Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 803 เมืองในนรก

บทที่ 803 เมืองในนรก

ชายชราร่างซูบผอมถอนหายใจด้วยท่าทางดูเสียดาย “ข้ารู้จักกับอาจารย์ของเขา”

“ท่านคือนักเวทชั้นตำนานจากจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณใช่ไหมขอรับ” ลูเซียนไม่ประหลาดใจนัก แม้ว่าอาณาจักรเวทมนตร์โบราณทั้งสามจะถูกทำลายย่อยยับ แต่นักเวทชั้นตำนานหลายๆ คนยังมีชีวิตรอดมาได้ อย่างไรเสีย พวกเขาก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่รู้จักเวทมนตร์แปลกพิสดารมากมาย บ้างก็ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาไร้แสง บ้างก็ไปซ่อนตัวอยู่ที่ต่างมิติและพื้นที่อื่นๆ อย่างเช่นจักรพรรดินีแห่งผลึกวารี ดังนั้น มันจึงมิใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะบังเอิญเจอชั้นตำนานสักคนอยู่ในนรกภูมิ

อาจารย์ของท่านประธานสิ้นชีพไปในระหว่างสู้รบในนครแอนทิฟเฟอร์ ช่วงสงครามแห่งรุ่งอรุณ ผู้ใดก็ตามที่รู้จักท่าน ย่อมเป็นผู้มีพลังชั้นสูงจากสมัยนั้นอย่างแน่นอน

ชายชราร่างผอมกะหร่อง ดูราวกับมัมมี่ที่ไร้ซึ่งผ้าพันแผล เขาเอ่ยด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย “นักเวทโบราณอย่างพวกข้าไม่มีทางตามยุคสมัยใหม่ทันอีกต่อไปแล้ว ดูอย่างดักลาสเถิด เขาต้องใช้เวลานานเพียงใดกว่าจะเลื่อนขึ้นเป็นชั้นตำนานระดับสูงสุดและก้าวล้ำข้าไปได้น่ะ แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นรกกัน”

“ข้ามีแผนจะไปสำรวจอนุสรณ์สถานโบราณที่อยู่ลึกลงไปในนรกและตามหาแก่นดาราที่ดยุกแห่งน้ำแข็งคนก่อนเก็บซ่อนไว้ขอรับ” ลูเซียนมิได้ปกปิดเจตนารมณ์ของตน ในเมื่อนักเวทชั้นตำนานผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ในนรกมาเป็นเวลานาน ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไม่มากก็น้อย “โอ้ ใช้ ไม่ทราบว่าข้าควรจะเรียกท่านว่าอย่างไรดีขอรับ”

ลูเซียนนึกถึงรายชื่อนักเวทชั้นตำนานจากโบราณกาล หวังใจว่าจะยืนยันตัวตนของชายชรา

“เหอะๆ ข้าเป็นเพียงชายชราที่เฝ้ารอความตายอยู่ในนรก เจ้าจะอยากรู้ชื่อรู้บรรดาศักดิ์ของข้าไปใย” ชายชราแตะศีรษะตนเอง แล้วเส้นผมสีดอกเทาก็พลันหลุดร่วง “อนุสรณ์สถานโบราณในนรกงั้นรึ แก่นดาราเพื่อเลื่อนระดับพลังใช่หรือไม่ ข้าขอแนะนำว่าเจ้าไม่ควรบ้าระห่ำจนเกินไปนะ”

“ข้าเคยไปเยือนอนุสรณ์สถานโบราณมาแล้วสองครั้ง และเป็นสองครั้งที่ข้าเกือบพ่ายแพ้และกลายเป็นวิญญาณที่จะร่อนเร่อยู่ในที่แห่งนั้นตลอดกาล ชั้นตำนานจากจักรวรรดิมากกว่าหกคนได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตในระหว่างการสำรวจสถานที่แห่งนั้น ผู้ที่จะเข้าไปแล้วกลับมาได้อย่างปลอดภัยคงจะมีเพียงชั้นตำนานระดับสูงสุดอย่างธานอสกับดักลาสเท่านั้นกระมัง ในที่นี้คือ หากว่าเจ้าแห่งนรกไม่โจมตีใส่เขานะ”

“ส่วนแก่นดาราที่ดยุกแห่งน้ำแข็งซุกซ่อนไว้ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นนับพันปีก่อน ข้าสงสัยว่าคงจะมีใครสักคนเอามันไปแล้วล่ะ มิเช่นนั้นดยุกแห่งน้ำแข็งคนปัจจุบันคงจะไม่ร้เรื่องรู้ราวใดๆ ดังเช่นตอนนี้หรอก”

ลูเซียนรับฟังคำพูดของชายชราพลางตรวจสอบเรื่องที่ได้ยินกับเอกสารต่างๆ ที่เขาได้มาจากท่านประธานกับไรห์น เขารู้สึกว่ามันแปลกๆ หากพูดโดยไม่เหมารวม นักเวทชั้นตำนานโบราณมักจะมีท่าทีอึมครึมและลึกลับไม่มากก็น้อย เนื่องมาจากประสบการณ์แสนโหดร้ายทารุณกับเวทมนตร์แปลกๆ ของพวกเขา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ใจดีและช่างพูดช่างคุยอย่างชายชราผู้นี้

“เจ้าคิดว่าข้าพูดมากหรือไม่” ชายชราแย้มยิ้ม “หากเป็นในอดีต ข้าคงไม่เสียเวลาพูดคุยกับเจ้าเลยแม้แต่นิด เจ้าอยากจะตายก็ตามแต่ใจเจ้า แต่หลังจากใช้เวลาสามสิบปีอยู่กับนางในนรก ข้าก็กลายเป็นคนอ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจ มิเช่นนั้นแล้ว วิญญาณพิเศษทั้งหลาย อย่างมามัน คงจะกลายเป็นเหยื่อสำหรับการทดลองให้ข้าไปนานแล้ว”

“สามสิบปี? นาง?” ลูเซียนมิได้ให้คำตอบ กลับถามด้วยความสนใจยิ่ง หากพวกเขาสนิทสนมกันมากขึ้น การจะล้วงข้อมูลคงจะเป็นการง่ายกว่า

ใบหน้าของชายชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นพลันดูอ่อนโยนลง “ในเมื่อเจ้ามาถึงนรกแล้ว เหตุใดไม่ลองไปเยี่ยมเยือนร้านวิมานวิญญาณของข้าดูหน่อยเล่า มันอยู่ในมิตินรกเงียบงันนั้นแล”

“ก็ได้ขอรับ” ลูเซียนพยักหน้ายิ้มๆ อย่างไรเสีย เขาก็ต้องไปที่มิตินรกเงียบงันอยู่แล้ว

ชายชราหยุดพูด ส่วนลูเซียนก็ดื่มด่ำไปกับเปลวเพลิงร้อนระอุและอาคารเหล็กภายในนั้นด้วยท่าทางสบายๆ

หลังจากรออยู่นาน มามันก็วิ่งกลับมาด้วยท่าทางปีติยินดี “ท่านปู่ ไวน์ธาราจิตส่งไปที่ที่เก่าแล้วขอรับ พวกเขาจะส่งไปที่วิมานวิญญาณภายในวันนี้ขอรับ”

“กลับบ้านกันเถิด” ชายชราแตะศีรษะของมามันด้วยท่าทางรักใคร่

ลูเซียนติดตามทั้งสองไปทางสายธารที่แล่นผ่านนรกขุมแรกๆ ก่อนจะมาถึงที่ราบซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะ

สายลมเย็นยะเยียบพัดโหมไปทั่วพื้นที่ราบ รุนแรงเสียจนสามารถฉีกกระชากวิญญาณได้โดยตรง ทว่า มันกลับไร้ซุ่มเสียง นอกจากนี้ ดินแดนน้ำแข็งยังกว้างขวางและปกคลุมไปด้วยหิมะ ไม่อาจมองเห็นวิญญาณและปีศาจตนอื่นได้เลย ดังนั้น ทุกคนที่เห็นจึงสัมผัสถึงความเงียบงันและความสงบตลอดกาลได้ไม่มากก็น้อย

ลูเซียนไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ได้ว่าเหล่าดวงวิญญาณนั้นถูกแช่แข็งอยู่ข้างใต้กองหิมะนั้น พวกเขาถูกหลอมรวมเป็นหนึ่ง ไร้ความรู้สึกและไร้สติรับรู้ ต่างหลับใหลอยู่ท่ามกลางความมืดและความหนาวเหน็บ

สายลมแห่งความสงบและความตายโฉบวูบผ่านลูเซียนและชายชรา แต่กลับถูกพลังงานพิสดารปัดป้องออกไป มามันเองก็ไม่ถูกสายลมนั้นแช่แข็งเช่นกัน

เวลาผ่านไปนานทีเดียว กว่าเมืองจะปรากฏให้เห็นทางข้างหน้า ขอบรอบนอกนั้นคือกำแพงที่สร้างขึ้นจากน้ำแข็ง และที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวแนวภายในกำแพงก็คือบ้านเรือนที่สร้างจาก ‘หินอุ่นโลหิต’ ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของมิตินรกเงียบงันที่มีฤทธิ์ต้านทานความเย็นยะเยือกลึกถึงดวงวิญญาณ

ในโลกหลัก เนื่องจากความหายาก กระทั่งหินอุ่นโลหิตคุณภาพต่ำก็ยังมีค่ามากถึงห้าสิบธาเล แต่มันกลับใช้สร้างสร้างทั้งเมืองในสภานที่แห่งนี้

ผู้อยู่อาศัยในเมืองเล็กๆ นี้คือดวงวิญญาณลอยละล่อง ซึ่งช่วงอายุและเพศนั้นหลาหลายยิ่ง ร่างของพวกเขาต่างโปร่งแสงและคล้ายคลึงกับมามัน แต่ละคนมีสติรับรู้โดยทั่วไป แต่หาได้ให้ความรู้สึกสดใสและอบอุ่น

“ตาเฒ่า ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเสียที ข้ารอสุราเพลิงอยู่นานแล้ว” ชายร่างกำยำไว้หนวดเคราะลอยเข้ามาหาและจดจ้องกระสอบในมือของมามันกับชายชราอย่างกระหายอยาก

ในมิตินรกเงียบงัน แม้แต่วิญญาณก็สามารถสุขสราญไปกับสุราเพลิงได้

ชายชราหัวเราะขัน “ไอ้ขี้เมา ข้าจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากเจ้าถูกแช่แข็งอยู่ด้านนอกนั่นหลังจากเมาหัวราน้ำอีกรอบนะ”

ลูเซียนเหลือบมองไปทางชายชรา ด้วยรู้สึกแปลกๆ นักเวทชั้นตำนานหาได้ขุ่นข้องใจแม้เพียงนิดที่ถูกวิญญาณธรรมดาๆ เรียกว่าตาเฒ่า ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องชนชั้นอย่างสมัยจักรวรรดิเวทมนตร์

ชายชราพูดคุยกับดวงวิญญาณพลางเดินไปยังร้านเหล้าที่อยู่ใจกลางตัวเมือง พร้อมกับถุงกระสอบของเขา มามันตามเขาไปติดๆ ขณะหันมาถามลูเซียนด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ท่านไม่ได้มนุษย์หรือขอรับ ข้าไม่เคยเห็นมนุษย์อย่างท่านมาก่อนเลย ท่านมีร่างอุ่นๆ และกล้ามเนื้อเหมือนกับพวกปีศาจเลยขอรับ”

“มนุษย์งั้นรึ แล้วเจ้าคิดว่ามนุษย์ควรจะมีหน้าตาเช่นไรเล่า” ลูเซียนถามกลับด้วยความขบขำ

มามันเชิดหน้าขึ้นประกาศกร้าว ท่าทางเหมือนกับเด็กขี้อวด “มนุษย์ก็คือคนที่เหมือนกับข้าขอรับ”

“ผู้ใดบอกเจ้าแบบนั้นกัน” ลูเซียนพอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

มามันทำตาโตด้วยความมึนงง “ท่านปู่น่ะสิขอรับ”

เมื่อพูดถึงท่านปู่ เขาก็พลันมีท่าทางหัวเสีย เมื่อในที่สุดก็พบเจอใครสักคนที่เขาพูดคุยด้วยได้ เขาจึงเอ่ยว่า “แต่ท่านปู่ไม่ยอมให้ข้าฝึกกับพวกท่านลุงท่านน้า ท่านบอกให้ข้าทำแต่อะไรไร้ประโยชน์อย่างทำสมาธิ”

“ท่านปู่ของเจ้าคือบุรุษที่วิเศษนัก ไม่ผิดอะไรที่จะเชื่อฟังท่าน” ลูเซียนลูบศีรษะเด็กหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มๆ

“ได้อย่างไรกัน พวกท่านลุงท่านป้าต่างพูดกันว่าท่านปู่เป็นแค่ชายชราธรรมดาๆ และท่านหาได้มีความสามารถใดนอกจากทำอาหารและหมักไวน์นะขอรับ” มามันไม่เห็นด้วยกับลูเซียน

‘โอ้ ดวงวิญญาณพิเศษที่มีนักเวทชั้นตำนานเป็นปู่ผู้ปกปิดตัวตนที่แท้จริง ช่างเหมือนกับนิทานปรัมปราของพวกกวีขับลำนำยิ่งนัก’ ลูเซียนคิดอย่างเห็นขัน แต่กลับเกียจคร้านเกินกว่าจะอธิบายให้มามันเข้าใจ เขาตามชายชราเข้าไปภายในร้านเหล้า

การตกแต่งภายในร้านนั้นไม่ต่างจากในโลกหลักเสียเท่าไหร่ ทว่า ที่ด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์กลับมีดวงวิญญาณหญิงสาวที่ดูเลือนลางและเชื่องช้ายืนอยู่

“ข้ากลับมาแล้ว รอบนี้ข้าซื้อไวน์ธาราจิตมาหนึ่งร้อยขวดเลยเชียว…” ชายชราเดินตรงไปทางหลังเคาน์เตอร์บาร์และรายงานเรื่องต่างๆ ให้วิญญาณสาวฟัง แม้ว่ามันจะเป็นแค่การพูดคุยเรื่องทั่วไป แต่เขากลับดูอ่อนโยนและพึงพอใจยิ่งนัก

ทว่า วิญญาณสาวกลับยังคงนิ่งงัน ราวกับว่านางเป็นเครื่องจักรล้างแก้ว

ชายชราพูดอยู่นาน ก่อนที่เขาจะหันกลับมาในที่สุด และจ้องมองลูเซียนที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะเอ่ยแนะนำ “นี่คือภรรยาข้าเอง เจ้าอยากจะดื่มสุราเพลิงสักขวดไหมเล่า”

ลูเซียนส่ายหน้าแล้วถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ท่านตามหานางพบได้อย่างไรขอรับ”

โดยทั่วไปแล้ว ดวงวิญญาณที่เข้ามายังนรกภูมิจะไม่คงรูปลักษณ์เดิมเอาไว้

“นางตายเพราะความผิดพลาดบางอย่างของข้า ข้าจึงสามารถเตรียมการล่วงหน้าและทำสัญลักษณ์ไว้บนดวงวิญญาณด้วยวิธีพิเศษได้” ชายชราเปิดฝาขวดสุราเพลิงแล้วกระดกเข้าไปอึกใหญ่ “แต่แม้ว่าข้าจะมีความรู้ความเข้าใจเรื่องวิญญาณมากเพียงใด ข้าก็ไม่อาจค้นพบแก่นแท้และการเปลี่ยนแปลงของมันได้ ด้วยเหตุนี้ ในตอนที่ข้าพบนาง นางจึงมีสภาพที่ดีกว่าดวงวิญญาณทั่วๆ ไปเพียงเล็กน้อย บางทีนางอาจจะดับสูญไปโดยสมบูรณ์ในอีกหนึ่งร้อยปีก็เป็นได้”

ลูเซียนพยักหน้า จากคำบรรยายทั้งหมด เขาพอจะเดาได้ในเบื้องต้นแล้วว่าชายชราคือนักเวทชั้นตำนานคนไหน อย่างไรก็มีเพียงไม่กี่คนที่ศึกษาเรื่องวิญญาณแล้วเอาชีวิตรอดมาได้

ชายชรากล่าวต่อไป “หลังจากที่ข้าพบนาง ข้าก็อยู่เคียงข้างและเฝ้ามองนางอยู่เงียบๆ เพื่อชดเชยในสิ่งที่ข้าทำลงไป เหอะๆ เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปสามสิบปีแล้ว”

“พวกวิญญาณทางด้านนอกนั่นก็เป็นผลผลิตจากการทดลองของท่านหรือขอรับ” ลูเซียนไม่เชื่อว่านักเวทชั้นตำนานจะยอมแพ้ไปง่ายๆ

“ใช่” ชายชราพยักหน้าแล้วกระดกสุราลงคออีกหนึ่งอึก “ข้าพยายามปลุกความทรงจำของพวกเขา แต่สุดท้ายแล้ว ข้าก็ทำได้เพียงฟื้นปูความสามารถในการคิดขึ้นมาเท่านั้น พวกเขาจะเป็นคนละคนกันกับในอดีต อีกอย่าง เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะดับสูญไปโดยสมบูรณ์หรือถูกแช่แข็ง ติดอยู่ในความเงียบงันตลอดกาล”

“น่าเสียดายยิ่งนัก” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ลูเซียนก็พูดต่อ “น่าเสียดายที่มันยังมีช่องว่างที่จะทำให้ทางสภาสร้างความก้าวหน้าได้อย่างสะเทือนวงการของผู้ศึกษาเรื่องวิญญาณ”

แท้จริงแล้วลูเซียนหาได้หมายถึงสภาเวทมนตร์ แต่เป็นตัวเขา

ชายชรามองหน้าลูเซียน “วิญญาณคือเรื่องที่จับต้องไม่ได้ที่สุดแล้ว มันคือความขัดแย้งขั้นพื้นฐานกับอาร์คานา ซึ่งเน้นย้ำถึงหลักฐานและคณิตศาสตร์ กระทั่งวิเซนเต อัจฉริยะด้านศาสตร์มืดที่นับพันปีจะถือกำเนิดขึ้น ยังสร้างความคืบหน้าได้เพียงน้อยนิด แม้ว่าข้าจะไม่ได้ออกจากนรกภูมิมาสามสิบปี และข้าก็ไม่รู้ถึงความเป็นไปที่โลกภายนอก สามสิบปีก็ยังเป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไปสำหรับการศึกษาเวทมนตร์ ข้าจำได้ว่าตัวข้าต้องใช้เวลาถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดปีอยู่ใกล้ๆ สติกซ์เพื่อศึกษาคุณสมบัติบางประการของวิญญาณ”

ก่อนที่ลูเซียนจะได้ตอบอะไร เสียงทุ้มกังวานของบุรุษผู้หนึ่งก็พลันดังมาจากทางประตู “เหอะๆๆ แม้ว่ามันจะเหลือเชื่อ แต่ข้าขอบอกอย่างมั่นใจเลยว่าความก้าวหน้าของอาร์คานาและเวทมนตร์ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมานั้นยิ่งใหญ่กว่าสามหมื่นปีของจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณเสียอีก”

ลูเซียนส่งพลังจิตไปสัมผัสถึงคนผู้นั้นโดยไม่หันหลังกลับไปมอง ผู้มาใหม่อยู่ในชุดสูทสีขาวรัดรูป และมีผิวขาวซีดเหมือนคนป่วย ดวงตาของเขาเป็นสีแดง และบนหน้าผากยังมีเขาสีเงินสวยประณีตที่เต็มไปด้วยลวดลายหนาแน่น

ดูจากกลิ่นอายที่มิได้เก็บงำซ่อนเร้น ลูเซียนก็สามารถสรุปได้อย่างง่ายดายว่าอีกฝ่ายก็คือเมมฟิสต์ ผู้ดำรงตำแหน่งดยุกแห่งน้ำแข็งและเจ้าแห่งสิ่งลี้ลับ!

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท