม้ว่านางจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่นางก็จินตนาการเพ้อฝันถึงการผจญภัยอยู่บ่อยครั้ง ในเมื่อนางสามารถสัมผัสกับจินตนาการนั้นได้โดยไม่ต้องลงมือจริง นางย่อมถูกดึงดูดอยู่แล้ว นางรู้สึกทึ่งกับเวทมนตร์อันยอดเยี่ยมและหวาดกลัวเหล่าอสูรทะเลที่จู่ๆ ก็โผล่มาอย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง ความรู้สึกของนางเหวี่ยงขึ้นลงอย่างรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ
นั่นคือความรู้สึกที่ผู้ชมส่วนใหญ่มีเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ เมื่อหอคอยเวทมนตร์เก่าผุพังข้างใต้มหาสมุทรเผยโฉมออกมา จัตุรัสทุกแห่งจึงเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องหลังจากสูดหายใจเข้าลึก
หอคอยเวทมนตร์เปิดออก แต่โกเลมตรงประตูพลันพุ่งเข้าใส่คนแปลกหน้า เรียกเสียงอุทานได้จากผู้ชมได้อีกระลอก…
‘เวทเชื่องช้า’ ‘เวทน้ำแข็ง’ ‘เวทบอลไฟ’ และเวทมนตร์อื่นๆ อีกมากมายถูกร่ายออกมา บังเกิดเสียงสรรเสริญชื่นชม…
ภูตผีวิญญาณ ห้องลับ กล่องสมบัติ และกับดักมากมายปรากฏขึ้นอย่างต่อเรื่อง บรรยากาศตรงจัตุรัสแต่ละแห่งแทบจะแข็งค้าง ทุกคนต่างใจจดใจจ่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
หลังจากที่กริลล์สจัดการกับอสูรกายตัวสุดท้ายและทลายหอคอยเวทมนตร์เสร็จ สายลมกพลันพัดวูบเข้ามายังจัตุรัส ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างสูดหายใจเฮือกอย่างพร้อมเพรียงกัน ฝ่ามือของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ และแต่ละคนก็มีสีหน้าบิดเบี้ยว พวกเขาได้เรียนรู้ด้วยความตื่นเต้นระคนหวาดกลัวว่า ‘ประสบการณ์ใหม่แสนมหัศจรรย์’ นั้นเป็นอย่างไร ผ่านการเดินทางสู่การค้นพบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
“‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ดูน่าเบื่อไปเลยเมื่อเทียบกับโทรทัศน์ดาวเทียม…” บิดาของลองแทนกล่าวจากใจ
ลองแมนเห็นด้วย แต่เขาไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่นัก “บางรายการก็เหมาะกับวิทยุมากกว่าขอรับ อย่างรายการที่ท่านต้องตั้งใจฟังตลอด…”
“นี่มันน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าละคร โอเปร่า และเรื่องเล่าของกวีขับลำนำทั้งหลายเสียอีก!” ผู้ชมทั่วไปในจัตุรัสประจำเมืองและเหล่านักเรียนชนชั้นสูงในโรงเรียนมิลส์ต่างออกความเห็นเหมือนกันด้วยความตื่นเต้น มันคือ ‘การผจญภัย’ ที่แท้จริงโดยไร้สิ่งใดปกปิด!
‘ขนาดที่โลกเดิมยังไม่มีรายการเรียลริตี้แบบนี้เลย…’ ภายในจักรวาลอะตอม ลูเซียนที่กำลังดู ‘รายการโทรทัศน์’ กับนาตาชา แกรนด์ดยุกแห่งออร์วาริต โจเอล อะลิซ่า และจอห์น เกิดความรู้สึกมากมายระคนกัน ‘ถึงการออกอากาศจะยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายในที่นี้…แต่ฉันควรจะผลิตรายการ “เอาตัวรอดในป่าใหญ่” หรือ “ลิ้มรสชาติแห่งโฮล์ม” ดีไหมนะ’
……………………………………